The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 197 ชากลิ่นผลไม้

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 197 ชากลิ่นผลไม้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.197 ชากลิ่นผลไม้  

 

 

“ฟู่!”  

 

 

กระบี่เหลียวหยวนปล่อยพลังเพลิงออกมาปะทะกับโล่ปราการเกล็ดมังกรของฉินหยาน! ทว่าทำได้แค่เพียงรอยขีดข่วนเท่านั้น…ฉินหยานทำการโต้กลับอย่างรุนแรง! แต่กำแพงน้ำเต้าที่รับการโตมตีแทบไม่มีบุบสลาย ทั้งยังฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากปราณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ช่วยซ่อมแซม!  

 

 

หอกเขี้ยวอัคคีของฉินหยานนั้นเหมาะกับการโจมตีเป็นวงกว้าง แม้รูปลักษณ์ดูบอบบางทว่าแฝงด้วยความร้ายกาจ! ทุกการฟาดฟันจะเกิดการโจมตีซ้อน ทำให้แม้หลินมู่อวี่จะหลบครั้งแรกได้แต่ก็ยังโดนครั้งที่สองอยู่ดี การโจมตีต่อเนื่องกดดันหลินมู่อวี่อวี่อย่างรุนแรง  

 

 

ทว่าหลินมู่อวี่มีวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าคอยสนับสนุนอยู่ ทำให้สามารถฟื้นฟูตนเองได้เรื่อยๆ กลับกันโล่เกล็ดมังกรของฉินหยานที่คอยรับการโจมตีบุบสลายลงอย่างเห็นได้ชัด!  

 

 

“ยอมแล้ว…”  

 

 

ฉินหยานดึงหอกกลับก่อนจะถอนหายใจยาว เขาโบกมือและหัวเราะให้หลินมู่อวี่ “ปราณยุทธ์ข้าแทบไม่เหลือแล้ว ท่านพี่หลินมู่อวี่ช่างแข็งแกร่งเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่พี่ฉินเหลยบอกว่าท่านเก่งกาจไม่แพ้เขา!”  

 

 

“หืม? ท่านพี่ฉินเหลยกล่าวเช่นนั้นหรือ?”  

 

 

“ขอรับ เขาและผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงประเมินค่าท่านพี่ไว้สูงมาก ถึงกับยกให้ท่านเป็นอันดับหนึ่งทั้งความสามารถกับทัศนคติสูงส่งที่สุดในบรรดาองครักษ์หนุ่ม ไม่แน่ว่าท่านพี่หลินมู่อวี่อาจเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งเมืองหลันเยี่ยนในอนาคตก็ได้!”  

 

 

“อันที่จริง…” หลินมู่อวี่ลูบจมูกและกล่าวต่ออย่างขวยเขิน “ข้าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ร่ำลือ ทั้งยังเกือบถูกฆ่าตั้งหลายครั้งหลายครา”  

 

 

ฉินหยานหัวเราะลั่น “ทว่าทุกครั้งก็จบลงโดยที่ท่านชนะมิใช่หรือ? นี่แหละคือหลักฐานความแข็งแกร่งของท่าน!”  

 

 

“เอาเถิด เจ้าชายน้อยฉินหยาน ได้เวลาที่ข้าต้องกลับรังอินทรีแล้ว”  

 

 

“ขอรับ ข้าจะไปส่งท่านพี่เอง”  

 

 

“ได้สิ”  

 

 

ฉินหยานมองหลินมู่อวี่ออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ไป บรรดาทหารยามเมื่อเห็นบุตรชายคนที่สองของราชาแห่งสันติมาส่งหลินมู่อวี่ก็พากันประหลาดใจ เพราะไม่เคยมีใครได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ จากที่เคารพอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกยำเกรงปรมาจารย์อันดับหนึ่งอย่างหลินมู่อวี่มากกว่าเดิม อีกทั้งจากการต่อสู้เมื่อครู่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเอาชนะครูฝึกอันดับหนึ่งอย่างฉินหยานได้อย่างง่ายดาย สมแล้วที่คนคนนี้จะถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด!  

 

 

เมื่อหลินมู่กลับมาถึงรังอินทรี เขาพยายามหลอมศิลาวิญญาณเก้าสวรรค์อีกครั้งทว่าไม่เป็นผล  

 

 

ตลอดระยะเวลาอันยาวนานจนถึงกลางดึก หลินมู่อวี่พยายามหลอมเหล็กทั้งคืนจนร่างกายอ่อนล้าหน้าตาซีดเผือด ลู่ลู่บินมาเกาะที่ไหล่ “จนกว่าจะหาวิธีได้ ท่านพี่พอก่อนเถิดเจ้าค่ะ …”  

 

 

หลินมู่อวี่อ่อนแรงลงมาก เขาพยักหน้ารับคำก่อนนั่งลง  

 

 

ทว่าทันใดนั้นเว่ยโฉวก็ตะโกนเรียก “ท่านผู้บัญชาการ องค์หญิงถังเสี่ยวซีมาขอพบขอรับ!”  

 

 

“หืม…เสี่ยวถังมาที่นี่หรือ?  

 

 

หลินมู่อวี่หัวใจพองโตรีบยืนขึ้นและเดินออกไปทันใด คืนนี้ท้องฟ้ายามราตรีไร้จันทร์หรือดวงดาว มีเพียงผืนฟ้าเปล่าอันดำมืดเท่านั้น ใต้แสงคบเพลิงส่องสลัวด้านนอก ถังเสี่ยวซีลงจากหลังม้าเดินมาหาหลินมู่อวี่ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเหมือนศพของเขา นางถึงกับหุบยิ้มทันใด “มู่มู่ เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า หรือเจ้ายังไม่หายดีจากการต่อสู้ที่ตำหนักกวางโศกา…”  

 

 

“ไม่ใช่แบบนั้น” หลินมู่อวี่ส่ายหัว  

 

 

ถังเสี่ยวซีล้วงเอาผ้าเช็ดผืนหนึ่งออกมาเช็ดหยดเหงื่อที่ผุดตามใบหน้าของหลินมู่อวี่ “ข้าฝึกฝนอยู่ในจวนขุนนางอยู่หลายวัน ไม่รู้เรื่องราวว่าเกิดอันใดขึ้นบ้าง ข้าขอโทษจริงๆ”  

 

 

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เสี่ยวซี เหตุใดจึงต้องขอโทษเล่า? เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด…”  

 

 

“อย่างน้อย…ข้าก็ควรมาพบเจ้าให้เร็วกว่านี้”  

 

 

“อย่างนั้นหรือ…” หลินมู่อวี่ถึงกับพูดไม่ออก  

 

 

“เจ้าจะไม่เชิญข้าเข้าไปด้านในหน่อยหรือ?” ถังเสี่ยวซียิ้มถาม  

 

 

“ตามข้ามาสิ…”  

 

 

หลินมู่อวี่เดินนำไปอีกทาง ถังเสี่ยวซีหันไปสั่งองครักษ์ทั้งสองให้คอยอยู่ด้านนอก ก่อนจะตามหลินมู่อวี่ไปยังที่พัก เว่ยโฉวตามหลังทั้งคู่ไปก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “ท่านผู้บัญชาการต้องการให้ข้าตระเตรียมสิ่งใดหรือไม่ขอรับ?”  

 

 

เป็นยิ้มที่น่าชกให้คว่ำเสียจริง หลินมู่อวี่จ้องหน้าเว่ยโฉวก่อนพูดขึ้น “เตรียมสิ่งใด? แล้วรอยยิ้มนั่น…เจ้าจะหาถุงยางอนามัยให้ข้ารึ?”  

 

 

เว่ยโฉวไม่เข้าใจ “อะไรคือ…ถุงยางอนามัย?”  

 

 

ถังเสี่ยวซีเองก็สับสน จึงยิ้มถามอย่างไร้เดียงสา “มู่มู่ สิ่งใดคือ…”  

 

 

หลินมู่อวี่เกาหัว นึกเกลียดตัวเองที่พูดแบบนั้นออกไป ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงลนลาน “มันคือ…ใบชาชนิดหนึ่งจากบ้านเกิดข้าเอง มันนุ่มละมุน…และมีรสผลไม้หลากหลายเชียวล่ะ ฮ่าๆๆ…”  

 

 

ถังเสี่ยวซีหรี่ตาคู่สวยมอง “ดูก็รู้ว่าเจ้าโกหก ข้าอยากชกหน้าเจ้าเสียจริง แต่…มีชากลิ่นผลไม้จริงหรือ? หากเจ้ามีโอกาสเอามาให้ข้าชิมได้หรือไม่?”  

 

 

เมื่อมองใบหน้าสะสวยของถังเสี่ยวซีแล้วหลินมู่อวี่ก็คิดการใหญ่ เขาพยักหน้าและตอบกลับ “เช่นนั้น…หากมีโอกาสและเจ้าต้องการ…”  

 

 

ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “ฮ่าๆๆ เจ้าพูดเรื่องอะไรของเจ้ากัน? เหตุใดข้าถึงจะไม่ต้องการ?”  

 

 

เว่ยโฉวยืนมองทั้งคู่ด้วยความงุนงง “ท่านขอรับ เช่นนั้นอยากให้ข้าน้อยเตรียมของว่างกับชาหอมให้องค์หญิงถังหรือไม่ขอรับ?”  

 

 

“อืม! จะไปไหนก็ไป!”  

 

 

“รับทราบขอรับ!”  

 

 

ห้องของหลินมู่อวี่นั้นกว้างขวางทว่าไร้การตกแต่งใดๆ มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้ไม่กี่ตัวและเตียงหนึ่งหลังเท่านั้น เมื่อหันมองรอบห้อง จินเสี่ยวถังจึง ‘เลือก’ เดินไปนั่งบนเตียง “มู่มู่…ห้องเจ้าไม่มีอะไรเลย แต่ข้า…ชอบเตียงนุ่มๆ ของเจ้า”  

 

 

“ข้า…ข้าไม่ว่าหากเจ้าอยากนอน…”  

 

 

หลินมู่อวี่พยายามหักห้ามใจแล้วที่จะไม่ชวนถังเสี่ยวซีให้ลองนอนบนเตียง เพราะโลกนี้ทุกสิ่งล้วนดูจริงจังไปเสียหมด ไม่เหมือนโลกเดิมที่หยอกล้อกันเป็นปกติ หากเขาพูดเช่นนั้นถังเสี่ยวซีคงรับไม่ได้เป็นแน่  

 

 

ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “เจ้าประหม่าหรือ?”  

 

 

“ข้าไม่ได้ประหม่าอันใด”  

 

 

“เช่นนั้น…เหตุใดเจ้าจึงไม่นั่งเสียก่อนเล่า?”  

 

 

“อ๋อ…ได้สิ!”  

 

 

“ข้าหมายถึงให้มานั่งข้างๆ ข้า!”  

 

 

“ก..ก็ย่อมได้…”  

 

 

หลินมู่อวี่นั่งลงบนเตียงอย่างเชื่อฟัง ในขณะที่ภายในใจเขาเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายอย่างบอกไม่ถูก เป็นเวลาเดียวกับที่เว่ยโฉวเดินถือถาดผลไม้และไวน์อุ่นๆ เข้ามาพอดี ทันทีที่เงยหน้าเว่ยโฉวก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น “ข…ข้าขออภัยที่รบกวน!”   

 

 

“เจ้าไม่ได้รบกวนข้ากับ…” ถังเสี่ยวซีเบิกตากว้างและยิ้มหัวเราะด้วยใบหน้าไร้เดียงสา  

 

 

หลินมู่อวี่รีบกระซิบสั่งการ “เว่ยโฉว! วางของไว้ตรงนั้นแล้วออกไปก่อน!”  

 

 

“ขอรับ!”  

 

 

เว่ยโฉวหมุนตัวออกไปโดยเร็ว  

 

 

บรรยากาศค่อนข้างแปลกเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มกับหญิงสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้อง ตัวถังเสี่ยวซีนั้นมีกลิ่นหอมเย้ายวนใจน่าสัมผัสยิ่งนัก แล้วหนุ่มกลัดมันอย่างหลินมู่อวี่จะทนต่อสิ่งยั่วยวนนี้ได้อย่างไรเล่า? เขารีบตั้งสมาธิใช้ทักษะชีพจรวิญญาณ ทว่ามันกลับทำให้ถังเสี่ยวซีรู้สึกอึดอัด นางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเขินอาย “ข้า…ข้าไม่ควรมาหาเจ้าคืนนี้ใช่หรือไม่?”  

 

 

“ไม่…ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด…”  

 

 

หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ ก่อนแสร้งเปลี่ยนเรื่อง “เสี่ยวซี ตอนนี้พลังเจ้าอยู่ระดับไหนแล้ว?  

 

 

“เรื่องนั้น…ข้าเกือบบรรลุขอบเขตปฐพีขั้นสามแล้ว ท่านผู้เฒ่าชวีช่วยฝึกวิชายุทธ์ให้ ข้าจึงคืบหน้าได้เร็วนักแต่ก็ยังไปไม่ถึงขอบเขตนภาเสียที ศิลาวิญญาณห้าพันปีที่เจ้าเก็บมาให้ตอนลาดตระเวนเมื่อครั้งนั้นข้าก็ยังเก็บไว้อยู่ ต่อเมื่อข้าบรรลุถึงขอบเขตนภาแล้วจะได้ใช้มัน”  

 

 

“อืม…” หลินมู่อวี่ลุกขึ้นและเทไวน์ใส่แก้วให้ถังเสี่ยวซี “ดื่มไวน์อุ่นๆ สักหน่อยเถิด พลังยุทธ์ของเสี่ยวซีคืบหน้าไปไวกว่าที่ข้าคิดไว้มากโขทีเดียว!”  

 

 

ถังเสี่ยวซีลุกขึ้นยืนก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “อะไรกัน…เจ้าคิดว่าข้าเอาแต่ใจและเกียจคร้านงั้นรึ?”  

 

 

“หามิได้! เจ้าเป็นคนที่แข็งแแกร่ง…”  

 

 

“หึ!”  

 

 

ถังเสี่ยวซีดื่มไวน์ในแก้วจนหมดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “มู่มู่! ตอนที่เจ้าไปช่วยเสี่ยวอินที่ตำหนักกวางโศกา นางได้…”  

 

 

ถังเสี่ยวซีพูดติดขัดชั่วครู่ก่อนจะเงียบไป  

 

 

หลินมู่อวี่ถามอย่างลนลาน “เสี่ยวอินทำอะไรหรือ?”  

 

 

ถังเสี่ยวซีดึงสีหน้าให้เป็นปกติ ทว่าหลินมู่อวี่ก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจ นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดขัดอีกครั้ง “นาง…ได้บอกรักเจ้าหรือไม่?”  

 

 

“ไม่…นางไม่ได้บอกอันใดข้า…” หลินมู่วี่ตอบด้วยความอึดอัดใจ  

 

 

“เช่นนั้นก็ดี…” ถังเสี่ยวซีพูดอย่างโล่งใจก่อนเผยรอยยิ้มออกมา “มู่มู่ พอได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการรังอินทรีแล้ว งานเจ้ายุ่งหรือไม่?”  

 

 

หลินมู่อวี่สงสัย “ข้าดูเหมือนยุ่งขนาดนั้นเชียวหรือ?”  

 

 

“ก็ไม่เชิง…”  

 

 

“ข้าไม่ได้ยุ่งมากนักหรอก…ข้าให้เว่ยโฉว เซี่ยโหวซางกับทหารคนอื่นๆ ช่วยจัดการให้”  

 

 

“ในบรรดาผู้บัญชาการทหารคงมีแต่เจ้าที่ทำเช่นนี้…”  

 

 

“อย่างนั้นหรือ?” หลินมู่อวี่มองหน้าถังเสี่ยวซี “เจ้าดูขยันเสียจริงนะ…เหตุใดจึงไม่ลองมาเป็นคนดูแลคอยออกคำสั่งและฝึกทหารนับพันที่นี่ดูเล่า?”  

 

 

ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “ข้าไม่เอาด้วยหรอก…”  

 

 

รอยยิ้มของถังเสี่ยวซีช่างงดงามราวดอกไม้ยามผลิบาน หลินมู่อวี่ใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้เห็น กระทั่งเสียงฟ้าร้องดังขึ้นอารมณ์พลุ่งพล่านที่เก็บไว้ก็เกือบปะทุขึ้นอีกครา  

 

 

“เสียงฟ้าร้องเช่นนี้ ฝนคงใกล้จะตกเต็มที…” ถังเสี่ยวซีกะพริบตากล่าว  

 

 

หลินมู่อวี่ยิ้มย่อง “รังอินทรียังมีห้องว่างอีกหลายห้องนัก หากฝนตกจริงๆ เจ้าค้างแรมที่นี่ทั้งคืนยังได้”  

 

 

ถังเสี่ยวซีเผยรอยยิ้มอย่างมีนัย “เจ้าอยากให้ค้าค้างแรมเพราะเรื่องนั้นใช่หรือไม่?”  

 

 

“เรื่องใดหรือ?” หลินมู่อวี่ตอบอย่างใสซื่อ  

 

 

ถังเสี่ยวซีเม้มปาก “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังอีกแล้ว!”  

 

 

“นี่เจ้า…ข้าไม่พูดดีกว่า…”  

 

 

หลินมู่อวี่รู้สึกว่าตนกำลังถูกถังเสี่ยวซีคุกคามอยู่ ดูเหมือนว่าผู้หญิงที่โลกนี้…จะมี ‘ความรัก’ ล้นหลามเหลือเกิน ช่างร้อนแรงกว่าที่คิดไว้มาก…  

 

 

“พรึ่บ…”  

 

 

หลินมู่อวี่กางร่ม “เสี่ยวซี เจ้าอยากไปดูพายุกับข้าหรือไม่?”  

 

 

“อืม”  

 

 

ไฟจากคบเพลิงวูบวาบไปมาจากพายุฤดูหนาวที่มาพร้อมกับฝนลูกใหญ่บนเขารังมังกร เว่ยโฉวตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย! ไอ้สันหลังยาว! คอยเติมเชื้อเพลิงด้วย…อย่าปล่อยให้คบเพลิงดับมิฉะนั้นข้าจะซ่อมวินัยเสียให้เข็ด!”  

 

 

ถังเสี่ยวซียิ้มก่อนจะกระชับผ้าคลุมและเดินเกาะแขนหลินมู่อวี่ไป  

 

 

………………………………….  

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 197 ชากลิ่นผลไม้

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 197 ชากลิ่นผลไม้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.197 ชากลิ่นผลไม้  

 

 

“ฟู่!”  

 

 

กระบี่เหลียวหยวนปล่อยพลังเพลิงออกมาปะทะกับโล่ปราการเกล็ดมังกรของฉินหยาน! ทว่าทำได้แค่เพียงรอยขีดข่วนเท่านั้น…ฉินหยานทำการโต้กลับอย่างรุนแรง! แต่กำแพงน้ำเต้าที่รับการโตมตีแทบไม่มีบุบสลาย ทั้งยังฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากปราณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ช่วยซ่อมแซม!  

 

 

หอกเขี้ยวอัคคีของฉินหยานนั้นเหมาะกับการโจมตีเป็นวงกว้าง แม้รูปลักษณ์ดูบอบบางทว่าแฝงด้วยความร้ายกาจ! ทุกการฟาดฟันจะเกิดการโจมตีซ้อน ทำให้แม้หลินมู่อวี่จะหลบครั้งแรกได้แต่ก็ยังโดนครั้งที่สองอยู่ดี การโจมตีต่อเนื่องกดดันหลินมู่อวี่อวี่อย่างรุนแรง  

 

 

ทว่าหลินมู่อวี่มีวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าคอยสนับสนุนอยู่ ทำให้สามารถฟื้นฟูตนเองได้เรื่อยๆ กลับกันโล่เกล็ดมังกรของฉินหยานที่คอยรับการโจมตีบุบสลายลงอย่างเห็นได้ชัด!  

 

 

“ยอมแล้ว…”  

 

 

ฉินหยานดึงหอกกลับก่อนจะถอนหายใจยาว เขาโบกมือและหัวเราะให้หลินมู่อวี่ “ปราณยุทธ์ข้าแทบไม่เหลือแล้ว ท่านพี่หลินมู่อวี่ช่างแข็งแกร่งเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่พี่ฉินเหลยบอกว่าท่านเก่งกาจไม่แพ้เขา!”  

 

 

“หืม? ท่านพี่ฉินเหลยกล่าวเช่นนั้นหรือ?”  

 

 

“ขอรับ เขาและผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงประเมินค่าท่านพี่ไว้สูงมาก ถึงกับยกให้ท่านเป็นอันดับหนึ่งทั้งความสามารถกับทัศนคติสูงส่งที่สุดในบรรดาองครักษ์หนุ่ม ไม่แน่ว่าท่านพี่หลินมู่อวี่อาจเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งเมืองหลันเยี่ยนในอนาคตก็ได้!”  

 

 

“อันที่จริง…” หลินมู่อวี่ลูบจมูกและกล่าวต่ออย่างขวยเขิน “ข้าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ร่ำลือ ทั้งยังเกือบถูกฆ่าตั้งหลายครั้งหลายครา”  

 

 

ฉินหยานหัวเราะลั่น “ทว่าทุกครั้งก็จบลงโดยที่ท่านชนะมิใช่หรือ? นี่แหละคือหลักฐานความแข็งแกร่งของท่าน!”  

 

 

“เอาเถิด เจ้าชายน้อยฉินหยาน ได้เวลาที่ข้าต้องกลับรังอินทรีแล้ว”  

 

 

“ขอรับ ข้าจะไปส่งท่านพี่เอง”  

 

 

“ได้สิ”  

 

 

ฉินหยานมองหลินมู่อวี่ออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ไป บรรดาทหารยามเมื่อเห็นบุตรชายคนที่สองของราชาแห่งสันติมาส่งหลินมู่อวี่ก็พากันประหลาดใจ เพราะไม่เคยมีใครได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ จากที่เคารพอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกยำเกรงปรมาจารย์อันดับหนึ่งอย่างหลินมู่อวี่มากกว่าเดิม อีกทั้งจากการต่อสู้เมื่อครู่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเอาชนะครูฝึกอันดับหนึ่งอย่างฉินหยานได้อย่างง่ายดาย สมแล้วที่คนคนนี้จะถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด!  

 

 

เมื่อหลินมู่กลับมาถึงรังอินทรี เขาพยายามหลอมศิลาวิญญาณเก้าสวรรค์อีกครั้งทว่าไม่เป็นผล  

 

 

ตลอดระยะเวลาอันยาวนานจนถึงกลางดึก หลินมู่อวี่พยายามหลอมเหล็กทั้งคืนจนร่างกายอ่อนล้าหน้าตาซีดเผือด ลู่ลู่บินมาเกาะที่ไหล่ “จนกว่าจะหาวิธีได้ ท่านพี่พอก่อนเถิดเจ้าค่ะ …”  

 

 

หลินมู่อวี่อ่อนแรงลงมาก เขาพยักหน้ารับคำก่อนนั่งลง  

 

 

ทว่าทันใดนั้นเว่ยโฉวก็ตะโกนเรียก “ท่านผู้บัญชาการ องค์หญิงถังเสี่ยวซีมาขอพบขอรับ!”  

 

 

“หืม…เสี่ยวถังมาที่นี่หรือ?  

 

 

หลินมู่อวี่หัวใจพองโตรีบยืนขึ้นและเดินออกไปทันใด คืนนี้ท้องฟ้ายามราตรีไร้จันทร์หรือดวงดาว มีเพียงผืนฟ้าเปล่าอันดำมืดเท่านั้น ใต้แสงคบเพลิงส่องสลัวด้านนอก ถังเสี่ยวซีลงจากหลังม้าเดินมาหาหลินมู่อวี่ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเหมือนศพของเขา นางถึงกับหุบยิ้มทันใด “มู่มู่ เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า หรือเจ้ายังไม่หายดีจากการต่อสู้ที่ตำหนักกวางโศกา…”  

 

 

“ไม่ใช่แบบนั้น” หลินมู่อวี่ส่ายหัว  

 

 

ถังเสี่ยวซีล้วงเอาผ้าเช็ดผืนหนึ่งออกมาเช็ดหยดเหงื่อที่ผุดตามใบหน้าของหลินมู่อวี่ “ข้าฝึกฝนอยู่ในจวนขุนนางอยู่หลายวัน ไม่รู้เรื่องราวว่าเกิดอันใดขึ้นบ้าง ข้าขอโทษจริงๆ”  

 

 

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เสี่ยวซี เหตุใดจึงต้องขอโทษเล่า? เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด…”  

 

 

“อย่างน้อย…ข้าก็ควรมาพบเจ้าให้เร็วกว่านี้”  

 

 

“อย่างนั้นหรือ…” หลินมู่อวี่ถึงกับพูดไม่ออก  

 

 

“เจ้าจะไม่เชิญข้าเข้าไปด้านในหน่อยหรือ?” ถังเสี่ยวซียิ้มถาม  

 

 

“ตามข้ามาสิ…”  

 

 

หลินมู่อวี่เดินนำไปอีกทาง ถังเสี่ยวซีหันไปสั่งองครักษ์ทั้งสองให้คอยอยู่ด้านนอก ก่อนจะตามหลินมู่อวี่ไปยังที่พัก เว่ยโฉวตามหลังทั้งคู่ไปก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “ท่านผู้บัญชาการต้องการให้ข้าตระเตรียมสิ่งใดหรือไม่ขอรับ?”  

 

 

เป็นยิ้มที่น่าชกให้คว่ำเสียจริง หลินมู่อวี่จ้องหน้าเว่ยโฉวก่อนพูดขึ้น “เตรียมสิ่งใด? แล้วรอยยิ้มนั่น…เจ้าจะหาถุงยางอนามัยให้ข้ารึ?”  

 

 

เว่ยโฉวไม่เข้าใจ “อะไรคือ…ถุงยางอนามัย?”  

 

 

ถังเสี่ยวซีเองก็สับสน จึงยิ้มถามอย่างไร้เดียงสา “มู่มู่ สิ่งใดคือ…”  

 

 

หลินมู่อวี่เกาหัว นึกเกลียดตัวเองที่พูดแบบนั้นออกไป ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงลนลาน “มันคือ…ใบชาชนิดหนึ่งจากบ้านเกิดข้าเอง มันนุ่มละมุน…และมีรสผลไม้หลากหลายเชียวล่ะ ฮ่าๆๆ…”  

 

 

ถังเสี่ยวซีหรี่ตาคู่สวยมอง “ดูก็รู้ว่าเจ้าโกหก ข้าอยากชกหน้าเจ้าเสียจริง แต่…มีชากลิ่นผลไม้จริงหรือ? หากเจ้ามีโอกาสเอามาให้ข้าชิมได้หรือไม่?”  

 

 

เมื่อมองใบหน้าสะสวยของถังเสี่ยวซีแล้วหลินมู่อวี่ก็คิดการใหญ่ เขาพยักหน้าและตอบกลับ “เช่นนั้น…หากมีโอกาสและเจ้าต้องการ…”  

 

 

ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “ฮ่าๆๆ เจ้าพูดเรื่องอะไรของเจ้ากัน? เหตุใดข้าถึงจะไม่ต้องการ?”  

 

 

เว่ยโฉวยืนมองทั้งคู่ด้วยความงุนงง “ท่านขอรับ เช่นนั้นอยากให้ข้าน้อยเตรียมของว่างกับชาหอมให้องค์หญิงถังหรือไม่ขอรับ?”  

 

 

“อืม! จะไปไหนก็ไป!”  

 

 

“รับทราบขอรับ!”  

 

 

ห้องของหลินมู่อวี่นั้นกว้างขวางทว่าไร้การตกแต่งใดๆ มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้ไม่กี่ตัวและเตียงหนึ่งหลังเท่านั้น เมื่อหันมองรอบห้อง จินเสี่ยวถังจึง ‘เลือก’ เดินไปนั่งบนเตียง “มู่มู่…ห้องเจ้าไม่มีอะไรเลย แต่ข้า…ชอบเตียงนุ่มๆ ของเจ้า”  

 

 

“ข้า…ข้าไม่ว่าหากเจ้าอยากนอน…”  

 

 

หลินมู่อวี่พยายามหักห้ามใจแล้วที่จะไม่ชวนถังเสี่ยวซีให้ลองนอนบนเตียง เพราะโลกนี้ทุกสิ่งล้วนดูจริงจังไปเสียหมด ไม่เหมือนโลกเดิมที่หยอกล้อกันเป็นปกติ หากเขาพูดเช่นนั้นถังเสี่ยวซีคงรับไม่ได้เป็นแน่  

 

 

ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “เจ้าประหม่าหรือ?”  

 

 

“ข้าไม่ได้ประหม่าอันใด”  

 

 

“เช่นนั้น…เหตุใดเจ้าจึงไม่นั่งเสียก่อนเล่า?”  

 

 

“อ๋อ…ได้สิ!”  

 

 

“ข้าหมายถึงให้มานั่งข้างๆ ข้า!”  

 

 

“ก..ก็ย่อมได้…”  

 

 

หลินมู่อวี่นั่งลงบนเตียงอย่างเชื่อฟัง ในขณะที่ภายในใจเขาเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายอย่างบอกไม่ถูก เป็นเวลาเดียวกับที่เว่ยโฉวเดินถือถาดผลไม้และไวน์อุ่นๆ เข้ามาพอดี ทันทีที่เงยหน้าเว่ยโฉวก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น “ข…ข้าขออภัยที่รบกวน!”   

 

 

“เจ้าไม่ได้รบกวนข้ากับ…” ถังเสี่ยวซีเบิกตากว้างและยิ้มหัวเราะด้วยใบหน้าไร้เดียงสา  

 

 

หลินมู่อวี่รีบกระซิบสั่งการ “เว่ยโฉว! วางของไว้ตรงนั้นแล้วออกไปก่อน!”  

 

 

“ขอรับ!”  

 

 

เว่ยโฉวหมุนตัวออกไปโดยเร็ว  

 

 

บรรยากาศค่อนข้างแปลกเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มกับหญิงสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้อง ตัวถังเสี่ยวซีนั้นมีกลิ่นหอมเย้ายวนใจน่าสัมผัสยิ่งนัก แล้วหนุ่มกลัดมันอย่างหลินมู่อวี่จะทนต่อสิ่งยั่วยวนนี้ได้อย่างไรเล่า? เขารีบตั้งสมาธิใช้ทักษะชีพจรวิญญาณ ทว่ามันกลับทำให้ถังเสี่ยวซีรู้สึกอึดอัด นางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเขินอาย “ข้า…ข้าไม่ควรมาหาเจ้าคืนนี้ใช่หรือไม่?”  

 

 

“ไม่…ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด…”  

 

 

หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ ก่อนแสร้งเปลี่ยนเรื่อง “เสี่ยวซี ตอนนี้พลังเจ้าอยู่ระดับไหนแล้ว?  

 

 

“เรื่องนั้น…ข้าเกือบบรรลุขอบเขตปฐพีขั้นสามแล้ว ท่านผู้เฒ่าชวีช่วยฝึกวิชายุทธ์ให้ ข้าจึงคืบหน้าได้เร็วนักแต่ก็ยังไปไม่ถึงขอบเขตนภาเสียที ศิลาวิญญาณห้าพันปีที่เจ้าเก็บมาให้ตอนลาดตระเวนเมื่อครั้งนั้นข้าก็ยังเก็บไว้อยู่ ต่อเมื่อข้าบรรลุถึงขอบเขตนภาแล้วจะได้ใช้มัน”  

 

 

“อืม…” หลินมู่อวี่ลุกขึ้นและเทไวน์ใส่แก้วให้ถังเสี่ยวซี “ดื่มไวน์อุ่นๆ สักหน่อยเถิด พลังยุทธ์ของเสี่ยวซีคืบหน้าไปไวกว่าที่ข้าคิดไว้มากโขทีเดียว!”  

 

 

ถังเสี่ยวซีลุกขึ้นยืนก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “อะไรกัน…เจ้าคิดว่าข้าเอาแต่ใจและเกียจคร้านงั้นรึ?”  

 

 

“หามิได้! เจ้าเป็นคนที่แข็งแแกร่ง…”  

 

 

“หึ!”  

 

 

ถังเสี่ยวซีดื่มไวน์ในแก้วจนหมดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “มู่มู่! ตอนที่เจ้าไปช่วยเสี่ยวอินที่ตำหนักกวางโศกา นางได้…”  

 

 

ถังเสี่ยวซีพูดติดขัดชั่วครู่ก่อนจะเงียบไป  

 

 

หลินมู่อวี่ถามอย่างลนลาน “เสี่ยวอินทำอะไรหรือ?”  

 

 

ถังเสี่ยวซีดึงสีหน้าให้เป็นปกติ ทว่าหลินมู่อวี่ก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจ นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดขัดอีกครั้ง “นาง…ได้บอกรักเจ้าหรือไม่?”  

 

 

“ไม่…นางไม่ได้บอกอันใดข้า…” หลินมู่วี่ตอบด้วยความอึดอัดใจ  

 

 

“เช่นนั้นก็ดี…” ถังเสี่ยวซีพูดอย่างโล่งใจก่อนเผยรอยยิ้มออกมา “มู่มู่ พอได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการรังอินทรีแล้ว งานเจ้ายุ่งหรือไม่?”  

 

 

หลินมู่อวี่สงสัย “ข้าดูเหมือนยุ่งขนาดนั้นเชียวหรือ?”  

 

 

“ก็ไม่เชิง…”  

 

 

“ข้าไม่ได้ยุ่งมากนักหรอก…ข้าให้เว่ยโฉว เซี่ยโหวซางกับทหารคนอื่นๆ ช่วยจัดการให้”  

 

 

“ในบรรดาผู้บัญชาการทหารคงมีแต่เจ้าที่ทำเช่นนี้…”  

 

 

“อย่างนั้นหรือ?” หลินมู่อวี่มองหน้าถังเสี่ยวซี “เจ้าดูขยันเสียจริงนะ…เหตุใดจึงไม่ลองมาเป็นคนดูแลคอยออกคำสั่งและฝึกทหารนับพันที่นี่ดูเล่า?”  

 

 

ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “ข้าไม่เอาด้วยหรอก…”  

 

 

รอยยิ้มของถังเสี่ยวซีช่างงดงามราวดอกไม้ยามผลิบาน หลินมู่อวี่ใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้เห็น กระทั่งเสียงฟ้าร้องดังขึ้นอารมณ์พลุ่งพล่านที่เก็บไว้ก็เกือบปะทุขึ้นอีกครา  

 

 

“เสียงฟ้าร้องเช่นนี้ ฝนคงใกล้จะตกเต็มที…” ถังเสี่ยวซีกะพริบตากล่าว  

 

 

หลินมู่อวี่ยิ้มย่อง “รังอินทรียังมีห้องว่างอีกหลายห้องนัก หากฝนตกจริงๆ เจ้าค้างแรมที่นี่ทั้งคืนยังได้”  

 

 

ถังเสี่ยวซีเผยรอยยิ้มอย่างมีนัย “เจ้าอยากให้ค้าค้างแรมเพราะเรื่องนั้นใช่หรือไม่?”  

 

 

“เรื่องใดหรือ?” หลินมู่อวี่ตอบอย่างใสซื่อ  

 

 

ถังเสี่ยวซีเม้มปาก “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังอีกแล้ว!”  

 

 

“นี่เจ้า…ข้าไม่พูดดีกว่า…”  

 

 

หลินมู่อวี่รู้สึกว่าตนกำลังถูกถังเสี่ยวซีคุกคามอยู่ ดูเหมือนว่าผู้หญิงที่โลกนี้…จะมี ‘ความรัก’ ล้นหลามเหลือเกิน ช่างร้อนแรงกว่าที่คิดไว้มาก…  

 

 

“พรึ่บ…”  

 

 

หลินมู่อวี่กางร่ม “เสี่ยวซี เจ้าอยากไปดูพายุกับข้าหรือไม่?”  

 

 

“อืม”  

 

 

ไฟจากคบเพลิงวูบวาบไปมาจากพายุฤดูหนาวที่มาพร้อมกับฝนลูกใหญ่บนเขารังมังกร เว่ยโฉวตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย! ไอ้สันหลังยาว! คอยเติมเชื้อเพลิงด้วย…อย่าปล่อยให้คบเพลิงดับมิฉะนั้นข้าจะซ่อมวินัยเสียให้เข็ด!”  

 

 

ถังเสี่ยวซียิ้มก่อนจะกระชับผ้าคลุมและเดินเกาะแขนหลินมู่อวี่ไป  

 

 

………………………………….  

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+