The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 186 งูมังกรจู่โจม

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 186 งูมังกรจู่โจม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“องครักษ์อินทรี! นั่นมันองครักษ์อินทรี!!”

เหล่าขุนนางเต็มไปด้วยความปีติเมื่อเห็นหลินมู่อวี่ที่เป็นดั่งความหวังในการรอดชีวิต

“ฝ่าบาท”

หลินมู่อวี่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ เขาพลันแสดงความเคารพฉินจิ้น “ข้ามาช้าไป…ข้ามองความคิดของจีหยางและหลี่เฉียนซุนไม่ออก เป็นเหตุให้ตำหนักกวางโศกาถูกโจมตี…มันเป็นความผิดของข้าเองพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินจิ้นแย้มพระสรวลขณะที่ส่ายหัว “ไม่เลย เจ้ามาถูกเวลา! โชคดีจริง!”

หลินมู่อวี่พยักหน้าและลุกขึ้นยืนคุ้มกันเคียงข้างฉินจิ้น เขาใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจสอบรัศมีพลังของจอมยุทธ์โดยรอบทันทีเมื่อมาถึงตำหนัก นอกจากรัศมีพลังของชางไป๋เฮ่อและงูมังกรอายุหนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยปี ผู้ที่มีพลังมหาศาลอีกคนก็คือจีหยาง ทว่าเขาอ่อนแอลงจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้น หลินมู่อวี่จึงเลือกที่จะโจมตีจีหยางทันทีที่เข้ามาในตำหนักกวางโศกา หลินมู่อวี่ใช้แก่นเพลิงมังกรและสามประทีปทันทีเพื่อจัดการจีหยางในกระบวนท่าเดียว

ไม่กี่นาทีถัดมาเขาก็ฟื้นฟูพลังที่เสียไป

เว่ยโฉว เซี้ยโหวซาง และองครักษ์อินทรีนายอื่นๆ ถูกส่งไปประจำอยู่นอกเมืองหลวงโดยมีหน้าที่ล่าสัตว์และรวบรวมข้อมูลเท่านั้น พวกเขาไม่เคยทำหน้าที่คุ้มกันองค์จักรพรรดิ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสทองเช่นนี้ พวกเขาจึงพุ่งตัวออกไปจัดการเหล่าทหารชำนาญการของสำนักอัศวินทันที แม้จะจำนวนน้อยกว่า ทว่าก็มิได้เสียเปรียบแต่อย่างใด

ไม่นานทหารอวี้หลินกว่าพันนายก็เข้ามาสมทบ เมื่อถูกโจมตีจากทั้งสองด้านก็ทำให้ทหารจากสำนักอัศวินได้รับบาดเจ็บไปหลายนาย ทหารเหรียญเงิน ทหารเหรียญทองแดง และทหารชำนาญการล้มตายภายใต้ห่าธนู แม้แต่ทหารเหรียญทองสองนายก็ถูกเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางจัดการ จีหยางและหลี่เฉียนซุนหลบหนีไปได้ ทว่าองครักษ์รักษาพระองค์ก็ปล่อยให้ทหารม้าอวี้หลินเป็นคนจัดการเอง

“หลินมู่อวี่!”

ฉินจิ้นพลันขมวดพระขนงและตรัสว่า “เสี่ยวอินยังคงอยู่ที่ลานกว้างทางใต้ ข้าไม่ทราบว่าสถานการณ์ทางนั้นเป็นเช่นไร เฟิงจี้สิงนำพลทหารรุดหน้าไปแล้ว และเจ้าเองก็ควรจะไปสมทบ และอาจช่วยเฟิงจี้สิงได้บ้าง”

“ฮะ?”

หลินมู่อวี่ตกตะลึง เขาไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะชักกระบี่พร้อมใช้ฝีเท้าดาวตกไปที่ลานกว้างทางใต้อย่างรวดเร็ว

‘ครืน ครืน…’

เมื่อได้ยินเสียงดังก้อง เฟิงจี้สิงจึงมองลงไปที่พื้นก่อนจะขมวดคิ้ว “งูมังกรมุดลงดินไปแล้ว องค์หญิงอินอยู่ที่ไหน?”

“องค์หญิงอินอยู่ด้านในโถงน้ำพุร้อนขอรับ พวกเราเฝ้าระวังอยู่ที่นี่” ผู้บัญชาการกองพันตอบกลับ

เฟิงจี้สิงหรี่ตาและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าฉินเหลยและฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนที่กำลังต่อกรกับชางไป๋เฮ่อเป็นเช่นไรบ้าง…พวกมันลอบโจมตีกะทันหัน ทำให้เราไม่สามารถตั้งรับได้ทันท่วงที…”

ผู้บัญชาการกองพันเผยยิ้มจางๆ “ท่านแม่ทัพมิควรโทษตัวเองขอรับ เป็นความผิดของพวกเราทุกคน”

“อืม…”

‘เปรี้ยง!’ จู่ๆ ก็มีเสียงดังกึกก้องพร้อมแผ่นดินแยกออกจากกัน ทันใดนั้น! ก็มีร่างสีดำมหึมาปรากฏขึ้น…มันคืองูมังกร! มันได้รับคำสั่งจากชางไป๋เฮ่อให้ตามหาองค์หญิงอิน จึงแยกออกมาตัวเดียว สัตว์ร้ายพลันอ้าปากงับทหารอวี้หลินสองนายทันที และส่ายหัวไปมาจนร่างพวกเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

‘ชิ้ง!’

เฟิงจี้สิงชักดาบออกมาพร้อมคำราม “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ทหาร! จัดการมัน!”

ราวกับงูมังกรกำลังหัวเราะเยาะ จู่ๆ มันชูหัวขึ้นพร้อมเปลวเพลิงสีแดงฉานปรากฏอยู่รอบคอ ราวกับว่ากำลังจะพ่นลมหายใจมังกร!

เฟิงจี้สิงตกตะลึงก่อนจะตะโกนเสียงดัง “หลบเร็ว!”

วิญญาณยุทธ์ของเฟิงจี้สิงคือหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงซึ่งเก่งด้านการโจมตี ดังนั้นจึงไม่มีพลังป้องกันเยี่ยงวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าของหลินมู่อวี่ เขาถือดาบด้วยมือทั้งสองก่อนที่จะเกิดลมขึ้นรอบใบดาบ ก่อนจะผนวกกับปราณยุทธ์ก่อโล่เรืองแสงขนาดใหญ่ขึ้น “ระบำดาบ!”

“โฮก!”

เปลวเพลิงโหมกระหน่ำห่อหุ้มร่างเฟิงจี้สิง ขณะเดียวกันก็ทำให้ทหารอวี้หลินโดยรอบเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน มันเผาไหม้ศาลาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไฟจะปกคุลมทั่วบริเวณลานกว้างทางใต้

เมื่อเปลวไฟมอดหายไปก็ปรากฏร่างเฟิงจี้สิงท่ามกลางควันและใบหน้าปกคลุมไปด้วยเขม่า ดวงตาฉายความเกลียดชัง ทันใดนั้น! เขาก็ฟาดดาบสะบั้นวาโยเข้าที่คอของงูมังกรด้วยเพลงดาบเฟิงสิง…พายุทะเลทรายคลั่ง!

‘ฉัวะ!’

ดาบฟาดเข้าที่เกล็ดมังกรและทิ้งรอยบาดลึก ทว่าก็มิได้ทำให้งูมังกรได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

งูมังกรตอบโต้ด้วยการสะบัดหัวกระแทกเฟิงจี้สิงปลิวออกไปพร้อมดาบ จากนั้นทหารอวี้หลินกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวมาด้านหน้า ทว่าไม่สามารถหลบการโจมตีของหางมันได้ พวกเขายืนนิ่งอย่างมึนงงขณะที่เลือดสาดกระเด็นทั่วทุกทิศ ก่อนที่จะล้มลงพร้อมร่างกายขาดครึ่ง

ฉากการเข่นฆ่าบริเวณด้านนอกโหดร้ายจนไม่สามารถทนดูได้ เหล่าสาวรับใช้ในโถงยืนดูอย่างตกตะลึง เฟิงจี้สิงพลันชักดาบขึ้นมาเผชิญหน้ากับงูมังกรอีกคราและร่ายรำเพลงดาบอย่างดุเดือด!

‘เปร้ง เปร้ง!’

เมื่อได้ยินเสียงดังจากด้านนอก ฉินอินที่พระเกศาเพิ่งแห้งหลังสรงน้ำพลันสวมชุดเกราะและชักดาบขนาดใหญ่ “พวกเจ้ารออยู่ที่ ข้าจะออกไปช่วยแม่ทัพเฟิงจี้สิง”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ!”

ข้าหลวงนางหนึ่งรีบคุกเข่าตรงหน้าและกล่าวว่า “พระวรกายของท่านมีค่าเยี่ยงทองคำ เช่นนั้นจะทรงปล่อยให้พระองค์ตกอยู่ในอันตรายได้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ? บ่าวได้ยินมาว่างูมังกรด้านนอกนั่นเป็นสัตว์วิญญาณอายุกว่าหนึ่งหมื่นปี แม้แต่ท่านเฟิงจี้สิงก็มิใช่คู่ต่อสู้ของมัน หากองค์หญิงทรงประสบกับเหตุไม่คาดฝัน ฝ่าบาทต้องทรงกริ้วเป็นแน่…องค์หญิงได้โปรดทรงตริตรองอีกคราด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

‘วิ้ง วิ้ง…’

พันธะเทวาปรากฏขึ้นรอบตัวฉินอินราวกับเทพคุ้มครอง ทำให้เหล่าข้าหลวงผู้ไม่เคยฝึกตนพูดสิ่งใดไม่ออก พันธะเทวาเป็นวิญญาณยุทธ์ประจำราชวงศ์และมีรัศมีแห่งราชัน มนุษย์จะมองไปที่สิ่งนั้นโดยตรงได้เยี่ยงไร? กระนั้นเมื่อฉินอินรุดหน้าออกจากโถง นางพลันทอดพระเนตรเห็นหางกวัดแกว่งอยู่ในอากาศขณะที่สัตว์ร้ายกำลังมุดลงใต้ดิน

ดาบของเฟิงจี้สิงปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์ เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “หลังจากสังหารคนเหล่านั้น ยังกล้าคิดจะหนีอีกรึ!?”

เฟิงจี้สิงกระโจนออกไปก่อนจะลงหลุมตามงูมังกรอย่างไม่เกรงกลัว

“ทำอย่างไรดี…”

พระหทัยขององค์หญิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางมิกล้าพอที่จะกระโดดลงไปในหลุมที่มืดมิดนั้น นางหวาดกลัวความมืดมาตั้งแต่เยาว์วัย และต้องจุดโคมไฟแม้กระทั่งเวลานอน

‘ครืน ครืน’ เสียงดังขึ้นขณะที่งูมังกรมุดอยู่ด้านใต้ก่อเกิดแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว

‘เปรี้ยง!’ จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้นพร้อมงูมังกรปรากฏตัวอีกครา มันโผล่ขึ้นมากลางโถงน้ำพุร้อนจนน้ำกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้น! สัตว์ร้ายส่งเสียงคำรามพร้อมอ้าปากเขมือบข้าหลวงสาวก่อนที่เลือดจะสาดเต็มพื้น

“เจ้าสัตว์ดิรัจฉาน…”

ฉินอินทรงขบพระทนต์แน่นด้วยความกริ้วและพุ่งตัวไป นางไม่รีรอขณะที่ควบแน่นปราณยุทธ์ทันที  เผยแสงสีทองเป็นประกาย ทันใดนั้น! พันธะเทวากระแทกเข้าใส่กรามล่างสัตว์ร้ายอย่างรุนแรงจนทำให้เกล็ดแข็งสีทองหลายชิ้นหลุดออกมา อีกทั้งมีเลือดออกซึมๆ จากบาดแผล

เฟิงจี้สิงเดินตามหางของงูมังกรโดยการจับหางไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างกระชับดาบสะบั้นวาโย เขาขุดลึกลงไปซึ่งกลายเป็นภาพที่น่าขัน

‘ฟ่อ ฟ่อ…’

ร่างขนาดใหญ่ของงูมังกรกวัดแกว่ง จากนั้นมันพุ่งเข้าใส่ฉินอินพร้อมอ้าปากกว้างพยายามจะกลืนนางลงไป!

ฉินอินทรงเรียกพันธะเทวาทั้งหกออกมาอย่าวรวดเร็ว ทว่าก็โดนทำลายจนหมดสิ้น มันแลบลิ้นสีแดงเลือดโอบพระพาหาของฉินอินเข้าไปในปาก

“ไม่นะ…”

พระหทัยของฉินอินเผาไหม้ราวกับเถ้าถ่าน นางพลันยกดาบเฉือนทันที ทว่าก็ไม่สามารถเฉือนลิ้นอันแข็งแกร่งของมันได้ อีกทั้งงูมังกรตัวนี้แข็งแกร่งกว่ามาก ทันใดนั้น! มันเหวี่ยงนางลอยขึ้นพร้อมอ้าปากรอ

ฉินอินทรงปิดพระเนตรพร้อมทั้งน้ำพระเนตรไหลริน นางไม่เคยนึกฝันเลยว่า…หลังจากรอดชีวิตจากพิษงูมังกรมาได้ กลับต้องมาจบชีวิตลงในปากงูมังกรในครานี้

เมื่อฉินอินเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ทันใดนั้น! นางพลันรู้สึกถึงความอบอุ่นจากใต้พระบาท เถาวัลย์น้ำเต้าสีเขียวพุ่งขึ้นมาก่อนจะโอบรอบพระวรกายและดึงกลับมา

“อาอวี่…”

ฉินอินหันพระพักตร์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบหลินมู่อวี่พุ่งเข้ามาพร้อมกระบี่เหลียวหยวนและทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า มีสายฟ้าโคจรลอบใบดาบขณะที่เฉือนเข้าที่ลิ้นยาวของงูมังกร!

‘เปรี้ยง!’

มันไม่ขาดเช่นเดียวกับการโจมตีของฉินอิน…พันธะเทวาของฉินอินเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งในปฐพี ทว่าก็ไม่สามารถตัดมันขาด ดังนั้นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าระดับสิบจึงไม่สามารถสร้างความเสียหายได้เลย

หลินมู่อวี่ที่มีสีหน้ากังวล สายตาเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนจะอ้าปากกัดลิ้นของงูมังกรทันที!

‘ฟู่!’

ฟันของเขาแทบหัก! มันแปลกมากที่ทนต่อพลังพันธะเทวา ทว่าไม่สามารถทนต่อ ‘การกัดอย่างเชี่ยวชาญ’ ของหลินมู่อวี่ เขากัดลงไปอีกครั้งจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดในปาก

‘ฟ่อ…ฟ่อ…’

งูมังกรเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะที่แลบลิ้นออกมา เฟิงจี้สิงฉวยโอกาสนี้เฉือนลงไปที่สันหลังของสัตว์ร้ายด้วยดาบสะบั้นวาโยอย่างแรง! ใบมีดหมุนคว้างพร้อมกับเฟิงจี้สิงคำรามกึกก้อง “ทรายอัคนีหลอมทอง!”

ด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่องถึงสามครั้ง ก็ทำให้งูมังกรล่าถอย ทว่ายังไม่ทันได้ดีใจ มันพลันวาดหางอย่างรวดเร็วใส่เฟิงจี้สิง ‘เปรี้ยง!’ ไหล่ซ้ายของเขาหัก ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา และปลิวไปตกมุมหนึ่งของโถงน้ำพุร้อน ใบหน้าของเฟิงจี้สิงซีดเซียว “อาอวี่ องค์หญิงอิน…ระวังตัวด้วย…”

“เราจัดการมันไม่ได้ งูมังกรตัวนี้เร็วเกินไป!” ฉินอินตรัส

หลินมู่อวี่ชักกระบี่ก้าวออกไปพร้อมกางกำแพงน้ำเต้าป้องกันฉินอิน ทันใดนั้น! งูมังกรก็โจมตีด้วยการกลืนและฟาดหางสามครั้งที่กำแพงน้ำเต้า จนทำให้กระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรแตกเป็นเสี่ยงๆ หลินมู่อวี่โดนซัดลอยกระแทกกับกำแพงพร้อมกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในปาก

เฟิงจี้สิงแขนซ้ายหักห้อยลง ขณะที่มือขวาพยายามค้ำตัวลุกขึ้น จากนั้นเขาปราดตาเห็นที่หลังคองูมังกร ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกายด้วยความหวัง “อาอวี่ มีเกล็ดด้านหลังคอของมันถูกทำลาย คงโดนน้ำกรดจากทหารอวี้หลินมา ข้าจะดึงความสนใจของมันเอง ส่วนเจ้าหาวิธีตรึงมันอยู่กับที่มิให้มันขยับหรือมุดหนีไปได้”

หลินมู่อวี่คลานขึ้นจากพื้นและพยักหน้ารับอย่างเศร้าโศก

ไม่ไกลออกไป…กลุ่มทหารอวี้หลินยืนนิ่ง พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปด้านหน้า เพราะสัตว์วิญญาณอายุกว่าหมื่นปีและจอมยุทธ์ขอบเขตนภาทั้งสาม…นี่ไม่ใช่สนามรบที่พวกเขาสามารถเข้าไปยุ่งได้ และอาจเป็นเพียงอาหารของสัตว์ร้ายเท่านั้น

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 186 งูมังกรจู่โจม

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 186 งูมังกรจู่โจม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“องครักษ์อินทรี! นั่นมันองครักษ์อินทรี!!”

เหล่าขุนนางเต็มไปด้วยความปีติเมื่อเห็นหลินมู่อวี่ที่เป็นดั่งความหวังในการรอดชีวิต

“ฝ่าบาท”

หลินมู่อวี่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ เขาพลันแสดงความเคารพฉินจิ้น “ข้ามาช้าไป…ข้ามองความคิดของจีหยางและหลี่เฉียนซุนไม่ออก เป็นเหตุให้ตำหนักกวางโศกาถูกโจมตี…มันเป็นความผิดของข้าเองพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินจิ้นแย้มพระสรวลขณะที่ส่ายหัว “ไม่เลย เจ้ามาถูกเวลา! โชคดีจริง!”

หลินมู่อวี่พยักหน้าและลุกขึ้นยืนคุ้มกันเคียงข้างฉินจิ้น เขาใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจสอบรัศมีพลังของจอมยุทธ์โดยรอบทันทีเมื่อมาถึงตำหนัก นอกจากรัศมีพลังของชางไป๋เฮ่อและงูมังกรอายุหนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยปี ผู้ที่มีพลังมหาศาลอีกคนก็คือจีหยาง ทว่าเขาอ่อนแอลงจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้น หลินมู่อวี่จึงเลือกที่จะโจมตีจีหยางทันทีที่เข้ามาในตำหนักกวางโศกา หลินมู่อวี่ใช้แก่นเพลิงมังกรและสามประทีปทันทีเพื่อจัดการจีหยางในกระบวนท่าเดียว

ไม่กี่นาทีถัดมาเขาก็ฟื้นฟูพลังที่เสียไป

เว่ยโฉว เซี้ยโหวซาง และองครักษ์อินทรีนายอื่นๆ ถูกส่งไปประจำอยู่นอกเมืองหลวงโดยมีหน้าที่ล่าสัตว์และรวบรวมข้อมูลเท่านั้น พวกเขาไม่เคยทำหน้าที่คุ้มกันองค์จักรพรรดิ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสทองเช่นนี้ พวกเขาจึงพุ่งตัวออกไปจัดการเหล่าทหารชำนาญการของสำนักอัศวินทันที แม้จะจำนวนน้อยกว่า ทว่าก็มิได้เสียเปรียบแต่อย่างใด

ไม่นานทหารอวี้หลินกว่าพันนายก็เข้ามาสมทบ เมื่อถูกโจมตีจากทั้งสองด้านก็ทำให้ทหารจากสำนักอัศวินได้รับบาดเจ็บไปหลายนาย ทหารเหรียญเงิน ทหารเหรียญทองแดง และทหารชำนาญการล้มตายภายใต้ห่าธนู แม้แต่ทหารเหรียญทองสองนายก็ถูกเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางจัดการ จีหยางและหลี่เฉียนซุนหลบหนีไปได้ ทว่าองครักษ์รักษาพระองค์ก็ปล่อยให้ทหารม้าอวี้หลินเป็นคนจัดการเอง

“หลินมู่อวี่!”

ฉินจิ้นพลันขมวดพระขนงและตรัสว่า “เสี่ยวอินยังคงอยู่ที่ลานกว้างทางใต้ ข้าไม่ทราบว่าสถานการณ์ทางนั้นเป็นเช่นไร เฟิงจี้สิงนำพลทหารรุดหน้าไปแล้ว และเจ้าเองก็ควรจะไปสมทบ และอาจช่วยเฟิงจี้สิงได้บ้าง”

“ฮะ?”

หลินมู่อวี่ตกตะลึง เขาไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะชักกระบี่พร้อมใช้ฝีเท้าดาวตกไปที่ลานกว้างทางใต้อย่างรวดเร็ว

‘ครืน ครืน…’

เมื่อได้ยินเสียงดังก้อง เฟิงจี้สิงจึงมองลงไปที่พื้นก่อนจะขมวดคิ้ว “งูมังกรมุดลงดินไปแล้ว องค์หญิงอินอยู่ที่ไหน?”

“องค์หญิงอินอยู่ด้านในโถงน้ำพุร้อนขอรับ พวกเราเฝ้าระวังอยู่ที่นี่” ผู้บัญชาการกองพันตอบกลับ

เฟิงจี้สิงหรี่ตาและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าฉินเหลยและฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนที่กำลังต่อกรกับชางไป๋เฮ่อเป็นเช่นไรบ้าง…พวกมันลอบโจมตีกะทันหัน ทำให้เราไม่สามารถตั้งรับได้ทันท่วงที…”

ผู้บัญชาการกองพันเผยยิ้มจางๆ “ท่านแม่ทัพมิควรโทษตัวเองขอรับ เป็นความผิดของพวกเราทุกคน”

“อืม…”

‘เปรี้ยง!’ จู่ๆ ก็มีเสียงดังกึกก้องพร้อมแผ่นดินแยกออกจากกัน ทันใดนั้น! ก็มีร่างสีดำมหึมาปรากฏขึ้น…มันคืองูมังกร! มันได้รับคำสั่งจากชางไป๋เฮ่อให้ตามหาองค์หญิงอิน จึงแยกออกมาตัวเดียว สัตว์ร้ายพลันอ้าปากงับทหารอวี้หลินสองนายทันที และส่ายหัวไปมาจนร่างพวกเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

‘ชิ้ง!’

เฟิงจี้สิงชักดาบออกมาพร้อมคำราม “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ทหาร! จัดการมัน!”

ราวกับงูมังกรกำลังหัวเราะเยาะ จู่ๆ มันชูหัวขึ้นพร้อมเปลวเพลิงสีแดงฉานปรากฏอยู่รอบคอ ราวกับว่ากำลังจะพ่นลมหายใจมังกร!

เฟิงจี้สิงตกตะลึงก่อนจะตะโกนเสียงดัง “หลบเร็ว!”

วิญญาณยุทธ์ของเฟิงจี้สิงคือหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงซึ่งเก่งด้านการโจมตี ดังนั้นจึงไม่มีพลังป้องกันเยี่ยงวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าของหลินมู่อวี่ เขาถือดาบด้วยมือทั้งสองก่อนที่จะเกิดลมขึ้นรอบใบดาบ ก่อนจะผนวกกับปราณยุทธ์ก่อโล่เรืองแสงขนาดใหญ่ขึ้น “ระบำดาบ!”

“โฮก!”

เปลวเพลิงโหมกระหน่ำห่อหุ้มร่างเฟิงจี้สิง ขณะเดียวกันก็ทำให้ทหารอวี้หลินโดยรอบเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน มันเผาไหม้ศาลาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไฟจะปกคุลมทั่วบริเวณลานกว้างทางใต้

เมื่อเปลวไฟมอดหายไปก็ปรากฏร่างเฟิงจี้สิงท่ามกลางควันและใบหน้าปกคลุมไปด้วยเขม่า ดวงตาฉายความเกลียดชัง ทันใดนั้น! เขาก็ฟาดดาบสะบั้นวาโยเข้าที่คอของงูมังกรด้วยเพลงดาบเฟิงสิง…พายุทะเลทรายคลั่ง!

‘ฉัวะ!’

ดาบฟาดเข้าที่เกล็ดมังกรและทิ้งรอยบาดลึก ทว่าก็มิได้ทำให้งูมังกรได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

งูมังกรตอบโต้ด้วยการสะบัดหัวกระแทกเฟิงจี้สิงปลิวออกไปพร้อมดาบ จากนั้นทหารอวี้หลินกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวมาด้านหน้า ทว่าไม่สามารถหลบการโจมตีของหางมันได้ พวกเขายืนนิ่งอย่างมึนงงขณะที่เลือดสาดกระเด็นทั่วทุกทิศ ก่อนที่จะล้มลงพร้อมร่างกายขาดครึ่ง

ฉากการเข่นฆ่าบริเวณด้านนอกโหดร้ายจนไม่สามารถทนดูได้ เหล่าสาวรับใช้ในโถงยืนดูอย่างตกตะลึง เฟิงจี้สิงพลันชักดาบขึ้นมาเผชิญหน้ากับงูมังกรอีกคราและร่ายรำเพลงดาบอย่างดุเดือด!

‘เปร้ง เปร้ง!’

เมื่อได้ยินเสียงดังจากด้านนอก ฉินอินที่พระเกศาเพิ่งแห้งหลังสรงน้ำพลันสวมชุดเกราะและชักดาบขนาดใหญ่ “พวกเจ้ารออยู่ที่ ข้าจะออกไปช่วยแม่ทัพเฟิงจี้สิง”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ!”

ข้าหลวงนางหนึ่งรีบคุกเข่าตรงหน้าและกล่าวว่า “พระวรกายของท่านมีค่าเยี่ยงทองคำ เช่นนั้นจะทรงปล่อยให้พระองค์ตกอยู่ในอันตรายได้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ? บ่าวได้ยินมาว่างูมังกรด้านนอกนั่นเป็นสัตว์วิญญาณอายุกว่าหนึ่งหมื่นปี แม้แต่ท่านเฟิงจี้สิงก็มิใช่คู่ต่อสู้ของมัน หากองค์หญิงทรงประสบกับเหตุไม่คาดฝัน ฝ่าบาทต้องทรงกริ้วเป็นแน่…องค์หญิงได้โปรดทรงตริตรองอีกคราด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

‘วิ้ง วิ้ง…’

พันธะเทวาปรากฏขึ้นรอบตัวฉินอินราวกับเทพคุ้มครอง ทำให้เหล่าข้าหลวงผู้ไม่เคยฝึกตนพูดสิ่งใดไม่ออก พันธะเทวาเป็นวิญญาณยุทธ์ประจำราชวงศ์และมีรัศมีแห่งราชัน มนุษย์จะมองไปที่สิ่งนั้นโดยตรงได้เยี่ยงไร? กระนั้นเมื่อฉินอินรุดหน้าออกจากโถง นางพลันทอดพระเนตรเห็นหางกวัดแกว่งอยู่ในอากาศขณะที่สัตว์ร้ายกำลังมุดลงใต้ดิน

ดาบของเฟิงจี้สิงปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์ เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “หลังจากสังหารคนเหล่านั้น ยังกล้าคิดจะหนีอีกรึ!?”

เฟิงจี้สิงกระโจนออกไปก่อนจะลงหลุมตามงูมังกรอย่างไม่เกรงกลัว

“ทำอย่างไรดี…”

พระหทัยขององค์หญิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางมิกล้าพอที่จะกระโดดลงไปในหลุมที่มืดมิดนั้น นางหวาดกลัวความมืดมาตั้งแต่เยาว์วัย และต้องจุดโคมไฟแม้กระทั่งเวลานอน

‘ครืน ครืน’ เสียงดังขึ้นขณะที่งูมังกรมุดอยู่ด้านใต้ก่อเกิดแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว

‘เปรี้ยง!’ จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้นพร้อมงูมังกรปรากฏตัวอีกครา มันโผล่ขึ้นมากลางโถงน้ำพุร้อนจนน้ำกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้น! สัตว์ร้ายส่งเสียงคำรามพร้อมอ้าปากเขมือบข้าหลวงสาวก่อนที่เลือดจะสาดเต็มพื้น

“เจ้าสัตว์ดิรัจฉาน…”

ฉินอินทรงขบพระทนต์แน่นด้วยความกริ้วและพุ่งตัวไป นางไม่รีรอขณะที่ควบแน่นปราณยุทธ์ทันที  เผยแสงสีทองเป็นประกาย ทันใดนั้น! พันธะเทวากระแทกเข้าใส่กรามล่างสัตว์ร้ายอย่างรุนแรงจนทำให้เกล็ดแข็งสีทองหลายชิ้นหลุดออกมา อีกทั้งมีเลือดออกซึมๆ จากบาดแผล

เฟิงจี้สิงเดินตามหางของงูมังกรโดยการจับหางไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างกระชับดาบสะบั้นวาโย เขาขุดลึกลงไปซึ่งกลายเป็นภาพที่น่าขัน

‘ฟ่อ ฟ่อ…’

ร่างขนาดใหญ่ของงูมังกรกวัดแกว่ง จากนั้นมันพุ่งเข้าใส่ฉินอินพร้อมอ้าปากกว้างพยายามจะกลืนนางลงไป!

ฉินอินทรงเรียกพันธะเทวาทั้งหกออกมาอย่าวรวดเร็ว ทว่าก็โดนทำลายจนหมดสิ้น มันแลบลิ้นสีแดงเลือดโอบพระพาหาของฉินอินเข้าไปในปาก

“ไม่นะ…”

พระหทัยของฉินอินเผาไหม้ราวกับเถ้าถ่าน นางพลันยกดาบเฉือนทันที ทว่าก็ไม่สามารถเฉือนลิ้นอันแข็งแกร่งของมันได้ อีกทั้งงูมังกรตัวนี้แข็งแกร่งกว่ามาก ทันใดนั้น! มันเหวี่ยงนางลอยขึ้นพร้อมอ้าปากรอ

ฉินอินทรงปิดพระเนตรพร้อมทั้งน้ำพระเนตรไหลริน นางไม่เคยนึกฝันเลยว่า…หลังจากรอดชีวิตจากพิษงูมังกรมาได้ กลับต้องมาจบชีวิตลงในปากงูมังกรในครานี้

เมื่อฉินอินเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ทันใดนั้น! นางพลันรู้สึกถึงความอบอุ่นจากใต้พระบาท เถาวัลย์น้ำเต้าสีเขียวพุ่งขึ้นมาก่อนจะโอบรอบพระวรกายและดึงกลับมา

“อาอวี่…”

ฉินอินหันพระพักตร์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบหลินมู่อวี่พุ่งเข้ามาพร้อมกระบี่เหลียวหยวนและทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า มีสายฟ้าโคจรลอบใบดาบขณะที่เฉือนเข้าที่ลิ้นยาวของงูมังกร!

‘เปรี้ยง!’

มันไม่ขาดเช่นเดียวกับการโจมตีของฉินอิน…พันธะเทวาของฉินอินเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งในปฐพี ทว่าก็ไม่สามารถตัดมันขาด ดังนั้นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าระดับสิบจึงไม่สามารถสร้างความเสียหายได้เลย

หลินมู่อวี่ที่มีสีหน้ากังวล สายตาเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนจะอ้าปากกัดลิ้นของงูมังกรทันที!

‘ฟู่!’

ฟันของเขาแทบหัก! มันแปลกมากที่ทนต่อพลังพันธะเทวา ทว่าไม่สามารถทนต่อ ‘การกัดอย่างเชี่ยวชาญ’ ของหลินมู่อวี่ เขากัดลงไปอีกครั้งจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดในปาก

‘ฟ่อ…ฟ่อ…’

งูมังกรเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะที่แลบลิ้นออกมา เฟิงจี้สิงฉวยโอกาสนี้เฉือนลงไปที่สันหลังของสัตว์ร้ายด้วยดาบสะบั้นวาโยอย่างแรง! ใบมีดหมุนคว้างพร้อมกับเฟิงจี้สิงคำรามกึกก้อง “ทรายอัคนีหลอมทอง!”

ด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่องถึงสามครั้ง ก็ทำให้งูมังกรล่าถอย ทว่ายังไม่ทันได้ดีใจ มันพลันวาดหางอย่างรวดเร็วใส่เฟิงจี้สิง ‘เปรี้ยง!’ ไหล่ซ้ายของเขาหัก ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา และปลิวไปตกมุมหนึ่งของโถงน้ำพุร้อน ใบหน้าของเฟิงจี้สิงซีดเซียว “อาอวี่ องค์หญิงอิน…ระวังตัวด้วย…”

“เราจัดการมันไม่ได้ งูมังกรตัวนี้เร็วเกินไป!” ฉินอินตรัส

หลินมู่อวี่ชักกระบี่ก้าวออกไปพร้อมกางกำแพงน้ำเต้าป้องกันฉินอิน ทันใดนั้น! งูมังกรก็โจมตีด้วยการกลืนและฟาดหางสามครั้งที่กำแพงน้ำเต้า จนทำให้กระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรแตกเป็นเสี่ยงๆ หลินมู่อวี่โดนซัดลอยกระแทกกับกำแพงพร้อมกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในปาก

เฟิงจี้สิงแขนซ้ายหักห้อยลง ขณะที่มือขวาพยายามค้ำตัวลุกขึ้น จากนั้นเขาปราดตาเห็นที่หลังคองูมังกร ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกายด้วยความหวัง “อาอวี่ มีเกล็ดด้านหลังคอของมันถูกทำลาย คงโดนน้ำกรดจากทหารอวี้หลินมา ข้าจะดึงความสนใจของมันเอง ส่วนเจ้าหาวิธีตรึงมันอยู่กับที่มิให้มันขยับหรือมุดหนีไปได้”

หลินมู่อวี่คลานขึ้นจากพื้นและพยักหน้ารับอย่างเศร้าโศก

ไม่ไกลออกไป…กลุ่มทหารอวี้หลินยืนนิ่ง พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปด้านหน้า เพราะสัตว์วิญญาณอายุกว่าหมื่นปีและจอมยุทธ์ขอบเขตนภาทั้งสาม…นี่ไม่ใช่สนามรบที่พวกเขาสามารถเข้าไปยุ่งได้ และอาจเป็นเพียงอาหารของสัตว์ร้ายเท่านั้น

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+