Supreme Magus 18 ทางออกใหม่ และปัญหาใหม่

Now you are reading Supreme Magus Chapter 18 ทางออกใหม่ และปัญหาใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Supreme Magus ตอนที่ 18 ทางออกใหม่และปัญหาใหม่

ตอนที่ 18 ทางออกใหม่ และปัญหา ใหม่

ลิธวิ่งหนีจนกระทั่งออกจากป่าไปได้เขาหันหลังไปใช้ Life Vision ตรวจสอบ บ้างเป็นครั้งคราวเพื่อดูว่าไรตามมาหรือไม่

“ดูแล้วคงไม่มีวี่แววของไรเลย แต่เพื่อความปลอดภัยฉันคิดว่าการทําแบบนี้มันเสี่ยงเกินไปครั้งหน้าคงต้องปล่อยศัตรูที่แข็งแกร่งแล้วมองหาเหยื่อที่จัดการง่ายจะดีกว่า”

เมื่อลิธใกล้ถึงบ้านของเซเลียแล้วก็นึกถึงหินเวทย์ที่เก็บมาได้เขาใช้ Life Vision เพื่อดูมันชัดๆอีกครั้งอย่างแรกที่สังเกตเห็นคือรอยขรุขระเริ่มมนขึ้นและไม่บาดผิวอีกต่อไปแม้จะยังดูหยาบอยู่บ้างแต่ตอนนี้มันกลับดูเหมือนหินอ่อน

ไม่มีเสียงดังรบกวนอีก พลังชีวิตของหินก้อนนี้ยังอยู่ในระดับเดิมแต่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากตอนที่ลิธเห็นครั้งแรกพลังชีวิตของมันริบหรี่ราวกับจุดเทียนที่ไส้เทียนใกล้หมดแต่ตอนนี้พลัง ชีวิตของมันเต้นอย่างสม่ําเสมอและคงที่

การเตือนเซเลียเรื่องสัตว์เวทย์เป็นเรื่องสําคัญอันดับหนึ่งเขาจึงเก็บซ่อนหินไว้ในย่ามหนังเล็กๆที่มักจะห้อยคอไว้อยู่เสมอจากนั้นก็เคาะประตูเรียกเซเลีย เพื่อบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น

ลิธอธิบายรายละเอียดต่างๆเรื่องขนาดตัวและพลังของไรซึ่งนั่นทําให้เธอถึงกับตกตะลึงเลยทีเดียวและแน่นอนว่าเขาไม่เอ่ยถึงเรื่องการต่อสู้ระหว่างเขากับไร

แต่บอกไปว่าเขาหนีทันทีที่สบตามันและหนีรอดมาได้ก็เพราะเวทมนตร์ของเขาเองจากนั้นก็โชว์แขนเสื้อที่ขาดรุ่งริ่งให้ดู

“พระเจ้าช่วย เด็กน้อย” เธอยังคงไม่ยอมเรียกชื่อของลิธ

“เธอโชคดีมากที่มันปล่อยเธอไปถ้าไรคิดจะตามล่าเธอคงไม่ได้มาคุยกับฉันอย่างนี้หรอกแต่ถึงยังไงก็ขอบใจมากนะที่มาเตือนฉันแต่ก่อนอื่นเลยกลับไปหาพ่อแม่เธอซะ”เซเลียพูดพลางขยี้ผมลิธ

“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมาที่นี่เป็นที่แรกน่ะ?”

“ก็ถ้าเธอกลับไปบ้านแล้ว พ่อแม่เธอคงขังเธอไว้แล้วถึงจะมีคนออกมาเตือนฉันแทนเธอ”

ลิธชะงักไปชั่วครู่เขารู้สึกราวกับเพิ่งจะหลบกระสุนที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าไรเสียอีก

“จริงด้วย งั้นก็ไม่บอกพวกเขาดีกว่าไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้ออกมาล่าสัตว์ตลอดไป”

“ใช่แล้ว ฉันแนะนําให้เธอพักช่วงเช้าไปนะเอาล่ะไปล้างหน้าแต่งตัวจัดการเรื่องแขนเสื้อนั่นแล้วกลับบ้านซะ”
จากนั้นเซเลียก็เดินไปที่กระท่อมใกล้บ้านซึ่งเป็นสถานที่เลี้ยงเหยื่อจนกว่าจะเด

“เอานี่ไปด้วย ถือซะว่าเป็นการแทนคําขอบคุณที่มาเตือน” เธอยื่นกระต่ายกับบลิงเกอร์ซึ่งพร้อมปรุงแล้วให้กับลิธ
“ฉันว่าจะเข้าไปในป่าแต่คิดๆดูแล้วทําตามคําแนะนําของตัวเองดีกว่าฉันจะฟอกหนังสัตว์ที่เหลือแล้วค่อยไปล่าสัตว์ตอนบ่ายแทนแบบนี้น่าจะปลอดภัยกว่า”

ลิธโค้งคํานับขอบคุณเธอเขารู้ดีว่าเนื้อเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหนในลูเทียแม้กระทั่งกับพรานสาวที่เก่งกาจอย่างเซเลียก็ตามมิหนําซ้ํา เธอเองก็เพิ่งจะช่วยให้เขาไม่ต้องถูกกักบริเวณไปอีกด้วย

เขาใช้เวลาช่วงเช้าที่เหลือในการทําความเข้าใจการใช้งานหินเวทย์และปรากฏว่ามันดูดกลืนมานาของลิธไปมันไม่ดูดเหมือนปลิงแต่เหมือนปรสิตมันดูดกลืนมานาที่เขาปล่อยออกมาตามธรรมชาติเสียมากกว่าหินจะดูดกลืนเข้าไปในขณะที่ร่างกายของลิธปลดปล่อยมานา ออกมา

ลิธลองอัดมานาใส่มันแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นจากนั้นก็ร่ายเวทย์ธาตุขณะก้อนหินเพื่อดูความแข็งแกร่งความเร็วในการร่ายและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเวทย์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ปรากฏว่าทุกการทดลองล้วนไม่มีอะไรเกิดขึ้นราวกับมันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาเท่านั้น

“หินก้อนนี้ไม่มีการไหลเวียนมานาที่ชัดเจนและมันก็ไม่มีพลังชีวิตบางทีอาจจะต้องใช้เวลาในการรักษาตัวดูดซับพลัง หรืออะไรก็ตามแต่ไรนี่ทําเสียเรื่องหมดหวังว่าหินจะยังไม่แตกนะเอาเป็นว่าฉันจะเก็บมันไว้ก่อนจนกว่าจะรู้ว่ามันทําร้ายหรือส่งผลเสียกับฉันบางที่หินก้อนนี้อาจจะเป็นสมบัติอะไรสักอย่างหรือไม่ก็ฉันอาจจะรู้มากขึ้นถ้าไปดูหนังสือของนานาฉันก็แค่ต้องอดทนรอคอยผลลัพธ์

วันสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งฤดูหนาวมาเยือนและเมื่อลิธอายุครบห้าขวบเขาก็เปิดเผยความสามารถในด้านเวทมนตร์อีกเล็กน้อยเพื่อพิสูจน์ว่าเขามีค่ามากสําหรับครอบครัวนี้

ลิธจะตื่นก่อนคนแรกแล้วทําให้ทั้งบ้านอุ่นขึ้นด้วยเวทมนตร์แม้กระทั่งพื้นบ้านก็ยังอุ่นด้วยและเขาจุดไฟที่เตาผิงเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเท่านั้น อีกทั้งการเดินไปมารอบๆกองไฟโดยเฉพาะในช่วงค่ํา ของพายุฤดูหนาวถือเป็นประเพณีของครอบครัวนี้เลยก็ว่าได้

หน้าที่ทําอาหารก็มอบหมายให้ลิธทําเอลิน่าจะเป็นคนเตรียมอาหารส่วนลิธจะทําอาหารด้วยเวทมนตร์ซึ่งเร็วกว่าและดีกว่าการใช้เตาอบเขาคอยอุ่นซุปให้พร้อมสําหรับทุกคนตลอดทั้งมื้ออีกด้วย

ในช่วงฤดูหนาวลิธไม่สามารถออกไปล่าสัตว์ได้เพราะสภาพอากาศที่เลวร้ายพ่อกับแม่เองก็ยืนกรานไม่ให้เขาออกไปล่าสัตว์ แต่ยอมให้ไปบ้านของเซเลียเพื่อไปทําความสะอาดบ้านเธอได้ ช่วงปีที่ผ่านมาเซเลียกลับกลายเป็นคนขี้เกียจต้องคอยพึ่งพาลธให้ทําความสะอาดบ้านและเครื่องมืออยู่เสมอ

