The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 221 ทะเลปราณแตกสลาย

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 221 ทะเลปราณแตกสลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลมหนาวพัดผ่านชุดรบและหางม้าที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนมัดไว้ปลิวไสวไปตามสายลม กระบี่ยังคงอยู่ที่หลังราวกับว่ามิได้วางแผนจะสู้ มือขวาห้อยลงพร้อมปราณยุทธ์ล้อมรอบนิ้ว ทั่วทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วงจางๆ ทันใดนั้นวิญญาณยุทธ์เตียวม่วงก็ปรากฏขึ้น

เจิ้งฟางถือกระบี่เล่มเรียวยาว ดวงตาคมกริบขณะที่กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ยอมแพ้ซะฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน แม้เจ้าจะเป็นองครักษ์รักษาพระองค์ ก็ต้องสำเหนียกถึงความแตกต่างทางสถานะระหว่างเจ้ากับพี่สาวข้าบ้าง เจ้าเป็นเพียงขุนนางชั้นต่ำ มิได้มียศถาบรรดาศักดิ์ แล้วจะคู่ควรกับท่านพี่ได้อย่างไร? เจ้าควรหยุดตัวเองจากการกระทำผิดพลาดครั้งใหญ่ซะ!”

ดวงตาฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเรียบเฉยดั่งสายน้ำ และน้ำเสียงยังคงสงบนิ่ง “ผู้คนต่างมีสถานะแตกต่างกันมาตั้งแต่กำเนิด ทว่าคุณลักษณะของผู้คนมิสามารถจำแนกได้โดยสถานะ ท่านอ๋องน้อย…แม้ว่าเจิ้งเซียงจะมาจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็มั่นใจว่ามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะมอบชีวิตดีๆ แก่นาง ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิตและมอบความสุขให้นางเอง”

“ถุย!”

เจิ้งฟางพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าจะมอบความสุขแก่นางด้วยตนเองได้อย่างนั้นรึ? ฮึ! เหตุใดไม่ส่องดูตัวเองในกระจกบ้าง? ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนไอ้ขยะชั้นต่ำ! หากยังดันทุรังเช่นนี้ก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานี! มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตกลับออกไปจากลานประลอง!!”

“เช่นนั้นหรือ?”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเผยยิ้มจางๆ “เช่นนั้นท่านอ๋องน้อยโปรดชี้แนะ!”

‘ชิ้ง!’

เจิ้งฟางตวัดดาบและชิงโจมตีจากระยะไกลด้วยวิญญาณยุทธ์ประจำตระกูลเจดีย์กระจกสี ทั่วทั้งใบดาบปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่แหลมคม เหล่าจอมยุทธ์สามารถบอกได้ทันทีว่าเจิ้งฟางเชี่ยวชาญด้านการใช้กระบี่ การโจมตีของเขาทำให้ปราณกระบี่แตกกระจายราวกับดอกไม้นับหมื่นพุ่งปะทะจุดลมปราณสำคัญของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนอย่างรวดเร็ว!

การโจมตีของเจิ้งฟางแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากเจดีย์กระจกสีจนไม่สามารถมองข้ามได้ และแทบไม่ต้องพูดถึงการที่เจิ้งฟางอยู่ขอบเขตนภาชั้นที่สอง ซึ่งทำให้จินตนาการได้เลยว่าการโจมตีนี้ต้องรุนแรงมากเพียงใด

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนถอยกลับอย่างรวดเร็วขณะที่พื้นถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยดอกหลีฮวา เมื่อถึงขอบลานประลองก็กระโดดออกจากระยะโจมตีของเจิ้งฟางทันที จากนั้นปราณยุทธ์ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ ก่อนจะกางฝ่ามือปลดปล่อยดวงดารานับหมื่นส่องแสงระยิบระยับราวกับดาวตกจากฟากฟ้า เป็นการโจมตีที่แสนงดงามและหาชมได้ยาก!

“โล่ระฆังทอง!”

เจิ้งฟางยังคงยืนอยู่ที่เดิม ขณะที่วิญญาณยุทธ์ปรากฏขึ้นเป็นกำแพงสีทองล้อมรอบตัวทันที คัดสรรดวงดาราของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนตกลงโล่ระฆังทองอย่างรุนแรงเกิดระลอกคลื่นสีทอง ขณะที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนกำลังร่วงลงพื้น ทันใดนั้น! เจิ้งฟางก็ฉวยโอกาสพุ่งไปพร้อมตวัดกระบี่ขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว

‘ฉัวะ!’

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรวบรวมลมปราณกลางฝ่ามือก่อนจะเกิดเป็นเกลียวล้อมรอบตัว ปะทะปราณกระบี่ของเจิ้งฟางกระเด็นลงพื้น เขาพลันคำรามลั่น “เกลียวอสรพิษทองคำ!”

มันเป็นทักษะที่ลึกลับอย่างแท้จริง เหมือนกับที่เฟิงจี้สิงเคยกล่าวไว้ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนร่ำเรียนวิชามาจากที่แห่งใด ทว่าทักษะเหล่านี้ทำให้เขาเป็นหนึ่งในใต้หล้าอย่างภาคภูมิใจ เฟิงจี้สิงยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เขาขอเผชิญหน้ากับฉินเหลยเสียดีกว่าต้องเผชิญหน้ากับทักษะที่สวยงามและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เป็นการยืนยันได้ว่าพลังยุทธ์ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนนั้นไม่ธรรมดา

เมื่อฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนลงมาถึงพื้นพร้อมเกลียวอสรพิษทองคำ เจิ้งฟางก็โจมตีอีกครั้ง! กระบี่ของเขาเคลื่อนผ่านอากาศก่อนที่ปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนจะร่วงหล่นลงมาที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนทันที!

เคล็ดหมื่นกระบี่!

นี่เป็นหนึ่งในจิตควบคุมกระบี่ซึ่งมีอยู่ทั่วไป ทว่าการโจมตีของเจิ้งฟางนั้นทรงพลังมากราวกับสายฟ้าและรวดเร็วดั่งสายลม อีกทั้งเป็นการโจมตีอย่างถูกจังหวะ เนื่องจากขณะที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนลงสู่พื้น เขาต้องการเวลาครึ่งวินาทีก่อนจะเรียกปราณยุทธ์ออกมาได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด!

‘ฟู่!’

เลือดพุ่งกระจายออกจากไหล่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนอย่างต่อเนื่อง และมีบาดแผลราวห้ารูบนหน้าอกซึ่งไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ทว่าภายนอกดูค่อนข้างสาหัส

“อา…”

เจิ้งเซียงลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาคู่งามเผยแววตกใจและเป็นกังวล “ท่านฉู่…”

“เซียงเซียง!”

เจิ้งอี้ฝานขมวดคิ้วแน่น “นั่งลง อย่าลืมว่านั่นคือศัตรูน้องชายเล็กของเจ้า และเจ้าเป็นหนึ่งในตระกูลเจิ้ง ควรแสดงกิริยาให้สมเกียรติตระกูลด้วย จะแสดงกิริยาหยาบคายเช่นนั้นเพื่อองครักษ์อวี้หลินผู้ต่ำต้อยไปทำไม?”

“ท่านพ่อ ข้า…” เจิ้งเซียงนั่งลงช้าๆ ทว่าสายตายังจับจ้องอยู่ที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน นางกัดริมฝีปากแน่น เผยร่องรอยความปวดร้าวบนใบหน้า “ตราบใดที่ท่านพ่อมีความอนุเคราะห์แก่เรา นอกจากฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนแล้ว…เซียงเซียงจะไม่รักชายใดอีก”

“เช่นนั้นหรือ?”

