The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 166 ถุงสรรพสิ่ง

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 166 ถุงสรรพสิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ep.166 ถุงสรรพสิ่ง

 

“ท่านฉินเหลยคงสับสนสินะขอรับ..”

 

ฉู๋หว๋ายเหมียนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากอาอวี่ไม่รู้วิธีปรุงโอสถ เขาจะรักษาองค์หญิงฉินอินจากพิษของงมังกรในป่าล่ามังกรได้อย่างไรเล่า? โดยเฉพาะมังกรที่กลายร่างเป็นงูยิ่งมีพิษร้ายแรงกว่าสัตว์ร้ายอื่นๆ”

 

ฉินเหลยปาดหน้าผากพร้อมกับยิ้มและกล่าว “เรื่องเป็นเช่นนี้เองงั้นหรือ…ข้าไม่รู้มาก่อนทว่าอาอวี่…หากเจ้าปรุงโอสถฟื้นคืนสู่สูงสุดได้ ข้าจะขอให้เจ้าทําสิ่งหนึ่งได้หรือไม่?”

 

“สั่งการมาได้เลยขอรับ” หลินมูอวยิ้มตอบ

 

“ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง…”

 

หลินเหลยวางดาบอัสนีทลายบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าน่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งขององครักษ์อวี้หลินดีอยู่แล้ว แม้ว่าในเมืองหลันเยี่ยนจะมีกองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุด ทว่าเจิ้งอี้ฝานและชางไป๋เฮ่อที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตปราชญ่นั้นแข็งแกร่งกว่ากองกําลังของเรามาก ข้าในฐานะผู้บัญชาการองครักษ์อวี้หลิน อยากมอบโอสถฝันคืนสู่สูงสุดให้พวกเจ้าทุกคน ดังนั้นหากข้าขอให้เจ้าปรุงโอสถสองร้อยหกขวด เจ้าจะทําให้ได้หรือไม่อาอวี่”

 

“โอสถฝันคืนสู่สูงสุดจําเป็นต้องใช้วัตถุดิบต้องห้าม..ดอกบัวเจ็ดสี” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วมองไปยังจนเสียวถัง “ข้าอยากทราบว่าร้านค้าแห่งจักรวรรดิพอมีดอกบัวเจ็ดสีหรือไม่?”

 

จินเสี่ยวถังเม้มปาก “เรามีดอกบัวเจ็ดสีอยู่ในคลังสินค้า ทว่าให้ท่านพี่ไปหมดแล้วก่อนหน้า นี้หากหาซื้อเพิ่มเกรงว่าจะถูกทหารอวี้หลินหรือพวกเสินเวยตรวจพบเอาเสียวถังเป็นเพียง แม่ค้าไม่อยากเสี่ยงถูกสมาพันธ์นกกระจอกเพลิงจับไปทรมานเจ้าค่ะ…”

 

ฉินเหลยหัวเราะ “มิใช่เรื่องยากแม่นาง..ในฐานะผู้บัญชาการองครักษ์อวี้หลิน แม้ข้าจะออกตัวตามหาวัตถุดิบให้เจ้าไม่ได้ ทว่าข้าเขียนคําสั่งให้เจ้าซื้อดอกบัวเจ็ดสีได้มากเท่าที่ต้องการโดยไม่ มีใครตรวจสอบได้”

 

“จริงหรือเจ้าคะ? เช่นนั้นข้าก็ไม่ปฏิเสธเจ้าค่ะ!” จินเสี่ยวถังชอบใจ

 

ฉินเหลยเขียนคําสั่งประทับตราสีทองและเอ่ยขึ้น “ไม่มีปัญหาและโอสถฟื้นคืนสู่สูงสุดทั้งสี่สิบขวดเจ้าขายให้ข้าได้หรือไม่? ข้าจ่ายให้เจ้าได้ขวดละแปดพันเหรียญทองไม่มากไปกว่านั้น”

 

หลินมู่อวี่เอ่ยแทรก “หามิได้ขอรับ…หากท่านฉินเหลยต้องการจงรับมันไปเถิด ข้าได้เงินมามากโขจนไม่รู้จะใช้อย่างไรหมดแล้วขอรับ”

 

ฉินหล่ายส่ายหน้า “อาอวี่เจ้าทําเช่นนี้ไม่ถูกต้อง โอสถเหล่านั้นมีค่ามหาศาลนัก อีกทั้งเงินทองที่ข้าใช้จ่ายเป็นเงินจากองค์จักรพรรดิและกระทรวงการคลัง เป็นเงินภาษีที่เก็บได้ทุกปีเพื่อนำมาใช้ในการนี้ หากข้าไม่นามาใช้จ่าย พวกขุนนางคงเอาใช้บําเรอประโยชน์สุขส่วนตนเสียจนหมด ฉะนั้นเจ้าไม่จําเป็นต้องถ่อมตนเกินไปเลย”

 

“หากเป็นเช่นนั้นข้าขอน้อมรับคําสั่งขอรับ”

 

“อืม…เจ้าทําดีแล้ว”

 

ฉินเหล่ยโบกมือเรียกทหารให้นากระสอบใบใหญ่ที่บรรจุเหรียญเพชรจนเต็มมาจ่ายค่าโอสถ…โอสถฟื้นคืนสู่สูงสุดขวดละแปดพันเหรียญทอง รวมกันทั้งหมดเท่ากับสามแสนสองหมื่นเหรียญทอง หรือเท่ากับสามร้อยยี่สิบเหรียญเพชร “กริ๊ง…กริ้ง” เหรียญเพชรถูกเทลงบนโต๊ะ หลินมู่อวี่และ จินเสี่ยวถังรู้สึกลิงโลดเมื่อได้เห็น

 

เมื่อผู้จัดการทําการคํานวณเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น ‘ท่านหลินมู่อวี่ขายของได้ทั้งหมดห้าแสนสี่หมื่นสองพันเก้าร้อยเหรียญทอง หักภาษีร้อยละสิบแล้วเหลือสี่แสนแปดหมื่นแปดพันหกร้อยสิบเหรียญทอง คุณหนูเสียวถึงให้ปัดขึ้นเป็นสี่แสนเก้าหมื่นถ้วน หักค่าสินเชื่อเก้าหมื่นเหรียญทอง ดังนั้นท่านหลินหมู่อวีได้รับเงินจากการขายสินค้าทั้งหมดสีร้อยเหรียญเพชรถ้วนขอรับ!”

 

สี่แสนเหรียญทอง!

 

หลินมู่อวี่ได้ยินดังนั้นก็ปลาบปลื้ม กระสอบเหรียญเพชรสี่ร้อยเหรียญวางอยู่ตรงหน้าเขา หลินมู่อรู้สึกราวกับว่ากําลังขึ้นสวรรค์

 

เว่ยโฉวที่ยืนอยู่ด้านข้างประสานมือคํานับ “ยินดีกับความสําเร็จขอรับท่านแม่ทัพ!”

 

หลินมู่อวีหัวเราะชอบใจก่อนจะแบ่งสิบเหรียญเพชรให้เว่ยโฉว “หมื่นเหรียญทองนี้คิดเสียว่าเป็นค่าสร้างฐานของเราแล้วกัน”

 

“ขอรับท่านแม่ทัพ!” เว่ยโฉวรับเงินแล้วยิ้มร่า

 

หน่วยองครักษ์อินทรีอยู่อย่างขัดสน ทหารหลายนายมาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ํารวย เงินเดือนที่ได้ต้องส่งกลับไปให้ที่บ้านใช้จนแทบไม่เหลือเก็บและต้องกินอยู่อย่างประหยัด ด้วยหมื่นเหรียญทองนี้จะช่วยให้ทหารทั้งหนึ่งร้อยสิบนายของหลินมู่อวี่ที่มีชีวิตที่ดีขึ้น นี่เป็นข้อดีของการมีเงินทอง!

 

ขณะที่หลินมู่อวี่กําลังไล่แจกเงินอย่างมีความสุข ฉินเหลยจับบ่าเขาและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้า เด็กน้อย..อย่าเอาแต่ยิ้มเหมือนคนโง่ทั้งวันเช่นนี้ ท่านชวี่ฉู่จะกลับตําหนักเจ๋อเทียนเช้านี้ เจ้าจะไปพบท่านหรือไม่? ข้าจะได้ตามเจ้าไปด้วย”

 

“ท่านปู่ชวีฉู่กลับเมืองหลวงหรือ?” หลินมู่อวี่ถามด้วยความปิติ

 

“ถูกต้อง”

 

“เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านตอนนี้เลยขอรับ”

 

“อืม”

 

เว่ยโฉวนำทหารหน่วยองครักษ์อินทร์ไปซื้อของใช้ต่างๆ ในขณะที่หลินมู่อวี่เดินทางไป ตําหนักเจ๋อเทียนกับฉินเหลยและฉู๋หว๋ายเหมี่ยน เขาออกจากตําหนักเจ๋อเทียนไปเพียงพริบตาเดียว เวลากลับล่วงเลยไปหลายวันจนแทบจํากําแพงตําหนักด้านหน้าไม่ได้แล้ว

 

หลินมู่อวี่มองเหรียญเพชรสามร้อยเก้าสิบเหรียญที่แขวนบนหลังม้าอย่างมีความสุข เขายิ้มร่า ดั่งคนเสียสติพร้อมกับเดินเข้าตําหนักเจ๋อเทียนไป

 

