The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 167 ภารกิจลับ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 167 ภารกิจลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.167 ภารกิจลับ

 

ทันใดนั้นประตูห้องโถงก็เปิดออกและผู้ส่งสารเดินออกมากล่าวด้วยความเคารพว่า “ทุกท่านขอรับ ฝ่าบาทมีความประสงค์ให้ท่านชวีฉู่ ท่านเฟิงจี้สิง ท่านฉู่ฮว๋ายเหมียน และท่านหลินมู่อวี่เข้า ไปด้านในห้องโถงขอรับ!”

 

“โอ้?” ชวีฉู่เผยยิ้ม

 

ทุกคนเดินตามกันไป ทว่าไม่มีใครรู้ว่าฝ่าบาททรงเรียกพวกเขาด้วยเหตุอันใด

 

หลินมู่อวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากองค์จักรพรรดิฉินจิ้นไม่เคยประสงค์จะพบเขามาก่อน..ทว่ากลับเรียกเข้าไปในห้องโถงพร้อมคนอื่นๆ

 

คนรับใช้ต่างช่วยกันเก็บงานเขียนขององค์จักรพรรดเข้าที่…ถิ่นขึ้นนั่งอยู่บนบัลลังก์ขณะที่กัมหน้าและดวงตาเผยความมืดมน ทว่าก็มิได้ตรัสอะไร

 

พวกเขายืนเป็นสองแถวโดยมีขวีนูและฉินเหลยยืนอยู่ด้านหน้า เจิ้งอี้ฝานอยู่ตรงกลาง หลินมู่อวีและนุ่ยวายเหมียนยืนท้ายแถวอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นชวนเดินไปด้านหน้าและทําความเคารพ “องค์จักพรรดิ มีสิ่งใดให้รับใช้หรือพ่ะย่ะคะ?”

 

เฉินจิ๋นทรงเงยพระพักตร์อย่างช้าๆ และตรัสว่า “สํานักอัศวิน…”

 

ชวีฉู่ตกตะลึง

 

ฉินจิ้นตรัสต่อ “สมาพันธ์นกกระจอกเพลิงร่วมกับกรมอาญากําลังตรวจสอบสํานักอัศวิน ทว่ายังคงได้ผลลัพธ์เดิมๆ แม้ว่าจะให้ท่านชวีไปตรวจสอบเป็นการส่วนตัวแล้ว ความลับของสํานักอัศวินยังมิถูกค้นพบและหากไม่พบเบาะแสใดๆ เราอาจต้องสั่งปิดสํานักอัศวิน!”

เฟิงจี้สิงประสานมือและกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิทรงทําเยี่ยงนั้นมิได้พะยะค่ะ! สํานักอัศวิน มีความสําคัญอย่างยิ่งสําหรับโลกยุทธภพ หากทรงสั่งปิดสํานักคงทําให้กองทัพสูญเสียกําลังทหารอย่างมากพะย่ะค่ะ”

 

“แล้วไม่เป็นการดีหรือ?”

 

ฉินจิ้นทรงขมวดพระขนง “หากละทิ้งวิทยายุทธและเอาดีด้านอื่น เราทําเช่นนั้นแทนมิได้หรือ?”

 

เฟิงจี้สิงพลันกล่าว “เหล่าคนพเนจรอาจบุกเข้ามาทางใต้ และดินแดนทางใต้มักไม่สามัคคี กันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากพระองค์ทรงสั่งปิดสํานักอัศวินอาจทําให้ประชาชนไม่ฝักใฝ่เรียนวิทยายุทธและไม่ต้องการเข้าร่วมกองทัพ ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ให้แก่กองทัพหลวงในภายหลังพะย่ะค่ะ”

 

ทันใดนั้น! ฉินจิ้นทรงตบพระหัตถ์ลงบนโต๊ะอย่างแรงจนทําให้กองกระดาษล้มลงจนกระจัดกระจาย ก่อนตรัสด้วยความโกรธว่า “สํานักอัศวินส่งคนไปทําร้ายเสียวอินและเสียวซี แล้วเราควรเพิกเฉยต่อเรื่องนี้!?”

 

เฟิงจี้สิงตกตะลึง ตั้งแต่รับใช้องค์จักพรรดิมาเขาไม่เคยเห็นพระองค์ทรงกริ้วเยี่ยงนี้

 

ชวี่ฉู่ประสานมืออย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมิสามารถค้นหาความลับของสํานักอัศวินได้ เนื่องจากโดนติดตามทุกฝีก้าว เหล่าผู้ดูแลถูกแต่งตั้งโดยคนจากสํานักอัศวิน ทํา ให้เคลื่อนไหวยากพะย่ะค่ะ”

 

“เช่นนั้นก็ยิ่งต้องตรวจสอบให้ละเอียดมากขึ้น!”