นี่นับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวสําหรับลิธเลยล่ะตอนนี้เขามีข้ออ้างที่จะไปรับเนื้อส่วนตัวเมื่อใดก็ตามที่หิวและเซเลียก็จะจ่ายให้เป็นค่าทําความสะอาดบ้านนั่นเอง

อันที่จริงเขาคิดจะทําให้ฟรีๆด้วยซ้ําแต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยเซเลียจึงจ่ายให้สองถึงสามเหรียญทองแดงเป็นค่าทําความสะอาดบ้านและยังให้เอลิน่าเพิ่มด้วยซึ่งเธอเป็นคนซักผ้าให้

ทั้งเอลิน่าและราซต่างก็ยินดีที่มีรายได้พิเศษเดิมทีเอลิน่าก็ซักผ้าให้คนในครอบครัวรวมแล้วเป็นเจ็ดคนซักเพิ่มอีกหนึ่งคนจะแตกต่างอะไร แถมลธยังจัด หาน้ําร้อนมาให้เธอได้ตลอดอีกด้วย

“สวัสดี ฉันชื่อลิธ ฉายาสุดยอดหม้อต้ม” ลิธมักจะบ่นในใจทุกครั้งที่ต้องต้มน้ําให้

สัปดาห์แรกของฤดหนาว ลิธก้าวหน้าไปขั้นใหญ่ ในที่สุดเขาก็เข้าใจวิธีการใช้ Invigoration กับร่างกายของคนอื่นได้แล้วตอนนี้เขาสามารถปล่อยมานาเข้าไปในร่างกายคนอื่นและค่อยๆ ควบคุมการไหลเวียนมานาในร่างนั้นทําให้ลิธรู้ถึงสภาวะร่างกายของคนคน นั้น แต่เพื่อให้วิธีนี้ได้ผลจะต้องมีการสัมผัสร่างกายเพื่อค้นหาทางปล่อยมานาเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ

ลิธรีบลองใช้กับทิสต้าทันทีและการค้นพบนี้ก็ทําให้เขาตกใจมาก ร่างกายของ เธอเต็มไปด้วยสิ่งเจือปนสีดําเหนียวๆเขาไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรแต่เขาจะเรียกมันว่าสิ่งเจือปน

และมันก็ไปอุดตันอยู่ที่ปอดของเธอนั่นเองครึ่งหนึ่งของทิสต้าเป็นเนื้อเยื่อปอดที่แข็งแรงแต่อีกครึ่งกลับเป็นก้อนสีน้ําตาลดําคอยผลิตสิ่งเจือปนอยู่ตลอดเมื่อเวลาผ่านไปนาน มันก็จะไปครอบคลุมปอดและหลอดลมที่แข็งแรงนั้น จนทําให้เธอเกิดอาการไอก่อนเป็นอันดับแรกจากนั้นก็เริ่มป่วยตามมา

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งลิธมั่นใจว่าจะพบหนทางแก้ไขที่ดีกว่าทุกสิ่งอย่างที่ เคยทํามาก่อน แต่พบว่ามันเป็นวิธีที่น่าอายกว่าเดิมมาก ต่อให้ยังอยู่ในร่างของเด็กชายห้าขวบแต่อายุจิตใจของเขา เทียบเท่าชายวัยสามสิบปีซึ่งพบว่ามัน น่าอึดอัดใจที่จะอธิบายเรื่องบางเรื่องให้ กับคนในครอบครัวฟังโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงด้วยแล้ว

หลังจากที่ลิธหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติลงเขาก็เรียกราซกับเอลิน่าเพื่อขอความช่วยเหลือและขออนุญาตพวกเขาลิธต้องแกล้งโง่เพื่อบอกขั้นตอนต่างๆมากมายเพื่อทําให้พวกเขาเข้าใจมากขึ้น 4

“โดยปกติแล้ว ผมยังไม่สามารถรักษาพี่ทิสต้าให้หายขาดได้ แต่ผมพบหนทางที่จะทําให้พี่รู้สึกดีขึ้นได้อย่างดีที่สุดก็จะสามารถกําจัดอาการป่วยหลักๆของพี่ได้”

“แล้วอย่างแย่ที่สุดล่ะ?” ราซเอ่ยถามด้วยความกังวล

“อย่างแย่ที่สุดก็คือ พี่จะเป็นเหมือนเดิมครับ แต่ถึงยังไงผมก็อยากให้พ่อกับแม่เชื่อใจผมนะครับ”

ต่างจากที่คาดไว้เลย พวกเขาไม่คัดค้านไม่ตั้งคําถามใดๆพวกเขาเชื่อใจในพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ของลิธถึงที่สุดอีกทั้งในสายตาของพวกเขาแล้วลิธมีอายุแค่ห้าขวบส่วนทิสต้าก็เพิ่งจะเจ็ดขวบเท่านั้นเธอยังไม่เติบโตเต็มที่ด้วยวิธีการรักษานี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการอา บน้ําด้วยกัน

ขั้นตอนแรกเป็นขั้นตอนที่ง่ายที่สุดลิธจะควบคุมการไหลเวียนมานาของทิสต้าเพื่อให้ร่างกายเธอรับมานาจากเขามากขึ้นจากนั้นก็ผลักดันให้สิ่งเจือปนเคลื่อนตัวออกจากอวัยวะภายในไปที่ผิวหนัง เธอจะรู้สึกร้อนตลอดเวลาราวกับมีไข้ออนๆ

เมื่อสิ่งเจือปนใกล้จะผุดขึ้นมาตามผิวหนังลิธก็จะขอปิดตาตนเอง และให้ เอลิน่าหรือเรน่าเป็นพยานในระหว่างกระบวนการเหล่านี้ ถึงทิสต้าจะยังเด็กอยู่แต่เขาก็กลัวว่าจะเกิดข้อครหาขึ้นในช่วงยุคกลางของโลกการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้องเป็นเรื่องน่าขยะแขยงที่เกิดขึ้นจนเป็นเรื่องปกติไปแล้วแต่เขาไม่ต้องการถูกมองเป็นคนเช่นนั้น

ขั้นตอนที่สองและขั้นตอนสุดท้าย ต้องให้ทิสต้าแช่ตัวอยู่ในอ่างน้ํา ซึ่งก่อนหน้านี้ลิธได้เติมน้ําร้อนกับสบู่ลงไปเขาจํากลิ่นเหม็นๆในตอนที่สิ่งเจือปนถูกขับ ออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดีและการ ระบายอากาศในบ้านช่วงฤดูหนาวก็ทําได้ยาก และยิ่งมีทิสต้าที่ร่างกายอ่อนแออยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก

ความหนาวเย็นคือศัตรูตัวฉกาจของ เธอเขาจึงต้องดึงเอาสิ่งเจือปนออกมาจากร่างกายโดยใช้เวทย์น้ําสร้างกระแสน้ําวนเพื่อนวดทิสต้าทั้งตัวจากนั้นก็จะกําจัดสิ่งเจือปนด้วยเวทย์มีดเพื่อป้องกันไม่ให้มีกลิ่นเหม็นลอยขึ้นมา
นับเป็นขั้นตอนที่ยากที่ต้องใช้เวทย์น้ําและเวทย์มีดพร้อมกันในขณะที่ยังคงใช้งาน Invigorationอยู่ด้วยหลังจากรักษาเสร็จสิ้น เขาก็ยังคงใช้เวทย์น้ําเพื่อขจัดน้ําบนตัวทิสต้าให้หมดสิ้นจากนั้นก็ผสมด้วยเวทย์ไฟและเวทย์ลมเพื่อเป่าผมให้เธอ

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจบลง ทิสต้าดูเหมือนเพิ่งกลับมาจากสปาในขณะที่ลิธดูเหมือนไปทํางานหนักมาตัวเปียกโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และหายใจหอบเหนื่อย

“รู้สึกยังไงบ้าง?”

ทิสต้าสูดหายใจเข้าลึกๆ

“พี่ไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อนเลย! นอกจากนี้พี่เองก็ฝันว่าอยากจะอา บน้ําในฤดูหนาวนี้มาตลอดแต่ที่ผ่านมากลับทําได้เพียงใช้ผ้าชุบน้ําอุ่นเช็ด ตัวเท่านั้น น้องชายตัวน้อย ขอบใจมากนะ เธอเพิ่งทําให้ความปรารถนาทั้งสอง ของพี่เป็นจริง!”แล้วทิสต้าก็พยายามจะกอดลิธแต่เขายกมือห้ามไว้

“อย่าดีกว่าครับพี่ ตอนนี้ผมสกปรกมากอย่าทําให้ความพยายามอย่างหนักของผมต้องเปล่าประโยชน์ไปเลยตอนนี้ผมต้องไปอาบน้ําทานข้าวและพักอย่างน้อยสองชั่วโมง

ทั้งแม่และพี่สาวคนโตของเขาต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ลิธ ลูกรัก ที่ลูกทําในน้ํานั่นคืออะไรหรอ?” เอลิน่าเอ่ยถามขึ้นมา

“เอ่อ… แม่หมายถึง…”

“บ้าจริง ฉันบอกเธอไม่ได้ว่ากําลังเลียนแบบการนวดด้วยน้ํา พวกเขาไม่รู้ ภาษาละติน ฉันก็บอกว่าเป็นจากุชชีหรืออะไรทํานองนั้นไม่ได้ด้วยเฮ่อเบื่อกับความต่างของภาษาพวกนี้จริงๆ”

..การนวดด้วยน่า?”

“ใช่ และนั่นก็ดูน่าสบายมากนะ ทิสต้าเผลอหลับไปหลายครั้งระหว่างที่เธอทําการรักษามันต้องรู้สึกดีแน่ๆ” คําพูด ของเรน่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

“แล้วก็ที่ลูกเป่าผมทิสต้าให้แห้งด้วยลูกทําอีกครั้งได้ไหม?” เอลิน่าก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยเช่นกันวินาทีนี้เป้าหมายของพวกเธอก็ชัดเจนขึ้นมาที่เดียวลิธแทบจะเข่าทรุดเขาไม่มีเวลาให้กับเรื่องพวก นี้หรอกนะ

“หมายถึง แม่กับพี่ก็อยากได้การนวดแบบนี้ด้วยใช่ไหมครับ?”

พวกเธอทั้งพยักหน้า ทั้งประสานมือขอร้องโดยไม่เอ่ยปากใดๆ

“ตะ…แต่…” ลิธอีกอัก “ทั้งพี่ทั้งแม่เป็น…” เขาพยายามหาวิธีพูดอย่าง สุภาพว่า “สาวฮอต”เขายังจําร่างกายอันเปลือยเปล่าของเอลิน่าเมื่อตอนที่เขายังคงเป็นทารกได้ดีอยู่ร่างกายของเธอสวยสมวัยมากส่วนเรน่าก็อายุสิบ เอ็ดปีแล้วอาจจะเป็นเพราะวิถีชีวิตใน ชนบทหรือเพราะเป็นในโลกใหม่นี้ร่างกายของเธอเติบโตขึ้นแล้ว และเริ่มมี ส่วนเว้าส่วนโค้งขึ้นมาบ้างมันดูสวยงามไปทุกส่วน

ลิธเริ่มไม่สบายใจกับพี่สาวคนรองแล้วทิสต้าแบนราบเป็นไม้กระดานเลยมีแค่ผมยาวๆของเธอเท่านั้นที่ทําให้เธอดูเป็นเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย

“พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวกันและต่างก็ใฝ่ฝันว่าจะอาบน้ําในฤดูหนาวได้ โดยไม่ต้องกลัวเป็นหวัดหรือป่วยลูกไม่รู้หรอกว่าการทํางานในโรงนาที่ราย ล้อมไปด้วยกลิ่นสาบและมูลของปศุสัตว์ เหล่านั้นทําให้ตัวเหม็นขนาดไหนบาง
ครั้งมันเหม็นเสียจนทําให้นอนไม่หลับเลยทีเดียวล่ะลูกช่วยพวกเราด้วยได้ไหม?” เอลิน่าแม่ของเขาลืมความกังวล ของลิธไปเสียสิ้นลิธยอมแล้ว

“ก็ได้ครับ แต่ให้ผมพักก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวจะมาช่วยแต่ยังคงต้องปิดตา ผมนะ และผมก็ต้องการพยานด้วย!”

พวกเธอทั้งสองต่างหัวเราะเสียงดัง

“กังวลอะไรมากมายนัก? เธอยังเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้นไม่ใช่หนุ่มๆเสียหน่อย”

“ฉันอยากจะพูดว่า ฉันเป็นสุภาพบุรุษแต่ฉันไม่รู้จักคํานั้นในภาษาของพวกเธอเลยต่อให้ฉันบอกไปว่าฉันเป็นผู้ชาย นั้นก็คงทําให้พวกเธอหัวเราะหนักกว่าเดิมอีกร่างเด็กห้าขวบที่น่าบัดซบนี่!”ลิธ บ่นในใจ

“มันคือมารยาทครับ”นั่นเป็นคําเดียวที่เขานึกออก

“ให้ตายสิ ฤดูหนาวนี้ช่างยาวนานจริงๆ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด