The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 199 กระบี่วิญญาณมังกร

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 199 กระบี่วิญญาณมังกร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘พรึ่บ…’

ริ้วเพลิงสวรรค์ล้อมรอบศิลาวิญญาณราวกับมังกรเพลิงสวรรค์ มันส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำ หลินมู่อวี่เพ่งสมาธิไปที่ปราณยุทธ์และส่งพลังไปที่ติ่งหลอม ภายใต้เปลวไฟที่โหมอย่างรุนแรงของเพลิงสวรรค์ ทันใดนั้น! มุมหนึ่งของศิลาวิญญาณงูมังกรก็ปริแตกออก เผยให้เห็นพลังงานวิญญาณสีแดงเพลิงภายใน

เวลาเดียวกันนั้น เกิดเสียงคำรามดังกึกก้อง จิตวิญญาณงูมังกรสีแดงเพลิงพุ่งตัวออกจากศิลา มันตั้งท่าจู่โจมโดยการยืดตัวขึ้น! พร้อมอ้าปากกว้างหวังกลืนหลินมู่อวี่!

หลังจากหลอมจิตวิญญาณไปหลายครั้ง หลินมู่อวี่ก็คาดหวังถึงความสำเร็จ เขาปลดปล่อยปราณยุทธ์เพิ่มพลังป้องกันของติ่งหลอมอย่างไม่รีรอ หลินมู่อวี่คำรามก่อนที่รัศมีพลังจะพุ่งเข้าสู่ติ่งหลอมอย่างรวดเร็วและก่อเกิดเขตแดน บางทีพลังของเขาอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะสร้างเขตแดนในโลกภายนอก ทว่าติ่งหลอมเป็นขอบเขตพลังของหลินมู่อวี่ จึงสามารถสร้างเขตแดนที่นี่ได้

ภายใต้แรงกดทับมหาศาลของหลินมู่อวี่ จิตวิญญาณงูมังกรยังคงพยายามโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะทำได้เพียงกระแทกลงบนเกราะป้องกันของติ่งหลอมเบื้องหน้าหลินมู่อวี่ก็ตาม เขาไม่ได้ใช้สุดยอดวิชาฌานเจ็ดประทีป ทว่าก็มั่นใจว่าจะสามารถจัดการได้อย่างไม่มีปัญหา

ในที่สุดจิตวิญญาณงูมังกรก็หมดแรงจากการดิ้นรน หลินมู่อวี่ยกมือขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ก่อนที่เพลิงสวรรค์ในติ่งหลอมจะกลายเป็นมือขนาดยักษ์คว้าที่ลำตัวสัตว์ร้าย จากนั้นเพลิงสวรรค์ก็แผดเผาวิญญาณงูมังกรจนสลายหายไปทันที กลายเป็นแสงแทรกซึมผ่านเหล็กวิญญาณเก้าสวรรค์

‘วิ้ง วิ้ง…’

เกิดเสียงแผ่วเบาขณะที่สิ่งสกปรกในแร่เหล็กถูกชำระจนหมดสิ้น เหลือเพียงเนื้อเหล็กสีแดง และเปลี่ยนเป็นสีม่วงในภายหลัง

ในทะเลจิต ลู่ลู่รีบแสดงแม่พิมพ์กระบี่ และในที่สุดหลินมู่อวี่ก็เจออันที่ชอบ เป็นกระบี่รูปร่างคล้ายมังกร ตัวดาบนั้นค่อนข้างบาง ทว่าใบดาบหนากว่าเล็กน้อย มันดูสง่างามมาก! ใบดาบกว้างประมาณหนึ่งเซนติเมตรและมีการออกแบบแนวตะวันออก มีเส้นเลือดวาดยาวตรงกลางพร้อมมังกรสองตัวสลักอยู่ด้านข้าง ด้ามกระบี่เรียวยาวและแกะสลักราวกับหัวมังกรซึ่งดูสมจริงมาก! รวมไปถึงการออกแบบดาวหกแฉกที่ทำให้กลวงตรงกลาง พร้อมมีสัญลักษณ์หยินหยางอยู่ด้านใน ซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังงานวิญญาณ ทว่าผู้คนในโลกนี้มิได้สนใจเรื่องหยินและหยาง จึงไม่มีใครเข้าใจความหมายของมัน

ไม่นานกระบี่ก็ปรากฏเป็นรูปร่าง หลินมู่อวี่หลับตาลงและใช้ฌานสัมผัสปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ บนตัวกระบี่ เมื่อครั้งที่เขาหลอมกระบี่เหลียวหยวน ต้องใช้แม่พิมพ์กระบี่ถึงห้าอันในการหลอมเพื่อทำให้มันคมและทนต่อการสึกหรอได้ดียิ่งขึ้น กระนั้นวัตถุดิบสำหรับกระบี่เล่มนี้หายากกว่า แน่นหนากว่า อีกทั้งมีความละเอียดกว่านิลพิศวงอายุหนึ่งพันปีที่เคยหลอม ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ซึ่งเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงจึงสามารถหลอมใบมีดสิบชั้นสำหรับกระบี่เล่มใหม่ กล่าวได้ว่ามันคืออาวุธที่ดีที่สุดที่หลินมู่อวี่สามารถหลอมได้ด้วยทักษะในปัจจุบัน

‘โฮก โฮก…’

กระบี่รูปทรงโบราณและสง่างามปรากฏขึ้นพร้อมทั้งงูมังกรส่งเสียงคำรามกึกก้อง!

“ให้ชื่อว่าอะไรดี?”

หลินมู่อวี่พึงพอใจกับกระบี่เล่มนี้อย่างมาก หลังจากครุ่นคิดสักครู่ก็ตัดสินใจว่า…กระบี่เล่มนี้ถูกหลอมขึ้นจากศิลาวิญญาณงูมังกรและเหล็กวิญญาณเก้าสวรรค์ คงจะดีหากได้ชื่อจากทั้งสอง นั่นก็คือ…กระบี่วิญญาณมังกร!

‘ฟู่…’

กระบี่วิญญาณมังกรถูกวางลงบนโถใส่น้ำภายในห้องจนเกิดไอน้ำพวยพุ่งออกมา และปลุกถังเสี่ยวซีจากการหลับใหล เธอขยี้ตาก่อนจะเอ่ยถามว่า “มู่มู่ ยังไม่นอนหรือ?”

“อืม ไม่มีที่นอนน่ะ ไม่ใช่ว่าเตียงถูกเจ้ายึดไปหรือ…”

เมื่อหันไปหลินมู่อวี่ก็พบว่าเสี่ยวซีนั้นได้ตรงไปที่เตียงทันทีหลังอาบน้ำโดยไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น! เผยให้เนื้อหนังเรียบเนียนราวกับน้ำแข็งในฤดูใบไม้ผลิ…หลินมู่อวี่รู้สึกร้อนวูบไปทั่วใบหน้าก่อนจะรีบหันกลับและโคจรทักษะชีพจรวิญญาณเพื่อสงบสติ

ถังเสี่ยวซีสังเกตเห็นอากัปกิริยาของหลินมู่อวี่ เธอพลันใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะรีบซุกเข้าไปในผ้าห่มทันที พร้อมหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่

หลินมู่อวี่ไม่ได้มองขณะที่เอื้อมมือไปดึงกระบี่วิญญาณมังกรขึ้นจากน้ำ มันมีน้ำหนักมากกว่ากระบี่ทั่วไปราวห้าสิบชั่ง คนปกติคงไม่สามารถยกมันขึ้น ทว่าหลินมู่อวี่เป็นจอมยุทธ์ขอบเขตนภาผู้มีพลังเกรียงไกร ขณะที่หลอมกระบี่เล่มนี้หลินมู่อวี่ได้หลอมรวมมันเข้ากับจิตวิญญาณ จึงมีรูปร่างที่ดูบางเบา หลินมู่อวี่พลันส่งคลื่นวิญญาณเข้าสู่กระบี่วิญญาณมังกร

‘วิ้ง…วิ้ง…’

ทันใดนั้น! ใบดาบก็สร้างลมที่มองไม่เห็นจนทำให้ตื่นตกใจ อีกทั้งใบดาบคมกริบอย่างที่หลินมู่อวี่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เนื่องจากถังเสี่ยวซีอยู่ที่นี่ ลู่ลู่จึงไม่ได้บินออกมา เธอเพียงหัวเราะคิกคักอยู่ในทะเลจิต “ขอแสดงความยินดีกับพี่ชายที่ได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์! ตามการจำแนกของโลกนี้…กระบี่วิญญาณมังกรจัดอยู่ในระดับปราชญ์ขั้นสี่!”

“ระดับปราชญ์ขั้นสี่หรือ?” หลินมู่อวี่แอบยินดี “มันดีกว่ากระบี่ไร้วิญญาณของจักรพรรดิหรือไม่?”

“แน่นอนพี่ชาย! กระบี่ไร้วิญญาณอยู่ระดับปราชญ์ขั้นหก ทว่ากระบี่วิญญาณมังกรอยู่ระดับปราชญ์ขั้นสี่ ซึ่งสูงกว่าตั้งสองขั้น!”

“ฮ่าๆ แล้วกระบี่วิญญาณมังกรสามารถตัดเกล็ดของงูมังกรอายุหมื่นปีได้หรือไม่?”

“อื้ม! ได้แน่นอน”

ลู่ลู่หัวเราะคิกคัก “พี่ชาย ข้าไม่คิดเลยว่าท่านยังคงหมกมุ่นกับพลังป้องกันของงูมังกร!”

“ถูกต้อง!” หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “ทักษะการหลอมอาวุธของข้าเป็นข้อได้เปรียบที่สุดในโลกนี้ หากไม่สามารถพึ่งพาอาวุธในการต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า แล้วข้าจะพึ่งพาสิ่งใดได้? และถ้ากระบี่เหลียวหยวนสามารถแทงทะลุเกล็ดงูมังกร…พี่เฟิงคงมิต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้น”

ลู่ลู่เผยยิ้มจางๆ “พี่ชายไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง ท่านทำดีที่สุดแล้ว และหากพี่ชายเก่งไปมากกว่านี้ คงมีคนเริ่มสงสัยในตัวท่านเป็นแน่!”

“อื้ม เจ้าพูดถูก”

หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรขึ้นมา ก่อนจะตัดผ้าสีดำที่อยู่ด้านข้างแล้วใช้ห่อหุ้มกระบี่ที่เพิ่งหลอมเสร็จ ทันใดนั้นก็มีบางคนคว้าแขนของเขาไว้ นั่นคือถังเสี่ยวซี

“มู่มู่ นั่นคืออาวุธที่เจ้าหลอมมาทั้งคืนหรือ?” ถังเสี่ยวซีเอ่ยถามเสียงอ่อนหวาน

“ใช่!”

หลินมู่อวี่ดึงผ้าสีดำออกเพื่อเปิดให้ถังเสี่ยวซีได้เห็นกระบี่วิญญาณมังกร “เสี่ยวซี ทักษะการหลอมอาวุธของข้าเพียงพอที่จะเป็นปรมาจารย์หรือไม่?”

“แน่นอน!”

ถังเสี่ยวซีหัวเราะคิกคัก “มู่มู่เก่งที่สุด ทว่ากระบี่เล่มนี้…ระดับใดหรือ?”

“มันควรจะเป็นระดับปราชญ์ขั้นสี่!”

“ฮะ?! ระดับปราชญ์เหรอ?” ถังเสี่ยวซีอ้าปากค้าง เธอมองไปที่หลินมู่อวี่ทันที “นี่ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่? มีอาวุธระดับปราชญ์อยู่ไม่มากในเมืองหลันเยี่ยน กระบี่ไร้วิญญาณของฝ่าบาทได้ชื่อว่าเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ ทว่ากระบี่เล่มนี้…แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกหรือ?”

“ใช่ มันแข็งแกร่งกว่า”

หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวซี เจ้าต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากมีคนรู้ว่าข้าเป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธ ข้าเกรงว่าจะเป็นการแย่งผลประโยชน์จากคนบางกลุ่ม”

“ใช่แล้ว!” ถังเสี่ยวซีเผยรอยยิ้มจางๆ “หากผู้คนล่วงรู้ถึงความลับนี้ ข้าเกรงว่าฝ่าบาท ชางหลานกง ชางมู่หยุน และแม้แต่ราชาเจิ้นหนานแห่งดินแดนทางใต้อันไกลโพ้นคงส่งคนมาดึงตัวเจ้าไปเข้าร่วมกองทัพอย่างแน่นอน อีกทั้งกระบี่ที่มู่มู่หลอมนั้นแปลกประหลาดมาก มันไม่สามารถใส่ในฝักดาบทั่วไปได้ เช่นนั้นเจ้าควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาทำฝักให้โดยเฉพาะ มู่มู่เพียงต้องออกแบบมัน”

“อืม เสี่ยวซีรอบคอบเสมอเลย”

“เช่นนั้นเมื่อมู่มู่ไปทำฝักดาบ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย อีกทั้งมู่มู่ยังสามารถไปเดินเล่นกับข้าที่เมืองหลันเยี่ยนด้วย”

“เราจะไปช่วงบ่ายแล้วกัน”

“อื้ม!”

เมืองหลันเยี่ยนในยามบ่ายค่อนข้างเงียบ ทว่ามีกลุ่มคนขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังร้านค้าแห่งจักรวรรดิ ดูเหมือนว่าโอสถฝันคืนสู่สูงสุดทั้งหนึ่งร้อยขวดนั้นจะถูกประมูลในบ่ายวันนี้ ทำให้ทั้งบริเวณคึกคักอย่างที่ไม่เป็นมาก่อน ทั้งองค์หญิงและคุณชายต่างก็ไม่พลาดโอกาสที่จะได้โอสถในตำนานอย่างฝันคืนสู่สูงสุดไปครอบครอง!

หลินมู่อวี่ไม่ได้สนใจการประมูล เขาเพียงต้องการไปหาช่างตีเหล็กกับถังเสี่ยวซี จากการยืนกรานของถังเสี่ยวซี เธอจะเป็นคนจ่ายค่าทำฝักดาบของกระบี่วิญญาณมังกรเอง โดยทั่วไปฝักดาบจะทำขึ้นจากไม้และโลหะ ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ หลินมู่อวี่เชี่ยวชาญในด้านการหลอม ทว่าไม่มีทักษะสำหรับงานไม้เลย

เมื่อเถ้าแก่เห็นหลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซี เขาก็เผยยิ้ม “ฝักดาบธรรมดาสามารถใช้ไม้ได้หลากหลายระดับ ระดับที่สูงก็จะได้ความแน่นยิ่งขึ้น คุณหนูโปรดดูที่ตรงนี้ขอรับ นี่คือไม้สนราคาหนึ่งเหรียญทอง ไม้พยุงราคาสามเหรียญทอง และไม้วิญญาณทมิฬซึ่งแพงกว่ามากด้วยราคาสิบเหรียญทอง แน่นอนว่ายิ่งแพงก็ยิ่งคุณภาพดี! ส่วนนี่คือไม้โลหิตทองคำที่เบาและหนาแน่นมาก ดาบธรรมดาไม่สามารถฟันเข้า!”

“เช่นนั้นใช้ไม้โลหิตทองคำ” ถังเสี่ยวซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสามารถตกแต่งเพิ่มเติมด้วยทองคำโลหิต แล้วคำนวณดูสิ ว่าต้องใช้เงินทั้งสิ้นเท่าใด?”

“ทั้งหมดเป็นเงิน…ประมาณหนึ่งรอยยี่สิบเหรียญทองขอรับ”

“เข้าใจแล้ว”

ถังเสี่ยวซีพลันหยิบเหรียญเพชรออกมา “ทำมันออกมาให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา!”

ใบหน้าเถ้าแก่เปลี่ยนเป็นสีแดง “เอาล่ะ! ข้าจะไม่ทำให้คุณหนูและคนรักต้องผิดหวังอย่างแน่นอน!”

“ฮะ?!”

ถังเสี่ยวซีตกใจก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธออยากจะพูดไปว่าหลินมู่อวี่ไม่ใช่คนรักของเธอ ทว่าเมื่อคิดดูแล้วก็ไม่ได้มีสิ่งใดเสียหาย จึงเพียงตอบตกลงอย่างแผ่วเบา

หลินมู่อี่กระแอม ทว่าก็ไม่ได้แก้ต่าง ถังเสี่ยวซีเป็นคนหลักแหลมและเธอก็ดีกับเขามาก มันจะเป็นดั่งพรจากสรวงสวรรค์หากมีแฟนอย่างถังเสี่ยวซี ทว่า…ชางหลานกงคงมิไม่ได้คิดเช่นนั้น ถังเสี่ยวซีเป็นถึงองค์หญิง การแต่งงานกับทหารระดับกลางนั้นเป็นไปไม่ได้…

เมื่อคิดเช่นนั้นหลินมู่อวี่ก็รีบส่ายหัว นี่เขาคิดถึงเรื่องไร้สาระเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน

………………..…

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 199 กระบี่วิญญาณมังกร

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 199 กระบี่วิญญาณมังกร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘พรึ่บ…’

ริ้วเพลิงสวรรค์ล้อมรอบศิลาวิญญาณราวกับมังกรเพลิงสวรรค์ มันส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำ หลินมู่อวี่เพ่งสมาธิไปที่ปราณยุทธ์และส่งพลังไปที่ติ่งหลอม ภายใต้เปลวไฟที่โหมอย่างรุนแรงของเพลิงสวรรค์ ทันใดนั้น! มุมหนึ่งของศิลาวิญญาณงูมังกรก็ปริแตกออก เผยให้เห็นพลังงานวิญญาณสีแดงเพลิงภายใน

เวลาเดียวกันนั้น เกิดเสียงคำรามดังกึกก้อง จิตวิญญาณงูมังกรสีแดงเพลิงพุ่งตัวออกจากศิลา มันตั้งท่าจู่โจมโดยการยืดตัวขึ้น! พร้อมอ้าปากกว้างหวังกลืนหลินมู่อวี่!

หลังจากหลอมจิตวิญญาณไปหลายครั้ง หลินมู่อวี่ก็คาดหวังถึงความสำเร็จ เขาปลดปล่อยปราณยุทธ์เพิ่มพลังป้องกันของติ่งหลอมอย่างไม่รีรอ หลินมู่อวี่คำรามก่อนที่รัศมีพลังจะพุ่งเข้าสู่ติ่งหลอมอย่างรวดเร็วและก่อเกิดเขตแดน บางทีพลังของเขาอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะสร้างเขตแดนในโลกภายนอก ทว่าติ่งหลอมเป็นขอบเขตพลังของหลินมู่อวี่ จึงสามารถสร้างเขตแดนที่นี่ได้

ภายใต้แรงกดทับมหาศาลของหลินมู่อวี่ จิตวิญญาณงูมังกรยังคงพยายามโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะทำได้เพียงกระแทกลงบนเกราะป้องกันของติ่งหลอมเบื้องหน้าหลินมู่อวี่ก็ตาม เขาไม่ได้ใช้สุดยอดวิชาฌานเจ็ดประทีป ทว่าก็มั่นใจว่าจะสามารถจัดการได้อย่างไม่มีปัญหา

ในที่สุดจิตวิญญาณงูมังกรก็หมดแรงจากการดิ้นรน หลินมู่อวี่ยกมือขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ก่อนที่เพลิงสวรรค์ในติ่งหลอมจะกลายเป็นมือขนาดยักษ์คว้าที่ลำตัวสัตว์ร้าย จากนั้นเพลิงสวรรค์ก็แผดเผาวิญญาณงูมังกรจนสลายหายไปทันที กลายเป็นแสงแทรกซึมผ่านเหล็กวิญญาณเก้าสวรรค์

‘วิ้ง วิ้ง…’

เกิดเสียงแผ่วเบาขณะที่สิ่งสกปรกในแร่เหล็กถูกชำระจนหมดสิ้น เหลือเพียงเนื้อเหล็กสีแดง และเปลี่ยนเป็นสีม่วงในภายหลัง

ในทะเลจิต ลู่ลู่รีบแสดงแม่พิมพ์กระบี่ และในที่สุดหลินมู่อวี่ก็เจออันที่ชอบ เป็นกระบี่รูปร่างคล้ายมังกร ตัวดาบนั้นค่อนข้างบาง ทว่าใบดาบหนากว่าเล็กน้อย มันดูสง่างามมาก! ใบดาบกว้างประมาณหนึ่งเซนติเมตรและมีการออกแบบแนวตะวันออก มีเส้นเลือดวาดยาวตรงกลางพร้อมมังกรสองตัวสลักอยู่ด้านข้าง ด้ามกระบี่เรียวยาวและแกะสลักราวกับหัวมังกรซึ่งดูสมจริงมาก! รวมไปถึงการออกแบบดาวหกแฉกที่ทำให้กลวงตรงกลาง พร้อมมีสัญลักษณ์หยินหยางอยู่ด้านใน ซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังงานวิญญาณ ทว่าผู้คนในโลกนี้มิได้สนใจเรื่องหยินและหยาง จึงไม่มีใครเข้าใจความหมายของมัน

ไม่นานกระบี่ก็ปรากฏเป็นรูปร่าง หลินมู่อวี่หลับตาลงและใช้ฌานสัมผัสปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ บนตัวกระบี่ เมื่อครั้งที่เขาหลอมกระบี่เหลียวหยวน ต้องใช้แม่พิมพ์กระบี่ถึงห้าอันในการหลอมเพื่อทำให้มันคมและทนต่อการสึกหรอได้ดียิ่งขึ้น กระนั้นวัตถุดิบสำหรับกระบี่เล่มนี้หายากกว่า แน่นหนากว่า อีกทั้งมีความละเอียดกว่านิลพิศวงอายุหนึ่งพันปีที่เคยหลอม ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ซึ่งเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงจึงสามารถหลอมใบมีดสิบชั้นสำหรับกระบี่เล่มใหม่ กล่าวได้ว่ามันคืออาวุธที่ดีที่สุดที่หลินมู่อวี่สามารถหลอมได้ด้วยทักษะในปัจจุบัน

‘โฮก โฮก…’

กระบี่รูปทรงโบราณและสง่างามปรากฏขึ้นพร้อมทั้งงูมังกรส่งเสียงคำรามกึกก้อง!

“ให้ชื่อว่าอะไรดี?”

หลินมู่อวี่พึงพอใจกับกระบี่เล่มนี้อย่างมาก หลังจากครุ่นคิดสักครู่ก็ตัดสินใจว่า…กระบี่เล่มนี้ถูกหลอมขึ้นจากศิลาวิญญาณงูมังกรและเหล็กวิญญาณเก้าสวรรค์ คงจะดีหากได้ชื่อจากทั้งสอง นั่นก็คือ…กระบี่วิญญาณมังกร!

‘ฟู่…’

กระบี่วิญญาณมังกรถูกวางลงบนโถใส่น้ำภายในห้องจนเกิดไอน้ำพวยพุ่งออกมา และปลุกถังเสี่ยวซีจากการหลับใหล เธอขยี้ตาก่อนจะเอ่ยถามว่า “มู่มู่ ยังไม่นอนหรือ?”

“อืม ไม่มีที่นอนน่ะ ไม่ใช่ว่าเตียงถูกเจ้ายึดไปหรือ…”

เมื่อหันไปหลินมู่อวี่ก็พบว่าเสี่ยวซีนั้นได้ตรงไปที่เตียงทันทีหลังอาบน้ำโดยไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น! เผยให้เนื้อหนังเรียบเนียนราวกับน้ำแข็งในฤดูใบไม้ผลิ…หลินมู่อวี่รู้สึกร้อนวูบไปทั่วใบหน้าก่อนจะรีบหันกลับและโคจรทักษะชีพจรวิญญาณเพื่อสงบสติ

ถังเสี่ยวซีสังเกตเห็นอากัปกิริยาของหลินมู่อวี่ เธอพลันใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะรีบซุกเข้าไปในผ้าห่มทันที พร้อมหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่

หลินมู่อวี่ไม่ได้มองขณะที่เอื้อมมือไปดึงกระบี่วิญญาณมังกรขึ้นจากน้ำ มันมีน้ำหนักมากกว่ากระบี่ทั่วไปราวห้าสิบชั่ง คนปกติคงไม่สามารถยกมันขึ้น ทว่าหลินมู่อวี่เป็นจอมยุทธ์ขอบเขตนภาผู้มีพลังเกรียงไกร ขณะที่หลอมกระบี่เล่มนี้หลินมู่อวี่ได้หลอมรวมมันเข้ากับจิตวิญญาณ จึงมีรูปร่างที่ดูบางเบา หลินมู่อวี่พลันส่งคลื่นวิญญาณเข้าสู่กระบี่วิญญาณมังกร

‘วิ้ง…วิ้ง…’

ทันใดนั้น! ใบดาบก็สร้างลมที่มองไม่เห็นจนทำให้ตื่นตกใจ อีกทั้งใบดาบคมกริบอย่างที่หลินมู่อวี่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เนื่องจากถังเสี่ยวซีอยู่ที่นี่ ลู่ลู่จึงไม่ได้บินออกมา เธอเพียงหัวเราะคิกคักอยู่ในทะเลจิต “ขอแสดงความยินดีกับพี่ชายที่ได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์! ตามการจำแนกของโลกนี้…กระบี่วิญญาณมังกรจัดอยู่ในระดับปราชญ์ขั้นสี่!”

“ระดับปราชญ์ขั้นสี่หรือ?” หลินมู่อวี่แอบยินดี “มันดีกว่ากระบี่ไร้วิญญาณของจักรพรรดิหรือไม่?”

“แน่นอนพี่ชาย! กระบี่ไร้วิญญาณอยู่ระดับปราชญ์ขั้นหก ทว่ากระบี่วิญญาณมังกรอยู่ระดับปราชญ์ขั้นสี่ ซึ่งสูงกว่าตั้งสองขั้น!”

“ฮ่าๆ แล้วกระบี่วิญญาณมังกรสามารถตัดเกล็ดของงูมังกรอายุหมื่นปีได้หรือไม่?”

“อื้ม! ได้แน่นอน”

ลู่ลู่หัวเราะคิกคัก “พี่ชาย ข้าไม่คิดเลยว่าท่านยังคงหมกมุ่นกับพลังป้องกันของงูมังกร!”

“ถูกต้อง!” หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “ทักษะการหลอมอาวุธของข้าเป็นข้อได้เปรียบที่สุดในโลกนี้ หากไม่สามารถพึ่งพาอาวุธในการต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า แล้วข้าจะพึ่งพาสิ่งใดได้? และถ้ากระบี่เหลียวหยวนสามารถแทงทะลุเกล็ดงูมังกร…พี่เฟิงคงมิต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้น”

ลู่ลู่เผยยิ้มจางๆ “พี่ชายไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง ท่านทำดีที่สุดแล้ว และหากพี่ชายเก่งไปมากกว่านี้ คงมีคนเริ่มสงสัยในตัวท่านเป็นแน่!”

“อื้ม เจ้าพูดถูก”

หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรขึ้นมา ก่อนจะตัดผ้าสีดำที่อยู่ด้านข้างแล้วใช้ห่อหุ้มกระบี่ที่เพิ่งหลอมเสร็จ ทันใดนั้นก็มีบางคนคว้าแขนของเขาไว้ นั่นคือถังเสี่ยวซี

“มู่มู่ นั่นคืออาวุธที่เจ้าหลอมมาทั้งคืนหรือ?” ถังเสี่ยวซีเอ่ยถามเสียงอ่อนหวาน

“ใช่!”

หลินมู่อวี่ดึงผ้าสีดำออกเพื่อเปิดให้ถังเสี่ยวซีได้เห็นกระบี่วิญญาณมังกร “เสี่ยวซี ทักษะการหลอมอาวุธของข้าเพียงพอที่จะเป็นปรมาจารย์หรือไม่?”

“แน่นอน!”

ถังเสี่ยวซีหัวเราะคิกคัก “มู่มู่เก่งที่สุด ทว่ากระบี่เล่มนี้…ระดับใดหรือ?”

“มันควรจะเป็นระดับปราชญ์ขั้นสี่!”

“ฮะ?! ระดับปราชญ์เหรอ?” ถังเสี่ยวซีอ้าปากค้าง เธอมองไปที่หลินมู่อวี่ทันที “นี่ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่? มีอาวุธระดับปราชญ์อยู่ไม่มากในเมืองหลันเยี่ยน กระบี่ไร้วิญญาณของฝ่าบาทได้ชื่อว่าเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ ทว่ากระบี่เล่มนี้…แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกหรือ?”

“ใช่ มันแข็งแกร่งกว่า”

หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวซี เจ้าต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากมีคนรู้ว่าข้าเป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธ ข้าเกรงว่าจะเป็นการแย่งผลประโยชน์จากคนบางกลุ่ม”

“ใช่แล้ว!” ถังเสี่ยวซีเผยรอยยิ้มจางๆ “หากผู้คนล่วงรู้ถึงความลับนี้ ข้าเกรงว่าฝ่าบาท ชางหลานกง ชางมู่หยุน และแม้แต่ราชาเจิ้นหนานแห่งดินแดนทางใต้อันไกลโพ้นคงส่งคนมาดึงตัวเจ้าไปเข้าร่วมกองทัพอย่างแน่นอน อีกทั้งกระบี่ที่มู่มู่หลอมนั้นแปลกประหลาดมาก มันไม่สามารถใส่ในฝักดาบทั่วไปได้ เช่นนั้นเจ้าควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาทำฝักให้โดยเฉพาะ มู่มู่เพียงต้องออกแบบมัน”

“อืม เสี่ยวซีรอบคอบเสมอเลย”

“เช่นนั้นเมื่อมู่มู่ไปทำฝักดาบ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย อีกทั้งมู่มู่ยังสามารถไปเดินเล่นกับข้าที่เมืองหลันเยี่ยนด้วย”

“เราจะไปช่วงบ่ายแล้วกัน”

“อื้ม!”

เมืองหลันเยี่ยนในยามบ่ายค่อนข้างเงียบ ทว่ามีกลุ่มคนขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังร้านค้าแห่งจักรวรรดิ ดูเหมือนว่าโอสถฝันคืนสู่สูงสุดทั้งหนึ่งร้อยขวดนั้นจะถูกประมูลในบ่ายวันนี้ ทำให้ทั้งบริเวณคึกคักอย่างที่ไม่เป็นมาก่อน ทั้งองค์หญิงและคุณชายต่างก็ไม่พลาดโอกาสที่จะได้โอสถในตำนานอย่างฝันคืนสู่สูงสุดไปครอบครอง!

หลินมู่อวี่ไม่ได้สนใจการประมูล เขาเพียงต้องการไปหาช่างตีเหล็กกับถังเสี่ยวซี จากการยืนกรานของถังเสี่ยวซี เธอจะเป็นคนจ่ายค่าทำฝักดาบของกระบี่วิญญาณมังกรเอง โดยทั่วไปฝักดาบจะทำขึ้นจากไม้และโลหะ ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ หลินมู่อวี่เชี่ยวชาญในด้านการหลอม ทว่าไม่มีทักษะสำหรับงานไม้เลย

เมื่อเถ้าแก่เห็นหลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซี เขาก็เผยยิ้ม “ฝักดาบธรรมดาสามารถใช้ไม้ได้หลากหลายระดับ ระดับที่สูงก็จะได้ความแน่นยิ่งขึ้น คุณหนูโปรดดูที่ตรงนี้ขอรับ นี่คือไม้สนราคาหนึ่งเหรียญทอง ไม้พยุงราคาสามเหรียญทอง และไม้วิญญาณทมิฬซึ่งแพงกว่ามากด้วยราคาสิบเหรียญทอง แน่นอนว่ายิ่งแพงก็ยิ่งคุณภาพดี! ส่วนนี่คือไม้โลหิตทองคำที่เบาและหนาแน่นมาก ดาบธรรมดาไม่สามารถฟันเข้า!”

“เช่นนั้นใช้ไม้โลหิตทองคำ” ถังเสี่ยวซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสามารถตกแต่งเพิ่มเติมด้วยทองคำโลหิต แล้วคำนวณดูสิ ว่าต้องใช้เงินทั้งสิ้นเท่าใด?”

“ทั้งหมดเป็นเงิน…ประมาณหนึ่งรอยยี่สิบเหรียญทองขอรับ”

“เข้าใจแล้ว”

ถังเสี่ยวซีพลันหยิบเหรียญเพชรออกมา “ทำมันออกมาให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา!”

ใบหน้าเถ้าแก่เปลี่ยนเป็นสีแดง “เอาล่ะ! ข้าจะไม่ทำให้คุณหนูและคนรักต้องผิดหวังอย่างแน่นอน!”

“ฮะ?!”

ถังเสี่ยวซีตกใจก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธออยากจะพูดไปว่าหลินมู่อวี่ไม่ใช่คนรักของเธอ ทว่าเมื่อคิดดูแล้วก็ไม่ได้มีสิ่งใดเสียหาย จึงเพียงตอบตกลงอย่างแผ่วเบา

หลินมู่อี่กระแอม ทว่าก็ไม่ได้แก้ต่าง ถังเสี่ยวซีเป็นคนหลักแหลมและเธอก็ดีกับเขามาก มันจะเป็นดั่งพรจากสรวงสวรรค์หากมีแฟนอย่างถังเสี่ยวซี ทว่า…ชางหลานกงคงมิไม่ได้คิดเช่นนั้น ถังเสี่ยวซีเป็นถึงองค์หญิง การแต่งงานกับทหารระดับกลางนั้นเป็นไปไม่ได้…

เมื่อคิดเช่นนั้นหลินมู่อวี่ก็รีบส่ายหัว นี่เขาคิดถึงเรื่องไร้สาระเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน

………………..…

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+