 

พระพักตร์ฉินจิ้นขีดลงและตรัสว่า “ข้าไม่รู้ว่าจะโดนสํานักอัศวินลอบปลงพระชนม์เมื่อใด พวกเจ้าอยากเห็นข้าถูกลักลอบฆ่าหรือไม่เล่า!?”

 

“กระหม่อมมิต้องการพะยะค่ะ!” ชวีฉู่ เฟิงจี้สิง และคนอื่นๆ ประสานมือกล่าว

 

“คิดว่าเป็นคําแนะนําแล้วกัน…” ฉินจิ้นทรงถอนพระทัยด้วยท่าทางเหนื่อยล้าก่อนจะเอนลงบนบัลลังก์

 

จากนั้นฉ่อว่ายเหมียนประสานมือและกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าเราควรส่งบุคคลที่ปราดเปรื่องและแข็งแกร่งเข้าแทรกซึมสํานักอัศวินในเมืองหลวงพะยะค่ะ เป็นวิธีการเดียวที่จะเข้าถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และกระหม่อมจะเป็นผู้อาสาเข้าไปเองพ่ะย่ะค่ะ”

 

ฉินจิ้นทรงแย้มพระสรวลก่อนตรัสว่า “ผู้บัญชาการฉ่อว่ายเหมียนจะเป็นผู้อาสารึ? ทว่าข้า ได้รับสารมาว่าผู้บัญชาการคู่กําลังสานสัมพันธ์กับบุตรีของเส้นโหวเจิ้งอี้ฝาน หากเป็นจริง คงไม่เป็นการควรที่จะปฏิบัติภารกิจครานี้”

 

ฉู่ฮว๋ายเหมียนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ฝ่าบาท แม้กระหม่อมฉู่ฮว๋ายเหมียนจะรักเจิ้งเซียงเพียงใด ทว่าความภักดีต่อฝ่าบาทมิได้แปรเปลี่ยน ขอให้ฟ้าดินเป็นพยานพะยะค่ะ!”

 

“ข้ารู้…”

 

ฉินจิ้นทรงยกพระหัตถ์พร้อมตรัสว่า “ยืนขึ้นเถิด ข้ารู้ความคิดของเจ้าดีข้าถึงได้เรียกเจ้ามาที่นี่ ยังไงเล่าถึงเจ้าจะมิได้เหมาะสมกับภารกิจนี้ ทว่าเจ้าเป็นถึงหนึ่งในผู้นําองครักษ์มังกรทําหน้า ที่ปกป้องข้าและองค์หญิงอินดังนั้นข้าจึงไม่สามารถมอบภารกิจเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ให้แก่เจ้า! ดังนั้นสมาพันธ์นกกระจอกเพลิงและกรมอาญาจะต้องเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด!”

 

การแสดงออกของนุ่ยวายเหมียนกลายเป็นสิ่งไร้ค่า หลินมู่อวี่ตระหนักถึงความสําคัญของภารกิจหลังจากมองดูเงียบๆ หากวุ่ยวายเหมียนสูญเสียความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิ เขาคงถูกปลดจากการเป็นองครักษ์อวีหสิ้น

“ฝ่าบาทพะยะค่ะ”

 

หลินมู่อวี่เดินออกมาพร้อมประสานมือและกล่าวด้วยความเคารพ “กระหม่อมเป็นหนึ่งในผู้นำองครักษ์อินทรี และการสืบราชการลับเป็นหน้าที่รับผิดชอบของหน่วย ฉู่ฮว๋ายเหมียนเป็นพี่ น้องร่วมสาบานของกระหม่อม ดังนั้นกระหม่อมจึงอาสาทําภารกิจแทนพ่ะย่ะค่ะ”

 

ฉินจิ้นหันพระพักตร์มองก่อนแย้มพระสรวล “สํานักอัศวินเต็มไปด้วยเสือซ่อนเล็บและ มังกรแปลงกาย เจ้าอาจตกอยู่ในอันตรายหากถูกจับได้ หลินมู่อวี่เจ้าจะยอมรับความเสี่ยงของภารกิจนี้หรือไม่?”

 

“พะยะค่ะ”

 

“เป็นอันว่าพวกเราจะพึ่งพาเจ้า ฉินเหลย…จัดการให้ข้าที่”

 

ถิ่นเหลยประสานมือ “พะย่ะคะฝ่าบาท!”

 

“ ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าออกไปได้”

 

“พะยะค่ะ!”

 

เมื่อทุกคนออกมาจากห้องโถง ชวีฉู่พลันขมวดคิ้วและกล่าวว่า “อาอวี่ เจ้าช่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย เจ้ายังไม่รู้เลยว่าสํานักอัศวินเป็นสถานที่แบบใด หากเจ้าจู่โจมเข้าใส่อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังอาจทําให้เจ้าตายได้”

 

หลินมู่อวี่เผยยิ้มบางๆ “มิต้องกังวลขอรับ ข้าจะทําตัวให้กลมกลืน”

 

“อืม”

ชวีฉู่กล่าวต่อ “เมื่อเจ้าเข้าไปสํานักอัศวิน เจ้าต้องเปลี่ยนชื่อแซ่ และไม่สามารถใช้วิญญาณยุทธ์นาเต้าได้อย่างอิสระ เนื่องจากเจ้าเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถกลับออกมาจากเจดีย์ทงเทียน ผู้คนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่ามีหนึ่งในเหล่าองครักษ์อวี้หลินที่ใช้วิทยายุทธดาบเป็นเลิศและยังใช้ วิญญาณยุทธ์น้ําเต้าระดับสิบได้ ซึ่งคนคนนั้นก็คือเจ้าหลินมู่อวี! เพราะฉะนั้นเจ้ามิอาจใช้วิทยายุทธเหล่านี้ในที่สาธารณะให้คนอื่นเห็นอีก…เข้าใจหรือไม่?”

 

“เข้าใจแล้วขอรับท่านอาวุโสชวีฉู่.”

 

ชวีฉู่หยุดเดินก่อนจะกล่าวว่า “จริงเจ้าต้องการทราบวิธีเข้าสํานักอัศวินใช่หรือไม่? สํานัก อัศวินมิใช่สถานที่ธรรมดา เพราะมีเหล่าทหารรับจ้างรวมตัวกันที่นั่น เจ้าคงสามารถเข้าสํานักได้ อย่างง่ายดายด้วยพละกําลังที่เจ้ามี ทว่าอาจปลอดภัยกว่าหากมีจดหมายแนะนำ”

 

“จดหมายแนะนํา” หลินมู่อวี่ประหลาดใจ “ในหมู่พวกเรามีผู้ใดใกล้ชิดกับสํานักอัศวินหรือไม่ขอรับ?”

 

เฟิงจี้สิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “อาอวี่ พวกเราทุกคนเป็นองครักษ์รักษาพระองค์ผู้รับใช้ตระกูลฉิน และสํานักอัศวินเป็นกลุ่มคนรักอิสระ เจ้าคิดว่าพวกเราจะใกล้ชิดกับพวกเขาหรือไม่?

 

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนขมวดคิ้วและกล่าวอย่างลังเล “ข้าพอจะรู้จักคนที่จะช่วยเจ้าได้”

 

“ผู้ใด?”

 

“เป็นบุคคลที่เจ้าใกล้ชิด”

 

“ใครกัน?”

 

“จินเสี่ยวถัง” ฉ่อว่ายเหมียนเผยยิ้มจางๆ “จินเสี่ยวถังเป็นหนึ่งในหัวหน้าร้านค้าแห่งจักรวรรดิ กว่านางจะมาถึงจุดนี้ นางคงผ่านการค้าขายมาทุกรูปแบบ ข้าได้ยินมาว่าจินเสี่ยวถังรับซื้อสินค้าจากพวกทหารรับจ้างของสํานักอัศวินด้วย”

 

“อืม ขาเข้าใจแล้ว”

 

หลินมู่อวี่ประสานมือก่อนจะเตรียมม้าและเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา เขากล่าวอําลาชวีฉู่ เฟิงจี้สิง และคนอื่นๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ร้านค้าแห่งจักรวรรดิ

 

เรื่องคราวนี้เกี่ยวข้องกับฉันอิน ถังเสี่ยวซี ฉู่ฮว๋ายเหมียน และความปลอดภัยของคนอื่นๆ ดังนั้นหลินมู่อวี่ที่จําเป็นต้องทําภารกิจนี้ให้สําเร็จ

 

อีกทั้งหลินมู่อวี่รู้สึกว่ามีแผนการใหญ่บางอย่างอยู่เบื้องหลังสํานักอัศวิน ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินความเป็นความตายของจักรวรรดิ

 

ภายในร้านค้าแห่งจักรวรรดิ จินเสี่ยวถึงกําลังคํานวณกําไรที่พวกเขาได้รับวันนี้ จากนั้นเธอยิ้ม ให้จินซ่านปังที่อยู่ข้างๆ “ท่านพ่อ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิของเราทําเงินรวมกว่าหนึ่งล้านเหรียญทอง ภายในวันเดียว ฮ่าๆๆ นี่มันยอดเยี่ยมไปเลย มาดูกันสิว่าร้านค้าอื่นๆ จะมาชิงตําแหน่งร้านค้าที่ดีที่สุดในเมืองหลวงได้อย่างไร ฮึ่ม!”

 

จินซ่านบังสูบยาสูบพลางเงยหน้าขึ้นมองบุตรสาว “โชคอยู่กับเราจริงๆ ที่มีหลินมู่อวี่ เจ้าเด็ก นั่นมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่”

 

“จริงเจ้าค่ะ”

 

จนเสียวถังขยิบตาและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถึงอย่างไรมันก็เป็นการดีที่พี่ใหญ่อาอวขายสินค้า ให้กับร้านของเรา เรามจําเป็นต้องขวนขวายหาความจริงในสิ่งที่หลินมู่อวี่ไม่ต้องการบอกเราหรอก

 

จากนั้นผู้จัดการก็เดินเข้ามาและกล่าวว่า “คุณหนูเสียวถึง หลินมู่อวี่ต้องการพบขอรับ”

 

“หลินมู่อวี่มาเพื่อพบเจ้างั้นเหรอ?” จินซ่านบังตกตะลึง “เขามีธุระกับเจ้า?”

 

จินเสี่ยวถึงหรีตาคู่งามลง “ไม่ใช่ มันน่าจะเป็นอย่างอื่น ท่านพ่อมิต้องกังวล เชิญยิ้มชาต่อเถิด แล้วข้าจะออกไปดูเอง”

 

“ไปเถิด”

 

หลินมู่อวีรออยู่ด้านหลังห้องโถง จากนั้นจนเสียวถึงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายอาอวี มีธุระอันใดกับเสี่ยวถึงหรือเจ้าคะ?”

 

หลินมู่อวี่มองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าต้องการคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว”

 

จินเสี่ยวถึงบอกให้ทุกคนออกจากห้องทันที พร้อมกล่าวเสียงใสว่า “ครานี้บอกข้าได้หรือยังเจ้าคะ?”

 

หลินมู่อวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “เสียวถึง เจ้าสนิทกับคนของสํานักอัศวินหรือไม่?”

 

“เรื่องนี้” จินเสี่ยวถังอีกอักก่อนจะถามว่า “พี่ใหญ่อาอถามเรื่องนี้ทําไมเจ้าคะ?”

 

“ข้าเพียงอยากรู้ก็เท่านั้น เนื่องจากข้าต้องการจดหมายแนะนาต่อสํานักอัศวินเพื่อบรรลุภารกิจอันสําคัญ” หลินมู่อวี่ไม่ต้องการปกปิดสิ่งใดต่อจนเสียวถึง จึงพูดออกไปอย่างเถรตรง

 

จินเสี่ยวถึงหัวเราะคิกคัก “ขอบคุณท่านพี่ใหญ่อาอวที่ไว้ใจในตัวเสี่ยวถัง หากเป็นเช่นนั้นแล้ว..ข้าสามารถช่วยท่านได้เจ้าค่ะ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิของเราทําการค้ากับสาขาเสียวหลินที่ปาล่ามังกรมาโดยตลอด ข้าจึงมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจะว่าอะไรไหมหากข้าเป็นคนเขียนจดหมายแนะนําเอง? ข้าควรเขียนว่าอย่างไรดีเจ้าคะ…หลินมู่อวีแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ หรือหลินมู่อวีแห่งองครักษ์อวี้หลิน?”

 

“ไม่ใช่ทั้งสอง ข้าต้องการตัวตนใหม่”

 

“โอ้” จินเสี่ยวถึงหรีตาคู่งามลงก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะมอบตัวตนใหม่ให้ท่านเอง อื่ม..เป็นทหารรับจ้างพเนจรที่ไหมเจ้าคะ?”

 

“ดีเลย”

 

“ควรใช้ชื่อแข่อะไรดีเจ้าคะ?”

 

“หลินหยานดีหรือไม่?” หลินมู่อวี่ครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมา ที่จริงชื่อหลินหยานนี้เป็นของพี่ ชายในโลกนอกเกม ดังนั้นถ้าหากเขาจะขอยืมชื่อนี้มาใช้มันคงแย่เท่าไหร่หรอก

 

“เจ้าค่ะ”

 

จินเสี่ยวถังยกปากกาโลหะขึ้นมาเขียนเสร็จภายในเวลาไม่กี่นาที หลังจากรอหมึกแห้ง เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เอาละ สาขาเสียวหลินเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลันเยียนซึ่งมีสมาชิกมากกว่าห้าร้อยคนตลอดทั้งปี พี่อาอวี…ท่านต้องระวังตัวให้ดี เพราะที่นั้นเต็มไปด้วยเสือซ่อนเล็บและมังกรแปลงกาย”

 

“อื้อ ข้าจะระวัง!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 167 ภารกิจลับ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 167 ภารกิจลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.167 ภารกิจลับ

 

ทันใดนั้นประตูห้องโถงก็เปิดออกและผู้ส่งสารเดินออกมากล่าวด้วยความเคารพว่า “ทุกท่านขอรับ ฝ่าบาทมีความประสงค์ให้ท่านชวีฉู่ ท่านเฟิงจี้สิง ท่านฉู่ฮว๋ายเหมียน และท่านหลินมู่อวี่เข้า ไปด้านในห้องโถงขอรับ!”

 

“โอ้?” ชวีฉู่เผยยิ้ม

 

ทุกคนเดินตามกันไป ทว่าไม่มีใครรู้ว่าฝ่าบาททรงเรียกพวกเขาด้วยเหตุอันใด

 

หลินมู่อวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากองค์จักรพรรดิฉินจิ้นไม่เคยประสงค์จะพบเขามาก่อน..ทว่ากลับเรียกเข้าไปในห้องโถงพร้อมคนอื่นๆ

 

คนรับใช้ต่างช่วยกันเก็บงานเขียนขององค์จักรพรรดเข้าที่…ถิ่นขึ้นนั่งอยู่บนบัลลังก์ขณะที่กัมหน้าและดวงตาเผยความมืดมน ทว่าก็มิได้ตรัสอะไร

 

พวกเขายืนเป็นสองแถวโดยมีขวีนูและฉินเหลยยืนอยู่ด้านหน้า เจิ้งอี้ฝานอยู่ตรงกลาง หลินมู่อวีและนุ่ยวายเหมียนยืนท้ายแถวอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นชวนเดินไปด้านหน้าและทําความเคารพ “องค์จักพรรดิ มีสิ่งใดให้รับใช้หรือพ่ะย่ะคะ?”

 

เฉินจิ๋นทรงเงยพระพักตร์อย่างช้าๆ และตรัสว่า “สํานักอัศวิน…”

 

ชวีฉู่ตกตะลึง

 

ฉินจิ้นตรัสต่อ “สมาพันธ์นกกระจอกเพลิงร่วมกับกรมอาญากําลังตรวจสอบสํานักอัศวิน ทว่ายังคงได้ผลลัพธ์เดิมๆ แม้ว่าจะให้ท่านชวีไปตรวจสอบเป็นการส่วนตัวแล้ว ความลับของสํานักอัศวินยังมิถูกค้นพบและหากไม่พบเบาะแสใดๆ เราอาจต้องสั่งปิดสํานักอัศวิน!”

เฟิงจี้สิงประสานมือและกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิทรงทําเยี่ยงนั้นมิได้พะยะค่ะ! สํานักอัศวิน มีความสําคัญอย่างยิ่งสําหรับโลกยุทธภพ หากทรงสั่งปิดสํานักคงทําให้กองทัพสูญเสียกําลังทหารอย่างมากพะย่ะค่ะ”

 

“แล้วไม่เป็นการดีหรือ?”

 

ฉินจิ้นทรงขมวดพระขนง “หากละทิ้งวิทยายุทธและเอาดีด้านอื่น เราทําเช่นนั้นแทนมิได้หรือ?”

 

เฟิงจี้สิงพลันกล่าว “เหล่าคนพเนจรอาจบุกเข้ามาทางใต้ และดินแดนทางใต้มักไม่สามัคคี กันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากพระองค์ทรงสั่งปิดสํานักอัศวินอาจทําให้ประชาชนไม่ฝักใฝ่เรียนวิทยายุทธและไม่ต้องการเข้าร่วมกองทัพ ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ให้แก่กองทัพหลวงในภายหลังพะย่ะค่ะ”

 

ทันใดนั้น! ฉินจิ้นทรงตบพระหัตถ์ลงบนโต๊ะอย่างแรงจนทําให้กองกระดาษล้มลงจนกระจัดกระจาย ก่อนตรัสด้วยความโกรธว่า “สํานักอัศวินส่งคนไปทําร้ายเสียวอินและเสียวซี แล้วเราควรเพิกเฉยต่อเรื่องนี้!?”

 

เฟิงจี้สิงตกตะลึง ตั้งแต่รับใช้องค์จักพรรดิมาเขาไม่เคยเห็นพระองค์ทรงกริ้วเยี่ยงนี้

 

ชวี่ฉู่ประสานมืออย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมิสามารถค้นหาความลับของสํานักอัศวินได้ เนื่องจากโดนติดตามทุกฝีก้าว เหล่าผู้ดูแลถูกแต่งตั้งโดยคนจากสํานักอัศวิน ทํา ให้เคลื่อนไหวยากพะย่ะค่ะ”

 

“เช่นนั้นก็ยิ่งต้องตรวจสอบให้ละเอียดมากขึ้น!”

 

พระพักตร์ฉินจิ้นขีดลงและตรัสว่า “ข้าไม่รู้ว่าจะโดนสํานักอัศวินลอบปลงพระชนม์เมื่อใด พวกเจ้าอยากเห็นข้าถูกลักลอบฆ่าหรือไม่เล่า!?”

 

“กระหม่อมมิต้องการพะยะค่ะ!” ชวีฉู่ เฟิงจี้สิง และคนอื่นๆ ประสานมือกล่าว

 

“คิดว่าเป็นคําแนะนําแล้วกัน…” ฉินจิ้นทรงถอนพระทัยด้วยท่าทางเหนื่อยล้าก่อนจะเอนลงบนบัลลังก์

 

จากนั้นฉ่อว่ายเหมียนประสานมือและกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าเราควรส่งบุคคลที่ปราดเปรื่องและแข็งแกร่งเข้าแทรกซึมสํานักอัศวินในเมืองหลวงพะยะค่ะ เป็นวิธีการเดียวที่จะเข้าถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และกระหม่อมจะเป็นผู้อาสาเข้าไปเองพ่ะย่ะค่ะ”

 

ฉินจิ้นทรงแย้มพระสรวลก่อนตรัสว่า “ผู้บัญชาการฉ่อว่ายเหมียนจะเป็นผู้อาสารึ? ทว่าข้า ได้รับสารมาว่าผู้บัญชาการคู่กําลังสานสัมพันธ์กับบุตรีของเส้นโหวเจิ้งอี้ฝาน หากเป็นจริง คงไม่เป็นการควรที่จะปฏิบัติภารกิจครานี้”

 

ฉู่ฮว๋ายเหมียนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ฝ่าบาท แม้กระหม่อมฉู่ฮว๋ายเหมียนจะรักเจิ้งเซียงเพียงใด ทว่าความภักดีต่อฝ่าบาทมิได้แปรเปลี่ยน ขอให้ฟ้าดินเป็นพยานพะยะค่ะ!”

 

“ข้ารู้…”

 

ฉินจิ้นทรงยกพระหัตถ์พร้อมตรัสว่า “ยืนขึ้นเถิด ข้ารู้ความคิดของเจ้าดีข้าถึงได้เรียกเจ้ามาที่นี่ ยังไงเล่าถึงเจ้าจะมิได้เหมาะสมกับภารกิจนี้ ทว่าเจ้าเป็นถึงหนึ่งในผู้นําองครักษ์มังกรทําหน้า ที่ปกป้องข้าและองค์หญิงอินดังนั้นข้าจึงไม่สามารถมอบภารกิจเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ให้แก่เจ้า! ดังนั้นสมาพันธ์นกกระจอกเพลิงและกรมอาญาจะต้องเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด!”

 

การแสดงออกของนุ่ยวายเหมียนกลายเป็นสิ่งไร้ค่า หลินมู่อวี่ตระหนักถึงความสําคัญของภารกิจหลังจากมองดูเงียบๆ หากวุ่ยวายเหมียนสูญเสียความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิ เขาคงถูกปลดจากการเป็นองครักษ์อวีหสิ้น

“ฝ่าบาทพะยะค่ะ”

 

หลินมู่อวี่เดินออกมาพร้อมประสานมือและกล่าวด้วยความเคารพ “กระหม่อมเป็นหนึ่งในผู้นำองครักษ์อินทรี และการสืบราชการลับเป็นหน้าที่รับผิดชอบของหน่วย ฉู่ฮว๋ายเหมียนเป็นพี่ น้องร่วมสาบานของกระหม่อม ดังนั้นกระหม่อมจึงอาสาทําภารกิจแทนพ่ะย่ะค่ะ”

 

ฉินจิ้นหันพระพักตร์มองก่อนแย้มพระสรวล “สํานักอัศวินเต็มไปด้วยเสือซ่อนเล็บและ มังกรแปลงกาย เจ้าอาจตกอยู่ในอันตรายหากถูกจับได้ หลินมู่อวี่เจ้าจะยอมรับความเสี่ยงของภารกิจนี้หรือไม่?”

 

“พะยะค่ะ”

 

“เป็นอันว่าพวกเราจะพึ่งพาเจ้า ฉินเหลย…จัดการให้ข้าที่”

 

ถิ่นเหลยประสานมือ “พะย่ะคะฝ่าบาท!”

 

“ ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าออกไปได้”

 

“พะยะค่ะ!”

 

เมื่อทุกคนออกมาจากห้องโถง ชวีฉู่พลันขมวดคิ้วและกล่าวว่า “อาอวี่ เจ้าช่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย เจ้ายังไม่รู้เลยว่าสํานักอัศวินเป็นสถานที่แบบใด หากเจ้าจู่โจมเข้าใส่อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังอาจทําให้เจ้าตายได้”

 

หลินมู่อวี่เผยยิ้มบางๆ “มิต้องกังวลขอรับ ข้าจะทําตัวให้กลมกลืน”

 

“อืม”

ชวีฉู่กล่าวต่อ “เมื่อเจ้าเข้าไปสํานักอัศวิน เจ้าต้องเปลี่ยนชื่อแซ่ และไม่สามารถใช้วิญญาณยุทธ์นาเต้าได้อย่างอิสระ เนื่องจากเจ้าเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถกลับออกมาจากเจดีย์ทงเทียน ผู้คนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่ามีหนึ่งในเหล่าองครักษ์อวี้หลินที่ใช้วิทยายุทธดาบเป็นเลิศและยังใช้ วิญญาณยุทธ์น้ําเต้าระดับสิบได้ ซึ่งคนคนนั้นก็คือเจ้าหลินมู่อวี! เพราะฉะนั้นเจ้ามิอาจใช้วิทยายุทธเหล่านี้ในที่สาธารณะให้คนอื่นเห็นอีก…เข้าใจหรือไม่?”

 

“เข้าใจแล้วขอรับท่านอาวุโสชวีฉู่.”

 

ชวีฉู่หยุดเดินก่อนจะกล่าวว่า “จริงเจ้าต้องการทราบวิธีเข้าสํานักอัศวินใช่หรือไม่? สํานัก อัศวินมิใช่สถานที่ธรรมดา เพราะมีเหล่าทหารรับจ้างรวมตัวกันที่นั่น เจ้าคงสามารถเข้าสํานักได้ อย่างง่ายดายด้วยพละกําลังที่เจ้ามี ทว่าอาจปลอดภัยกว่าหากมีจดหมายแนะนำ”

 

“จดหมายแนะนํา” หลินมู่อวี่ประหลาดใจ “ในหมู่พวกเรามีผู้ใดใกล้ชิดกับสํานักอัศวินหรือไม่ขอรับ?”

 

เฟิงจี้สิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “อาอวี่ พวกเราทุกคนเป็นองครักษ์รักษาพระองค์ผู้รับใช้ตระกูลฉิน และสํานักอัศวินเป็นกลุ่มคนรักอิสระ เจ้าคิดว่าพวกเราจะใกล้ชิดกับพวกเขาหรือไม่?

 

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนขมวดคิ้วและกล่าวอย่างลังเล “ข้าพอจะรู้จักคนที่จะช่วยเจ้าได้”

 

“ผู้ใด?”

 

“เป็นบุคคลที่เจ้าใกล้ชิด”

 

“ใครกัน?”

 

“จินเสี่ยวถัง” ฉ่อว่ายเหมียนเผยยิ้มจางๆ “จินเสี่ยวถังเป็นหนึ่งในหัวหน้าร้านค้าแห่งจักรวรรดิ กว่านางจะมาถึงจุดนี้ นางคงผ่านการค้าขายมาทุกรูปแบบ ข้าได้ยินมาว่าจินเสี่ยวถังรับซื้อสินค้าจากพวกทหารรับจ้างของสํานักอัศวินด้วย”

 

“อืม ขาเข้าใจแล้ว”

 

หลินมู่อวี่ประสานมือก่อนจะเตรียมม้าและเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา เขากล่าวอําลาชวีฉู่ เฟิงจี้สิง และคนอื่นๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ร้านค้าแห่งจักรวรรดิ

 

เรื่องคราวนี้เกี่ยวข้องกับฉันอิน ถังเสี่ยวซี ฉู่ฮว๋ายเหมียน และความปลอดภัยของคนอื่นๆ ดังนั้นหลินมู่อวี่ที่จําเป็นต้องทําภารกิจนี้ให้สําเร็จ

 

อีกทั้งหลินมู่อวี่รู้สึกว่ามีแผนการใหญ่บางอย่างอยู่เบื้องหลังสํานักอัศวิน ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินความเป็นความตายของจักรวรรดิ

 

ภายในร้านค้าแห่งจักรวรรดิ จินเสี่ยวถึงกําลังคํานวณกําไรที่พวกเขาได้รับวันนี้ จากนั้นเธอยิ้ม ให้จินซ่านปังที่อยู่ข้างๆ “ท่านพ่อ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิของเราทําเงินรวมกว่าหนึ่งล้านเหรียญทอง ภายในวันเดียว ฮ่าๆๆ นี่มันยอดเยี่ยมไปเลย มาดูกันสิว่าร้านค้าอื่นๆ จะมาชิงตําแหน่งร้านค้าที่ดีที่สุดในเมืองหลวงได้อย่างไร ฮึ่ม!”

 

จินซ่านบังสูบยาสูบพลางเงยหน้าขึ้นมองบุตรสาว “โชคอยู่กับเราจริงๆ ที่มีหลินมู่อวี่ เจ้าเด็ก นั่นมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่”

 

“จริงเจ้าค่ะ”

 

จนเสียวถังขยิบตาและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถึงอย่างไรมันก็เป็นการดีที่พี่ใหญ่อาอวขายสินค้า ให้กับร้านของเรา เรามจําเป็นต้องขวนขวายหาความจริงในสิ่งที่หลินมู่อวี่ไม่ต้องการบอกเราหรอก

 

จากนั้นผู้จัดการก็เดินเข้ามาและกล่าวว่า “คุณหนูเสียวถึง หลินมู่อวี่ต้องการพบขอรับ”

 

“หลินมู่อวี่มาเพื่อพบเจ้างั้นเหรอ?” จินซ่านบังตกตะลึง “เขามีธุระกับเจ้า?”

 

จินเสี่ยวถึงหรีตาคู่งามลง “ไม่ใช่ มันน่าจะเป็นอย่างอื่น ท่านพ่อมิต้องกังวล เชิญยิ้มชาต่อเถิด แล้วข้าจะออกไปดูเอง”

 

“ไปเถิด”

 

หลินมู่อวีรออยู่ด้านหลังห้องโถง จากนั้นจนเสียวถึงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายอาอวี มีธุระอันใดกับเสี่ยวถึงหรือเจ้าคะ?”

 

หลินมู่อวี่มองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าต้องการคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว”

 

จินเสี่ยวถึงบอกให้ทุกคนออกจากห้องทันที พร้อมกล่าวเสียงใสว่า “ครานี้บอกข้าได้หรือยังเจ้าคะ?”

 

หลินมู่อวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “เสียวถึง เจ้าสนิทกับคนของสํานักอัศวินหรือไม่?”

 

“เรื่องนี้” จินเสี่ยวถังอีกอักก่อนจะถามว่า “พี่ใหญ่อาอถามเรื่องนี้ทําไมเจ้าคะ?”

 

“ข้าเพียงอยากรู้ก็เท่านั้น เนื่องจากข้าต้องการจดหมายแนะนาต่อสํานักอัศวินเพื่อบรรลุภารกิจอันสําคัญ” หลินมู่อวี่ไม่ต้องการปกปิดสิ่งใดต่อจนเสียวถึง จึงพูดออกไปอย่างเถรตรง

 

จินเสี่ยวถึงหัวเราะคิกคัก “ขอบคุณท่านพี่ใหญ่อาอวที่ไว้ใจในตัวเสี่ยวถัง หากเป็นเช่นนั้นแล้ว..ข้าสามารถช่วยท่านได้เจ้าค่ะ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิของเราทําการค้ากับสาขาเสียวหลินที่ปาล่ามังกรมาโดยตลอด ข้าจึงมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจะว่าอะไรไหมหากข้าเป็นคนเขียนจดหมายแนะนําเอง? ข้าควรเขียนว่าอย่างไรดีเจ้าคะ…หลินมู่อวีแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ หรือหลินมู่อวีแห่งองครักษ์อวี้หลิน?”

 

“ไม่ใช่ทั้งสอง ข้าต้องการตัวตนใหม่”

 

“โอ้” จินเสี่ยวถึงหรีตาคู่งามลงก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะมอบตัวตนใหม่ให้ท่านเอง อื่ม..เป็นทหารรับจ้างพเนจรที่ไหมเจ้าคะ?”

 

“ดีเลย”

 

“ควรใช้ชื่อแข่อะไรดีเจ้าคะ?”

 

“หลินหยานดีหรือไม่?” หลินมู่อวี่ครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมา ที่จริงชื่อหลินหยานนี้เป็นของพี่ ชายในโลกนอกเกม ดังนั้นถ้าหากเขาจะขอยืมชื่อนี้มาใช้มันคงแย่เท่าไหร่หรอก

 

“เจ้าค่ะ”

 

จินเสี่ยวถังยกปากกาโลหะขึ้นมาเขียนเสร็จภายในเวลาไม่กี่นาที หลังจากรอหมึกแห้ง เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เอาละ สาขาเสียวหลินเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลันเยียนซึ่งมีสมาชิกมากกว่าห้าร้อยคนตลอดทั้งปี พี่อาอวี…ท่านต้องระวังตัวให้ดี เพราะที่นั้นเต็มไปด้วยเสือซ่อนเล็บและมังกรแปลงกาย”

 

“อื้อ ข้าจะระวัง!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+