เจิ้งอี้ฝานเผยรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะเงยหน้ามอง “ความรักและความเกลียดชัง รวบรวมและกระจัดกระจาย สิ่งใดที่มีค่าอยู่ในกระแสแห่งความเป็นนิรันดร์? สักวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ”

เจิ้งเซียงพลันก้มมองพื้น “เช่นนั้นข้าก็ขอไม่เข้าใจมัน”

“เจ้า…”

เจิ้งอี้ฝานมองลูกสาวอย่างเคืองโกรธ แต่ก็ถอนหายใจทันที “พ่อตามใจเจ้ามาตลอด อยากได้สิ่งใดก็หามาให้ ทว่าเรื่องนี้พ่อให้เจ้าไม่ได้ หากเป็นคนอื่นพ่อจะไม่พูดอะไรสักคำ แม้จะมาจากครอบครัวต่ำต้อยก็ไม่เป็นไร ตราบที่เจ้าชอบพวกเขา แต่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนผู้นี้…เป็นคนของเฟิงจี้สิงและฉินเหยียนซึ่งมีเรื่องบาดหมางกับจวนเสินโหว อีกทั้งฉินเหลยต้องการตัดหัวพ่อของเจ้า เช่นนั้นเจ้าจะก็ยังบังคับพ่อไปสู่ความตายจริงๆ หรือ?”

“ข้า…”

เจิ้งเซียงพูดไม่ออกก่อนจะหันกลับไปยังลานประลอง ร่างฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนกำลังโจมตีกลับขณะที่ปราณยุทธ์กลายเป็นแสงดาวล้อมรอบตัว นิ้วของเขากลายเป็นผีเสื้อโบยบินก่อนจะเปลี่ยนเป็นแสงดาว คัดสรรดวงดาราเป็นการโจมตีดั่งชื่อเรียก โดยการเลือกดวงดาวเพื่อโจมตีศัตรู…ริ้วแสงดาวเหล่านี้ไม่เปิดโอกาสให้เจิ้งฟางได้เข้าใกล้ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนแม้แต่น้อย

หลังจากต่อสู้มายาวนานเจิ้งฟางก็เริ่มเสียเปรียบ แม้ว่าบาดแผลของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะดูลึก แต่เขารู้ดีว่าจุดลมปราณส่วนใหญ่ของเจิ้งฟางถูกผนึกโดยคัดสรรดวงดาราแล้ว และเกือบไม่เหลือพลังพอที่จะใช้กระบี่อีก แทบไม่ต้องพูดถึงการเพิ่มพลังปราณยุทธ์มากมายที่ใช้ไปกับจิตควบคุมกระบี่

‘ฟู่…’

คัดสรรดวงดาราอีกสายถูกส่งโจมตีทะลุชุดศึกวิหารของเจิ้งฟางจนทำให้เหรียญตราผู้ดูแลวิหารหลุดกลิ้งลงกับพื้นทันที

“อา…”

เจิ้งฟางมิได้หันมองเหรียญตราวิหาร เขาเพิ่มปราณแท้ขึ้นอีก ก่อนจะกระโจนขึ้นพร้อมโจมตีด้วยกระบี่ซึ่งพุ่งตรงไปที่แกนกลางพลังของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนราวกับงูพิษ หรือว่าเจิ้งฟางต้องการ…ทำลายทะเลปราณของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน?

สำหรับจอมยุทธ์…ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าทะเลปราณอีกแล้ว

“เจ้า!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรู้สึกโกรธเล็กน้อย เขายกมือซ้ายขึ้นพร้อมโจมตีออกไปและคำรามลั่น “หัตถ์ผนึกจันทรา!”

‘ตูม!’

คลื่นพลังทะยานสู่ท้องฟ้าก่อนจะตกลงมาปะทะหลังเจิ้งฟาง ส่งผลให้เจิ้งฟางล้มลงไปพร้อมกระบี่และใบหน้าฟาดกับพื้นหินอย่างแรง เลือดเริ่มไหลนองอย่างน่าเวทนา

“พอได้แล้ว!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเอ่ยเสียงแผ่วเบา “อ๋องน้อย เจ้าแพ้แล้ว อย่าดิ้นรนอีกต่อไปเลย แค่ยอมแพ้ไปซะ”

“ขะ…ข้า…”

เจิ้งฟางสีหน้าโศกเศร้าขณะที่น้ำตาเอ่อล้น ในฐานะอ๋องน้อยแห่งจวนเสินโหวและหนึ่งในผู้ดูแลวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องพ่ายแพ้อย่างน่าเจ็บปวดที่สุด และมิได้ถูกจัดการด้วยน้ำมือจอมยุทธ์อย่างเฟิงจี้สิงหรือฉินเหลย ทว่ากลับพ่ายแพ้ให้กับองครักษ์อวี้หลินผู้ต่ำต้อยไร้บรรดาศักดิ์ แล้วจะให้เขายอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร…

“ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ข้า…” เจิ้งฟางเงยหน้าขึ้นมองฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและพูดเสียงแผ่วเบาราวกับยุง “หากเจ้าต้องการแต่งงานกับพี่สาวข้าจริงก็ฟังที่ข้าพูด”

“หืม?”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนตกใจเล็กน้อย เจิ้งเซียงเป็นจุดอ่อนเดียวของเขานอกเหนือจากฉู่เหยา เมื่อได้ยินว่าจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตกับคนรัก เขาก็ลดการป้องกันลงทันที ก่อนจะเอนตัวไปถาม “ท่านอ๋องน้อยมีวิธีดีๆ หรือ?”

“แน่นอน ฮ่าๆ”

เมื่อฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเข้าไปใกล้มากขึ้น เจิ้งฟางก็รีบคว้าคอเสื้อฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนทันที ก่อนจะใช้มือขวาแทงกระบี่เข้าไปที่แกนกลางพลังของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!

‘ฟู่!’

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ทว่าเป็นเพียงบาดแผลบนกายเนื้อเท่านั้น มิได้ทะลวงเกราะปราณยุทธ์ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนแต่อย่างใด กระนั้นก็โดนเฉือนหน้าท้องเป็นแผลยาวจนเลือดไหลริน

“เจ้า!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเลือดขึ้นหน้าก่อนจะส่งฝ่ามือไปที่หน้าท้องของเจิ้งฟางซึ่งเป็นจุดของทะเลปราณ และเป็นจุดที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนโจมตีด้วยหัตถ์ผนึกจันทรา!

‘ตูม!’

แกนกลางพลังของเจิ้งฟางแตกกระจายพร้อมเลือดสาดไปทั่วทุกทิศราวกับระเบิด ทันใดนั้นทะเลปราณก็ถูกทำลายทันที!

“ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เจ้าบังอาจทำเช่นนี้รึ!?”

เจิ้งอี้ฝานลุกขึ้นก่อนจะหายตัวไปอยู่บนลานประลองอย่างรวดเร็วราวกับเหยี่ยว เขาพลันยกฝ่ามือปล่อยพลังโจมตีใส่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจากด้านบนทันที! เช่นนั้นฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะสกัดกั้นการโจมตีของขอบเขตปราชญ์อย่างเจิ้งอี้ฝานได้เยี่ยงไร…เขายอมแพ้ที่จะป้องกันก่อนจะหลับตากล่าวทั้งรอยยิ้ม “ข้าน้อยฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเป็นผู้บริสุทธิ์!”

ขณะเดียวกันก็ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เกิดเปลวไฟทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมติ่งอัคนีด้านหน้าฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เขาคือติ่งอัคนีชวีฉู่!

‘ตูม!’

เปลวไฟระเบิดขึ้นจนทำให้ชวีฉู่ถอยหลังไปหลายก้าว ขณะที่เจิ้งอี้ฝานร่วงหล่นจากท้องฟ้าลงมาข้างๆ เจิ้งฟาง

“ท่านเสินโหว การประลองยุทธ์มีการตกลงเรื่องความเป็นความตาย อ๋องน้อยลอบโจมตีก่อนทว่าก็ไม่สามารถเอาชนะฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนได้ ข้าหวังว่าท่านเสินโหวจะเข้าใจและไม่ถือโทษโกรธฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน” ชวีฉู่ประสานมือกล่าวอย่างเคารพ “ทะเลปราณของท่านอ๋องน้อยถูกทำลายแล้วซึ่งเป็นเจตจำนงของสวรรค์ ท่านเสินโหวควรยอมรับมัน”

“เจ้า!”

เจิ้งอี้ฝานคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมถลึงตาใส่ชวีฉู่ ทว่าก็มิได้เริ่มโจมตีแต่อย่างใด เขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะชวีฉู่ได้

“ฟางเอ๋อร์…”

เจิ้งอี้ฝานหันไปประคองเจิ้งฟางและมองดูบาดแผลบนร่าง ก่อนจะพบว่าทะเลปราณของเจิ้งฟางสลายไปอย่างสมบูรณ์ และพลังยุทธ์ของเจิ้งฟางถูกทำลายจนหมดสิ้น เนื่องจากปราณทั้งหมดไหลคืนสู่สรวงสวรรค์และผืนโลก

ดวงตาทั้งคู่ของเจิ้งฟางปิดสนิทจากการหมดสติและมิได้รับรู้สิ่งใด

“เหตุใดกัน…”

ร่างกายของเจิ้งอี้ฝานสั่นสะท้านพร้อมคำรามออกมาอย่างแค้นเคือง “โลกนี้ไม่ยุติธรรม! ทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร?!”

…………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 221 ทะเลปราณแตกสลาย

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 221 ทะเลปราณแตกสลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลมหนาวพัดผ่านชุดรบและหางม้าที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนมัดไว้ปลิวไสวไปตามสายลม กระบี่ยังคงอยู่ที่หลังราวกับว่ามิได้วางแผนจะสู้ มือขวาห้อยลงพร้อมปราณยุทธ์ล้อมรอบนิ้ว ทั่วทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วงจางๆ ทันใดนั้นวิญญาณยุทธ์เตียวม่วงก็ปรากฏขึ้น

เจิ้งฟางถือกระบี่เล่มเรียวยาว ดวงตาคมกริบขณะที่กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ยอมแพ้ซะฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน แม้เจ้าจะเป็นองครักษ์รักษาพระองค์ ก็ต้องสำเหนียกถึงความแตกต่างทางสถานะระหว่างเจ้ากับพี่สาวข้าบ้าง เจ้าเป็นเพียงขุนนางชั้นต่ำ มิได้มียศถาบรรดาศักดิ์ แล้วจะคู่ควรกับท่านพี่ได้อย่างไร? เจ้าควรหยุดตัวเองจากการกระทำผิดพลาดครั้งใหญ่ซะ!”

ดวงตาฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเรียบเฉยดั่งสายน้ำ และน้ำเสียงยังคงสงบนิ่ง “ผู้คนต่างมีสถานะแตกต่างกันมาตั้งแต่กำเนิด ทว่าคุณลักษณะของผู้คนมิสามารถจำแนกได้โดยสถานะ ท่านอ๋องน้อย…แม้ว่าเจิ้งเซียงจะมาจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็มั่นใจว่ามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะมอบชีวิตดีๆ แก่นาง ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิตและมอบความสุขให้นางเอง”

“ถุย!”

เจิ้งฟางพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าจะมอบความสุขแก่นางด้วยตนเองได้อย่างนั้นรึ? ฮึ! เหตุใดไม่ส่องดูตัวเองในกระจกบ้าง? ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนไอ้ขยะชั้นต่ำ! หากยังดันทุรังเช่นนี้ก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานี! มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตกลับออกไปจากลานประลอง!!”

“เช่นนั้นหรือ?”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเผยยิ้มจางๆ “เช่นนั้นท่านอ๋องน้อยโปรดชี้แนะ!”

‘ชิ้ง!’

เจิ้งฟางตวัดดาบและชิงโจมตีจากระยะไกลด้วยวิญญาณยุทธ์ประจำตระกูลเจดีย์กระจกสี ทั่วทั้งใบดาบปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่แหลมคม เหล่าจอมยุทธ์สามารถบอกได้ทันทีว่าเจิ้งฟางเชี่ยวชาญด้านการใช้กระบี่ การโจมตีของเขาทำให้ปราณกระบี่แตกกระจายราวกับดอกไม้นับหมื่นพุ่งปะทะจุดลมปราณสำคัญของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนอย่างรวดเร็ว!

การโจมตีของเจิ้งฟางแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากเจดีย์กระจกสีจนไม่สามารถมองข้ามได้ และแทบไม่ต้องพูดถึงการที่เจิ้งฟางอยู่ขอบเขตนภาชั้นที่สอง ซึ่งทำให้จินตนาการได้เลยว่าการโจมตีนี้ต้องรุนแรงมากเพียงใด

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนถอยกลับอย่างรวดเร็วขณะที่พื้นถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยดอกหลีฮวา เมื่อถึงขอบลานประลองก็กระโดดออกจากระยะโจมตีของเจิ้งฟางทันที จากนั้นปราณยุทธ์ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ ก่อนจะกางฝ่ามือปลดปล่อยดวงดารานับหมื่นส่องแสงระยิบระยับราวกับดาวตกจากฟากฟ้า เป็นการโจมตีที่แสนงดงามและหาชมได้ยาก!

