The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 193 ผู้กล้าหรือคนขลาด

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 193 ผู้กล้าหรือคนขลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อย่ำรุ่งหลินมู่อวี่สวมชุดศึกปรมาจารย์ทองคำที่ประดับด้วยศิลาทะยานนภาเช่นเคย ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือชุดสีกรมของแม่ทัพระดับสูงด้านใน ชุดนี้เป็นชุดที่ทนทานอย่างมากและมีสองเหรียญสัญลักษณ์ติดอยู่ตรงคอเสื้อ เหรียญแรกเป็นดอกหยินสีทองและอีกเหรียญเป็นดาว บ่งบอกถึงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพัน คล้ายที่เฟิงจี้สิงมีเหรียญดอกหยินทองพร้อมกับกับดาวอีกสามดวง นี่เป็นลำดับขั้นทางทหารของจักรวรรดินี้ ผู้บัญชาการกองพันมีหนึ่งดาว กองหมื่นสองดาวและมากขึ้นตามลำดับ กระทั่งจอมพลของจักรวรรดิเองก็ดูได้จากเหรียญลำดับเหล่านี้

ตามทางเดินมีเด็กสาวหลายคนยืนเข้าแถวร้องไห้ เมื่อเห็นหลินมู่อวี่ที่สวมชุดศึกควบม้าผ่านมา พวกนางจึงวิ่งเข้าไปหาก่อนเอ่ยถาม “ท่านคือราชทูตหลินหยานหรือไม่เจ้าคะ?

หลินมู่อวี่หันมองและยิ้มให้อย่างสดใส “หลินหยานมิใช่ตัวตนที่แท้จริงของข้า ข้าคือหลินมู่อวี่เป็นทหารแห่งจักรวรรดิและผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์อินทรี ข้าแฝงตัวไปยังสำนักอัศวินเพื่อวางแผนทำลายมัน”

หญิงสาวตกใจชั่วครู่ก่อนจะยิ้ม “ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะท่านหลินมู่อวี่ หากท่านไม่ทำเช่นนั้น…ข้าคงต้องใช้ชีวิตอย่างอัปยศไปจนตายเป็นแน่”

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าทำในสิ่งที่ทหารแห่งจักรวรรดิควรทำ” หลินมู่อวี่ประสานมือคำนับก่อนจากไป

ฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยนดึงบังเหียนม้าไปหาหลินมู่อวี่ “ข้าเกรงว่าไม่ใช่ทหารทุกนายจะคิดเช่นเดียวกับเจ้า…”

หลินมู่อวี่ยิ้มตอบ “ข้ารู้อยู่แล้ว!”

“ฮ่าๆ”

เป็นเวลาบ่ายแล้วเมื่อทั้งหมดเดินทางมาถึงเมืองหลันเยี่ยน เว่ยโฉวได้นำกองทหารองครักษ์อินทรีกลับขึ้นเขาไป ขณะที่หลินมู่อวี่ควบม้าเข้าเมืองไปลำพัง กระทั่งถึงสมาพันธ์ทหารรับจ้างในเวลาถัดมา…ณ ที่นั่น นักรบหลายคนจากโรงเตี๊ยมเข้ามาหางานทำทั้งที่ตัวเหม็นสาบเหล้าคละคลุ้ง รวมไปถึงกับเหล่าคุณชายทั้งหลายที่เดินผ่านไปมาด้วยสีหน้าอันเย่อหยิ่ง

หลินมู่อวี่ที่เดินเข้าไปพร้อมชุดศึกดึงดูดความสนใจผู้คนบริเวณนั้นเป็นอย่างดี กระทั่งเจ้าหน้าที่สมาพันธ์ทหารรับจ้างหน้าตาคล้ายลิงเดินเข้ามาทัก “นายท่าน ข้าสงสัยนักว่าท่านมีธุระอันใดถึงได้มาสมาพันธ์ทหารรับจ้างแห่งนี้? ท่านมาเพื่อปกป้อง…ฆ่าหรือปล้น?”

หลินมู่อวี่ตอบอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่ได้มาหาเรื่องใครทั้งสิ้น ข้าเพียงต้องการถามว่ามีสมาชิกกลุ่มมังกรผงาดอยู่ที่นี่บ้างหรือไม่?”

“งั้นรึ?”

“มีอยู่หนึ่งคน…ฮ่าๆๆ ไอ้สมาชิกมังกรผงาดหน้าโง่ ออกมาได้แล้วมีคนถามหาเจ้า!”

ทันใดนั้นผู้ชายเคราหนาคนที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของร้านก็ลุกขึ้นวางแก้วไวน์ ก่อนจะหยิบขวานศึกบนโต๊ะและหัวเราะลั่น “ใครตามหาข้า? เผยตัวมา!”

เหรียญตราทหารรับจ้างที่ติดอยู่บนอกเป็นเหรียญของกลุ่มมังกรผงาดที่ออกแบบโดยหลัวอวี่ไม่ผิดแน่ ด้านหน้าเป็นรูปมังกรและข้างหลังสลักด้วยตัวอักษรจีนสามตัวว่า ‘กลุ่มมังกรผงาด’

ชายร่างยักษ์เมามายแกว่งขวานไปมาขณะเดินไปหาหลินมู่อวี่ เขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงตามหาข้า?”

หลินมู่อวี่เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามกลับ “เจ้าเป็นสมาชิกกลุ่มมังกรผงาดใช่หรือไม่? หากใช่…พาข้าไปพบรองหัวหน้าหลัวอวี่ของเจ้า”

“เจ้าอยากพบท่านหลัวอวี่งั้นรึ? เช่นนั้นก็ถามขวานข้าเสียก่อน…” คนเมาจ้องหน้าหลินมู่อวี่ไม่เลิกก่อนจะสังเกตเห็นชุดศึกของแม่ทัพชั้นสูงที่หลินมู่อวี่สวมอยู่และสับขวานใส่หลินมู่อวี่ทันที!

หลินมู่อวี่ตกใจ เจ้านี่คิดจะทำอะไรกัน? ถึงอย่างนั้นพลังปราณของชายผู้นี้ก็แข็งแกร่งมาก คาดว่าคงอยู่ระดับขอบเขตปฐพีขั้นหนึ่ง เขาแข็งแกร่งกว่าภายนอกที่เห็น ไม่สิ…เป็นเพราะไวน์ นี่มันพลังขี้เมา!

ผู้คนเริ่มทยอยมาล้อมดูการต่อสู้อย่างตื่นเต้น

หลินมู่อวี่ไม่ได้ตอบโต้ เขาหลบและถอยหลังสองก้าว ก่อนจะใช้มือที่รวบรวมปราณยุทธ์จับขวานและผลักกลับไป หากไม่พูดถึงความสูง หลินมู่อวี่นั้นแข็งแรงกว่ามาก ด้ามขวานของชายมีเคราถูกดึงไว้อีกครั้งก่อนที่หลินมู่อวี่จะใช้เข่าแทงหน้าท้องชายร่างยักษ์

“อึก…”

ชายร่างยักษ์ลงไปกองกับพื้นกุมท้องด้วยความเจ็บปวด ของเหลวที่ทานเข้าไปทะลักออกมาหมดจนสร่างเมา เมื่อเห็นเกราะเทวะที่หลินมู่อวี่สวมอยู่เขารู้ได้ในทันที ก่อนจะรีบประสานกำปั้นและกล่าว “ท…ท่านคือหลินมู่อวี่ใช่หรือไม่?”

“น่าสมเพชจริง…พาข้าไปพบหลัวอวี่…”

“ขอรับ…ขอรับ!”

ทั้งคู่จากไปทิ้งให้ฝูงชนยืนมองอย่างสับสน ขณะที่หลายคนกำลังงงงันก็มีทหารรับจ้างหนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงสั่น “เจ้าบ้านั่น…อยู่ขอบเขตนภาเป็นแน่…ข้าเห็นปราณยุทธ์ของมัน…”

“ขอบเขตนภาหรือ…ไม่น่าเชื่อ! ขอบเขตนภาเชียวรึ”

ทุกคนตกตะลึงราวกับเห็นผี…

หลินมู่อวี่กับชายร่างยักษ์ออกจากเมืองหลันเยี่ยนไปยังลานร้างในป่านอกเมือง ชายร่างยักษ์กล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านผู้บัญชาการ ลานแห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานาน ไม่มีผู้คนผ่านมาบ่อยนัก ท่านหลัวอวี่จึงตัดสินใจตั้งค่ายกลุ่มมังกรผงาดชั่วคราวขึ้นที่นี่”

“จนถึงตอนนี้มีคนมาสมัครกี่คนแล้ว?” หลิมู่อวี่ถามขณะนั่งบนหลังม้า

ชายร่างยักษ์นำหน้าไปพร้อมกับขวานอันมหึมา “ราวหกสิบคนได้ขอรับ…แม้จะมีนักรบอยู่มากในเมืองหลันเยี่ยน ทว่ายังไม่มีใครก้าวเข้าสู่ขอบเขตมนุษย์เลยสักคน การจะหาผู้มีฝีมือเหนือกว่านั้นยากนัก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ท่านหลัวอวี่จะหาคนให้ได้มากกว่าห้าสิบในครึ่งเดือน”

หลินมู่อวี่พยักหน้า อีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องรับสมัครคนจำนวนมากเป็นเพราะเรื่องเงิน เหรียญทองทั้งแสนหยินที่เขาให้ไปนั้นไม่ได้ให้ไปโดยไม่หวังผล

ด้านนอกลานเก่ามีเพียงธงผืนหนึ่งโบกสะบัดไปมาอยู่ เป็นธงสัญลักษณ์ที่มีคำว่ากลุ่มมังกรผงาดสลักไว้ ไม่มีสมาชิกของกลุ่มคอยลาดตระเวนเฝ้าด้านนอก

เมื่อเข้าไปด้านในก็พบผู้คนมากมายกระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าและเล่นการพนัน มีทั้งคนอายุน้อยที่สุดราวสิบสี่และคนอายุมากที่สุดราวสี่สิบปี หลายคนใส่เสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้น แต่บางคนก็ถอดเสื้ออวดกล้ามเนื้อกัน หน้าตาแต่ละคนดูจริงจังไม่มีใครยอมใคร

หลินมู่อวี่มองดูอย่างกระอักกระอ่วน เขามาจากยุคสมัยใหม่ที่มีการเต้นยั่วยวนของสาวงามไม่ใช่ผู้ชายแบบนี้ เขาไม่รู้จะหาคำพูดใดมากล่าวเมื่อได้เห็นสภาพของลานกว้างอันอุจาดตา

“มีคนมา!”

ทหารรับจ้างคนหนึ่งที่นั่งบนกิ่งไม้ตะโกนขึ้น “มาดูเร็ว! เป็นนายทหารยศสูง คงมาที่เผื่อสอบสวนเราแน่ พี่น้องทั้งหลายเตรียมรับเด็กใหม่!”

ทันใดนั้นหลินมู่อวี่ก็ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มทหารรับจ้างหน้าตาถมึงทึง

หลินมู่อวี่ยิ้มให้กลุ่มคนเบื้องล่างขณะนั่งอยู่บนหลังม้า “พวกเจ้าจะทำอะไร? จะทุบตีหรือฆ่าข้ารึ?”

ชายถือหอกคนหนึ่งควงหอกที่รวบรวมพลังปราณไว้ไปมา “เราไม่ฆ่าหรือทำร้ายเจ้าหรอก เพียงแค่ตอบมาว่าเจ้ามีเงินติดตัวมาเท่าไหร่? พวกพี่น้องข้ากำลังขัดสนไม่มีเงินซื้อไวน์มาหลายวันแล้ว”

“นั่นหมายถึงเจ้าจะทำร้ายข้ามิใช่รึ?”

“ข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่”

“งี่เง่าเสียจริง…”

คนพวกนี้ไอคิวต่ำจนน่าเป็นห่วง หลินมู่อวี่เริ่มสับสนก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นและกล่าว “หลัวอวี่…ออกมาเจอข้าเถิด!”

“แอด…”

ประตูด้านหน้าเปิดออก หลัวอวี่เดินออกมาด้วยท่าทางอิดโรยพร้อมกับใบรายชื่อในมือ “ท่านผู้บัญชาการกลับมาแล้ว…ฮ่าๆๆ เยี่ยมเลย! แล้วเจ้าคนนั้นกล้าดีอย่างไรถึงหันอาวุธใส่เขาผู้นี้ นี่คือผู้บัญชาการหลินมู่อวี่!”

บรรดาทหารรับจ้างต่างตกใจ  “เจ้าคนปวกเปียกนี่น่ะรึ? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงขยะอ่อนแอที่โตมากับหญิงอ้วนจากหลันเยี่ยน คนเช่นนี้รึคือหัวหน้าของเรา?”

“นี่คือหัวหน้าเราหรือ?”

หลินมู่อวี่ยิ้ม ก่อนจะลงจากม้าโดยไม่หยิบอาวุธมาด้วย เขามองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้าก่อนจะกล่าว “คนโง่อย่างพวกเจ้ากล้าดีถึงเพียงนี้เชียวรึ? เข้ามาพร้อมกันให้หมด แล้วอย่าหาว่าข้ารังแกก็แล้วกัน!”

หลัวอวี่ตกใจ “นี่ท่านคิดจะ…”

“ไม่เป็นไร ข้าคิดดีแล้ว”

หลินมู่อวี่เม้มปาก อันที่จริงเขารู้ดีอยู่แล้วว่าถึงแม้คนพวกนี้จะดูโง่เง่าทว่าฝีมือนั้นอยู่ในระดับขอบเขตมนุษย์ถึงขอบเขตปฐพี เป็นยอดฝีมือของแต่ละหมู่บ้านจึงมีความทะนงตนและดื้อรั้น เขาจำเป็นต้องแสดงพลังให้เห็นเพื่อกำราบให้เชื่อฟัง มิเช่นนั้นคนพวกนี้ไม่ยอมรับเขาเป็นผู้บัญชาการมังกรผงาดแน่นอน

“วิ้ง…”

ปราณยุทธ์น้ำเต้าปรากฏ หลินมู่อวี่ง้างหมัดควบแน่นปราณยุทธ์ออก

“นั่นมันพลังขอบเขตนภา ระดับเดียวกับท่านหลัวอวี่!”

“ใช่…ปราณยุทธ์นั่น!”

“ขอบเขตนภาแล้วอย่างไรเล่า! เรามีคนมากกว่า หากเขาอยากเป็นหัวหน้าเรา ก็ต้องแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติเพียงพอ!”

เมื่อกล่าวจบทั้งหมดก็พุ่งเข้าโจมตีทันที ชายร่างใหญ่ระดับขอบเขตปฐพีขั้นสองคนหนึ่งคำรามลั่นก่อนจะใช้หมัดที่มีวิญญาณมังกรสมุทรสถิตอยู่ชกไปยังหน้าอกหลินมู่อวี่ เป็นการโจมตีอันทรงพลังที่ดูถูกไม่ได้ทีเดียว ถึงกระนั้นหลินมู่อวี่ก็หลบได้และโจมตีกลับที่ท้องของชายคนดังกล่าว “เปรี้ยง!” เขาถูกซัดถอยไปหลายก้าวจนทรุดกับพื้น

ทุกการโจมตีถูกปราการน้ำเต้า กระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรรับไว้ได้หมด ถึงตาหลินมู่อวี่ เขากระหน่ำหมัดวิญญาณที่เรียนรู้มาจากจางเหว่ย! ส่งผลบรรดาทหารรับจ้างถูกซัดกระเด็นไปคนละทาง เมื่อถูกล้อมอีกครั้งหลินมู่อวี่จึงรวบรวมพลังปีศาจแล้วทุ่มโจมตีที่พื้น!

สองประทีประบำปีศาจ!

“เปรี้ยง!”

หลินมู่อวี่ใช้ปราณยุทธ์เพียงสามในสิบและพลังฌานเจ็ดประทีปสร้างคลื่นกระแทก ซัดทุกคนโดยรอบปลิวว่อนจนล้มหมอบ เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ยืนอยู่

“เป็นอย่างไร ข้าเหมาะสมจะเป็นผู้นำกลุ่มมังกรผงาดได้หรือยัง?” หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม

ทหารรับจ้างทั้งหมดประสานมือคำนับ “ท่านผู้บัญชาการผู้ยิ่งใหญ่…ท่านผู้บัญชาการผู้แข็งแกร่ง…”

หลินมู่อวี่เลิกคิ้วขึ้นก่อนเอ่ยถาม “ข้ามีคำถามข้อหนึ่งจะถามพวกเจ้า”

“เชิญถามได้เลยขอรับท่านผู้บัญชาการ ท่านคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นถามได้ทุกเรื่องเลยขอรับ!”

หลินมู่อวี่ถามเสียงเข้ม “พวกเจ้าอยากเป็นผู้กล้าหรือคนขี้ขลาด?”

ทุกคนตกตะลึงไปชั่วครู่ “ท่านผู้บัญชาการ เราทุกคนล้วนอยากเป็นผู้กล้าขอรับ…”

หลินมู่อวี่ส่ายหัวก่อนหุบยิ้ม “แต่ตอนนี้พวกเจ้าเหมือนกลุ่มคนขลาดเสียมากกว่า”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 193 ผู้กล้าหรือคนขลาด

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 193 ผู้กล้าหรือคนขลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อย่ำรุ่งหลินมู่อวี่สวมชุดศึกปรมาจารย์ทองคำที่ประดับด้วยศิลาทะยานนภาเช่นเคย ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือชุดสีกรมของแม่ทัพระดับสูงด้านใน ชุดนี้เป็นชุดที่ทนทานอย่างมากและมีสองเหรียญสัญลักษณ์ติดอยู่ตรงคอเสื้อ เหรียญแรกเป็นดอกหยินสีทองและอีกเหรียญเป็นดาว บ่งบอกถึงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพัน คล้ายที่เฟิงจี้สิงมีเหรียญดอกหยินทองพร้อมกับกับดาวอีกสามดวง นี่เป็นลำดับขั้นทางทหารของจักรวรรดินี้ ผู้บัญชาการกองพันมีหนึ่งดาว กองหมื่นสองดาวและมากขึ้นตามลำดับ กระทั่งจอมพลของจักรวรรดิเองก็ดูได้จากเหรียญลำดับเหล่านี้

ตามทางเดินมีเด็กสาวหลายคนยืนเข้าแถวร้องไห้ เมื่อเห็นหลินมู่อวี่ที่สวมชุดศึกควบม้าผ่านมา พวกนางจึงวิ่งเข้าไปหาก่อนเอ่ยถาม “ท่านคือราชทูตหลินหยานหรือไม่เจ้าคะ?

หลินมู่อวี่หันมองและยิ้มให้อย่างสดใส “หลินหยานมิใช่ตัวตนที่แท้จริงของข้า ข้าคือหลินมู่อวี่เป็นทหารแห่งจักรวรรดิและผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์อินทรี ข้าแฝงตัวไปยังสำนักอัศวินเพื่อวางแผนทำลายมัน”

หญิงสาวตกใจชั่วครู่ก่อนจะยิ้ม “ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะท่านหลินมู่อวี่ หากท่านไม่ทำเช่นนั้น…ข้าคงต้องใช้ชีวิตอย่างอัปยศไปจนตายเป็นแน่”

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าทำในสิ่งที่ทหารแห่งจักรวรรดิควรทำ” หลินมู่อวี่ประสานมือคำนับก่อนจากไป

ฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยนดึงบังเหียนม้าไปหาหลินมู่อวี่ “ข้าเกรงว่าไม่ใช่ทหารทุกนายจะคิดเช่นเดียวกับเจ้า…”

หลินมู่อวี่ยิ้มตอบ “ข้ารู้อยู่แล้ว!”

“ฮ่าๆ”

เป็นเวลาบ่ายแล้วเมื่อทั้งหมดเดินทางมาถึงเมืองหลันเยี่ยน เว่ยโฉวได้นำกองทหารองครักษ์อินทรีกลับขึ้นเขาไป ขณะที่หลินมู่อวี่ควบม้าเข้าเมืองไปลำพัง กระทั่งถึงสมาพันธ์ทหารรับจ้างในเวลาถัดมา…ณ ที่นั่น นักรบหลายคนจากโรงเตี๊ยมเข้ามาหางานทำทั้งที่ตัวเหม็นสาบเหล้าคละคลุ้ง รวมไปถึงกับเหล่าคุณชายทั้งหลายที่เดินผ่านไปมาด้วยสีหน้าอันเย่อหยิ่ง

หลินมู่อวี่ที่เดินเข้าไปพร้อมชุดศึกดึงดูดความสนใจผู้คนบริเวณนั้นเป็นอย่างดี กระทั่งเจ้าหน้าที่สมาพันธ์ทหารรับจ้างหน้าตาคล้ายลิงเดินเข้ามาทัก “นายท่าน ข้าสงสัยนักว่าท่านมีธุระอันใดถึงได้มาสมาพันธ์ทหารรับจ้างแห่งนี้? ท่านมาเพื่อปกป้อง…ฆ่าหรือปล้น?”

หลินมู่อวี่ตอบอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่ได้มาหาเรื่องใครทั้งสิ้น ข้าเพียงต้องการถามว่ามีสมาชิกกลุ่มมังกรผงาดอยู่ที่นี่บ้างหรือไม่?”

“งั้นรึ?”

“มีอยู่หนึ่งคน…ฮ่าๆๆ ไอ้สมาชิกมังกรผงาดหน้าโง่ ออกมาได้แล้วมีคนถามหาเจ้า!”

ทันใดนั้นผู้ชายเคราหนาคนที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของร้านก็ลุกขึ้นวางแก้วไวน์ ก่อนจะหยิบขวานศึกบนโต๊ะและหัวเราะลั่น “ใครตามหาข้า? เผยตัวมา!”

เหรียญตราทหารรับจ้างที่ติดอยู่บนอกเป็นเหรียญของกลุ่มมังกรผงาดที่ออกแบบโดยหลัวอวี่ไม่ผิดแน่ ด้านหน้าเป็นรูปมังกรและข้างหลังสลักด้วยตัวอักษรจีนสามตัวว่า ‘กลุ่มมังกรผงาด’

ชายร่างยักษ์เมามายแกว่งขวานไปมาขณะเดินไปหาหลินมู่อวี่ เขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงตามหาข้า?”

หลินมู่อวี่เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามกลับ “เจ้าเป็นสมาชิกกลุ่มมังกรผงาดใช่หรือไม่? หากใช่…พาข้าไปพบรองหัวหน้าหลัวอวี่ของเจ้า”

“เจ้าอยากพบท่านหลัวอวี่งั้นรึ? เช่นนั้นก็ถามขวานข้าเสียก่อน…” คนเมาจ้องหน้าหลินมู่อวี่ไม่เลิกก่อนจะสังเกตเห็นชุดศึกของแม่ทัพชั้นสูงที่หลินมู่อวี่สวมอยู่และสับขวานใส่หลินมู่อวี่ทันที!

หลินมู่อวี่ตกใจ เจ้านี่คิดจะทำอะไรกัน? ถึงอย่างนั้นพลังปราณของชายผู้นี้ก็แข็งแกร่งมาก คาดว่าคงอยู่ระดับขอบเขตปฐพีขั้นหนึ่ง เขาแข็งแกร่งกว่าภายนอกที่เห็น ไม่สิ…เป็นเพราะไวน์ นี่มันพลังขี้เมา!

ผู้คนเริ่มทยอยมาล้อมดูการต่อสู้อย่างตื่นเต้น

หลินมู่อวี่ไม่ได้ตอบโต้ เขาหลบและถอยหลังสองก้าว ก่อนจะใช้มือที่รวบรวมปราณยุทธ์จับขวานและผลักกลับไป หากไม่พูดถึงความสูง หลินมู่อวี่นั้นแข็งแรงกว่ามาก ด้ามขวานของชายมีเคราถูกดึงไว้อีกครั้งก่อนที่หลินมู่อวี่จะใช้เข่าแทงหน้าท้องชายร่างยักษ์

“อึก…”

ชายร่างยักษ์ลงไปกองกับพื้นกุมท้องด้วยความเจ็บปวด ของเหลวที่ทานเข้าไปทะลักออกมาหมดจนสร่างเมา เมื่อเห็นเกราะเทวะที่หลินมู่อวี่สวมอยู่เขารู้ได้ในทันที ก่อนจะรีบประสานกำปั้นและกล่าว “ท…ท่านคือหลินมู่อวี่ใช่หรือไม่?”

“น่าสมเพชจริง…พาข้าไปพบหลัวอวี่…”

“ขอรับ…ขอรับ!”

ทั้งคู่จากไปทิ้งให้ฝูงชนยืนมองอย่างสับสน ขณะที่หลายคนกำลังงงงันก็มีทหารรับจ้างหนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงสั่น “เจ้าบ้านั่น…อยู่ขอบเขตนภาเป็นแน่…ข้าเห็นปราณยุทธ์ของมัน…”

“ขอบเขตนภาหรือ…ไม่น่าเชื่อ! ขอบเขตนภาเชียวรึ”

ทุกคนตกตะลึงราวกับเห็นผี…

หลินมู่อวี่กับชายร่างยักษ์ออกจากเมืองหลันเยี่ยนไปยังลานร้างในป่านอกเมือง ชายร่างยักษ์กล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านผู้บัญชาการ ลานแห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานาน ไม่มีผู้คนผ่านมาบ่อยนัก ท่านหลัวอวี่จึงตัดสินใจตั้งค่ายกลุ่มมังกรผงาดชั่วคราวขึ้นที่นี่”

“จนถึงตอนนี้มีคนมาสมัครกี่คนแล้ว?” หลิมู่อวี่ถามขณะนั่งบนหลังม้า

ชายร่างยักษ์นำหน้าไปพร้อมกับขวานอันมหึมา “ราวหกสิบคนได้ขอรับ…แม้จะมีนักรบอยู่มากในเมืองหลันเยี่ยน ทว่ายังไม่มีใครก้าวเข้าสู่ขอบเขตมนุษย์เลยสักคน การจะหาผู้มีฝีมือเหนือกว่านั้นยากนัก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ท่านหลัวอวี่จะหาคนให้ได้มากกว่าห้าสิบในครึ่งเดือน”

หลินมู่อวี่พยักหน้า อีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องรับสมัครคนจำนวนมากเป็นเพราะเรื่องเงิน เหรียญทองทั้งแสนหยินที่เขาให้ไปนั้นไม่ได้ให้ไปโดยไม่หวังผล

ด้านนอกลานเก่ามีเพียงธงผืนหนึ่งโบกสะบัดไปมาอยู่ เป็นธงสัญลักษณ์ที่มีคำว่ากลุ่มมังกรผงาดสลักไว้ ไม่มีสมาชิกของกลุ่มคอยลาดตระเวนเฝ้าด้านนอก

เมื่อเข้าไปด้านในก็พบผู้คนมากมายกระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าและเล่นการพนัน มีทั้งคนอายุน้อยที่สุดราวสิบสี่และคนอายุมากที่สุดราวสี่สิบปี หลายคนใส่เสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้น แต่บางคนก็ถอดเสื้ออวดกล้ามเนื้อกัน หน้าตาแต่ละคนดูจริงจังไม่มีใครยอมใคร

หลินมู่อวี่มองดูอย่างกระอักกระอ่วน เขามาจากยุคสมัยใหม่ที่มีการเต้นยั่วยวนของสาวงามไม่ใช่ผู้ชายแบบนี้ เขาไม่รู้จะหาคำพูดใดมากล่าวเมื่อได้เห็นสภาพของลานกว้างอันอุจาดตา

“มีคนมา!”

ทหารรับจ้างคนหนึ่งที่นั่งบนกิ่งไม้ตะโกนขึ้น “มาดูเร็ว! เป็นนายทหารยศสูง คงมาที่เผื่อสอบสวนเราแน่ พี่น้องทั้งหลายเตรียมรับเด็กใหม่!”

ทันใดนั้นหลินมู่อวี่ก็ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มทหารรับจ้างหน้าตาถมึงทึง

หลินมู่อวี่ยิ้มให้กลุ่มคนเบื้องล่างขณะนั่งอยู่บนหลังม้า “พวกเจ้าจะทำอะไร? จะทุบตีหรือฆ่าข้ารึ?”

ชายถือหอกคนหนึ่งควงหอกที่รวบรวมพลังปราณไว้ไปมา “เราไม่ฆ่าหรือทำร้ายเจ้าหรอก เพียงแค่ตอบมาว่าเจ้ามีเงินติดตัวมาเท่าไหร่? พวกพี่น้องข้ากำลังขัดสนไม่มีเงินซื้อไวน์มาหลายวันแล้ว”

“นั่นหมายถึงเจ้าจะทำร้ายข้ามิใช่รึ?”

“ข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่”

“งี่เง่าเสียจริง…”

คนพวกนี้ไอคิวต่ำจนน่าเป็นห่วง หลินมู่อวี่เริ่มสับสนก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นและกล่าว “หลัวอวี่…ออกมาเจอข้าเถิด!”

“แอด…”

ประตูด้านหน้าเปิดออก หลัวอวี่เดินออกมาด้วยท่าทางอิดโรยพร้อมกับใบรายชื่อในมือ “ท่านผู้บัญชาการกลับมาแล้ว…ฮ่าๆๆ เยี่ยมเลย! แล้วเจ้าคนนั้นกล้าดีอย่างไรถึงหันอาวุธใส่เขาผู้นี้ นี่คือผู้บัญชาการหลินมู่อวี่!”

บรรดาทหารรับจ้างต่างตกใจ  “เจ้าคนปวกเปียกนี่น่ะรึ? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงขยะอ่อนแอที่โตมากับหญิงอ้วนจากหลันเยี่ยน คนเช่นนี้รึคือหัวหน้าของเรา?”

“นี่คือหัวหน้าเราหรือ?”

หลินมู่อวี่ยิ้ม ก่อนจะลงจากม้าโดยไม่หยิบอาวุธมาด้วย เขามองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้าก่อนจะกล่าว “คนโง่อย่างพวกเจ้ากล้าดีถึงเพียงนี้เชียวรึ? เข้ามาพร้อมกันให้หมด แล้วอย่าหาว่าข้ารังแกก็แล้วกัน!”

หลัวอวี่ตกใจ “นี่ท่านคิดจะ…”

“ไม่เป็นไร ข้าคิดดีแล้ว”

หลินมู่อวี่เม้มปาก อันที่จริงเขารู้ดีอยู่แล้วว่าถึงแม้คนพวกนี้จะดูโง่เง่าทว่าฝีมือนั้นอยู่ในระดับขอบเขตมนุษย์ถึงขอบเขตปฐพี เป็นยอดฝีมือของแต่ละหมู่บ้านจึงมีความทะนงตนและดื้อรั้น เขาจำเป็นต้องแสดงพลังให้เห็นเพื่อกำราบให้เชื่อฟัง มิเช่นนั้นคนพวกนี้ไม่ยอมรับเขาเป็นผู้บัญชาการมังกรผงาดแน่นอน

“วิ้ง…”

ปราณยุทธ์น้ำเต้าปรากฏ หลินมู่อวี่ง้างหมัดควบแน่นปราณยุทธ์ออก

“นั่นมันพลังขอบเขตนภา ระดับเดียวกับท่านหลัวอวี่!”

“ใช่…ปราณยุทธ์นั่น!”

“ขอบเขตนภาแล้วอย่างไรเล่า! เรามีคนมากกว่า หากเขาอยากเป็นหัวหน้าเรา ก็ต้องแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติเพียงพอ!”

เมื่อกล่าวจบทั้งหมดก็พุ่งเข้าโจมตีทันที ชายร่างใหญ่ระดับขอบเขตปฐพีขั้นสองคนหนึ่งคำรามลั่นก่อนจะใช้หมัดที่มีวิญญาณมังกรสมุทรสถิตอยู่ชกไปยังหน้าอกหลินมู่อวี่ เป็นการโจมตีอันทรงพลังที่ดูถูกไม่ได้ทีเดียว ถึงกระนั้นหลินมู่อวี่ก็หลบได้และโจมตีกลับที่ท้องของชายคนดังกล่าว “เปรี้ยง!” เขาถูกซัดถอยไปหลายก้าวจนทรุดกับพื้น

ทุกการโจมตีถูกปราการน้ำเต้า กระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรรับไว้ได้หมด ถึงตาหลินมู่อวี่ เขากระหน่ำหมัดวิญญาณที่เรียนรู้มาจากจางเหว่ย! ส่งผลบรรดาทหารรับจ้างถูกซัดกระเด็นไปคนละทาง เมื่อถูกล้อมอีกครั้งหลินมู่อวี่จึงรวบรวมพลังปีศาจแล้วทุ่มโจมตีที่พื้น!

สองประทีประบำปีศาจ!

“เปรี้ยง!”

หลินมู่อวี่ใช้ปราณยุทธ์เพียงสามในสิบและพลังฌานเจ็ดประทีปสร้างคลื่นกระแทก ซัดทุกคนโดยรอบปลิวว่อนจนล้มหมอบ เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ยืนอยู่

“เป็นอย่างไร ข้าเหมาะสมจะเป็นผู้นำกลุ่มมังกรผงาดได้หรือยัง?” หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม

ทหารรับจ้างทั้งหมดประสานมือคำนับ “ท่านผู้บัญชาการผู้ยิ่งใหญ่…ท่านผู้บัญชาการผู้แข็งแกร่ง…”

หลินมู่อวี่เลิกคิ้วขึ้นก่อนเอ่ยถาม “ข้ามีคำถามข้อหนึ่งจะถามพวกเจ้า”

“เชิญถามได้เลยขอรับท่านผู้บัญชาการ ท่านคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นถามได้ทุกเรื่องเลยขอรับ!”

หลินมู่อวี่ถามเสียงเข้ม “พวกเจ้าอยากเป็นผู้กล้าหรือคนขี้ขลาด?”

ทุกคนตกตะลึงไปชั่วครู่ “ท่านผู้บัญชาการ เราทุกคนล้วนอยากเป็นผู้กล้าขอรับ…”

หลินมู่อวี่ส่ายหัวก่อนหุบยิ้ม “แต่ตอนนี้พวกเจ้าเหมือนกลุ่มคนขลาดเสียมากกว่า”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+