The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 203 เสื้อคลุมท่ามกลางสายฝน

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 203 เสื้อคลุมท่ามกลางสายฝน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมืองฉิงอี้เป็นเมืองที่เงียบสงบตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลอวิ้นจง เมืองฉิงอี้มีชื่อเสียงในด้านการหมักเหล้าจากธัญพืช แม้จะเป็นเมืองเล็ก ทว่าก็มีโรงเตี๊ยมมากกว่ายี่สิบแห่งซึ่งดึงดูดทหารและเหล่าคนพเนจรให้แวะเวียนเข้ามา อีกทั้งเมืองฉิงอี้ยังเป็นที่ตั้งของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง

ยามเช้าตรู่มีฝนตกโปรยปรายไปทั่วทั้งเมือง ละอองฝนตกลงบนถนนดินและหินหล่อเลี้ยงชีวิตใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ บนถนนมีเหล่าผู้คนเดินกันขวักไขว่ หลายคนกำลังแบกสิ่งของเดินไปมา ทหารถือขวานหินนายหนึ่งกำลังถามราคาสุราจากโรงเตี๊ยม เขาพลันส่ายหัวเนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอ จึงต้องมองหาโรงเตี๊ยมแห่งอื่นที่ราคาถูกกว่า

ท่ามกลางสายฝนชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเหลืองเดินอ้อยอิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นและดึงผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้า จากนั้นก็มาหยุดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เมื่อเถ้าแก่ในร้านเห็นก็เข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร “เจ้าหนุ่ม ต้องการที่พักหรือมาดื่มล่ะ?”

ชายผู้นั้นยิ้มเล็กน้อย เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ทว่ายังดูค่อนข้างอ่อนเยาว์ “ข้าต้องการถามว่ากองบัญชาการของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงอยู่ที่ใดหรือขอรับ?”

“ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง?”

เถ้าแก่ตะลึงก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าต้องการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงรึ?”

“ขอรับ…”

“อืม…ผู้นำเฝิงสี่อาศัยอยู่บริเวณลานกว้างทางด้านเหนือสุดของเมือง ทว่าเจ้าดูไม่เหมือนทหารรับจ้างพเนจรเลย?”

“ขอบคุณขอรับ”

หลินมู่อวี่ขอบคุณเถ้าแก่ก่อนจะดึงเสื้อคลุมขึ้นและเดินออกไปท่ามกลางสายฝน

ทันใดนั้น! ก็มีรถม้าวิ่งเข้ามาด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่คนคุมบังเหียนฟาดแส้ลงบนม้าและตะโกนเสียงดัง “หลบไปไอ้เวรเอ๊ย!”

‘เพี๊ยะ!’

แส้แฉลบโค้งมาที่คอของหลินมู่อวี่อย่างรวดเร็ว ทว่าเขาเร็วยิ่งกว่า อาอวี่พลันยกมือซ้ายขึ้นคว้าปลายแส้และดึงด้วยความแรง! ทำให้คนคุมบังเหียนตกจากรถม้าทันที…กล้าขับรถม้าอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้ในเมืองเล็กๆ นี่มันอันตรายเกินไป!

‘พลั่ก!’

ชายผู้นั้นล้มลงคว่ำหน้าอยู่ในโคลนตม เขารีบลุกขึ้นยืนและสาปแช่งทันที “ไอ้สารเลว! บังอาจทำเช่นนี้กับข้า! เฮ้ย! จัดการมันซะ!”

ชายร่างใหญ่สีหน้าดุดันหลายคนถือดาบและขวานกระโดดลงจากเกวียน หนึ่งในนั้นเรียกวิญญาณยุทธ์หมาป่าคลั่งระดับแปดออกมา ก่อนจะยกขวานสงครามพร้อมตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “บังอาจมาขวางทางข้า รนหาที่ตายชัดๆ!”

หลินมู่อวี่ไม่หลบขวานที่พุ่งเข้ามา เขาเพียงคำรามเสียงทุ้มต่ำปลดปล่อยกำแพงน้ำเต้า ส่งผลให้ขวานกระแทกลงบนกำแพงเต็มแรงก่อนจะกระเด็นปลิวไป ทันใดนั้น! ทหารรับจ้างอีกนายทะลวงดาบยาวอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าหวังแทงทะลุหน้าอกหลินมู่อวี่ ทว่าเขาหลบการโจมตีอย่างฉับพลัน! พร้อมยกมือขวาปัดป้องเปลี่ยนวิถีดาบกระแทกเข้าที่หน้าอกศัตรูอีกคน

‘เปรี้ยง!’

ชายคนนั้นส่งเสียงฮึดฮัดขณะที่โดนกระแทกถอยหลัง

หลินมู่อวี่ยกมุมหนึ่งของเสื้อคลุมลงพร้อมเผยแววตาน่าเกรงขาม “อย่ายั่วโมโหข้า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ปรานี!”

ทหารรับจ้างต่างตกตะลึงขณะที่ยืนมองวิญญาณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ค่อยๆ จางหายไป ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดออกมา เพียงยืนมองหลินมู่อวี่เดินจากไปอย่างเงียบงัน

ขณะเดียวกันที่มุมของถนน เงาร่างหนึ่งมองเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนจะรีบควบม้าออกไป จนมาถึงชานเมืองซึ่งมีรั้วสีเขียวล้อมรอบ ชายผู้นั้นรีบลงจากม้าและตรงเข้าไปในโถงหลักพร้อมพูดเสียงดัง “ท่านผู้นำแย่แล้วขอรับ! หลินมู่อวี่อยู่ที่นี่แล้ว!”

ภายในห้องโถงมีนักรบอายุราวสามสิบปีสวมชุดเกราะเบากำลังจิบชาอยู่ เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “หวังโฮ่วเอ๋อร์ เหตุใดไม่สงบสติอารมณ์ก่อน? หลินมู่อวี่จะเข้ามายังดินแดนของทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงด้วยตัวเองได้อย่างไร?”

“ทว่าข้าเห็นกับตาขอรับ เขามีวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า!”

“น้ำเต้า?” เฝิงสี่เงยหน้ามองพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าระดับสิบ…มีผู้คนนับไม่ถ้วนในเมืองหลันเยี่ยนที่มีวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า แม้จะไม่ถึงหมื่น ทว่าอย่างน้อยก็แปดพันคน เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าของหลินมู่อวี่?”

ใบหน้าหวังโฮ่วเอ๋อร์ซีดลงเล็กน้อยด้วยความสับสน “ทว่าน้ำเต้าของเขาเป็นสีเขียวเข้ม และใช้ปราณยุทธ์แทนที่จะเป็นปราณแท้! ข้าเห็นทุกอย่าง หลินมู่อวี่ผู้นั้นกำลังมาหาเราถึงที่!”

“อะไรนะ!?”

เฝิงสี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ ก่อนจะตะโกนกึกก้อง “ทหาร! จัดกองทัพให้ข้าเดี๋ยวนี้! พลธนูและหน้าไม้เตรียมตัวให้พร้อม! และให้ทหารถือขวานสามร้อยนายซุ่มโจมตีจากทั้งสองด้านของห้องโถง ข้าจะรอดูสิว่าเหตุใดหลินมู่อวี่จึงกล้ามาที่นี่คนเดียว!”

“ขอรับ!”

จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังขึ้นหลายครั้งบนประตูสีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ ทหารรับจ้างเคลื่อนตัวมาเปิดประตูอย่างระมัดระวัง แล้วก็สะดุ้งถอยหลังกลับทันทีที่เปิดประตู

หลินมู่อวี่ที่อยู่ด้านนอกกำลังสะบัดเสื้อผ้าที่เปียกโชกจากหยาดฝนและเผยให้เห็นชุดเกราะของวิหาร ผ้าคลุมสีขาวที่หลังทำให้ทหารรับจ้างหวาดกลัวยิ่งขึ้น ราวกับว่าชุดเกราะของหลินมู่อวี่เต็มไปพลังที่น่าเกรงขามซึ่งทำให้เหล่าทหารสั่นสะท้าน

“ผู้นำเฝิงสี่อยู่ที่นี่หรือไม่?”

หลินมู่อวี่ชี้นิ้วไปที่ทหารผู้หันปลายหอกมาที่เขา ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือการต้อนรับของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงหรือ?”

ขณะเดียวกันเสียงของเฝิงสี่ก็ดังขึ้นจากด้านในโถง “พวกเจ้าออกไปได้! ฮ่า…ท่านหลินมู่อวี่เองรึ ข้าไม่ทราบว่าท่านจะมา จึงมิได้เตรียมการต้อนรับอย่างเหมาะสม ท่านหลินมู่อวี่โปรดเข้ามาด้านในเพื่อสนทนาเถิด”

“ขอบคุณมากขอรับ”

หลินมู่อวี่ปราดตามองทหารรับจ้างโดยรอบขณะที่เดินเข้าไปใจกลางห้องโถงของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงอย่างกล้าหาญ เมื่อใช้ทักษะชีพจรวิญญาณก็พบว่ามีคนกว่าห้าร้อยคนล้อมรอบอยู่ มีพลธนูจำนวนมากซุ่มโจมตีจากด้านในกำแพงและเล็งเป้ามาที่หลินมู่อวี่

“ฮ่า…”

หลินมู่อวี่นั่งลงพร้อมรอยยิ้มจางๆ

เฝิงสี่ทำสีหน้าประหลาดและถามว่า “ท่านหลินมู่อวี่มายังที่แห่งนี้ด้วยเหตุอันใดหรือ?”

“เพื่อหว่านล้อมท่าน”

“หว่านล้อมข้าเพื่อสิ่งใด?” เฝิงสี่ตะลึง

“หว่านล้อมท่านให้เลิกเป็นผู้นำและให้คนของท่านเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด” หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ว่าไงนะ!?” เฝิงสี่เลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ “หลินมู่อวี่! ท่านคิดว่าทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงไม่มีกำลังพลหรืออย่างไร? ท่านมาที่นี่ตัวคนเดียว เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถสับท่านเป็นชิ้นๆ ได้ในทันที?”

“ข้าเชื่อ! ข้าเชื่อ!” หลินมู่อวี่ประสานมือ “ท่านเฝิงสี่ได้โปรดไว้ชีวิตข้า และให้ข้าพูดให้จบก่อนที่ท่านจะสับข้าเป็นเนื้อบด…”

เฝิงสี่ระงับความโกรธและกล่าวว่า “เอาล่ะพูดมา…ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงมียอดฝีมืออย่างน้อยสองพันคน เหตุใดต้องอยู่ภายใต้บัญชาของท่านด้วย? หากไม่สามารถให้เหตุผลที่น่าพึงพอใจได้ก็อย่าคิดจะได้ออกไปจากที่นี่!”

“ขอรับ”

หลินมู่อวี่กล่าวอย่างนอบน้อม “ขณะนี้จักรวรรดิแบ่งออกเป็นสิบสองมณฑล และเมืองหลินเยี่ยนตั้งอยู่ในมณฑลหลิงเป่ย ดังนั้นทหารรับจ้างที่รุ่งเรืองที่สุดอยู่ในมณฑลหลิงเป่ย ไม่สามารถนับได้ว่ามีกลุ่มทหารรับจ้างอยู่มากมายเพียงใด ทว่ามีแปดกลุ่มหลักที่นั่น กลุ่มแรกคือทหารรับจ้างหลิงเป่ยมีกำลังพลกว่าหนึ่งหมื่นนาย กลุ่มที่สองคือทหารรับจ้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีกำลังพลกว่าเก้าพันนาย ในมณฑลหยุนจงนอกจากกลุ่มของข้าและท่าน ยังอีกกลุ่มที่แข็งแกร่ง นั่นก็คือทหารรับจ้างมังกรอัคนี ซึ่งมีกำลังพลทั้งสิ้นเจ็ดพันห้าร้อยนาย ม้าศึกกว่าสองพันตัว พร้อมอุปกรณ์ครบครัน และขณะนี้พวกเขาจับตามองทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง ท่านเฝิงสี่มิได้เป็นกังวลเลยหรือ?”

เฝิงสี่สูดหายใจลึกและแสดงสีหน้าแปลกประหลาด หลินมู่อวี่พูดแทงใจดำจนทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

“อืม…ทหารรับจ้างมังกรอัคนีตกอยู่ในสภาพแตกแยกและไม่น่าเกรงขามอีกต่อไป” เฝิงสี่คำรามอย่างเยือกเย็น “ท่านหลินมู่อวี่ช่างใจเย็นเหลือเกิน คิดหรือว่าหากกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงของข้าถูกทำลาย แล้วทหารรับจ้างมังกรอัคนีจะปล่อยทหารรับจ้างมังกรผงาดไป?”

“ไม่”

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “ดังนั้นพวกเราจึงอ่อนแอเมื่อแยกกัน และแข็งแกร่งเมื่อรวมกัน นี่คือเหตุผลที่ข้ามาที่นี่”

“โอ้?”

เฝิงสี่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ในเมื่อท่านต้องการให้ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงเข้าร่วมทหารรับจ้างมังกรผงาด เช่นนั้นบอกข้าสิ ว่าท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะทำให้พวกข้าต้องเข้าร่วม?”

หลินมู่อวี่ชูสามนิ้วขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ประการแรกทหารรับจ้างมังกรผงาดมีภูเขาหลงหยานซึ่งเป็นปราการป้องกัน ประการที่สองทหารรับจ้างมังกรผงาดมีเงินทุนมากพอพร้อมอาวุธหลายชนิด และสามารถซื้อม้าศึกเพิ่มเพื่อต่อกรกับทหารรับจ้างมังกรอัคนีได้ ประการที่สามทหารรับจ้างมังกรผงาดมีนายพลที่แข็งแกร่งรวมทั้งหลัวอวี่ที่อยู่ขอบเขตนภา ท่านเฝิงสี่…มีสิ่งเหล่านี้หรือไม่?”

“นี่…”

เฝิงสี่ไม่สามารถตอบกลับได้ จึงพูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงจึงไม่มีเหตุผลใดที่ต้องเข้าร่วมกับท่าน”

“แน่นอนว่ามี” หลินมู่อวี่หัวเราะออกมาเล็กน้อย “ท่านไม่มีเงิน ไม่ว่าจะสำหรับอาวุธหรือม้าศึก ท่านขาดแคลนมันทั้งหมด ดูอาวุธที่ทหารด้านนอกใช้สิ ส่วนใหญ่ก็ชำรุดทรุดโทรมหมดแล้ว! ท่านต้องการให้เหล่าพี่น้องใช้อาวุธเหล่านี้ต่อสู้กับทหารรับจ้างมังกรอัคนีจริงหรือ?”

“ขะ…ข้า…” เฝิงสี่พูดไม่ออก “ทะ…ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงแทบไม่ได้ปล้นสะดมในช่วงครึ่งปีหลัง เพียงฝึกฝนความแข็งแกร่งอยู่ในเมืองฉิงอี้ มิเช่นนั้นคง…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ท่านผู้นำเฝิงสี่ เป็นเพราะท่านไม่ต้องการจะทำสิ่งใดซึ่งเป็นการขัดต่อขวัญกำลังใจ เหตุใดจึงไม่มาเข้าร่วมกับพวกเราล่ะ? ตราบใดที่ท่านเข้าร่วมทหารรับจ้างมังกรผงาด ข้าให้คำสัญญาว่าทุกคนจะได้รับม้า อาวุธ และชุดเกราะชั้นยอด”

“จริงหรือ?”

เฝิงสี่กระตือรือร้นเล็กน้อย ทว่าก็รู้สึกเสียใจทันทีหลังพูดจบ เขาพลันส่ายหัวและหัวเราะเยาะตัวเอง “ความยากจนทำลายความทะเยอทะยานของคนผู้หนึ่งจนหมดสิ้น…”

หลินมู่อวี่พูดต่อ “ทหารรับจ้างมังกรผงาดจะไม่มีวันจับหรือเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เช่นนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับท่านเฝิงสี่ที่จะเข้าร่วมกับเราหรือ? แล้วข้าจะให้ท่านเป็นรองผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเป็นอย่างไร? ทว่าหากท่านคิดเป็นศัตรูกับทหารรับจ้างมังกรผงาดละก็…”

หลินมู่อวี่ชี้ไปยังยศทหารที่ปกเสื้อพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นเท่ากับการเป็นศัตรูกับกองทัพจักรวรรดิ แม้ว่าท่านจะสังหารข้าที่นี่ พี่ชายข้า…เฟิงจี้สิงและฉินเหลย คงนำทหารหลายหมื่นนายมาถล่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงให้ราบเป็นหน้ากลองแน่”

“อา…”

เฝิงสี่ไม่สามารถทนรับแรงกดดันนี้ได้ต่อไป ดวงตาของเขาแดงก่ำและกล่าวด้วยความจำนน “ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าท่านจะรักษาคำพูด ท่านมีเงินทุนเพียงพอสำหรับทหารสองพันนายหรือ?”

หลินมู่อวี่ล้วงมือเข้าไปในถุงสรรพสิ่งและหยิบเหรียญเพชรจำนวนหนึ่งออกมาโยนลงบนโต๊ะ “นี่เพียงพอจะเป็นข้อพิสูจน์ได้หรือไม่?”

“นี่มัน…”

เฝิงสี่พร้อมทั้งทหารรับจ้างที่อยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง พวกเขามาจากครอบครัวยากจน แม้จะหาเงินได้มากมายในฐานะทหารรับจ้าง ทว่าทั้งชีวิตก็แทบไม่เคยเห็นเหรียญเพชรมาก่อน

“เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเราควรจะเดินทางไปที่ภูเขาหลงหยานเมื่อใด?”

“ไปวันนี้เลย ยิ่งเร็วยิ่งดี”

“อืม”

เฝิงสี่กล่าวด้วยสายตาเย็นชา “แล้วท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าจะไม่ใช้อุบายฉวยโอกาสยึดภูเขาหลงหยานและแทนที่ทหารรับจ้างมังกรผงาด”

หลินมู่อวี่เผยรอยยิ้มจางๆ และผายมือขวาออก จากนั้นน้ำเต้าสีเขียวเข้มขนาดเล็กก็ลอยขึ้นมา ก่อนที่ปราณยุทธ์จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังเจ็ดประทีปสีม่วง สายลมแห่งความโกลาหลถูกปลดปล่อยผลักทุกคนก้าวถอยไป หลินมู่อวี่กล่าวด้วยสายตาไม่แยแส “เพราะข้าจัดการพวกเจ้าได้ในพริบตา แล้วเหตุใดจึงต้องเป็นกังวล?”

………………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 203 เสื้อคลุมท่ามกลางสายฝน

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 203 เสื้อคลุมท่ามกลางสายฝน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมืองฉิงอี้เป็นเมืองที่เงียบสงบตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลอวิ้นจง เมืองฉิงอี้มีชื่อเสียงในด้านการหมักเหล้าจากธัญพืช แม้จะเป็นเมืองเล็ก ทว่าก็มีโรงเตี๊ยมมากกว่ายี่สิบแห่งซึ่งดึงดูดทหารและเหล่าคนพเนจรให้แวะเวียนเข้ามา อีกทั้งเมืองฉิงอี้ยังเป็นที่ตั้งของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง

ยามเช้าตรู่มีฝนตกโปรยปรายไปทั่วทั้งเมือง ละอองฝนตกลงบนถนนดินและหินหล่อเลี้ยงชีวิตใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ บนถนนมีเหล่าผู้คนเดินกันขวักไขว่ หลายคนกำลังแบกสิ่งของเดินไปมา ทหารถือขวานหินนายหนึ่งกำลังถามราคาสุราจากโรงเตี๊ยม เขาพลันส่ายหัวเนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอ จึงต้องมองหาโรงเตี๊ยมแห่งอื่นที่ราคาถูกกว่า

ท่ามกลางสายฝนชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเหลืองเดินอ้อยอิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นและดึงผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้า จากนั้นก็มาหยุดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เมื่อเถ้าแก่ในร้านเห็นก็เข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร “เจ้าหนุ่ม ต้องการที่พักหรือมาดื่มล่ะ?”

ชายผู้นั้นยิ้มเล็กน้อย เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ทว่ายังดูค่อนข้างอ่อนเยาว์ “ข้าต้องการถามว่ากองบัญชาการของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงอยู่ที่ใดหรือขอรับ?”

“ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง?”

เถ้าแก่ตะลึงก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าต้องการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงรึ?”

“ขอรับ…”

“อืม…ผู้นำเฝิงสี่อาศัยอยู่บริเวณลานกว้างทางด้านเหนือสุดของเมือง ทว่าเจ้าดูไม่เหมือนทหารรับจ้างพเนจรเลย?”

“ขอบคุณขอรับ”

หลินมู่อวี่ขอบคุณเถ้าแก่ก่อนจะดึงเสื้อคลุมขึ้นและเดินออกไปท่ามกลางสายฝน

ทันใดนั้น! ก็มีรถม้าวิ่งเข้ามาด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่คนคุมบังเหียนฟาดแส้ลงบนม้าและตะโกนเสียงดัง “หลบไปไอ้เวรเอ๊ย!”

‘เพี๊ยะ!’

แส้แฉลบโค้งมาที่คอของหลินมู่อวี่อย่างรวดเร็ว ทว่าเขาเร็วยิ่งกว่า อาอวี่พลันยกมือซ้ายขึ้นคว้าปลายแส้และดึงด้วยความแรง! ทำให้คนคุมบังเหียนตกจากรถม้าทันที…กล้าขับรถม้าอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้ในเมืองเล็กๆ นี่มันอันตรายเกินไป!

‘พลั่ก!’

ชายผู้นั้นล้มลงคว่ำหน้าอยู่ในโคลนตม เขารีบลุกขึ้นยืนและสาปแช่งทันที “ไอ้สารเลว! บังอาจทำเช่นนี้กับข้า! เฮ้ย! จัดการมันซะ!”

ชายร่างใหญ่สีหน้าดุดันหลายคนถือดาบและขวานกระโดดลงจากเกวียน หนึ่งในนั้นเรียกวิญญาณยุทธ์หมาป่าคลั่งระดับแปดออกมา ก่อนจะยกขวานสงครามพร้อมตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “บังอาจมาขวางทางข้า รนหาที่ตายชัดๆ!”

หลินมู่อวี่ไม่หลบขวานที่พุ่งเข้ามา เขาเพียงคำรามเสียงทุ้มต่ำปลดปล่อยกำแพงน้ำเต้า ส่งผลให้ขวานกระแทกลงบนกำแพงเต็มแรงก่อนจะกระเด็นปลิวไป ทันใดนั้น! ทหารรับจ้างอีกนายทะลวงดาบยาวอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าหวังแทงทะลุหน้าอกหลินมู่อวี่ ทว่าเขาหลบการโจมตีอย่างฉับพลัน! พร้อมยกมือขวาปัดป้องเปลี่ยนวิถีดาบกระแทกเข้าที่หน้าอกศัตรูอีกคน

‘เปรี้ยง!’

ชายคนนั้นส่งเสียงฮึดฮัดขณะที่โดนกระแทกถอยหลัง

หลินมู่อวี่ยกมุมหนึ่งของเสื้อคลุมลงพร้อมเผยแววตาน่าเกรงขาม “อย่ายั่วโมโหข้า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ปรานี!”

ทหารรับจ้างต่างตกตะลึงขณะที่ยืนมองวิญญาณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ค่อยๆ จางหายไป ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดออกมา เพียงยืนมองหลินมู่อวี่เดินจากไปอย่างเงียบงัน

ขณะเดียวกันที่มุมของถนน เงาร่างหนึ่งมองเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนจะรีบควบม้าออกไป จนมาถึงชานเมืองซึ่งมีรั้วสีเขียวล้อมรอบ ชายผู้นั้นรีบลงจากม้าและตรงเข้าไปในโถงหลักพร้อมพูดเสียงดัง “ท่านผู้นำแย่แล้วขอรับ! หลินมู่อวี่อยู่ที่นี่แล้ว!”

ภายในห้องโถงมีนักรบอายุราวสามสิบปีสวมชุดเกราะเบากำลังจิบชาอยู่ เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “หวังโฮ่วเอ๋อร์ เหตุใดไม่สงบสติอารมณ์ก่อน? หลินมู่อวี่จะเข้ามายังดินแดนของทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงด้วยตัวเองได้อย่างไร?”

“ทว่าข้าเห็นกับตาขอรับ เขามีวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า!”

“น้ำเต้า?” เฝิงสี่เงยหน้ามองพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าระดับสิบ…มีผู้คนนับไม่ถ้วนในเมืองหลันเยี่ยนที่มีวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า แม้จะไม่ถึงหมื่น ทว่าอย่างน้อยก็แปดพันคน เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าของหลินมู่อวี่?”

ใบหน้าหวังโฮ่วเอ๋อร์ซีดลงเล็กน้อยด้วยความสับสน “ทว่าน้ำเต้าของเขาเป็นสีเขียวเข้ม และใช้ปราณยุทธ์แทนที่จะเป็นปราณแท้! ข้าเห็นทุกอย่าง หลินมู่อวี่ผู้นั้นกำลังมาหาเราถึงที่!”

“อะไรนะ!?”

เฝิงสี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ ก่อนจะตะโกนกึกก้อง “ทหาร! จัดกองทัพให้ข้าเดี๋ยวนี้! พลธนูและหน้าไม้เตรียมตัวให้พร้อม! และให้ทหารถือขวานสามร้อยนายซุ่มโจมตีจากทั้งสองด้านของห้องโถง ข้าจะรอดูสิว่าเหตุใดหลินมู่อวี่จึงกล้ามาที่นี่คนเดียว!”

“ขอรับ!”

จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังขึ้นหลายครั้งบนประตูสีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ ทหารรับจ้างเคลื่อนตัวมาเปิดประตูอย่างระมัดระวัง แล้วก็สะดุ้งถอยหลังกลับทันทีที่เปิดประตู

หลินมู่อวี่ที่อยู่ด้านนอกกำลังสะบัดเสื้อผ้าที่เปียกโชกจากหยาดฝนและเผยให้เห็นชุดเกราะของวิหาร ผ้าคลุมสีขาวที่หลังทำให้ทหารรับจ้างหวาดกลัวยิ่งขึ้น ราวกับว่าชุดเกราะของหลินมู่อวี่เต็มไปพลังที่น่าเกรงขามซึ่งทำให้เหล่าทหารสั่นสะท้าน

“ผู้นำเฝิงสี่อยู่ที่นี่หรือไม่?”

หลินมู่อวี่ชี้นิ้วไปที่ทหารผู้หันปลายหอกมาที่เขา ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือการต้อนรับของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงหรือ?”

ขณะเดียวกันเสียงของเฝิงสี่ก็ดังขึ้นจากด้านในโถง “พวกเจ้าออกไปได้! ฮ่า…ท่านหลินมู่อวี่เองรึ ข้าไม่ทราบว่าท่านจะมา จึงมิได้เตรียมการต้อนรับอย่างเหมาะสม ท่านหลินมู่อวี่โปรดเข้ามาด้านในเพื่อสนทนาเถิด”

“ขอบคุณมากขอรับ”

หลินมู่อวี่ปราดตามองทหารรับจ้างโดยรอบขณะที่เดินเข้าไปใจกลางห้องโถงของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงอย่างกล้าหาญ เมื่อใช้ทักษะชีพจรวิญญาณก็พบว่ามีคนกว่าห้าร้อยคนล้อมรอบอยู่ มีพลธนูจำนวนมากซุ่มโจมตีจากด้านในกำแพงและเล็งเป้ามาที่หลินมู่อวี่

“ฮ่า…”

หลินมู่อวี่นั่งลงพร้อมรอยยิ้มจางๆ

เฝิงสี่ทำสีหน้าประหลาดและถามว่า “ท่านหลินมู่อวี่มายังที่แห่งนี้ด้วยเหตุอันใดหรือ?”

“เพื่อหว่านล้อมท่าน”

“หว่านล้อมข้าเพื่อสิ่งใด?” เฝิงสี่ตะลึง

“หว่านล้อมท่านให้เลิกเป็นผู้นำและให้คนของท่านเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด” หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ว่าไงนะ!?” เฝิงสี่เลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ “หลินมู่อวี่! ท่านคิดว่าทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงไม่มีกำลังพลหรืออย่างไร? ท่านมาที่นี่ตัวคนเดียว เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถสับท่านเป็นชิ้นๆ ได้ในทันที?”

“ข้าเชื่อ! ข้าเชื่อ!” หลินมู่อวี่ประสานมือ “ท่านเฝิงสี่ได้โปรดไว้ชีวิตข้า และให้ข้าพูดให้จบก่อนที่ท่านจะสับข้าเป็นเนื้อบด…”

เฝิงสี่ระงับความโกรธและกล่าวว่า “เอาล่ะพูดมา…ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงมียอดฝีมืออย่างน้อยสองพันคน เหตุใดต้องอยู่ภายใต้บัญชาของท่านด้วย? หากไม่สามารถให้เหตุผลที่น่าพึงพอใจได้ก็อย่าคิดจะได้ออกไปจากที่นี่!”

“ขอรับ”

หลินมู่อวี่กล่าวอย่างนอบน้อม “ขณะนี้จักรวรรดิแบ่งออกเป็นสิบสองมณฑล และเมืองหลินเยี่ยนตั้งอยู่ในมณฑลหลิงเป่ย ดังนั้นทหารรับจ้างที่รุ่งเรืองที่สุดอยู่ในมณฑลหลิงเป่ย ไม่สามารถนับได้ว่ามีกลุ่มทหารรับจ้างอยู่มากมายเพียงใด ทว่ามีแปดกลุ่มหลักที่นั่น กลุ่มแรกคือทหารรับจ้างหลิงเป่ยมีกำลังพลกว่าหนึ่งหมื่นนาย กลุ่มที่สองคือทหารรับจ้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีกำลังพลกว่าเก้าพันนาย ในมณฑลหยุนจงนอกจากกลุ่มของข้าและท่าน ยังอีกกลุ่มที่แข็งแกร่ง นั่นก็คือทหารรับจ้างมังกรอัคนี ซึ่งมีกำลังพลทั้งสิ้นเจ็ดพันห้าร้อยนาย ม้าศึกกว่าสองพันตัว พร้อมอุปกรณ์ครบครัน และขณะนี้พวกเขาจับตามองทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง ท่านเฝิงสี่มิได้เป็นกังวลเลยหรือ?”

เฝิงสี่สูดหายใจลึกและแสดงสีหน้าแปลกประหลาด หลินมู่อวี่พูดแทงใจดำจนทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

“อืม…ทหารรับจ้างมังกรอัคนีตกอยู่ในสภาพแตกแยกและไม่น่าเกรงขามอีกต่อไป” เฝิงสี่คำรามอย่างเยือกเย็น “ท่านหลินมู่อวี่ช่างใจเย็นเหลือเกิน คิดหรือว่าหากกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงของข้าถูกทำลาย แล้วทหารรับจ้างมังกรอัคนีจะปล่อยทหารรับจ้างมังกรผงาดไป?”

“ไม่”

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “ดังนั้นพวกเราจึงอ่อนแอเมื่อแยกกัน และแข็งแกร่งเมื่อรวมกัน นี่คือเหตุผลที่ข้ามาที่นี่”

“โอ้?”

เฝิงสี่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ในเมื่อท่านต้องการให้ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงเข้าร่วมทหารรับจ้างมังกรผงาด เช่นนั้นบอกข้าสิ ว่าท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะทำให้พวกข้าต้องเข้าร่วม?”

หลินมู่อวี่ชูสามนิ้วขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ประการแรกทหารรับจ้างมังกรผงาดมีภูเขาหลงหยานซึ่งเป็นปราการป้องกัน ประการที่สองทหารรับจ้างมังกรผงาดมีเงินทุนมากพอพร้อมอาวุธหลายชนิด และสามารถซื้อม้าศึกเพิ่มเพื่อต่อกรกับทหารรับจ้างมังกรอัคนีได้ ประการที่สามทหารรับจ้างมังกรผงาดมีนายพลที่แข็งแกร่งรวมทั้งหลัวอวี่ที่อยู่ขอบเขตนภา ท่านเฝิงสี่…มีสิ่งเหล่านี้หรือไม่?”

“นี่…”

เฝิงสี่ไม่สามารถตอบกลับได้ จึงพูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงจึงไม่มีเหตุผลใดที่ต้องเข้าร่วมกับท่าน”

“แน่นอนว่ามี” หลินมู่อวี่หัวเราะออกมาเล็กน้อย “ท่านไม่มีเงิน ไม่ว่าจะสำหรับอาวุธหรือม้าศึก ท่านขาดแคลนมันทั้งหมด ดูอาวุธที่ทหารด้านนอกใช้สิ ส่วนใหญ่ก็ชำรุดทรุดโทรมหมดแล้ว! ท่านต้องการให้เหล่าพี่น้องใช้อาวุธเหล่านี้ต่อสู้กับทหารรับจ้างมังกรอัคนีจริงหรือ?”

“ขะ…ข้า…” เฝิงสี่พูดไม่ออก “ทะ…ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงแทบไม่ได้ปล้นสะดมในช่วงครึ่งปีหลัง เพียงฝึกฝนความแข็งแกร่งอยู่ในเมืองฉิงอี้ มิเช่นนั้นคง…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ท่านผู้นำเฝิงสี่ เป็นเพราะท่านไม่ต้องการจะทำสิ่งใดซึ่งเป็นการขัดต่อขวัญกำลังใจ เหตุใดจึงไม่มาเข้าร่วมกับพวกเราล่ะ? ตราบใดที่ท่านเข้าร่วมทหารรับจ้างมังกรผงาด ข้าให้คำสัญญาว่าทุกคนจะได้รับม้า อาวุธ และชุดเกราะชั้นยอด”

“จริงหรือ?”

เฝิงสี่กระตือรือร้นเล็กน้อย ทว่าก็รู้สึกเสียใจทันทีหลังพูดจบ เขาพลันส่ายหัวและหัวเราะเยาะตัวเอง “ความยากจนทำลายความทะเยอทะยานของคนผู้หนึ่งจนหมดสิ้น…”

หลินมู่อวี่พูดต่อ “ทหารรับจ้างมังกรผงาดจะไม่มีวันจับหรือเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เช่นนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับท่านเฝิงสี่ที่จะเข้าร่วมกับเราหรือ? แล้วข้าจะให้ท่านเป็นรองผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเป็นอย่างไร? ทว่าหากท่านคิดเป็นศัตรูกับทหารรับจ้างมังกรผงาดละก็…”

หลินมู่อวี่ชี้ไปยังยศทหารที่ปกเสื้อพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นเท่ากับการเป็นศัตรูกับกองทัพจักรวรรดิ แม้ว่าท่านจะสังหารข้าที่นี่ พี่ชายข้า…เฟิงจี้สิงและฉินเหลย คงนำทหารหลายหมื่นนายมาถล่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงให้ราบเป็นหน้ากลองแน่”

“อา…”

เฝิงสี่ไม่สามารถทนรับแรงกดดันนี้ได้ต่อไป ดวงตาของเขาแดงก่ำและกล่าวด้วยความจำนน “ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าท่านจะรักษาคำพูด ท่านมีเงินทุนเพียงพอสำหรับทหารสองพันนายหรือ?”

หลินมู่อวี่ล้วงมือเข้าไปในถุงสรรพสิ่งและหยิบเหรียญเพชรจำนวนหนึ่งออกมาโยนลงบนโต๊ะ “นี่เพียงพอจะเป็นข้อพิสูจน์ได้หรือไม่?”

“นี่มัน…”

เฝิงสี่พร้อมทั้งทหารรับจ้างที่อยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง พวกเขามาจากครอบครัวยากจน แม้จะหาเงินได้มากมายในฐานะทหารรับจ้าง ทว่าทั้งชีวิตก็แทบไม่เคยเห็นเหรียญเพชรมาก่อน

“เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเราควรจะเดินทางไปที่ภูเขาหลงหยานเมื่อใด?”

“ไปวันนี้เลย ยิ่งเร็วยิ่งดี”

“อืม”

เฝิงสี่กล่าวด้วยสายตาเย็นชา “แล้วท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าจะไม่ใช้อุบายฉวยโอกาสยึดภูเขาหลงหยานและแทนที่ทหารรับจ้างมังกรผงาด”

หลินมู่อวี่เผยรอยยิ้มจางๆ และผายมือขวาออก จากนั้นน้ำเต้าสีเขียวเข้มขนาดเล็กก็ลอยขึ้นมา ก่อนที่ปราณยุทธ์จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังเจ็ดประทีปสีม่วง สายลมแห่งความโกลาหลถูกปลดปล่อยผลักทุกคนก้าวถอยไป หลินมู่อวี่กล่าวด้วยสายตาไม่แยแส “เพราะข้าจัดการพวกเจ้าได้ในพริบตา แล้วเหตุใดจึงต้องเป็นกังวล?”

………………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+