“โล่ระฆังทอง!”

เจิ้งฟางยังคงยืนอยู่ที่เดิม ขณะที่วิญญาณยุทธ์ปรากฏขึ้นเป็นกำแพงสีทองล้อมรอบตัวทันที คัดสรรดวงดาราของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนตกลงโล่ระฆังทองอย่างรุนแรงเกิดระลอกคลื่นสีทอง ขณะที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนกำลังร่วงลงพื้น ทันใดนั้น! เจิ้งฟางก็ฉวยโอกาสพุ่งไปพร้อมตวัดกระบี่ขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว

‘ฉัวะ!’

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรวบรวมลมปราณกลางฝ่ามือก่อนจะเกิดเป็นเกลียวล้อมรอบตัว ปะทะปราณกระบี่ของเจิ้งฟางกระเด็นลงพื้น เขาพลันคำรามลั่น “เกลียวอสรพิษทองคำ!”

มันเป็นทักษะที่ลึกลับอย่างแท้จริง เหมือนกับที่เฟิงจี้สิงเคยกล่าวไว้ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนร่ำเรียนวิชามาจากที่แห่งใด ทว่าทักษะเหล่านี้ทำให้เขาเป็นหนึ่งในใต้หล้าอย่างภาคภูมิใจ เฟิงจี้สิงยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เขาขอเผชิญหน้ากับฉินเหลยเสียดีกว่าต้องเผชิญหน้ากับทักษะที่สวยงามและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เป็นการยืนยันได้ว่าพลังยุทธ์ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนนั้นไม่ธรรมดา

เมื่อฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนลงมาถึงพื้นพร้อมเกลียวอสรพิษทองคำ เจิ้งฟางก็โจมตีอีกครั้ง! กระบี่ของเขาเคลื่อนผ่านอากาศก่อนที่ปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนจะร่วงหล่นลงมาที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนทันที!

เคล็ดหมื่นกระบี่!

นี่เป็นหนึ่งในจิตควบคุมกระบี่ซึ่งมีอยู่ทั่วไป ทว่าการโจมตีของเจิ้งฟางนั้นทรงพลังมากราวกับสายฟ้าและรวดเร็วดั่งสายลม อีกทั้งเป็นการโจมตีอย่างถูกจังหวะ เนื่องจากขณะที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนลงสู่พื้น เขาต้องการเวลาครึ่งวินาทีก่อนจะเรียกปราณยุทธ์ออกมาได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด!

‘ฟู่!’

เลือดพุ่งกระจายออกจากไหล่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนอย่างต่อเนื่อง และมีบาดแผลราวห้ารูบนหน้าอกซึ่งไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ทว่าภายนอกดูค่อนข้างสาหัส

“อา…”

เจิ้งเซียงลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาคู่งามเผยแววตกใจและเป็นกังวล “ท่านฉู่…”

“เซียงเซียง!”

เจิ้งอี้ฝานขมวดคิ้วแน่น “นั่งลง อย่าลืมว่านั่นคือศัตรูน้องชายเล็กของเจ้า และเจ้าเป็นหนึ่งในตระกูลเจิ้ง ควรแสดงกิริยาให้สมเกียรติตระกูลด้วย จะแสดงกิริยาหยาบคายเช่นนั้นเพื่อองครักษ์อวี้หลินผู้ต่ำต้อยไปทำไม?”

“ท่านพ่อ ข้า…” เจิ้งเซียงนั่งลงช้าๆ ทว่าสายตายังจับจ้องอยู่ที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน นางกัดริมฝีปากแน่น เผยร่องรอยความปวดร้าวบนใบหน้า “ตราบใดที่ท่านพ่อมีความอนุเคราะห์แก่เรา นอกจากฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนแล้ว…เซียงเซียงจะไม่รักชายใดอีก”

“เช่นนั้นหรือ?”

เจิ้งอี้ฝานเผยรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะเงยหน้ามอง “ความรักและความเกลียดชัง รวบรวมและกระจัดกระจาย สิ่งใดที่มีค่าอยู่ในกระแสแห่งความเป็นนิรันดร์? สักวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ”

เจิ้งเซียงพลันก้มมองพื้น “เช่นนั้นข้าก็ขอไม่เข้าใจมัน”

“เจ้า…”

เจิ้งอี้ฝานมองลูกสาวอย่างเคืองโกรธ แต่ก็ถอนหายใจทันที “พ่อตามใจเจ้ามาตลอด อยากได้สิ่งใดก็หามาให้ ทว่าเรื่องนี้พ่อให้เจ้าไม่ได้ หากเป็นคนอื่นพ่อจะไม่พูดอะไรสักคำ แม้จะมาจากครอบครัวต่ำต้อยก็ไม่เป็นไร ตราบที่เจ้าชอบพวกเขา แต่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนผู้นี้…เป็นคนของเฟิงจี้สิงและฉินเหยียนซึ่งมีเรื่องบาดหมางกับจวนเสินโหว อีกทั้งฉินเหลยต้องการตัดหัวพ่อของเจ้า เช่นนั้นเจ้าจะก็ยังบังคับพ่อไปสู่ความตายจริงๆ หรือ?”

“ข้า…”

เจิ้งเซียงพูดไม่ออกก่อนจะหันกลับไปยังลานประลอง ร่างฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนกำลังโจมตีกลับขณะที่ปราณยุทธ์กลายเป็นแสงดาวล้อมรอบตัว นิ้วของเขากลายเป็นผีเสื้อโบยบินก่อนจะเปลี่ยนเป็นแสงดาว คัดสรรดวงดาราเป็นการโจมตีดั่งชื่อเรียก โดยการเลือกดวงดาวเพื่อโจมตีศัตรู…ริ้วแสงดาวเหล่านี้ไม่เปิดโอกาสให้เจิ้งฟางได้เข้าใกล้ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนแม้แต่น้อย

หลังจากต่อสู้มายาวนานเจิ้งฟางก็เริ่มเสียเปรียบ แม้ว่าบาดแผลของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะดูลึก แต่เขารู้ดีว่าจุดลมปราณส่วนใหญ่ของเจิ้งฟางถูกผนึกโดยคัดสรรดวงดาราแล้ว และเกือบไม่เหลือพลังพอที่จะใช้กระบี่อีก แทบไม่ต้องพูดถึงการเพิ่มพลังปราณยุทธ์มากมายที่ใช้ไปกับจิตควบคุมกระบี่

‘ฟู่…’

คัดสรรดวงดาราอีกสายถูกส่งโจมตีทะลุชุดศึกวิหารของเจิ้งฟางจนทำให้เหรียญตราผู้ดูแลวิหารหลุดกลิ้งลงกับพื้นทันที

“อา…”

เจิ้งฟางมิได้หันมองเหรียญตราวิหาร เขาเพิ่มปราณแท้ขึ้นอีก ก่อนจะกระโจนขึ้นพร้อมโจมตีด้วยกระบี่ซึ่งพุ่งตรงไปที่แกนกลางพลังของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนราวกับงูพิษ หรือว่าเจิ้งฟางต้องการ…ทำลายทะเลปราณของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน?

สำหรับจอมยุทธ์…ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าทะเลปราณอีกแล้ว

“เจ้า!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรู้สึกโกรธเล็กน้อย เขายกมือซ้ายขึ้นพร้อมโจมตีออกไปและคำรามลั่น “หัตถ์ผนึกจันทรา!”

‘ตูม!’

