The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 135 สามบุรุษปะทะเซี่ยงอวี้

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 135 สามบุรุษปะทะเซี่ยงอวี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.135 สามบุรุษปะทะเซี่ยงอวี้

“อาอวี่ เจ้ายังมีแรงอยู่หรือไม่”

เฟิงจี้สิงถือดาบตัดวายุกระซิบถาม

หลินมู่อวี่กำลังปรับลมหายใจ กล่าวเสียงต่ำ “อีกหลายวินาทีถึงจะกลับมาโคจรปราณยุทธ์ได้ พี่เฟิง ข้าต้องขอโทษท่านด้วย…”

“เจ้าเด็กโง่ พูดอะไรน่ะ”

เฟิงจี้สิงหันหลังให้หลินมู่อวี่ ชุดคลุมสีขาวสะบัดปลิว ยิ้มพูด “เจ้าแค่ทำเรื่องที่ข้าอยากทำมาหลายปีแต่ไม่กล้าทำ เฮอะ…”

หลินมู่อวี่ตกตะลึง ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา บุรุษตรงหน้าปกป้องตนราวกับพี่ชายแท้ๆ สหายแบบนี้ ชั่วชีวิตนี้ยากที่จะหาได้

……

หลินมู่อวี่กระชับกระบี่เหลียวหยวน ไม่ถึงสิบวินาทีก็สะกดปราณที่ปั่นป่วนในร่างไว้ได้ ควบคุมปราณยุทธ์ทั้งร่างใหม่อีกครั้ง เขารีบเรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าออกมารวมเป็นกระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรอย่างรวดเร็ว เข้าไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเฟิงจี้สิง เฟิงจี้สิงคำรามออกมา วิญญาณยุทธ์อันดับสองหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงวนอยู่รอบตัว เปลวไฟลุกโชติช่วง

เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตนภาทั้งสอง เซี่ยงอวี้กลับเยือกเย็นยิ่ง ขว้างทวนกระหายเลือดออกไปให้ปักอยู่ที่กำแพง เขากำหมัด พลันวิญญาณยุทธ์ปรากฏออกมา ยิ้มพูด “นานแล้วที่ไม่ได้ออกแรง เข้ามาเลย!”

พูดจบ เขาชิงบุกจู่โจมก่อน กำปั้นที่หุ้มด้วยเปลวเพลิง ตรงเข้าใส่ดาบของเฟิงจี้สิงราวกับมังกรคลั่งออกทะเล

เฟิงจี้สิงไหนเลยจะกล้าประมาท เขาย่อตัวลงเล็กน้อย รอบดาบตัดวายุแผ่คลุมด้วยปราณสีคราม ทันใดนั้นเขาหมุนตัวฟันดาบที่ทรงพลังออกไป เพลงดาบเฟิงสิงกระบวนท่าที่หนึ่ง พายุทะเลทรายคลั่ง!

ในบรรดาแม่ทัพจักรวรรดิมีหลายคนที่เชี่ยวชาญเพลงดาบก้าววายุ (เพลงดาบเฟิงสิง) แต่ไม่มีผู้ใดใช้ได้ลื่นไหลและทรงพลังเหมือนกับเฟิงจี้สิง หลังจากเสียงปะทะดังขึ้น ก็ฟันหมัดเพลิงเมฆาจนแตกสลายไป แต่ความเร็วในการออกหมัดของเซี่ยงอวี้นั้นน่ากลัวยิ่งนัก ปล่อยหมัดที่สองตามออกมาติดๆ ตรงเข้าโจมตีปราณยุทธ์ที่คุ้มกายเฟิงจี้สิง

“เปรี้ยง!”

เฟิงจี้สิงถอยไปหลายก้าว ใบหน้าตื่นตะลึง หรือว่านี่ถึงจะเป็นพลังที่แท้จริงของเซี่ยงอวี้

“ฮ่าๆๆ…”

เซี่ยงอวี้หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หันกลับไปชกหลินมู่อวี่อย่างรุนแรง ในความคิดของเขา หลินมู่อวี่อ่อนแอเฟิงจี้สิง สังหารเขาก่อนถึงจะเป็นแผนที่ดี

กระบี่เหลียวหยวนที่มีสายฟ้ารุนแรงหมุนวนอยู่กลางอากาศ หลินมู่อวี่ใช้สายฟ้าบังคับกระบี่ด้วยมือข้างเดียว เขากำมือขวาแน่น ปราณสีเลือดหมุนรวมอยู่รอบกำปั้นอย่างรวดเร็ว ปล่อยพลังเจ็ดประทีบออกไปทันที!

หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!

“ปัง!”

พื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือนเล็กหน่อย หลินมู่อวี่และเซี่ยงอวี้ถอยหลังไปพร้อมกัน ลมพายุลูกหนึ่งก่อตัวขึ้นระหว่างกลางพวกเขาทั้งสองและกระจายออก ทั้งคู่สีหน้าตื่นตระหนก เซี่ยงอวี้คิดไม่ได้คิดว่าหลินมู่อวี่ยังจะมีพลังที่มหาศาลเช่นนี้อยู่ หลินมู่อวี่เองก็คิดไม่ถึงว่าเซี่ยงอวี้จะสามารถรับมือกับหนึ่งประทีบพิฆาตชีวันได้โดยไม่เป็นอะไร หรือว่าคนๆ นี้จะแข็งแกร่งกว่าชางไป๋เฮ่อขอบเขตปราชญ์ผู้นั้น!

“ฉวับ!”

กระบวนท่าที่สองของเฟิงจี้สิง รอบดาบล้อมด้วยเม็ดทรายร้อนๆ เกิดเป็นประกายแสงสีทองเจิดจ้า วิญญาณยุทธ์หมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงเข้าไปอยู่ที่ดาบ การโจมตีที่รุนแรงจากด้านบน—ทรายอัคนีหลอมทอง!

เซี่ยงอวี้คำราม บนแขนทั้งสองข้างปรากฏเปลวเพลิงโกลาหล พริบตาเปลวเพลิงเดียวรวมตัวกันกลายเป็นดอกบัวอัคคี เขาใช้มือข้างหนึ่งซัดดอกบัวอัคคีโจมตีออกไป ตะโกนเสียงดัง “เฟิงจี้สิง ลิ้มลองเก้าโกลาหลของข้าซะ!”

ท่าที่หนึ่ง บัวอัคคีโกลาหล!

“เปรี้ยง!”

เปลวเพลิงที่รุนแรงเบ่งบานอยู่กลางอากาศ เฟิงจี้สิงถูกกระแทกจนต้องถอยหลังกรูดไปพร้อมกับดาบ แต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ขณะที่ร่างอยู่กลางอากาศก็เร่งปราณยุทธ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกดาบขึ้นมาเตรียมใช้กระบวนท่าที่สาม ร่างกายเขาถูกห่อหุ้มด้วยพายุ ทันใดนั้นท้องฟ้ามืดลง ราวกับว่าแสงถูกดูดหายไป เมื่อดาบนี้ฟันลงมาคล้ายกับพายุใหญ่ลูกหนึ่ง—ดาบพายุวินาศ!

เซี่ยงอวี้ยกมุมปากขึ้น งอตัวเล็กน้อย บนฝ่ามือปรากฏพลังโกลาหลขึ้นมา สองเท้าเหยียบลงที่พื้นอย่างรุนแรง พื้นอิฐแตกนับไม่ถ้วน “เปรี้ยง” เสียงเขาทะยานตัวขึ้นฟ้า พลังเก้าโกลาหลที่สาม—ผ่าสวรรค์โกลาหล!

“ตูม!”

พลังของพายุกับพลังเก้าโกลาหลชนกันกลางอากาศ พลังที่รุนแรงของเซี่ยงอวี้ทำลายล้างเข้ามา พริบตาเดียวก็ซัดเฟิงจี้สิงกระเด็นออกไปพร้อมดาบ

“ฟิ้ว!”

เซี่ยงอวี้หันกลับไป จึงเห็นกระบี่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงด้ามหนึ่งบินพุ่งเข้ามา นั่นคือเกลียวเพลิงมังกรคลั่งของหลินมู่อวี่ การโจมตีครั้งนี้เขาใช้แก่นเพลิงมังกร เขาสู้ตายแล้ว!

