Supreme Magus 15 เปลี่ยนแปลง

Now you are reading Supreme Magus Chapter 15 เปลี่ยนแปลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Supreme Magus

ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลง

หลังจากจบการกินอาหารว่างมื้อเช้าไปแล้ว เซเลียก็เตรียมโต๊ะสําหรับเหยื่อที่เหลืออยู่

“นกที่เธอจับมาได้เรียกว่า บลิงเกอร์ เพราะมันขี้กลัวและบินหนีไวมาก ปกติแล้วจะต้องอาศัยโชคและทักษะในการกําจัดมันในระยะไกล แต่ไม่ว่าเธอจะใช้เวทมนตร์อะไรก็ตามนกที่เธอล่ามาได้ นับเป็นการฆ่าแบบสะอาดหมดจด นอกจากคอที่หักแล้ว ทั้งขนทั้งตัวไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆเลย”

ลิธโค้งคํานับน้อยๆให้กับคําชมเชยนั้น

“แค่พลิกแพลงการใช้เวทย์อากาศ เท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไรพิเศษมาก”

ที่จริงเซเลียก็ยังสงสัยอยู่อีก แต่เธอเลือกที่จะไม่ซักไซ้ต่อ

“การลวกทําได้ง่ายและรวดเร็ว เธอเพียงแค่โยนเหยื่อลงไปในหม้อประมาณ 45 วินาที และถ้าเธอกวนน้ําด้วยก็จะดีมาก ถือเป็นการทําความสะอาดพวกสิ่งสกปรกและปรสิตภายนอกที่เกาะอยู่บนตัวนก การลวกด้วยน้ําจะทําให้ขนเหล่านั้นหลุดออกมาจนเกือบหมด แต่อย่า ลวกนานเกินไป ไม่อย่างนั้นเนื้อจะสุก เกิดความเสี่ยงที่เครื่องในแตกออกมา และทําให้เนื้อเสียหายได้ด้วย”

ลิธรับผิดชอบกระบวนการลวก โบกมือขวาเพื่อควบคุมน้ําในหม้อ กวนและปรับความแรงของการกวนไปตามคําแนะนําของเซเลีย

“บ้าจริง เด็กน้อย เธอทําให้ฉันเริ่มเสียใจที่ไม่เคยสนใจจะเรียนเวทมนตร์เลย”

“คุณไม่เคยใช้เวทมนตร์หรอครับ?” ลิธประหลาดใจ

“ไม่เคย และฉันก็ภูมิใจมากด้วย ฉันคิดว่าเวทย์พื้นฐานมันก็เป็นแค่กลง่ายๆ ทําไมต้องเสียเวลาเรียนรู้ในเมื่อฉันทําเองได้เร็วกว่าและดีกว่า” เซเลียยักไหล่ “ตอนนี้ก็เอาบลิงเกอร์ขึ้นมาจากน้ําได้แล้ว”

นอกจากกระบวนการลวกและถอนขน จะแทนที่กระบวนการถลกหนังไปแล้ว การผ่าควักเครื่องในของสัตว์ปีกก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับกระรอกเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาต้องเอากระเพาะพัก, คอ, และต่อมไขมันออกไป และเมื่อทําเสร็จแล้ว ลิธก็มองดูผลลัพธ์ด้วยความยินดี สังเกตได้ว่าหนังของบลิงเกอร์มีตุ่มหนังมากกว่าเมื่อเทียบกับไก่ มันยังอยู่ห่างไกลจากสิ่งที่เขาซื้อในโลกก่อนหน้านี้มาก

“แล้วผมจะปรุงมันยังไงครับ?”

“เธอยังหิวอยู่อีกหรอ ทั้งที่กินกระรอกไปสองตัวแล้วเนี่ยนะ?”

“ใช่ครับ หิวมากด้วย” มื้อก่อนหน้านี้ก็แค่อาหารเรียกน้ําย่อย เขายังห่างไกล จากคําว่าอิ่มมากนัก

“ไปใช้กองไฟข้างนอกกันเถอะครับ ผมต้องชินกับการไม่ใช้เตาผิง”

เซเลียตบหน้าผากตนเองเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

“จริงด้วย ฉันเกือบลืมปัญหาของครอบครัวเธอไปเลย”

หลังจากสอนวิธีการเลือกสถานที่ตั้งกองไฟแล้ว เธอก็สอนวิธีทําเคบับด้วยไม้เหลา บทเรียนสุดท้ายเป็นเรื่องการตั้งเคบับให้สูงเท่าใดเพื่อไม่ให้มันไหม้ และดูยังไงว่ามันพร้อมกินแล้ว

หลังจากที่ลิธท่องจําทุกอย่างแล้ว เขาก็เพ่งสายตาด้วยเวทย์ไฟ เพื่อใช้เวทย์ Fire Vision ซึ่งทําให้เขามีแว่นตากันความร้อนเวอร์ชั่นปรับปรุง

จากนั้นเขาก็ผสานเวทย์ไฟกับเวทย์ลมเข้าด้วยกัน เพื่อให้ความร้อนกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่มีจุดไหนเย็นเกินไปหรือร้อนเกินไป ทําให้เนื้อย่างนี้สุกทั่วถึงกัน การควบคุมเช่นนี้ต้องอาศัยทั้ง มือและเท้า เพื่อมองดูอาหารจากมุมต่างๆและปรับกระแสมานาไปด้วย การเคลื่อนไหวของเขาคล้ายผสมผสานด้วยศิลปะการต่อสู้คาตะ เซเลียกําลังจะ หัวเราะเยาะเขาถึงกับลงทุนเต้นระบํา เพียงเพื่อบลิงเกอร์ตัวเดียว แต่ทันใดนั้น เธอก็ได้กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก

บลิงเกอร์ตัวนั้นถูกย่างด้วยความเร็วที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน เปลือกหนังบางกรอบเคลือบด้วยไขมันทั่วทั้งตัว ส่งกลิ่นหอมจนเธอเริ่มท้องร้อง ทั้งที่เพิ่งจะกินข้าวเช้าไปไม่ถึงสองชั่วโมงแท้ๆ

ลิธยกไม้เสียบด้วยเวทย์วิญญาณและ ปล่อยให้อุณหภูมิเย็นลงเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนลวกขณะกิน จากนั้นเขาเริ่มลงมือสวาปาม ฉีกเนื้อมันออกมาเป็นชิ้นๆด้วยมือเปล่า เริ่มจากเนื้อน่อง อก และปีกเป็นส่วนสุดท้าย ต้องเหยาะเกลือสักหน่อย และเนื้อก็ไม่นุ่มเหมือนไก่ย่าง เพราะไม่ได้ปรุงสุกเต็มที่ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่ลิธเคยกินมาแล้ว

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมไม่รู้สึกหิวแล้ว” ลิธรู้สึกตื้นตันจนถึงกับลงไปคุกเข่า ดวงตาเปียกชื้น น้ําตาแทบจะไหลออกมาแล้ว แต่ช่วงเวลานี้กลับผ่านไปอย่า รวดเร็ว

“ผมต้องการอีก! จะปล่อยให้ความหิวมาเล่นงานผมอีกไม่ได้!” ลิธมองไปยัง พระอาทิตย์ ยังเหลือเวลาอยู่อีกสองถึงสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเที่ยง เขายังมีเวลาล่าสัตว์อยู่

“อาจารย์เซเลีย ขอรบกวนหน่อยครับ ผมอยากได้สถานที่สําหรับซ่อนเหยื่อ เหยื่อที่ผมจะไม่มีทางแบ่งให้”

“เรียกฉันว่าเซเลียเถอะ นักล่าไม่ใส่ใจกับคํายกย่องให้เกียรติกันหรอก พวกเราเป็นคนจริง” เธอโบกมือโดยไม่สนใจตำแหน่งหรือคําที่เขาใช้เรียก

“ส่วนที่เธอขอ ฉันจะไม่ทําตามคําขอ แต่จะทําข้อตกลง เอาแบบนี้เป็นไง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อมาทําความสะอาดบ้าน และบางทีฉันอาจจะให้ทําอาหารด้วยท่าเต้นระบําประหลาดๆของเธอ ส่วนฉันก็จะเก็บเนื้อของเธอในสถานที่ปลอดภัย และเมื่อไหร่ที่ทําอาหารให้ฉัน เราจะแบ่งมันให้เท่าๆกัน ตกลงไหม?” เซ เลียยื่นมือมาตรงหน้าลิธ

ถึงแม้ว่าจะเป็นการหลอกใช้งาน แต่นั่นก็เป็นทางเลือกเดียวของเขา

“ตกลง แต่มีเงื่อนไขเดียวคือ ผมไม่ซักผ้านะครับ”

วันต่อมา บ้านของลิธก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและมีความสุขมากกว่าปกติ เพราะเขานําเหยื่อกลับมาบ้านจนทําให้เกิดคําถามต่างๆตามมา แต่เขาก็อธิบายได้อย่างง่ายดายไร้เรื่องราว

อาหารเหล่านี้ช่วยให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและปลดปล่อยความเครียดที่ผ่าน มาได้ ความสัมพันธ์ระหว่างลิธกับออร์พูลก็เริ่มราบรื่นขึ้นมา แต่ยังคงต้องมองและด่าว่ากันอยู่ทุกวัน

ที่สําคัญกว่านั้น ลิธก็เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ได้อีกครั้ง กิจวัตรประจําวันของเขานั้นเรียบง่ายมาก ออกไปล่าสัตว์ตอนเช้า ฝึกเวทมนตร์ตอนบ่าย ฝึกศิลปะการต่อสู้ตอนกลางคืน เขาทําทั้งหมดนี้ได้ก็เพราะ เทคนิคการหายใจแบบ Invigoration ซึ่งทําให้เขาอยู่ได้เกือบ ถึงหนึ่งสัปดาห์จากนั้นก็จําเป็นต้องพักผ่อนแล้ว

เขาจะแอบออกจากบ้านทันที่ที่ใช้เวทย์ Life Vision แล้วพบว่าทุกคนหลับสนิท และเมื่อออกไปได้ เขาจะสร้างหุ่นจําลองด้วยเวทย์ดินเพื่ออบอุ่นร่างกาย และฝึกศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขากําลังให้ความสําคัญกับท่าเท้าเป็นอันดับหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งจะอายุได้สี่ขวบ หรือไม่ก็เพราะขาดพลังงานจากความหิวก่อนหน้านี้ ทําให้การเคลื่อนไหวของเขาออกจะเงอะงะงุ่มง่ามไปเสียหมด หากมีใครขว้างเชสนัทใส่เขาจากระยะห่างหนึ่งเมตร เขาก็อาจจะพลาดเป้าไปทั้งหมด

ลิธรู้ดีว่าเขาร่ายเวทย์ได้อย่างรวดเร็วมากแล้ว โดยเฉพาะเวทย์วิญญาณ แต่การร่ายเวทย์ก็ยังไม่อาจตอบสนองได้ อย่างทันที ซึ่งเขาไม่อาจนั่งนิ่งเป็นเป็ด ขณะที่มีใครเข้ามาใกล้ การใช้เวทมนตร์ ได้ถือเป็นสิ่งที่ทรงพลัง แต่ยังไม่ใช่อํานาจแบบเบ็ดเสร็จ จะเป็นเรื่องดีได้อย่างไรหากเขาสามารถถล่มภูเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง แต่กลับมีคนมาลอบสัง หารเขาได้สําเร็จ

ต่อให้กลับไปในโลกเก่า ลิธก็คิดเสมอว่าการแยกร่างกายกับจิตใจออกจากกัน เป็นเรื่องโง่เง่ามาก การออกกําลังกายทําให้จิตใจผ่อนคลายและคลายความตึงเครียดได้ดีมาก ส่วนเรื่องเรียน เขาจะ ทําออกมาให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องศิลปะการต่อสู้

ความแข็งแกร่งของสัตว์เดรัจฉาน มีเพียงความรุนแรงป่าเถื่อน สติปัญญาของมันก็มีเพียงแค่ความคิดที่ไร้แก่นสาร มีเพียงการฝึกฝนร่างกายพร้อมกับจิตใจ จึงจะเคลื่อนไหวร่างกายได้ดั่งใจต้องการ

ลิธฝึกได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง ขณะที่เขากําลังฝึกท่าเท้าโดยวนไปรอบๆหุ่น ในเวลากลางคืนตามลําพัง เขาก็พลันรู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ ความเจ็บปวดพลันปะทุออกจากแกนมานาและแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย พร้อมกับอาการคลื่นไส้ เวียนหัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย?” เขาตะโกนก้องในใจ “นี่ไม่ใช่คอขวด แถมเพิ่งทะลวงไปเมื่อวานนี้ และคอขวดไม่ทําให้รู้สึกแบบนี้ด้วย” จากนั้นเขาก็เริ่มหายใจไม่ออก ยืนไม่อยู่และเริ่มบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด

“ฉันยังตายไม่ได้! ไม่อยากตายทั้งที่อดทนมามากมายขนาดนี้ ฉันจะไม่ยอมเป็นทาสในกาแล็กซี่อันไกลโพ้นหรือเป็นชายแก่นั่งรอความตาย พอสักที! ฉันไม่ยอมตายโว้ย!”

เขาใช้พลังใจทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนมานาทุกหยดให้เป็นเวทย์แสง เพื่อต่อสู้กับความเจ็บปวดที่กําลังทรมานเขาอยู่ แต่มันกลับไม่ส่งผลใดๆเลย ความเจ็บปวดนั้นกลับแย่ลงเรื่อยๆ จนพลังเขาไม่อาจตามได้ทัน เมื่อเขายอมแพ้ ความแสบร้อนนั้นก็พุ่งออกมาจากปากเขา จากนั้นเขาก็อาเจียนออกมาเป็นก้อนเหนียวๆสีดํา และมีกลิ่นเหม็นเน่าราวกับ ซากสัตว์ที่ตายมานานหลายสัปดาห์ภายใต้ฤดูร้อนที่อบอ้าว

พวกมันมีขนาดเท่าเม็ดถั่ว แต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีช้างสองตัวมาเดินขนาบข้างซ้ายขวา กลิ่นของมันเหม็นมากจน แม้แต่เขาเองที่ยังอยู่ในสภาวะไร้พลัง ก็ยังต้องเค้นพลังออกมาเพื่อใช้เวทย์มืดกําจัดกองอาเจียนนั้นโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆ

ลิธต้องใช้เวลาเป็นนาทีเพื่อถ่มน้ําลายดื่มน้ํา เขาทํากระทั่งเด็ดหญ้ามากินเพื่อกําจัดรสชาติที่น่าขยะแขยงออกจากปากเขา เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะฝึกต่อไป จึงต้องใช้ Invigoration เพื่อฟื้นฟูสภาพ ร่างกายให้กลับสู่สภาวะสูงสุด

ทันที่ที่ใช้เทคนิคการหายใจ เขาก็พบว่าตอนนี้สามารถสัมผัสแกนมานาได้ชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่ดูดซับพลังงานโลกด้วย Invigoration เขารู้สึกได้ถึงกระแสมานาที่ไหลผ่านหลอดเลือดและอวัยวะต่างๆไปจนถึงจุดที่มองเห็นได้ และยังหลงเหลือเวทมนตร์ในเส้นผมอีกด้วย ต่อให้เขาหลับตาก็ยังคงมองเห็น ภายในร่างกายได้ราวกับสแกนร่างกาย แบบสามมิติ

ลิธยังคงรู้สึกเวียนหัวอยู่ แต่ก็พยายามจะฝึกท่าเท้าอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของเขายังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ แต่ก็เรียกได้ว่าไม่เงอะงะงุ่มงามอีกต่อไปแล้ว

“นับเป็นความก้าวหน้าที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ฉันยังสะดุดเท้าตัวเองอยู่เลย แล้วถ้าเกิดว่า….”

ลิธียื่นมือขวาออกไป แล้วใช้เวทย์วิญญาณกับหัวของหุ่นจําลอง
“ก่อนหน้านี้ ดีที่สุดที่ฉันทําได้คือ บีบ เป้าหมายทั้งหลายแหล่ให้เล็กลงได้ เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะ…”

เขากําหมัดได้แรงและเร็วกว่าเมื่อก่อน จากนั้นหัวของหุ่นจําลองก็หลุดลอยออกไปราวกับลูกโป่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Supreme Magus 15 เปลี่ยนแปลง

Now you are reading Supreme Magus Chapter 15 เปลี่ยนแปลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Supreme Magus

ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลง

หลังจากจบการกินอาหารว่างมื้อเช้าไปแล้ว เซเลียก็เตรียมโต๊ะสําหรับเหยื่อที่เหลืออยู่

“นกที่เธอจับมาได้เรียกว่า บลิงเกอร์ เพราะมันขี้กลัวและบินหนีไวมาก ปกติแล้วจะต้องอาศัยโชคและทักษะในการกําจัดมันในระยะไกล แต่ไม่ว่าเธอจะใช้เวทมนตร์อะไรก็ตามนกที่เธอล่ามาได้ นับเป็นการฆ่าแบบสะอาดหมดจด นอกจากคอที่หักแล้ว ทั้งขนทั้งตัวไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆเลย”

ลิธโค้งคํานับน้อยๆให้กับคําชมเชยนั้น

“แค่พลิกแพลงการใช้เวทย์อากาศ เท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไรพิเศษมาก”

ที่จริงเซเลียก็ยังสงสัยอยู่อีก แต่เธอเลือกที่จะไม่ซักไซ้ต่อ

“การลวกทําได้ง่ายและรวดเร็ว เธอเพียงแค่โยนเหยื่อลงไปในหม้อประมาณ 45 วินาที และถ้าเธอกวนน้ําด้วยก็จะดีมาก ถือเป็นการทําความสะอาดพวกสิ่งสกปรกและปรสิตภายนอกที่เกาะอยู่บนตัวนก การลวกด้วยน้ําจะทําให้ขนเหล่านั้นหลุดออกมาจนเกือบหมด แต่อย่า ลวกนานเกินไป ไม่อย่างนั้นเนื้อจะสุก เกิดความเสี่ยงที่เครื่องในแตกออกมา และทําให้เนื้อเสียหายได้ด้วย”

ลิธรับผิดชอบกระบวนการลวก โบกมือขวาเพื่อควบคุมน้ําในหม้อ กวนและปรับความแรงของการกวนไปตามคําแนะนําของเซเลีย

“บ้าจริง เด็กน้อย เธอทําให้ฉันเริ่มเสียใจที่ไม่เคยสนใจจะเรียนเวทมนตร์เลย”

“คุณไม่เคยใช้เวทมนตร์หรอครับ?” ลิธประหลาดใจ

“ไม่เคย และฉันก็ภูมิใจมากด้วย ฉันคิดว่าเวทย์พื้นฐานมันก็เป็นแค่กลง่ายๆ ทําไมต้องเสียเวลาเรียนรู้ในเมื่อฉันทําเองได้เร็วกว่าและดีกว่า” เซเลียยักไหล่ “ตอนนี้ก็เอาบลิงเกอร์ขึ้นมาจากน้ําได้แล้ว”

นอกจากกระบวนการลวกและถอนขน จะแทนที่กระบวนการถลกหนังไปแล้ว การผ่าควักเครื่องในของสัตว์ปีกก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับกระรอกเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาต้องเอากระเพาะพัก, คอ, และต่อมไขมันออกไป และเมื่อทําเสร็จแล้ว ลิธก็มองดูผลลัพธ์ด้วยความยินดี สังเกตได้ว่าหนังของบลิงเกอร์มีตุ่มหนังมากกว่าเมื่อเทียบกับไก่ มันยังอยู่ห่างไกลจากสิ่งที่เขาซื้อในโลกก่อนหน้านี้มาก

“แล้วผมจะปรุงมันยังไงครับ?”

“เธอยังหิวอยู่อีกหรอ ทั้งที่กินกระรอกไปสองตัวแล้วเนี่ยนะ?”

“ใช่ครับ หิวมากด้วย” มื้อก่อนหน้านี้ก็แค่อาหารเรียกน้ําย่อย เขายังห่างไกล จากคําว่าอิ่มมากนัก

“ไปใช้กองไฟข้างนอกกันเถอะครับ ผมต้องชินกับการไม่ใช้เตาผิง”

เซเลียตบหน้าผากตนเองเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

“จริงด้วย ฉันเกือบลืมปัญหาของครอบครัวเธอไปเลย”

หลังจากสอนวิธีการเลือกสถานที่ตั้งกองไฟแล้ว เธอก็สอนวิธีทําเคบับด้วยไม้เหลา บทเรียนสุดท้ายเป็นเรื่องการตั้งเคบับให้สูงเท่าใดเพื่อไม่ให้มันไหม้ และดูยังไงว่ามันพร้อมกินแล้ว

หลังจากที่ลิธท่องจําทุกอย่างแล้ว เขาก็เพ่งสายตาด้วยเวทย์ไฟ เพื่อใช้เวทย์ Fire Vision ซึ่งทําให้เขามีแว่นตากันความร้อนเวอร์ชั่นปรับปรุง

จากนั้นเขาก็ผสานเวทย์ไฟกับเวทย์ลมเข้าด้วยกัน เพื่อให้ความร้อนกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่มีจุดไหนเย็นเกินไปหรือร้อนเกินไป ทําให้เนื้อย่างนี้สุกทั่วถึงกัน การควบคุมเช่นนี้ต้องอาศัยทั้ง มือและเท้า เพื่อมองดูอาหารจากมุมต่างๆและปรับกระแสมานาไปด้วย การเคลื่อนไหวของเขาคล้ายผสมผสานด้วยศิลปะการต่อสู้คาตะ เซเลียกําลังจะ หัวเราะเยาะเขาถึงกับลงทุนเต้นระบํา เพียงเพื่อบลิงเกอร์ตัวเดียว แต่ทันใดนั้น เธอก็ได้กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก

บลิงเกอร์ตัวนั้นถูกย่างด้วยความเร็วที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน เปลือกหนังบางกรอบเคลือบด้วยไขมันทั่วทั้งตัว ส่งกลิ่นหอมจนเธอเริ่มท้องร้อง ทั้งที่เพิ่งจะกินข้าวเช้าไปไม่ถึงสองชั่วโมงแท้ๆ

ลิธยกไม้เสียบด้วยเวทย์วิญญาณและ ปล่อยให้อุณหภูมิเย็นลงเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนลวกขณะกิน จากนั้นเขาเริ่มลงมือสวาปาม ฉีกเนื้อมันออกมาเป็นชิ้นๆด้วยมือเปล่า เริ่มจากเนื้อน่อง อก และปีกเป็นส่วนสุดท้าย ต้องเหยาะเกลือสักหน่อย และเนื้อก็ไม่นุ่มเหมือนไก่ย่าง เพราะไม่ได้ปรุงสุกเต็มที่ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่ลิธเคยกินมาแล้ว

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมไม่รู้สึกหิวแล้ว” ลิธรู้สึกตื้นตันจนถึงกับลงไปคุกเข่า ดวงตาเปียกชื้น น้ําตาแทบจะไหลออกมาแล้ว แต่ช่วงเวลานี้กลับผ่านไปอย่า รวดเร็ว

“ผมต้องการอีก! จะปล่อยให้ความหิวมาเล่นงานผมอีกไม่ได้!” ลิธมองไปยัง พระอาทิตย์ ยังเหลือเวลาอยู่อีกสองถึงสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเที่ยง เขายังมีเวลาล่าสัตว์อยู่

“อาจารย์เซเลีย ขอรบกวนหน่อยครับ ผมอยากได้สถานที่สําหรับซ่อนเหยื่อ เหยื่อที่ผมจะไม่มีทางแบ่งให้”

“เรียกฉันว่าเซเลียเถอะ นักล่าไม่ใส่ใจกับคํายกย่องให้เกียรติกันหรอก พวกเราเป็นคนจริง” เธอโบกมือโดยไม่สนใจตำแหน่งหรือคําที่เขาใช้เรียก

“ส่วนที่เธอขอ ฉันจะไม่ทําตามคําขอ แต่จะทําข้อตกลง เอาแบบนี้เป็นไง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อมาทําความสะอาดบ้าน และบางทีฉันอาจจะให้ทําอาหารด้วยท่าเต้นระบําประหลาดๆของเธอ ส่วนฉันก็จะเก็บเนื้อของเธอในสถานที่ปลอดภัย และเมื่อไหร่ที่ทําอาหารให้ฉัน เราจะแบ่งมันให้เท่าๆกัน ตกลงไหม?” เซ เลียยื่นมือมาตรงหน้าลิธ

ถึงแม้ว่าจะเป็นการหลอกใช้งาน แต่นั่นก็เป็นทางเลือกเดียวของเขา

“ตกลง แต่มีเงื่อนไขเดียวคือ ผมไม่ซักผ้านะครับ”

วันต่อมา บ้านของลิธก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและมีความสุขมากกว่าปกติ เพราะเขานําเหยื่อกลับมาบ้านจนทําให้เกิดคําถามต่างๆตามมา แต่เขาก็อธิบายได้อย่างง่ายดายไร้เรื่องราว

อาหารเหล่านี้ช่วยให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและปลดปล่อยความเครียดที่ผ่าน มาได้ ความสัมพันธ์ระหว่างลิธกับออร์พูลก็เริ่มราบรื่นขึ้นมา แต่ยังคงต้องมองและด่าว่ากันอยู่ทุกวัน

ที่สําคัญกว่านั้น ลิธก็เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ได้อีกครั้ง กิจวัตรประจําวันของเขานั้นเรียบง่ายมาก ออกไปล่าสัตว์ตอนเช้า ฝึกเวทมนตร์ตอนบ่าย ฝึกศิลปะการต่อสู้ตอนกลางคืน เขาทําทั้งหมดนี้ได้ก็เพราะ เทคนิคการหายใจแบบ Invigoration ซึ่งทําให้เขาอยู่ได้เกือบ ถึงหนึ่งสัปดาห์จากนั้นก็จําเป็นต้องพักผ่อนแล้ว

เขาจะแอบออกจากบ้านทันที่ที่ใช้เวทย์ Life Vision แล้วพบว่าทุกคนหลับสนิท และเมื่อออกไปได้ เขาจะสร้างหุ่นจําลองด้วยเวทย์ดินเพื่ออบอุ่นร่างกาย และฝึกศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขากําลังให้ความสําคัญกับท่าเท้าเป็นอันดับหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งจะอายุได้สี่ขวบ หรือไม่ก็เพราะขาดพลังงานจากความหิวก่อนหน้านี้ ทําให้การเคลื่อนไหวของเขาออกจะเงอะงะงุ่มง่ามไปเสียหมด หากมีใครขว้างเชสนัทใส่เขาจากระยะห่างหนึ่งเมตร เขาก็อาจจะพลาดเป้าไปทั้งหมด

ลิธรู้ดีว่าเขาร่ายเวทย์ได้อย่างรวดเร็วมากแล้ว โดยเฉพาะเวทย์วิญญาณ แต่การร่ายเวทย์ก็ยังไม่อาจตอบสนองได้ อย่างทันที ซึ่งเขาไม่อาจนั่งนิ่งเป็นเป็ด ขณะที่มีใครเข้ามาใกล้ การใช้เวทมนตร์ ได้ถือเป็นสิ่งที่ทรงพลัง แต่ยังไม่ใช่อํานาจแบบเบ็ดเสร็จ จะเป็นเรื่องดีได้อย่างไรหากเขาสามารถถล่มภูเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง แต่กลับมีคนมาลอบสัง หารเขาได้สําเร็จ

ต่อให้กลับไปในโลกเก่า ลิธก็คิดเสมอว่าการแยกร่างกายกับจิตใจออกจากกัน เป็นเรื่องโง่เง่ามาก การออกกําลังกายทําให้จิตใจผ่อนคลายและคลายความตึงเครียดได้ดีมาก ส่วนเรื่องเรียน เขาจะ ทําออกมาให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องศิลปะการต่อสู้

ความแข็งแกร่งของสัตว์เดรัจฉาน มีเพียงความรุนแรงป่าเถื่อน สติปัญญาของมันก็มีเพียงแค่ความคิดที่ไร้แก่นสาร มีเพียงการฝึกฝนร่างกายพร้อมกับจิตใจ จึงจะเคลื่อนไหวร่างกายได้ดั่งใจต้องการ

ลิธฝึกได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง ขณะที่เขากําลังฝึกท่าเท้าโดยวนไปรอบๆหุ่น ในเวลากลางคืนตามลําพัง เขาก็พลันรู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ ความเจ็บปวดพลันปะทุออกจากแกนมานาและแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย พร้อมกับอาการคลื่นไส้ เวียนหัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย?” เขาตะโกนก้องในใจ “นี่ไม่ใช่คอขวด แถมเพิ่งทะลวงไปเมื่อวานนี้ และคอขวดไม่ทําให้รู้สึกแบบนี้ด้วย” จากนั้นเขาก็เริ่มหายใจไม่ออก ยืนไม่อยู่และเริ่มบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด

“ฉันยังตายไม่ได้! ไม่อยากตายทั้งที่อดทนมามากมายขนาดนี้ ฉันจะไม่ยอมเป็นทาสในกาแล็กซี่อันไกลโพ้นหรือเป็นชายแก่นั่งรอความตาย พอสักที! ฉันไม่ยอมตายโว้ย!”

เขาใช้พลังใจทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนมานาทุกหยดให้เป็นเวทย์แสง เพื่อต่อสู้กับความเจ็บปวดที่กําลังทรมานเขาอยู่ แต่มันกลับไม่ส่งผลใดๆเลย ความเจ็บปวดนั้นกลับแย่ลงเรื่อยๆ จนพลังเขาไม่อาจตามได้ทัน เมื่อเขายอมแพ้ ความแสบร้อนนั้นก็พุ่งออกมาจากปากเขา จากนั้นเขาก็อาเจียนออกมาเป็นก้อนเหนียวๆสีดํา และมีกลิ่นเหม็นเน่าราวกับ ซากสัตว์ที่ตายมานานหลายสัปดาห์ภายใต้ฤดูร้อนที่อบอ้าว

พวกมันมีขนาดเท่าเม็ดถั่ว แต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีช้างสองตัวมาเดินขนาบข้างซ้ายขวา กลิ่นของมันเหม็นมากจน แม้แต่เขาเองที่ยังอยู่ในสภาวะไร้พลัง ก็ยังต้องเค้นพลังออกมาเพื่อใช้เวทย์มืดกําจัดกองอาเจียนนั้นโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆ

ลิธต้องใช้เวลาเป็นนาทีเพื่อถ่มน้ําลายดื่มน้ํา เขาทํากระทั่งเด็ดหญ้ามากินเพื่อกําจัดรสชาติที่น่าขยะแขยงออกจากปากเขา เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะฝึกต่อไป จึงต้องใช้ Invigoration เพื่อฟื้นฟูสภาพ ร่างกายให้กลับสู่สภาวะสูงสุด

ทันที่ที่ใช้เทคนิคการหายใจ เขาก็พบว่าตอนนี้สามารถสัมผัสแกนมานาได้ชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่ดูดซับพลังงานโลกด้วย Invigoration เขารู้สึกได้ถึงกระแสมานาที่ไหลผ่านหลอดเลือดและอวัยวะต่างๆไปจนถึงจุดที่มองเห็นได้ และยังหลงเหลือเวทมนตร์ในเส้นผมอีกด้วย ต่อให้เขาหลับตาก็ยังคงมองเห็น ภายในร่างกายได้ราวกับสแกนร่างกาย แบบสามมิติ

ลิธยังคงรู้สึกเวียนหัวอยู่ แต่ก็พยายามจะฝึกท่าเท้าอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของเขายังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ แต่ก็เรียกได้ว่าไม่เงอะงะงุ่มงามอีกต่อไปแล้ว

“นับเป็นความก้าวหน้าที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ฉันยังสะดุดเท้าตัวเองอยู่เลย แล้วถ้าเกิดว่า….”

ลิธียื่นมือขวาออกไป แล้วใช้เวทย์วิญญาณกับหัวของหุ่นจําลอง
“ก่อนหน้านี้ ดีที่สุดที่ฉันทําได้คือ บีบ เป้าหมายทั้งหลายแหล่ให้เล็กลงได้ เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะ…”

เขากําหมัดได้แรงและเร็วกว่าเมื่อก่อน จากนั้นหัวของหุ่นจําลองก็หลุดลอยออกไปราวกับลูกโป่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+