ห้องโถงใหญ่ด้านข้างเต็มไปด้วยเหล่ารัฐมนตรีกําลังกางกระดาษขาวแผ่นใหญ่ให้องค์จักพรรดิ ฉินจิ้น ซึ่งกําลังเขียนคําว่า “ทิวทัศน์ดั่งภาพวาด” ด้วยตัวอักษรอันประณีต กล่าวขานกันว่าฉินจิ้น นั้นมีความสามารถทั้งด้านการวาดและประดิษฐ์คํา แม้หลินมู่อวี่จะไม่เชี่ยวชาญมาก แต่ก็พอรู้ว่าดํารัสของฉินจิ้นนั้นมีพลังช่วยผลักดันผู้คนอย่างมาก

 

ชวีฉูซึ่งยืนอยู่ด้านข้างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งานเขียนของพระองค์ทรงสง่างามยิ่งนักพะย่ะค่ะ”

 

ฉินจิ้นยิ้มจางๆ “ท่านชวีฉูเข้าใจที่ข้าเขียนด้วยหรือ?”

 

“ท่านเข้าใจว่าอย่างไร?”

 

“หามิได้…ชายแก่คนนี้เพียงกล่าวชมเท่านั้นพะย่ะค่ะ”

 

“…” ฉินจิ้นมิได้ตอบกลับอันใด

 

ข้าหลวงคนหนึ่งกราบเรียน “องค์จักรพรรดิ ผู้บัญชาการฉินเหลยพาท่านหลินมู่อวี่มาเข้าพบ ท่าชวี่ฉู ขณะนี้รออยู่ด้านนอกพะย่ะค่ะ”

 

ชวีฉูลูบเคราสีขาวของตนก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พระองค์อยากไปพบเจ้าเด็กน้อยหลินมู่อวี่กับข้าหรือไม่พะยะค่ะ?”

 

ฉินจิ้นส่ายหน้า “ไม่เป็นไร…ท่านขวีฉูไปเถิด”

 

“พะยะค่ะ!”

 

ชวีฉูรู้สึกได้ว่าฉันจิ้นยังคงกังวลเรื่องที่หลินมู่อวี่ที่จะกระทําการต่อต้านตนอยู่ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปพบหลินมู่อวีเพียงลําพัง

 

ด้านนอกโถงใหญ่ หลินมู่อวี่ลูบถุงย่ามของตนไปมาอย่างภูมิใจในความมั่งคั่ง

 

“อะแฮ่ม!” ชวีฉูกระแอม

 

หลินมู่อวี่หลุดจากภวังค์ก่อนจะหันมามองชวีฉูด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่ชวีฉูกลับมาแล้วหรือขอรับ?”

 

ชวีฉูพยักหน้ารับ “เจ้าเด็กโง่ ถูกเนรเทศไปเจดีย์ทงเทียนแล้วยังกลับมาได้พลังใจของเจ้าช่างน่านับถือเสียจริง”

 

“ฮ่าๆ”

“ช่างเถิด แล้วสิ่งใดอยู่ในย่ามของเจ้ากัน ถึงได้ลูบถูมันไปมาด้วยหน้าตาแปลกๆ เช่นนั้น? เจ้าลักพาตัวสาวงามมาใส่ไว้ในย่ามอย่างนั้นหรือ?” ชวีฉูเอ่ยถามด้วยท่าทางฉงน

 

“หาใช่เช่นนั้นไม่ขอรับ…” หลินมู่อวี่เปิดย่ามออกแล้วยิ้ม “ดูเอาเถิดขอรับ…”

 

ชวีฉูตกตะลึง “นี่เจ้าขโมยสมบัติจากกองคลังมารึ?”

 

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่าท่าน?” หลินมู่อวีเถียงกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านปู่เห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือขอรับ? เงินนี้ข้าได้มาจากนาพักน้ําแรงของข้าเองหาใช่ลักขโมยไม่…”

 

ชวิฉูเผลอยิ้ม “เช่นนั้นการที่เจ้าแบกย่ามใส่เงินไปทั่ว เจ้าไม่เกรงว่าผู้อื่นจะเห็นเข้าหรือ? ช่าง เถิด…ปู่ได้เอาสมบัติชิ้นหนึ่งที่เจอในส่วนลึกของป่าล่ามังกรมาให้เจ้า”

 

“มันคือสิ่งใดหรือขอรับ?” หลินมู่อวีตื่นเต้น

 

ชวีฉูนําถุงสีดําออกมาจากหน้าอกเสื้อ “สิ่งนี้คือ…”

 

หลินมู่อวี่พูดไม่ออกเมื่อเห็นถุงขนาดเล็กกว่าฝ่ามือของตนเสียอีก “นี่คงไม่ใช่ถุงใส่ผลไม่ธรรมดาใช่หรือไม่ขอรับ?”

 

“เจ้าโง่!”

 

ชวีฉูกล่าว “นี่คือถุงสรรพสิ่ง มันมีพื้นที่ด้านในมากพอที่จะใส่ได้ทุกอย่างบนโลกนี้ เจ้าสามารถ ใส่สัมภาระทั้งหมดไว้ในถุงเล็กๆ ใบนี้ได้”

 

“จริงหรือขอรับ?”

 

หลินมู่อวี่รับถุงมาและเปิดมันออกพร้อมกับลองยัดมือเข้าไป ทั้งมือของหลินมู่อวี่เข้าไปในถุง ได้อย่างน่าแปลกประหลาดภายในถุงนั้นทั้งเย็นและโล่งกว้างเหมาะสําหรับบรรจุของต่างๆ มันมีน้ําหนักที่เบาและใช้งานสะดวก ช่างเหมาะกับเศรษฐีหนุ่มอย่างเขาเสียจริง!

 

“เยี่ยมยอดมากขอรับ!”

 

หลินมู่อวี่ที่ตื่นเต้นดีใจเทเหรียญเพชรทั้งหมดใส่ถุงสรรพสิ่ง เขาเทเข้าออกอยู่หลายคราเพื่อพิสูจน์ว่าของด้านในมิได้หายไป แม้จะดูเล็กทว่าด้านในนั้นกว้างใหญ่พอๆกับห้องเก็บของขนาดใหญ่

 

หลินมู่อวี่เหนีบถุงสรรพสิ่งที่บรรจุสามร้อยเก้าสิบเหรียญเพชรด้านในไว้ที่เอวด้วยความปลื้มปิติ เขาประสานมือคํานับ “ขอบพระคุณมากขอรับท่านปู่ชวีฉู ข้าพอใจกับสมบัติชิ้นนี้มาก”

 

“เห็นเจ้าขอบข้าก็ดีใจ…เช่นนั้นจ่ายเงินค่าของมาด้วย!” ชวีฉูแบมือ

 

“ หมายความว่าเช่นไร?”

 

“ของวิเศษเช่นนี้เจ้าจะไม่มีค่าเหนื่อยให้ข้าบ้างหรือ?” ชวีฉูน้อยใจ “ถุงสรรพสิ่งนั้นหายากยิ่ง หากข้าเอาไปประมูลคงได้ไม่น้อยกว่าพันเหรียญทอง! ปู่ของเจ้ามีชีวิตน่าอดสู ได้เงินเดือนประทั้งชีพเพียงน้อยนิด เจ้าควรจะตอบแทนบุญคุณปู่เจ้าบ้าง!”

 

หลินมู่อวี่หยิบเหรียญเพชรให้ชวีสิบเหรียญอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “โปรดใช้จ่ายอย่างประ หยัดนะขอรับ…”

 

ชวีฉูรีบเก็บเหรียญไปโดยไวก่อนจะพยักหน้ารับ “อืม…ข้ารู้แล้ว”

 

ฉินเหลย เพิ่งจี้สิง ผู้หว่ยเหมียนและคนอื่นๆ ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่รู้จะตลกหรือสงสารหลินมู่อวี่ดี

 

ถึงกระนั้นหลินมู่อวก็สบายใจเมื่อรู้ว่าชวิฉูกลับมาแล้ว

 

กองกําลังเสินเวยผนวกกําลังกับเจิ้งอี้ฝานและยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สมดุลอํานาจเริ่มเอียงไปทาง ตําหนักเจิ้งอี้ฝาน ทว่าการกลับมาของขวฉทําให้สมดุลอํานาจเปลี่ยนไป ด้วยสมญาเพลิงหลอมชวีฉูแห่งเมืองหลวง เจิ้งอี้ฝานจึงทําได้เพียงสงวนท่าที่และรอเวลาที่ขั้วอํานาจจะเอียงกลับไปหาตนอีกครั้ง

 

ฉินเหลยเข้าไปกระซิบชวีฉู “ท่านชวีฉูทางสํานักอัศวินเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

 

ชวีฉูส่ายหัว “สํานักอัศวินแห่งหลิงหนานตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทว่าสํานักที่อยู่ใกล้กับเมืองหลันเยี่ยนดูเหมือนพร้อมจะก่อปัญหาได้ทุกเมื่อ ด้วยชื่อเสียงของข้าจึงยากที่จะสืบค้นข้อมูลมาได้ ข้ามีเพียงแค่ลางสังหรณ์เท่านั้น”

 

“เช่นนั้นคงจะเป็นลางร้ายขอรับ” เฟิ่งจี้สิงลูบดาบสะบั้นวาโยและกล่าวต่อ “การลอบโจมตี องค์หญิงซีและองค์หญิงฉินอิน ป่าล่ามังกรล้วนมีสํานักอัศวินอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น เป็นการกระทําที่ส่อให้เห็นถึงการก่อกบฏต่ออาณาจักรอย่างชัดเจน!”

 

ชวี่ฉูสูดหายใจ “ใช่…ทว่าเรายังไม่มีหลักฐานเอาผิดพวกมัน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 166 ถุงสรรพสิ่ง

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 166 ถุงสรรพสิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ep.166 ถุงสรรพสิ่ง

 

“ท่านฉินเหลยคงสับสนสินะขอรับ..”

 

ฉู๋หว๋ายเหมียนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากอาอวี่ไม่รู้วิธีปรุงโอสถ เขาจะรักษาองค์หญิงฉินอินจากพิษของงมังกรในป่าล่ามังกรได้อย่างไรเล่า? โดยเฉพาะมังกรที่กลายร่างเป็นงูยิ่งมีพิษร้ายแรงกว่าสัตว์ร้ายอื่นๆ”

 

ฉินเหลยปาดหน้าผากพร้อมกับยิ้มและกล่าว “เรื่องเป็นเช่นนี้เองงั้นหรือ…ข้าไม่รู้มาก่อนทว่าอาอวี่…หากเจ้าปรุงโอสถฟื้นคืนสู่สูงสุดได้ ข้าจะขอให้เจ้าทําสิ่งหนึ่งได้หรือไม่?”

 

“สั่งการมาได้เลยขอรับ” หลินมูอวยิ้มตอบ

 

“ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง…”

 

หลินเหลยวางดาบอัสนีทลายบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าน่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งขององครักษ์อวี้หลินดีอยู่แล้ว แม้ว่าในเมืองหลันเยี่ยนจะมีกองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุด ทว่าเจิ้งอี้ฝานและชางไป๋เฮ่อที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตปราชญ่นั้นแข็งแกร่งกว่ากองกําลังของเรามาก ข้าในฐานะผู้บัญชาการองครักษ์อวี้หลิน อยากมอบโอสถฝันคืนสู่สูงสุดให้พวกเจ้าทุกคน ดังนั้นหากข้าขอให้เจ้าปรุงโอสถสองร้อยหกขวด เจ้าจะทําให้ได้หรือไม่อาอวี่”

 

“โอสถฝันคืนสู่สูงสุดจําเป็นต้องใช้วัตถุดิบต้องห้าม..ดอกบัวเจ็ดสี” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วมองไปยังจนเสียวถัง “ข้าอยากทราบว่าร้านค้าแห่งจักรวรรดิพอมีดอกบัวเจ็ดสีหรือไม่?”

 

จินเสี่ยวถังเม้มปาก “เรามีดอกบัวเจ็ดสีอยู่ในคลังสินค้า ทว่าให้ท่านพี่ไปหมดแล้วก่อนหน้า นี้หากหาซื้อเพิ่มเกรงว่าจะถูกทหารอวี้หลินหรือพวกเสินเวยตรวจพบเอาเสียวถังเป็นเพียง แม่ค้าไม่อยากเสี่ยงถูกสมาพันธ์นกกระจอกเพลิงจับไปทรมานเจ้าค่ะ…”

 

ฉินเหลยหัวเราะ “มิใช่เรื่องยากแม่นาง..ในฐานะผู้บัญชาการองครักษ์อวี้หลิน แม้ข้าจะออกตัวตามหาวัตถุดิบให้เจ้าไม่ได้ ทว่าข้าเขียนคําสั่งให้เจ้าซื้อดอกบัวเจ็ดสีได้มากเท่าที่ต้องการโดยไม่ มีใครตรวจสอบได้”

 

“จริงหรือเจ้าคะ? เช่นนั้นข้าก็ไม่ปฏิเสธเจ้าค่ะ!” จินเสี่ยวถังชอบใจ

 

ฉินเหลยเขียนคําสั่งประทับตราสีทองและเอ่ยขึ้น “ไม่มีปัญหาและโอสถฟื้นคืนสู่สูงสุดทั้งสี่สิบขวดเจ้าขายให้ข้าได้หรือไม่? ข้าจ่ายให้เจ้าได้ขวดละแปดพันเหรียญทองไม่มากไปกว่านั้น”

 

หลินมู่อวี่เอ่ยแทรก “หามิได้ขอรับ…หากท่านฉินเหลยต้องการจงรับมันไปเถิด ข้าได้เงินมามากโขจนไม่รู้จะใช้อย่างไรหมดแล้วขอรับ”

 

ฉินหล่ายส่ายหน้า “อาอวี่เจ้าทําเช่นนี้ไม่ถูกต้อง โอสถเหล่านั้นมีค่ามหาศาลนัก อีกทั้งเงินทองที่ข้าใช้จ่ายเป็นเงินจากองค์จักรพรรดิและกระทรวงการคลัง เป็นเงินภาษีที่เก็บได้ทุกปีเพื่อนำมาใช้ในการนี้ หากข้าไม่นามาใช้จ่าย พวกขุนนางคงเอาใช้บําเรอประโยชน์สุขส่วนตนเสียจนหมด ฉะนั้นเจ้าไม่จําเป็นต้องถ่อมตนเกินไปเลย”

 

“หากเป็นเช่นนั้นข้าขอน้อมรับคําสั่งขอรับ”

 

“อืม…เจ้าทําดีแล้ว”

 

ฉินเหล่ยโบกมือเรียกทหารให้นากระสอบใบใหญ่ที่บรรจุเหรียญเพชรจนเต็มมาจ่ายค่าโอสถ…โอสถฟื้นคืนสู่สูงสุดขวดละแปดพันเหรียญทอง รวมกันทั้งหมดเท่ากับสามแสนสองหมื่นเหรียญทอง หรือเท่ากับสามร้อยยี่สิบเหรียญเพชร “กริ๊ง…กริ้ง” เหรียญเพชรถูกเทลงบนโต๊ะ หลินมู่อวี่และ จินเสี่ยวถังรู้สึกลิงโลดเมื่อได้เห็น

 

เมื่อผู้จัดการทําการคํานวณเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น ‘ท่านหลินมู่อวี่ขายของได้ทั้งหมดห้าแสนสี่หมื่นสองพันเก้าร้อยเหรียญทอง หักภาษีร้อยละสิบแล้วเหลือสี่แสนแปดหมื่นแปดพันหกร้อยสิบเหรียญทอง คุณหนูเสียวถึงให้ปัดขึ้นเป็นสี่แสนเก้าหมื่นถ้วน หักค่าสินเชื่อเก้าหมื่นเหรียญทอง ดังนั้นท่านหลินหมู่อวีได้รับเงินจากการขายสินค้าทั้งหมดสีร้อยเหรียญเพชรถ้วนขอรับ!”

 

สี่แสนเหรียญทอง!

 

หลินมู่อวี่ได้ยินดังนั้นก็ปลาบปลื้ม กระสอบเหรียญเพชรสี่ร้อยเหรียญวางอยู่ตรงหน้าเขา หลินมู่อรู้สึกราวกับว่ากําลังขึ้นสวรรค์

 

เว่ยโฉวที่ยืนอยู่ด้านข้างประสานมือคํานับ “ยินดีกับความสําเร็จขอรับท่านแม่ทัพ!”

 

หลินมู่อวีหัวเราะชอบใจก่อนจะแบ่งสิบเหรียญเพชรให้เว่ยโฉว “หมื่นเหรียญทองนี้คิดเสียว่าเป็นค่าสร้างฐานของเราแล้วกัน”

 

“ขอรับท่านแม่ทัพ!” เว่ยโฉวรับเงินแล้วยิ้มร่า

 

หน่วยองครักษ์อินทรีอยู่อย่างขัดสน ทหารหลายนายมาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ํารวย เงินเดือนที่ได้ต้องส่งกลับไปให้ที่บ้านใช้จนแทบไม่เหลือเก็บและต้องกินอยู่อย่างประหยัด ด้วยหมื่นเหรียญทองนี้จะช่วยให้ทหารทั้งหนึ่งร้อยสิบนายของหลินมู่อวี่ที่มีชีวิตที่ดีขึ้น นี่เป็นข้อดีของการมีเงินทอง!

 

ขณะที่หลินมู่อวี่กําลังไล่แจกเงินอย่างมีความสุข ฉินเหลยจับบ่าเขาและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้า เด็กน้อย..อย่าเอาแต่ยิ้มเหมือนคนโง่ทั้งวันเช่นนี้ ท่านชวี่ฉู่จะกลับตําหนักเจ๋อเทียนเช้านี้ เจ้าจะไปพบท่านหรือไม่? ข้าจะได้ตามเจ้าไปด้วย”

 

“ท่านปู่ชวีฉู่กลับเมืองหลวงหรือ?” หลินมู่อวี่ถามด้วยความปิติ

 

“ถูกต้อง”

 

“เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านตอนนี้เลยขอรับ”

 

“อืม”

 

เว่ยโฉวนำทหารหน่วยองครักษ์อินทร์ไปซื้อของใช้ต่างๆ ในขณะที่หลินมู่อวี่เดินทางไป ตําหนักเจ๋อเทียนกับฉินเหลยและฉู๋หว๋ายเหมี่ยน เขาออกจากตําหนักเจ๋อเทียนไปเพียงพริบตาเดียว เวลากลับล่วงเลยไปหลายวันจนแทบจํากําแพงตําหนักด้านหน้าไม่ได้แล้ว

 

หลินมู่อวี่มองเหรียญเพชรสามร้อยเก้าสิบเหรียญที่แขวนบนหลังม้าอย่างมีความสุข เขายิ้มร่า ดั่งคนเสียสติพร้อมกับเดินเข้าตําหนักเจ๋อเทียนไป

 

ห้องโถงใหญ่ด้านข้างเต็มไปด้วยเหล่ารัฐมนตรีกําลังกางกระดาษขาวแผ่นใหญ่ให้องค์จักพรรดิ ฉินจิ้น ซึ่งกําลังเขียนคําว่า “ทิวทัศน์ดั่งภาพวาด” ด้วยตัวอักษรอันประณีต กล่าวขานกันว่าฉินจิ้น นั้นมีความสามารถทั้งด้านการวาดและประดิษฐ์คํา แม้หลินมู่อวี่จะไม่เชี่ยวชาญมาก แต่ก็พอรู้ว่าดํารัสของฉินจิ้นนั้นมีพลังช่วยผลักดันผู้คนอย่างมาก

 

ชวีฉูซึ่งยืนอยู่ด้านข้างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งานเขียนของพระองค์ทรงสง่างามยิ่งนักพะย่ะค่ะ”

 

ฉินจิ้นยิ้มจางๆ “ท่านชวีฉูเข้าใจที่ข้าเขียนด้วยหรือ?”

 

“ท่านเข้าใจว่าอย่างไร?”

 

“หามิได้…ชายแก่คนนี้เพียงกล่าวชมเท่านั้นพะย่ะค่ะ”

 

“…” ฉินจิ้นมิได้ตอบกลับอันใด

 

ข้าหลวงคนหนึ่งกราบเรียน “องค์จักรพรรดิ ผู้บัญชาการฉินเหลยพาท่านหลินมู่อวี่มาเข้าพบ ท่าชวี่ฉู ขณะนี้รออยู่ด้านนอกพะย่ะค่ะ”

 

ชวีฉูลูบเคราสีขาวของตนก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พระองค์อยากไปพบเจ้าเด็กน้อยหลินมู่อวี่กับข้าหรือไม่พะยะค่ะ?”

 

ฉินจิ้นส่ายหน้า “ไม่เป็นไร…ท่านขวีฉูไปเถิด”

 

“พะยะค่ะ!”

 

ชวีฉูรู้สึกได้ว่าฉันจิ้นยังคงกังวลเรื่องที่หลินมู่อวี่ที่จะกระทําการต่อต้านตนอยู่ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปพบหลินมู่อวีเพียงลําพัง

 

ด้านนอกโถงใหญ่ หลินมู่อวี่ลูบถุงย่ามของตนไปมาอย่างภูมิใจในความมั่งคั่ง

 

“อะแฮ่ม!” ชวีฉูกระแอม

 

หลินมู่อวี่หลุดจากภวังค์ก่อนจะหันมามองชวีฉูด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่ชวีฉูกลับมาแล้วหรือขอรับ?”

 

ชวีฉูพยักหน้ารับ “เจ้าเด็กโง่ ถูกเนรเทศไปเจดีย์ทงเทียนแล้วยังกลับมาได้พลังใจของเจ้าช่างน่านับถือเสียจริง”

 

“ฮ่าๆ”

“ช่างเถิด แล้วสิ่งใดอยู่ในย่ามของเจ้ากัน ถึงได้ลูบถูมันไปมาด้วยหน้าตาแปลกๆ เช่นนั้น? เจ้าลักพาตัวสาวงามมาใส่ไว้ในย่ามอย่างนั้นหรือ?” ชวีฉูเอ่ยถามด้วยท่าทางฉงน

 

“หาใช่เช่นนั้นไม่ขอรับ…” หลินมู่อวี่เปิดย่ามออกแล้วยิ้ม “ดูเอาเถิดขอรับ…”

 

ชวีฉูตกตะลึง “นี่เจ้าขโมยสมบัติจากกองคลังมารึ?”

 

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่าท่าน?” หลินมู่อวีเถียงกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านปู่เห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือขอรับ? เงินนี้ข้าได้มาจากนาพักน้ําแรงของข้าเองหาใช่ลักขโมยไม่…”

 

ชวิฉูเผลอยิ้ม “เช่นนั้นการที่เจ้าแบกย่ามใส่เงินไปทั่ว เจ้าไม่เกรงว่าผู้อื่นจะเห็นเข้าหรือ? ช่าง เถิด…ปู่ได้เอาสมบัติชิ้นหนึ่งที่เจอในส่วนลึกของป่าล่ามังกรมาให้เจ้า”

 

“มันคือสิ่งใดหรือขอรับ?” หลินมู่อวีตื่นเต้น

 

ชวีฉูนําถุงสีดําออกมาจากหน้าอกเสื้อ “สิ่งนี้คือ…”

 

หลินมู่อวี่พูดไม่ออกเมื่อเห็นถุงขนาดเล็กกว่าฝ่ามือของตนเสียอีก “นี่คงไม่ใช่ถุงใส่ผลไม่ธรรมดาใช่หรือไม่ขอรับ?”

 

“เจ้าโง่!”

 

ชวีฉูกล่าว “นี่คือถุงสรรพสิ่ง มันมีพื้นที่ด้านในมากพอที่จะใส่ได้ทุกอย่างบนโลกนี้ เจ้าสามารถ ใส่สัมภาระทั้งหมดไว้ในถุงเล็กๆ ใบนี้ได้”

 

“จริงหรือขอรับ?”

 

หลินมู่อวี่รับถุงมาและเปิดมันออกพร้อมกับลองยัดมือเข้าไป ทั้งมือของหลินมู่อวี่เข้าไปในถุง ได้อย่างน่าแปลกประหลาดภายในถุงนั้นทั้งเย็นและโล่งกว้างเหมาะสําหรับบรรจุของต่างๆ มันมีน้ําหนักที่เบาและใช้งานสะดวก ช่างเหมาะกับเศรษฐีหนุ่มอย่างเขาเสียจริง!

 

“เยี่ยมยอดมากขอรับ!”

 

หลินมู่อวี่ที่ตื่นเต้นดีใจเทเหรียญเพชรทั้งหมดใส่ถุงสรรพสิ่ง เขาเทเข้าออกอยู่หลายคราเพื่อพิสูจน์ว่าของด้านในมิได้หายไป แม้จะดูเล็กทว่าด้านในนั้นกว้างใหญ่พอๆกับห้องเก็บของขนาดใหญ่

 

หลินมู่อวี่เหนีบถุงสรรพสิ่งที่บรรจุสามร้อยเก้าสิบเหรียญเพชรด้านในไว้ที่เอวด้วยความปลื้มปิติ เขาประสานมือคํานับ “ขอบพระคุณมากขอรับท่านปู่ชวีฉู ข้าพอใจกับสมบัติชิ้นนี้มาก”

 

“เห็นเจ้าขอบข้าก็ดีใจ…เช่นนั้นจ่ายเงินค่าของมาด้วย!” ชวีฉูแบมือ

 

“ หมายความว่าเช่นไร?”

 

“ของวิเศษเช่นนี้เจ้าจะไม่มีค่าเหนื่อยให้ข้าบ้างหรือ?” ชวีฉูน้อยใจ “ถุงสรรพสิ่งนั้นหายากยิ่ง หากข้าเอาไปประมูลคงได้ไม่น้อยกว่าพันเหรียญทอง! ปู่ของเจ้ามีชีวิตน่าอดสู ได้เงินเดือนประทั้งชีพเพียงน้อยนิด เจ้าควรจะตอบแทนบุญคุณปู่เจ้าบ้าง!”

 

หลินมู่อวี่หยิบเหรียญเพชรให้ชวีสิบเหรียญอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “โปรดใช้จ่ายอย่างประ หยัดนะขอรับ…”

 

ชวีฉูรีบเก็บเหรียญไปโดยไวก่อนจะพยักหน้ารับ “อืม…ข้ารู้แล้ว”

 

ฉินเหลย เพิ่งจี้สิง ผู้หว่ยเหมียนและคนอื่นๆ ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่รู้จะตลกหรือสงสารหลินมู่อวี่ดี

 

ถึงกระนั้นหลินมู่อวก็สบายใจเมื่อรู้ว่าชวิฉูกลับมาแล้ว

 

กองกําลังเสินเวยผนวกกําลังกับเจิ้งอี้ฝานและยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สมดุลอํานาจเริ่มเอียงไปทาง ตําหนักเจิ้งอี้ฝาน ทว่าการกลับมาของขวฉทําให้สมดุลอํานาจเปลี่ยนไป ด้วยสมญาเพลิงหลอมชวีฉูแห่งเมืองหลวง เจิ้งอี้ฝานจึงทําได้เพียงสงวนท่าที่และรอเวลาที่ขั้วอํานาจจะเอียงกลับไปหาตนอีกครั้ง

 

ฉินเหลยเข้าไปกระซิบชวีฉู “ท่านชวีฉูทางสํานักอัศวินเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

 

ชวีฉูส่ายหัว “สํานักอัศวินแห่งหลิงหนานตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทว่าสํานักที่อยู่ใกล้กับเมืองหลันเยี่ยนดูเหมือนพร้อมจะก่อปัญหาได้ทุกเมื่อ ด้วยชื่อเสียงของข้าจึงยากที่จะสืบค้นข้อมูลมาได้ ข้ามีเพียงแค่ลางสังหรณ์เท่านั้น”

 

“เช่นนั้นคงจะเป็นลางร้ายขอรับ” เฟิ่งจี้สิงลูบดาบสะบั้นวาโยและกล่าวต่อ “การลอบโจมตี องค์หญิงซีและองค์หญิงฉินอิน ป่าล่ามังกรล้วนมีสํานักอัศวินอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น เป็นการกระทําที่ส่อให้เห็นถึงการก่อกบฏต่ออาณาจักรอย่างชัดเจน!”

 

ชวี่ฉูสูดหายใจ “ใช่…ทว่าเรายังไม่มีหลักฐานเอาผิดพวกมัน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+