“แม่งเอ๊ย…”

เซี่ยงอวี้สบถในใจ รู้ชัดว่าพลังโจมตีนี้ทรงอานุภาพมาก เขากางแขนทั้งสองข้างออกโดยไม่ต้องคิด บนฝ่ามือปรากฏพลังโกลาหลที่กลายเป็นสายพลังสีดำหมุนวนขึ้นมาต้านไว้ที่ด้านหน้า พลังหมุนวนสีดำนี้ราวกับหลุมดที่สามารถดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง เซี่ยงอวี้เบิกตาจ้องเขม็ง ระเบิดเสียงคำรามออกมา “เจ้าหาที่ตาย!”

พลังโกลาหลท่าที่หก—ดับสูญโกลาหล!

“เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!”

กระบี่เหลียวหยวนหมุนทะลวง ปะทะเข้ากับพลังดับสูญโกลาหลอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเซี่ยงอวี้เขียวคล้ำ เส้นเลือดปูดโปน ราวกับเร่งปราณยุทธ์ทั้งร่างมาประคองพลังดับสูญโกลาหลเอาไว้ และในตอนที่เขาจะประคองไม่ไหวแล้วนั้น กลับเห็นหลินมู่อวี่กระโดดขึ้นจากพื้น บนกำปั้นหุ้มด้วยพลังปีศาจ พุ่งโจมตีใส่หน้าอกของเขา!

สองประทีประบำปีศาจ!

เซียงอวี้หายใจถี่กระชั้น ยกแขนซ้ายขึ้นมา “เคร้ง” กระบี่เหลียวหยวนกระเด็นออกไป แขนขวาเขาพาดอยู่ตรงหน้าอก ปราณยุทธ์กลายเป็นปราณทรงพลังปกป้องตัวเขาไว้

“เปรี้ยง!”

ภายใต้การโจมตีที่หนักหน่วง ในที่สุดพลังเจ็ดประทีปที่สองก็ได้ผล โจมตีเข้าที่อกของเขาอย่างรุนแรง ปราณยุทธ์คุ้มกายของเซี่ยงอวี้สลายไปทันที

แต่ในขณะเดียวกัน จังหวะที่เซี่ยงอวี้ถอยหลัง เขาพลันถีบเข้าที่ท้องของหลินมู่อวี่อย่างรุนแรง เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้น หลินมู่อวี่กระเด็นไปลงกับพื้น กำแพงน้ำเต้าสลายไปทันที เมื่อเผชิญหน้ากับพลังโกลาหล พลังการป้องกันของน้ำเต้านั้นคล้ายจะไร้ประโยชน์เสียแล้ว

……

“พลั่ก…”

เซี่ยงอวี้ร่วงลงพื้นอย่างแผ่วเบา นวดแขนที่ชาอยู่เล็กน้อย ปราณยุทธ์เขายังคงทรงพลังอยู่เหมือนเดิม เขาหัวเราะเฮอะๆ เดินเข้าไปหาหลินมู่อวี่ แล้วพูดขึ้น “พวกเจ้าสองคนร่วมมือกัน ก็ไม่เห็นจะเท่าไร!”

หลินมู่อวี่แบมือออกเรียกกระบี่เหลียวหยวนกลับมา เขาจับกระบี่ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน ใบหน้ามอมแมมไปด้วยขี้เถ้า ชุดขาวด้านหลังเปื้อนขี้เถ้าจากเปลวเพลิงมากมาย

และในตอนนี้เอง ที่ด้านหลังของเซี่ยงอวี้ปรากฏแสงสีทองขึ้น นั่นคือประกายแสงของโซ่เทวะ ฉินเหลยปรากฏกายขึ้น!

ดาบอัสนีทลายเปล่งแสงอัสนี ฉินเหลยลงจากหลังม้าแล้วกระโจนเข้ามาทันที บนดาบมีเงาแสงเจิดจ้า ตรงแทงเข้าไปที่ปราณยุทธ์คุ้มกายของเซี่ยงอวี้—แยกอัสนีบาต!

ดาบนี้รวดเร็วมาก และก็รุนแรงมากเช่นกัน

“เปรี้ยง!”

เซี่ยงอวี้รีบถอยหลัง อาศัยแรงจากดาบถอยร่นไปสิบเมตร ใบหน้าเต็มไปด้วยความแค้น เอ่ยขึ้น “ท่างอ๋องน้อยฉินเหลย ท่านคิดจะเป็นศัตรูกับข้าอย่างนั้นหรือ”

ฉินเหลยถือดาบอัสนีทลาย สีหน้าอึมครึ้ม “เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่คือพี่น้องของข้า เจ้าคิดจะลงมือกับพวกเขา ก็ถามดาบอัสนีทลายของข้าเสียก่อน”

“งั้นหรือ”

เซี่ยงอวี้เลิกคิ้วคมขึ้น ท่าทางคลุ้มคลั่ง ยิ้มพูด “เช่นนั้นท่านอ๋องน้อยเข้ามาด้วยกันเลยเถอะ ข้าเองก็อยากจะลองสู้แบบหนึ่งต่อสามดูว่าจะรู้สึกอย่างไร!”

พลังโกลาหลหมุนที่อยู่รอบตัวเขาแผ่ปกคลุมออกไป กลายเป็นพายุรุนแรงราวกลับเทพเจ้าลงมาจุติยังโลกมนุษย์ ทำให้รู้สึกต้องเงยหน้ามองด้วยเคารพนับถือ

พลังเก้าโกลาหล เป็นเคล็ดวิชาที่เทพทหารเซี่ยงเหวินเทียนเหลือไว้ให้คนรุ่นหลัง เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดวิชาอันดับหนึ่งไม่มีสองอย่างแท้จริง

เฟิงจี้สิงประคองดาบตัดวายุลุกขึ้นยืน เช็ดเลือดที่มุมปาก ส่งสายตาถามหลินมู่อวี่อยู่ไกลๆ หลินมู่อวี่ก็ฝืนเร่งปราณยุทธ์ขึ้นมา เรียกกำแพงน้ำเต้า พยักหน้าเล็กน้อยเป็นนัยว่าสามารถต่อสู้ได้อีกครั้ง

“บุก!”

ฉินเหลยเปล่งเสียงคำราม ฉวยโอกาสโจมตีก่อน พลังสายฟ้าบนดาบอัสนีทลายแผ่ออกมาไม่หยุด จนกลายเป็นสนามพลังรัศมีประมาณห้าเมตร เขายกดาบขึ้นมา คำรามแล้วสะบัดดาบฟันออกไป คมดาบพุ่งตรงเข้าหาเซี่ยงอวี้

การโจมตีครั้งที่สองของดาบอัสนีทลาย—ดาบอัสนีแหวกโลกันต์!

อย่างไรก็ตามในพลังโกลาหลก็ปรากฏประกายสายฟ้าเจิดจ้าขึ้น เซี่ยงอวี้รวมพลังโกลาหลให้เป็นหอกอัสนีประกายระยิบระยับ เขาจับหอกยาวนั้นไว้ มุมปากมีรอยยิ้ม “ตายซะเถอะ!”

“ฟิ้ว!”

หอกอัสนีโกลาหลตรงเข้าไปหาฉินเหลย

“เปรี้ยง!”

ประกายของสายฟ้าและประกายเพลิงผสมปนเปเข้าด้วยกัน โซ่เทวะที่ล้อมอยู่รอบตัวฉินเหลยพุ่งขึ้นมาปกป้องผู้เป็นเจ้าของ แต่ยังต้านทานการโจมตีของหอกอัสนีไม่ไหว ฉินเหลยกระอักเลือดกระโดดถอยออกไปทันที และดาบของเขานั้นทำให้เซี่ยงอวี้ได้รับบาดเจ็บด้วยเหมือนกัน

เซี่ยงอวี้ตัวสั่นเล็กน้อย เลือดลมปั่นป่วน สีหน้าดูย่ำแย่มากขึ้น

ทางด้านขวา ประกายสายฟ้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เฟิงจี้สิงใช้พลังสายฟ้าของวิญญาณยุทธ์บรรจุเข้าไปในดาบตัดวายุ สร้างกระบวนท่าที่สี่ของเพลงดาบเฟิงสิงขึ้นมา—ดาบสายฟ้าคลั่ง

“เปรี้ยง!”

เฟิงจี้สิงฟันดาบออกไป กลับถูกพลังโกลาหลของอีกฝ่ายกระแทกจนถอยร่นไป และในที่สุดเซี่ยงอวี้ก็รับมือไม่ไหวกระอักเลือดออกมา

“เฟิงจี้สิง ไอ้คนระยำ!”

สีหน้าของเซี่ยงอวี้เขียวคล้ำ แต่จู่ๆ ด้านหลังก็มีพลังแข็งแกร่งสายหนึ่งโจมตีเข้ามา ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นการโจมตีของหลินมู่อวี่ ที่จริงเซี่ยงอวี้คิดไปคิดมาก็คิดได้ว่าเขามองข้ามหลินมู่อวี่ไป เขาไม่ได้นึกถึงมาก่อนเลยว่าเด็กที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามนี่จะมีพลังที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนได้ แถมยังเป็นพลังที่ทรงอำนาจมาก ไม่ด้อยไปกว่าพลังเก้าโกลาหลแม้แต่นิดเดียว

สองประทีประบำปีศาจ!

หลินมู่อวี่ทุ่มสุดชีวิตแล้ว นี่เป็นการใช้พลังประทีบที่สองเป็นครั้งที่สองในรอบวัน!

“เปรี้ยง!”

หมัดของทั้งสองปะทะกัน อากาศราวกับถูกสั่นสะเทือนจนแตกกระจาย บ้านเรือนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเริ่มแตกร้าว ถึงขนาดที่บางหลังก็พังถล่มลงมา

“แหมะ…แหมะ”

เลือดหยดลงมาที่พื้น ร่างของเซี่ยงอวี้สั่นเทาเล็กน้อย แขนยังคงอยู่ในท่าออกหมัด หลินมู่อวี่ก้าวถอยหลังช้าๆ กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างราวกับถูกเผา เพราะใช้พลังเจ็ดประทีปมากเกินไปสุดท้ายก็ถูกพลังย้อนตีกลับจนได้ ยังดีที่ฝึกทักษะชีพจรวิญญาณเอาไว้ พลังวิญญาณแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นจึงไม่ถูกกลืนกินจนถึงขั้นแก่ชราในทันที

“อาอวี่ ไม่เป็นไรนะ”

เฟิงจี้สิงถือดาบตัดวายุเดินกะเผลกเข้ามา ถามด้วยความห่วงใย เพราะสภาพเจ้าเด็กนี้ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าไม่เป็นไรเท่าไร

หลินมู่อวี่ส่ายศีรษะช้าๆ “ไม่เป็นไร พี่เฟิงเล่า”

“ข้าก็ยังดีอยู่”

เฟิงจี้สิงใช้ดาบยันตัวกับพื้น เดินเข้าไปทีละก้าว “ผู้บัญชาการฉินเหลย ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

ฉินเหลยนั่งอยู่ที่พื้น ร่างกายยังคงมีพลังโกลาหลไหลพล่าน ความจริงแล้วการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเซี่ยงอวี้ถูกเขารับเอาไว้ได้ โชคดีที่วิญญาณของเขานั้นแข็งแกร่งมาก หากเปลี่ยนเป็นหลินมู่อวี่หรือเฟิงจี้สิง ไม่แน่ว่าจะสามารถรับการโจมตีอันรุนแรงของเซี่ยงอวี้ได้

“เหอะๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว…” เฟิงจี้สิงหัวเราะฮ่าๆ เช็ดรอยเลือดที่มุมปาก หันไปมองทางเซี่ยงอวี้ที่อยู่ไม่ไกลแล้วถาม “แม่ทัพเซี่ยงอวี้ ยังจะสู้ต่ออีกหรือไม่”

สีหน้าเซี่ยงอวี้ซีดเผือด ปราณยุทธ์ของเขาแทบจะหมดเกลี้ยง ถึงแม้จะอยากสังหารแต่ก็ไร้พลังต่อสู้แล้ว

และในเวลานี้เอง เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นมาแต่ไกล เป็นองครักษ์อวี้หลินนายหนึ่ง ในมือถือม้วนกระดาษสีทอง “ฝ่าบาทมีราชโองการ ให้เฟิงจี้สิงและฉินเหลยคุมตัวหลินมู่อวี่กลับพระตำหนักเจ๋อเทียน!”

……

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดเฟิงจี้สิงก็วางใจลงได้แล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด