The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 173 ป่าเถื่อนและโหดร้าย

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 173 ป่าเถื่อนและโหดร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เสียบหัวประจานซะ!” หลี่เฉียนซุนกล่าวอย่างเลือดเย็น

ทันใดนั้นเหล่าทหารฝึกหัดก็เสียบหัวทหารรับจ้างกับหอกก่อนจะปักไว้รอบหมู่บ้าน และส่งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง

หลินมู่อวี่มองไปยังศีรษะที่ตั้งเรียงรายพลางรู้สึกใจสั่น แม้จะใช้ชีวิตมานานพอสมควรและเริ่มคุ้นชินกับความโหดร้ายของโลกนี้แล้ว ทว่าเมื่อเห็นผู้คนที่ยังมีชีวิตเมื่อครู่กลายเป็นซากศพเย็นเฉียบ พลันรู้สึกว่าดวงตาไร้แววเหล่านั้นช่างดูน่าสยดสยองเหลือเกิน

หัวหน้าหมู่บ้านผู้มีผมขาวอีกทั้งหนวดเครายาว ถูกทหารฝึกหัดนำตัวไปยังกลุ่มหลี่เฉียนซุน ชายผู้นั้นประสานมือคำนับ “อาวุโสผู้นี้นามว่าเจิ้นหลี่แห่งหมู่บ้านทะเลคราม ท่านขอรับ…ระ…เรา…”

“หุบปาก!”

หลี่เฉียนซุนกล่าวตัดบทอย่างเย็นชา “มีเหล็กบริสุทธิ์อยู่เท่าใดในร้านช่างตีเหล็กของเจ้า? นำมาให้ข้าทั้งหมด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ปรานี”

ใบหน้าเจิ้นหลี่ซีดเซียว “ท…ท่านเป็นคนของสำนักอัศวินซึ่งมีความชอบธรรม ชาวบ้านหลายพันคนในหมู่บ้านทะเลครามจำต้องใช้เหล็กบริสุทธิ์เพื่อความอยู่รอด เราขอให้ท่านช่วยพวกเรา…”

“หยุดพูด!”

หลี่เฉียนซุนก้าวลงมาหาเจิ้นหลี่ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วออกคำสั่ง “ไปรวบรวมเด็กสาวทั้งหมดมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เร็ว!”

หลินมู่อวี่ชิงถามอย่างรวดเร็ว “ท่านราชทูต เหตุใดจึงต้องรวบรวมเด็กสาวในหมู่บ้านนี้ด้วยขอรับ?”

หลี่เฉียนซุนตอบเสียงแผ่วเบา “ในสำนักอัศวินไม่ว่าจะเป็นนางบำเรอหรือสาวใช้ พวกเราทุกคนต่างก็ต้องการเด็กสาววัยแรกแย้มทั้งนั้น อีกทั้งมิได้มีเงินทองมากพอที่จะซื้อจากตลาดทาส จึงต้องมาคัดเลือกเอาจากหมู่บ้านเหล่านี้อย่างไรล่ะ”

“แต่นี่ไม่ใช่การคัดเลือกนะขอรับ มันคือการรุกรานอย่างป่าเถื่อน!”

“หลินหยาน!”

ดวงตาหลี่เฉียนซุนเปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมคำรามเสียงทุ้มต่ำ “อย่าลืมสถานะของเจ้าด้วย! เจ้าเป็นทหารเหรียญเงินแห่งสำนักอัศวินของเรา และคงต้องการหญิงสาวเช่นเดียวกัน สิ่งนี้เป็นเพียงการทำเพื่อสำนักอัศวินเท่านั้น เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ได้เข้ามาขัดขวางเยี่ยงนี้? ต้องการเป็นศัตรูกับสำนักอัศวินอย่างนั้นรึ?”

หลินมู่อวี่กำหมัดแน่นจนปราณยุทธ์ปรากฏขึ้นรอบหมัด

เมื่อหลัวอวี่เห็นดังนั้นจึงรีบประสานมือและกล่าวว่า “ท่านราชทูตหลี่ หลินหยานโค่นเนียหยาลงได้ และสมควรแก่การเลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญทอง โปรดอภัยต่อความผิดพลาดของเขาด้วยขอรับ!”

หลี่เฉียนซุนหัวเราะอย่างเย็นชา “ท่านหลินหยาน ข้าหวังว่าท่านจะสำนึกถึงสิ่งที่กระทำ ในเมื่อจะได้เป็นทหารเหรียญทองในไม่ช้า ก็มิควรกล่าวพล่อยๆ เยี่ยงนี้ การรวบรวมสาวใช้เพื่อสำนักอัศวินเป็นประเพณีอย่างหนึ่ง หากไม่มีสาวงามเป็นของกำนัล แล้วใครกันเล่าจะอุทิศตัวเพื่อสำนักอัศวิน?”

หลินมู่อวี่นิ่งเงียบขณะที่ยังคงกำหมัดแน่น เส้นเลือดปูดขึ้นราวกับว่าเขาพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

หลงหยานตบไหล่หลินมู่อวี่พลางหัวเราะ “ท่านหลินหยาน เมื่อครั้งที่ข้ายังมีความฝันและคิดว่าตัวเองมีความชอบธรรม ข้าท่องยุทธภพไปทั่วหล้า จากนั้นข้าก็พบว่าการท่องยุทธภพจำเป็นต้องใช้ทั้งเงินและหญิงสาว เราทุกคนต่างเป็นมนุษย์ผู้ไม่สามารถหลบหนีจากความตาย แล้วเหตุใดจึงไม่หาความสุขให้ตัวเองเสียล่ะ?”

หลัวอวี่ใช้สายตาบอกหลินมู่อวี่ให้อดทนไว้

หลินมู่อวี่คลายหมัดอย่างช้าๆ และกล่าวว่า “ท่านราชทูตหลี่เฉียนซุนพูดถูกขอรับ ข้าไม่มีข้อกังขาใดๆ”

“ฮ่าๆ ใช่แล้ว!”

หลี่เฉียนซุนหัวเราะเสียงดังลั่น “โลกนี้สรรเสริญผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น หากกำปั้นของใครแข็งกว่ากันก็จะได้รับทั้งเงินทองและหญิงสาว และสำนักอัศวินคุ้มกะลาหัวเจ้าได้ แต่เจ้าต้องแสดงความภักดีออกมาให้เห็น เข้าใจหรือไม่?”

“ขอรับ”

หลินมู่อวี่ประสานมือก่อนจะจูงม้าออกไป เขายืนสงบเงียบและหลับตาลง คิ้วยาวสั่นไหวเล็กน้อย หลินมู่อวี่ไม่ต้องการเห็นหรือได้ยินสิ่งใดอีก

เสียงร้องของเด็กสาวดังขึ้นระงม เด็กสาวราวสองร้อยคนในหมู่บ้านทะเลครามถูกล่ามโซ่และลากออกไปโดยทหารของสำนักอัศวิน ทันใดนั้นหลินมู่อวี่ก็ตระหนักได้ว่าห่วงโซ่มิได้ถูกเตรียมไว้เพื่อล่ามทหารรับจ้าง…แต่เป็นเหล่าเด็กสาวต่างหาก! หลี่เฉียนซุนไม่ได้วางแผนจะไว้ชีวิตพวกทหารรับจ้างตั้งแต่แรกแล้ว!

ม้าเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ขณะที่ภายในใจหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากระทำนั้นถูกหรือผิด ทว่าก็ไม่มีทางเลือกอื่น…ทุกย่างก้าวบนผืนแผ่นดินนี้ลากเขาจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ เป็นอย่างที่หลงเหยียนกล่าว เขาเป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า และไม่สามารถควบคุมโลกใบนี้…

เสียงร้องของเหล่าเด็กสาวดังขึ้นอีกครั้ง หลินมู่อวี่พลันเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้าและถอนหายใจ เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ด้วยตัวคนเดียว…แล้วเขาทำอะไรได้บ้าง?

หลินมู่อวี่จ้องมองหลี่เฉียนซุนตรงหน้าและกำหมัดอีกครั้ง ก่อนจะให้คำปฏิญาณกับตัวเองว่าต้องสังหารคนผู้นี้ให้ได้!

พวกเขากลับมาถึงสำนักอัศวินในเวลาพลบค่ำ จากนั้นราชทูตใหญ่จีหยางจัดงานเลี้ยงฉลองสำหรับทุกคน ทว่าหลินมู่อวี่ไม่รู้สึกอยากอาหาร และแม้ว่าหลัวอวี่จะมอบตราทหารเหรียญทองให้ หลินมู่อวี่ก็ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายใดๆ พร้อมทั้งร่างกายเริ่มด้านชา ขณะเดียวกันมีเสียงหัวเราะของเหล่าทหารและทหารฝึกหัดดังขึ้นมาจากด้านนอก

เมื่องานเลี้ยงจบลง หลินมู่อวี่เดินออกจากกองบัญชาการและเห็นหวังเทียนเซี้ยสวมตราทหารเหรียญเงินอยู่ไกลๆ ดูเหมือนว่าศิลาวิญญาณจิ้งจอกเงินอายุหนึ่งพันหนึ่งร้อยปีจะช่วยให้เขาเลื่อนขั้นไปถึงระดับทหารเหรียญเงิน

หวังเทียนเซี้ยจำหลินมู่อวี่ได้ก่อนจะรีบประสานมือเคารพอย่างรวดเร็ว “ท่านหลินหยาน ท่านเลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญทองแล้ว…”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “เจ้าเองก็ได้เลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญเงินอย่างนั้นหรือ?”

“ฮ่า…”

หวังเทียนเซี้ยรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ท่านหลินหยานทราบดีว่าเหตุใดข้าจึงสามารถเลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญเงินได้ มันเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น ส่วนท่านหลินหยานเลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญทองด้วยความสามารถของตัวเอง ทั้งกองบัญชาการต่างก็พูดถึงวีรกรรมที่ท่านสังหารเนียหยา…”

หลินมู่อวี่ไม่มีกะจิตกะใจจะสนทนาด้วยจึงเพียงพยักหน้ารับและเดินจากไป

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางของเด็กสาวอย่างน่าเวทนาจากห้องด้านข้าง มีกลุ่มหญิงสาวและทหารเหรียญเงินรออยู่ด้านนอก ก่อนจะมีคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา “เฮ้ยๆ ต่อไปเป็นข้านะเว้ย สาวน้อยผู้นี้งามจริงเชียว ฮ่าๆๆ ข้าช่างโชคดีเหลือเกิน…”

หลินมู่อวี่รีบเดินเข้าไปด้วยใบหน้าซีดเซียว “นั่นเจ้าจะทำอะไร?”

ทหารเหรียญเงินประสานหมัดคำนับ “ท่านหลินหยาน…นี่คือสิ่งที่ยึดได้จากการรบที่หมู่บ้านทะเลคราม เหล่าพี่น้องกำลังเพลิดเพลินกับสาวงามขอรับ! หากท่านหลินหยานสนใจ พวกเราจะมอบสาวงามให้นางหนึ่ง ว่าอย่างไรขอรับ?”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “ม…ไม่เป็นไร…”

ทหารเหรียญเงินนายนั้นพลันลูบคางพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ท่านแน่ใจหรือขอรับ? เช่นนั้น…ข้าจะขอรับส่วนแบ่งของท่านละกัน ขอบคุณสำหรับความกรุณาขอรับ ฮ่าๆๆ…”

หลินมู่อวี่รู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจ ใช่แล้ว…หากเขาไม่ต้องการ เด็กสาวเหล่านี้คงไม่มีทางรอดพ้นจากชะตากรรมอันโหดร้าย

หลินมู่อวี่กัดฟันก่อนกล่าวว่า “เยี่ยงนั้น…ข้าขอสาวงามสามนาง พามาที่ห้องข้าด้วย!”

“ขอรับ ข้าจะให้คนพาไปส่งถึงห้อง และรับประกันว่าจะไม่มีใครแตะต้องหญิงสาวเหล่านั้นเลยขอรับ” ทหารเหรียญเงินกล่าวอย่างประจบสอพลอ

หลินมู่อวี่รู้สึกขยะแขยงเต็มทน ก่อนจะถือกระบี่เดินกลับห้องไป ทว่ายังคงได้ยินเสียงร้องเด็กสาวดังโหยหวนอย่างน่าเวทนา เขาพลันปิดหูและรุดหน้าออกจากที่นี่ทันที

“หลินจื้อ…อา…หลินจื้อ! เจ้าจะทนได้แค่ไหนกันเชียว?”

หลินมู่อวี่นึกตำหนิตัวเองในใจขณะที่เดินลงจากภูเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในที่สุดก็ไกลพอที่จะไม่ได้ยินเสียงร้องของเด็กสาวเหล่านั้น เขาพลันแข้งขาอ่อนแรงก่อนจะทรุดลงข้างก้อนหิน อาอวี่ตระหนักดีว่าตัวเองนั้นอ่อนแอเพียงใด ถึงแม้เขาจะไม่ได้ลงมือสังหารเนียหยา หลี่เฉียนซุนผู้อยู่ขอบเขตนภาก็คงจัดการเหล่าทหารรับจ้างเทียนจิงด้วยตัวเอง หลินมู่อวี่เป็นเพียงเบี้ยตัวเล็กๆ ก็เท่านั้น

หลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความโกรธขณะที่ยืนขึ้นก่อนเดินตรงไปที่กำแพงหิน ปราณยุทธ์ปกคลุมทั่วกำปั้น ทันใดนั้น! เขาชกไปที่กำแพงหินเต็มแรงจนเศษหินกระจายว่อน และความเจ็บปวดก็แล่นแปลบจากหมัดอย่างรุนแรง ร่างกายเขาถูกสร้างขึ้นจากเลือดเนื้อ แล้วจะแข็งแกร่งสู้หินผาได้อย่างไร?

ถึงกระนั้นหลินมู่อวี่ยังคงกระหน่ำชกกำแพงหิน ราวกับว่ามันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดในใจของเขาได้…ไม่นานหมัดของหลินมู่อวี่ก็โชกไปด้วยเลือด

“พอได้แล้วหลินหยาน”

จู่ๆ ก็มีเสียงทักดังขึ้นจากด้านหลังจนทำให้หลินมู่อวี่ตกใจ เนื่องจากคนผู้นั้นเข้ามาอย่างเงียบๆ เมื่อหลินมู่อวี่หันกลับไปก็พบว่าเป็นหลัวอวี่นั่นเอง

‘แปะ…แปะ…’

เลือดจากหมัดหลินมู่อวี่ยังคงไหลย้อยลงพื้น

หลัวอวี่มองบาดแผลพลันขมวดคิ้ว “ท่านหลินหยาน นี่คือความเจ็บปวดที่ท่านต้องประสบพบเจอเมื่อตัดสินใจเข้าร่วมสำนักอัศวิน ข้าเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเพราะได้สัมผัสมาด้วยตัวเองแล้ว…”

ดวงตาหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความอาฆาตและทั้งแขนปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์ “หลัวอวี่…เจ้าเป็นถึงราชทูต เหตุใดจึงไม่ห้ามหลี่เฉียนซุน?”

หลัวอวี่รู้สึกประหลาดใจ เขาสามารถรับรู้ถึงความโกรธจากคนตรงหน้า อีกทั้งยังบอกได้อีกว่าหลินหยานเป็นผู้ชำนาญการขอบเขตนภาซึ่งสามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย และนี่มันไม่ตลกเลย กระนั้นก็มิได้กังวลแต่อย่างใด หลัวอวี่พลันสูดหายใจลึกก่อนกล่าวว่า “ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา ส่วนหลี่เฉียนซุนเป็นถึงขุนนางใหญ่โต และเป็นลูกพี่ลูกน้องของใต้เท้าเมืองชางหยาง”

“เป็นเพราะภูมิหลังและความสัมพันธ์ทางสายเลือดอย่างนั้นรึ?” หลินมู่อวี่กล่าวอย่างเย็นชา

หลัวอวี่กัดฟันแน่น “แม้ว่าท่านหลินหยานจะอยู่ขอบเขตนภา แต่ข้าจำเป็นต้องบอกว่า…พลังที่ท่านมียังคงแข็งแกร่งน้อยกว่าท่านราชทูตใหญ่จีหยาง หากท่านยังคงรักชีวิตอยู่…เช่นนั้นยอมจำนนเสียเถิด”

“หลัวอวี่…เจ้าไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดเลยหรือ?”

หลินมู่อวี่มองหลัวอวี่ด้วยสายตารังเกียจและเหยียดหยาม เขาไม่แม้แต่จะปกปิดความจริงที่ว่าเขากำลังดูแคลนหลัวอวี่อยู่

หลัวอวี่กัดฟันแน่น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจ้องมองของหลินมู่อวี่ มันเหมือนราวกับกำลังโดนมีดแหลมทิ่มแทงหัวใจ ตั้งแต่หลินหยานเข้าร่วมสำนักอัศวิน เขาก็รู้สึกนับถือความแข็งแกร่งที่หลินหยานมีมาตลอด กระนั้นเมื่อต้องมาเผชิญหน้าโดยตรง หลัวอวี่พลันรู้สึกอึดอัดในใจเป็นอย่างมาก

“ความแข็งแกร่งที่ข้ามี…ไม่เพียงพอจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้”

หลังจากเงียบไปนาน หลัวอวี่ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

หลินมู่อวี่สะบัดแขนก่อนที่ปราณยุทธ์จะเปลี่ยนเป็นแก่นเพลิงมังกรพร้อมไอสังหารปะทุขึ้นอย่างรุนแรง “ท่านหลัวอวี่ ตอบข้ามา…ท่านจะช่วยปกปิดเรื่องพลังที่แท้จริงของข้าหรือไม่?”

หลัวอวี่พลันกล่าวอย่างถือตัว “ท่านหลินหยานคิดว่าหลัวอวี่ผู้นี้เป็นคนเช่นไร? หากไม่เชื่อใจข้า…ก็ฆ่าปิดปากเดี๋ยวนี้เลย!”

หลินมู่อวี่เงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่ปราณยุทธ์และไอสังหารจะหายไป “ท่านหลัวอวี่เป็นคนดี แล้วจะให้สังหารท่านลงได้เยี่ยงไร…”

หลัวอวี่เผยยิ้มรับอย่างพอใจ…

………………..………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 173 ป่าเถื่อนและโหดร้าย

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 173 ป่าเถื่อนและโหดร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เสียบหัวประจานซะ!” หลี่เฉียนซุนกล่าวอย่างเลือดเย็น

ทันใดนั้นเหล่าทหารฝึกหัดก็เสียบหัวทหารรับจ้างกับหอกก่อนจะปักไว้รอบหมู่บ้าน และส่งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง

หลินมู่อวี่มองไปยังศีรษะที่ตั้งเรียงรายพลางรู้สึกใจสั่น แม้จะใช้ชีวิตมานานพอสมควรและเริ่มคุ้นชินกับความโหดร้ายของโลกนี้แล้ว ทว่าเมื่อเห็นผู้คนที่ยังมีชีวิตเมื่อครู่กลายเป็นซากศพเย็นเฉียบ พลันรู้สึกว่าดวงตาไร้แววเหล่านั้นช่างดูน่าสยดสยองเหลือเกิน

หัวหน้าหมู่บ้านผู้มีผมขาวอีกทั้งหนวดเครายาว ถูกทหารฝึกหัดนำตัวไปยังกลุ่มหลี่เฉียนซุน ชายผู้นั้นประสานมือคำนับ “อาวุโสผู้นี้นามว่าเจิ้นหลี่แห่งหมู่บ้านทะเลคราม ท่านขอรับ…ระ…เรา…”

“หุบปาก!”

หลี่เฉียนซุนกล่าวตัดบทอย่างเย็นชา “มีเหล็กบริสุทธิ์อยู่เท่าใดในร้านช่างตีเหล็กของเจ้า? นำมาให้ข้าทั้งหมด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ปรานี”

ใบหน้าเจิ้นหลี่ซีดเซียว “ท…ท่านเป็นคนของสำนักอัศวินซึ่งมีความชอบธรรม ชาวบ้านหลายพันคนในหมู่บ้านทะเลครามจำต้องใช้เหล็กบริสุทธิ์เพื่อความอยู่รอด เราขอให้ท่านช่วยพวกเรา…”

“หยุดพูด!”

หลี่เฉียนซุนก้าวลงมาหาเจิ้นหลี่ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วออกคำสั่ง “ไปรวบรวมเด็กสาวทั้งหมดมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เร็ว!”

หลินมู่อวี่ชิงถามอย่างรวดเร็ว “ท่านราชทูต เหตุใดจึงต้องรวบรวมเด็กสาวในหมู่บ้านนี้ด้วยขอรับ?”

หลี่เฉียนซุนตอบเสียงแผ่วเบา “ในสำนักอัศวินไม่ว่าจะเป็นนางบำเรอหรือสาวใช้ พวกเราทุกคนต่างก็ต้องการเด็กสาววัยแรกแย้มทั้งนั้น อีกทั้งมิได้มีเงินทองมากพอที่จะซื้อจากตลาดทาส จึงต้องมาคัดเลือกเอาจากหมู่บ้านเหล่านี้อย่างไรล่ะ”

“แต่นี่ไม่ใช่การคัดเลือกนะขอรับ มันคือการรุกรานอย่างป่าเถื่อน!”

“หลินหยาน!”

ดวงตาหลี่เฉียนซุนเปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมคำรามเสียงทุ้มต่ำ “อย่าลืมสถานะของเจ้าด้วย! เจ้าเป็นทหารเหรียญเงินแห่งสำนักอัศวินของเรา และคงต้องการหญิงสาวเช่นเดียวกัน สิ่งนี้เป็นเพียงการทำเพื่อสำนักอัศวินเท่านั้น เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ได้เข้ามาขัดขวางเยี่ยงนี้? ต้องการเป็นศัตรูกับสำนักอัศวินอย่างนั้นรึ?”

หลินมู่อวี่กำหมัดแน่นจนปราณยุทธ์ปรากฏขึ้นรอบหมัด

เมื่อหลัวอวี่เห็นดังนั้นจึงรีบประสานมือและกล่าวว่า “ท่านราชทูตหลี่ หลินหยานโค่นเนียหยาลงได้ และสมควรแก่การเลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญทอง โปรดอภัยต่อความผิดพลาดของเขาด้วยขอรับ!”

หลี่เฉียนซุนหัวเราะอย่างเย็นชา “ท่านหลินหยาน ข้าหวังว่าท่านจะสำนึกถึงสิ่งที่กระทำ ในเมื่อจะได้เป็นทหารเหรียญทองในไม่ช้า ก็มิควรกล่าวพล่อยๆ เยี่ยงนี้ การรวบรวมสาวใช้เพื่อสำนักอัศวินเป็นประเพณีอย่างหนึ่ง หากไม่มีสาวงามเป็นของกำนัล แล้วใครกันเล่าจะอุทิศตัวเพื่อสำนักอัศวิน?”

หลินมู่อวี่นิ่งเงียบขณะที่ยังคงกำหมัดแน่น เส้นเลือดปูดขึ้นราวกับว่าเขาพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

หลงหยานตบไหล่หลินมู่อวี่พลางหัวเราะ “ท่านหลินหยาน เมื่อครั้งที่ข้ายังมีความฝันและคิดว่าตัวเองมีความชอบธรรม ข้าท่องยุทธภพไปทั่วหล้า จากนั้นข้าก็พบว่าการท่องยุทธภพจำเป็นต้องใช้ทั้งเงินและหญิงสาว เราทุกคนต่างเป็นมนุษย์ผู้ไม่สามารถหลบหนีจากความตาย แล้วเหตุใดจึงไม่หาความสุขให้ตัวเองเสียล่ะ?”

หลัวอวี่ใช้สายตาบอกหลินมู่อวี่ให้อดทนไว้

หลินมู่อวี่คลายหมัดอย่างช้าๆ และกล่าวว่า “ท่านราชทูตหลี่เฉียนซุนพูดถูกขอรับ ข้าไม่มีข้อกังขาใดๆ”

“ฮ่าๆ ใช่แล้ว!”

หลี่เฉียนซุนหัวเราะเสียงดังลั่น “โลกนี้สรรเสริญผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น หากกำปั้นของใครแข็งกว่ากันก็จะได้รับทั้งเงินทองและหญิงสาว และสำนักอัศวินคุ้มกะลาหัวเจ้าได้ แต่เจ้าต้องแสดงความภักดีออกมาให้เห็น เข้าใจหรือไม่?”

“ขอรับ”

หลินมู่อวี่ประสานมือก่อนจะจูงม้าออกไป เขายืนสงบเงียบและหลับตาลง คิ้วยาวสั่นไหวเล็กน้อย หลินมู่อวี่ไม่ต้องการเห็นหรือได้ยินสิ่งใดอีก

เสียงร้องของเด็กสาวดังขึ้นระงม เด็กสาวราวสองร้อยคนในหมู่บ้านทะเลครามถูกล่ามโซ่และลากออกไปโดยทหารของสำนักอัศวิน ทันใดนั้นหลินมู่อวี่ก็ตระหนักได้ว่าห่วงโซ่มิได้ถูกเตรียมไว้เพื่อล่ามทหารรับจ้าง…แต่เป็นเหล่าเด็กสาวต่างหาก! หลี่เฉียนซุนไม่ได้วางแผนจะไว้ชีวิตพวกทหารรับจ้างตั้งแต่แรกแล้ว!

ม้าเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ขณะที่ภายในใจหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากระทำนั้นถูกหรือผิด ทว่าก็ไม่มีทางเลือกอื่น…ทุกย่างก้าวบนผืนแผ่นดินนี้ลากเขาจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ เป็นอย่างที่หลงเหยียนกล่าว เขาเป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า และไม่สามารถควบคุมโลกใบนี้…

เสียงร้องของเหล่าเด็กสาวดังขึ้นอีกครั้ง หลินมู่อวี่พลันเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้าและถอนหายใจ เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ด้วยตัวคนเดียว…แล้วเขาทำอะไรได้บ้าง?

หลินมู่อวี่จ้องมองหลี่เฉียนซุนตรงหน้าและกำหมัดอีกครั้ง ก่อนจะให้คำปฏิญาณกับตัวเองว่าต้องสังหารคนผู้นี้ให้ได้!

พวกเขากลับมาถึงสำนักอัศวินในเวลาพลบค่ำ จากนั้นราชทูตใหญ่จีหยางจัดงานเลี้ยงฉลองสำหรับทุกคน ทว่าหลินมู่อวี่ไม่รู้สึกอยากอาหาร และแม้ว่าหลัวอวี่จะมอบตราทหารเหรียญทองให้ หลินมู่อวี่ก็ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายใดๆ พร้อมทั้งร่างกายเริ่มด้านชา ขณะเดียวกันมีเสียงหัวเราะของเหล่าทหารและทหารฝึกหัดดังขึ้นมาจากด้านนอก

เมื่องานเลี้ยงจบลง หลินมู่อวี่เดินออกจากกองบัญชาการและเห็นหวังเทียนเซี้ยสวมตราทหารเหรียญเงินอยู่ไกลๆ ดูเหมือนว่าศิลาวิญญาณจิ้งจอกเงินอายุหนึ่งพันหนึ่งร้อยปีจะช่วยให้เขาเลื่อนขั้นไปถึงระดับทหารเหรียญเงิน

หวังเทียนเซี้ยจำหลินมู่อวี่ได้ก่อนจะรีบประสานมือเคารพอย่างรวดเร็ว “ท่านหลินหยาน ท่านเลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญทองแล้ว…”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “เจ้าเองก็ได้เลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญเงินอย่างนั้นหรือ?”

“ฮ่า…”

หวังเทียนเซี้ยรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ท่านหลินหยานทราบดีว่าเหตุใดข้าจึงสามารถเลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญเงินได้ มันเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น ส่วนท่านหลินหยานเลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญทองด้วยความสามารถของตัวเอง ทั้งกองบัญชาการต่างก็พูดถึงวีรกรรมที่ท่านสังหารเนียหยา…”

หลินมู่อวี่ไม่มีกะจิตกะใจจะสนทนาด้วยจึงเพียงพยักหน้ารับและเดินจากไป

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางของเด็กสาวอย่างน่าเวทนาจากห้องด้านข้าง มีกลุ่มหญิงสาวและทหารเหรียญเงินรออยู่ด้านนอก ก่อนจะมีคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา “เฮ้ยๆ ต่อไปเป็นข้านะเว้ย สาวน้อยผู้นี้งามจริงเชียว ฮ่าๆๆ ข้าช่างโชคดีเหลือเกิน…”

หลินมู่อวี่รีบเดินเข้าไปด้วยใบหน้าซีดเซียว “นั่นเจ้าจะทำอะไร?”

ทหารเหรียญเงินประสานหมัดคำนับ “ท่านหลินหยาน…นี่คือสิ่งที่ยึดได้จากการรบที่หมู่บ้านทะเลคราม เหล่าพี่น้องกำลังเพลิดเพลินกับสาวงามขอรับ! หากท่านหลินหยานสนใจ พวกเราจะมอบสาวงามให้นางหนึ่ง ว่าอย่างไรขอรับ?”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “ม…ไม่เป็นไร…”

ทหารเหรียญเงินนายนั้นพลันลูบคางพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ท่านแน่ใจหรือขอรับ? เช่นนั้น…ข้าจะขอรับส่วนแบ่งของท่านละกัน ขอบคุณสำหรับความกรุณาขอรับ ฮ่าๆๆ…”

หลินมู่อวี่รู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจ ใช่แล้ว…หากเขาไม่ต้องการ เด็กสาวเหล่านี้คงไม่มีทางรอดพ้นจากชะตากรรมอันโหดร้าย

หลินมู่อวี่กัดฟันก่อนกล่าวว่า “เยี่ยงนั้น…ข้าขอสาวงามสามนาง พามาที่ห้องข้าด้วย!”

“ขอรับ ข้าจะให้คนพาไปส่งถึงห้อง และรับประกันว่าจะไม่มีใครแตะต้องหญิงสาวเหล่านั้นเลยขอรับ” ทหารเหรียญเงินกล่าวอย่างประจบสอพลอ

หลินมู่อวี่รู้สึกขยะแขยงเต็มทน ก่อนจะถือกระบี่เดินกลับห้องไป ทว่ายังคงได้ยินเสียงร้องเด็กสาวดังโหยหวนอย่างน่าเวทนา เขาพลันปิดหูและรุดหน้าออกจากที่นี่ทันที

“หลินจื้อ…อา…หลินจื้อ! เจ้าจะทนได้แค่ไหนกันเชียว?”

หลินมู่อวี่นึกตำหนิตัวเองในใจขณะที่เดินลงจากภูเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในที่สุดก็ไกลพอที่จะไม่ได้ยินเสียงร้องของเด็กสาวเหล่านั้น เขาพลันแข้งขาอ่อนแรงก่อนจะทรุดลงข้างก้อนหิน อาอวี่ตระหนักดีว่าตัวเองนั้นอ่อนแอเพียงใด ถึงแม้เขาจะไม่ได้ลงมือสังหารเนียหยา หลี่เฉียนซุนผู้อยู่ขอบเขตนภาก็คงจัดการเหล่าทหารรับจ้างเทียนจิงด้วยตัวเอง หลินมู่อวี่เป็นเพียงเบี้ยตัวเล็กๆ ก็เท่านั้น

หลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความโกรธขณะที่ยืนขึ้นก่อนเดินตรงไปที่กำแพงหิน ปราณยุทธ์ปกคลุมทั่วกำปั้น ทันใดนั้น! เขาชกไปที่กำแพงหินเต็มแรงจนเศษหินกระจายว่อน และความเจ็บปวดก็แล่นแปลบจากหมัดอย่างรุนแรง ร่างกายเขาถูกสร้างขึ้นจากเลือดเนื้อ แล้วจะแข็งแกร่งสู้หินผาได้อย่างไร?

ถึงกระนั้นหลินมู่อวี่ยังคงกระหน่ำชกกำแพงหิน ราวกับว่ามันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดในใจของเขาได้…ไม่นานหมัดของหลินมู่อวี่ก็โชกไปด้วยเลือด

“พอได้แล้วหลินหยาน”

จู่ๆ ก็มีเสียงทักดังขึ้นจากด้านหลังจนทำให้หลินมู่อวี่ตกใจ เนื่องจากคนผู้นั้นเข้ามาอย่างเงียบๆ เมื่อหลินมู่อวี่หันกลับไปก็พบว่าเป็นหลัวอวี่นั่นเอง

‘แปะ…แปะ…’

เลือดจากหมัดหลินมู่อวี่ยังคงไหลย้อยลงพื้น

หลัวอวี่มองบาดแผลพลันขมวดคิ้ว “ท่านหลินหยาน นี่คือความเจ็บปวดที่ท่านต้องประสบพบเจอเมื่อตัดสินใจเข้าร่วมสำนักอัศวิน ข้าเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเพราะได้สัมผัสมาด้วยตัวเองแล้ว…”

ดวงตาหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความอาฆาตและทั้งแขนปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์ “หลัวอวี่…เจ้าเป็นถึงราชทูต เหตุใดจึงไม่ห้ามหลี่เฉียนซุน?”

หลัวอวี่รู้สึกประหลาดใจ เขาสามารถรับรู้ถึงความโกรธจากคนตรงหน้า อีกทั้งยังบอกได้อีกว่าหลินหยานเป็นผู้ชำนาญการขอบเขตนภาซึ่งสามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย และนี่มันไม่ตลกเลย กระนั้นก็มิได้กังวลแต่อย่างใด หลัวอวี่พลันสูดหายใจลึกก่อนกล่าวว่า “ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา ส่วนหลี่เฉียนซุนเป็นถึงขุนนางใหญ่โต และเป็นลูกพี่ลูกน้องของใต้เท้าเมืองชางหยาง”

“เป็นเพราะภูมิหลังและความสัมพันธ์ทางสายเลือดอย่างนั้นรึ?” หลินมู่อวี่กล่าวอย่างเย็นชา

หลัวอวี่กัดฟันแน่น “แม้ว่าท่านหลินหยานจะอยู่ขอบเขตนภา แต่ข้าจำเป็นต้องบอกว่า…พลังที่ท่านมียังคงแข็งแกร่งน้อยกว่าท่านราชทูตใหญ่จีหยาง หากท่านยังคงรักชีวิตอยู่…เช่นนั้นยอมจำนนเสียเถิด”

“หลัวอวี่…เจ้าไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดเลยหรือ?”

หลินมู่อวี่มองหลัวอวี่ด้วยสายตารังเกียจและเหยียดหยาม เขาไม่แม้แต่จะปกปิดความจริงที่ว่าเขากำลังดูแคลนหลัวอวี่อยู่

หลัวอวี่กัดฟันแน่น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจ้องมองของหลินมู่อวี่ มันเหมือนราวกับกำลังโดนมีดแหลมทิ่มแทงหัวใจ ตั้งแต่หลินหยานเข้าร่วมสำนักอัศวิน เขาก็รู้สึกนับถือความแข็งแกร่งที่หลินหยานมีมาตลอด กระนั้นเมื่อต้องมาเผชิญหน้าโดยตรง หลัวอวี่พลันรู้สึกอึดอัดในใจเป็นอย่างมาก

“ความแข็งแกร่งที่ข้ามี…ไม่เพียงพอจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้”

หลังจากเงียบไปนาน หลัวอวี่ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

หลินมู่อวี่สะบัดแขนก่อนที่ปราณยุทธ์จะเปลี่ยนเป็นแก่นเพลิงมังกรพร้อมไอสังหารปะทุขึ้นอย่างรุนแรง “ท่านหลัวอวี่ ตอบข้ามา…ท่านจะช่วยปกปิดเรื่องพลังที่แท้จริงของข้าหรือไม่?”

หลัวอวี่พลันกล่าวอย่างถือตัว “ท่านหลินหยานคิดว่าหลัวอวี่ผู้นี้เป็นคนเช่นไร? หากไม่เชื่อใจข้า…ก็ฆ่าปิดปากเดี๋ยวนี้เลย!”

หลินมู่อวี่เงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่ปราณยุทธ์และไอสังหารจะหายไป “ท่านหลัวอวี่เป็นคนดี แล้วจะให้สังหารท่านลงได้เยี่ยงไร…”

หลัวอวี่เผยยิ้มรับอย่างพอใจ…

………………..………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+