คลื่นพลังทะยานสู่ท้องฟ้าก่อนจะตกลงมาปะทะหลังเจิ้งฟาง ส่งผลให้เจิ้งฟางล้มลงไปพร้อมกระบี่และใบหน้าฟาดกับพื้นหินอย่างแรง เลือดเริ่มไหลนองอย่างน่าเวทนา

“พอได้แล้ว!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเอ่ยเสียงแผ่วเบา “อ๋องน้อย เจ้าแพ้แล้ว อย่าดิ้นรนอีกต่อไปเลย แค่ยอมแพ้ไปซะ”

“ขะ…ข้า…”

เจิ้งฟางสีหน้าโศกเศร้าขณะที่น้ำตาเอ่อล้น ในฐานะอ๋องน้อยแห่งจวนเสินโหวและหนึ่งในผู้ดูแลวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องพ่ายแพ้อย่างน่าเจ็บปวดที่สุด และมิได้ถูกจัดการด้วยน้ำมือจอมยุทธ์อย่างเฟิงจี้สิงหรือฉินเหลย ทว่ากลับพ่ายแพ้ให้กับองครักษ์อวี้หลินผู้ต่ำต้อยไร้บรรดาศักดิ์ แล้วจะให้เขายอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร…

“ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ข้า…” เจิ้งฟางเงยหน้าขึ้นมองฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและพูดเสียงแผ่วเบาราวกับยุง “หากเจ้าต้องการแต่งงานกับพี่สาวข้าจริงก็ฟังที่ข้าพูด”

“หืม?”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนตกใจเล็กน้อย เจิ้งเซียงเป็นจุดอ่อนเดียวของเขานอกเหนือจากฉู่เหยา เมื่อได้ยินว่าจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตกับคนรัก เขาก็ลดการป้องกันลงทันที ก่อนจะเอนตัวไปถาม “ท่านอ๋องน้อยมีวิธีดีๆ หรือ?”

“แน่นอน ฮ่าๆ”

เมื่อฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเข้าไปใกล้มากขึ้น เจิ้งฟางก็รีบคว้าคอเสื้อฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนทันที ก่อนจะใช้มือขวาแทงกระบี่เข้าไปที่แกนกลางพลังของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!

‘ฟู่!’

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ทว่าเป็นเพียงบาดแผลบนกายเนื้อเท่านั้น มิได้ทะลวงเกราะปราณยุทธ์ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนแต่อย่างใด กระนั้นก็โดนเฉือนหน้าท้องเป็นแผลยาวจนเลือดไหลริน

“เจ้า!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเลือดขึ้นหน้าก่อนจะส่งฝ่ามือไปที่หน้าท้องของเจิ้งฟางซึ่งเป็นจุดของทะเลปราณ และเป็นจุดที่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนโจมตีด้วยหัตถ์ผนึกจันทรา!

‘ตูม!’

แกนกลางพลังของเจิ้งฟางแตกกระจายพร้อมเลือดสาดไปทั่วทุกทิศราวกับระเบิด ทันใดนั้นทะเลปราณก็ถูกทำลายทันที!

“ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เจ้าบังอาจทำเช่นนี้รึ!?”

เจิ้งอี้ฝานลุกขึ้นก่อนจะหายตัวไปอยู่บนลานประลองอย่างรวดเร็วราวกับเหยี่ยว เขาพลันยกฝ่ามือปล่อยพลังโจมตีใส่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจากด้านบนทันที! เช่นนั้นฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะสกัดกั้นการโจมตีของขอบเขตปราชญ์อย่างเจิ้งอี้ฝานได้เยี่ยงไร…เขายอมแพ้ที่จะป้องกันก่อนจะหลับตากล่าวทั้งรอยยิ้ม “ข้าน้อยฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเป็นผู้บริสุทธิ์!”

ขณะเดียวกันก็ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เกิดเปลวไฟทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมติ่งอัคนีด้านหน้าฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เขาคือติ่งอัคนีชวีฉู่!

‘ตูม!’

เปลวไฟระเบิดขึ้นจนทำให้ชวีฉู่ถอยหลังไปหลายก้าว ขณะที่เจิ้งอี้ฝานร่วงหล่นจากท้องฟ้าลงมาข้างๆ เจิ้งฟาง

“ท่านเสินโหว การประลองยุทธ์มีการตกลงเรื่องความเป็นความตาย อ๋องน้อยลอบโจมตีก่อนทว่าก็ไม่สามารถเอาชนะฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนได้ ข้าหวังว่าท่านเสินโหวจะเข้าใจและไม่ถือโทษโกรธฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน” ชวีฉู่ประสานมือกล่าวอย่างเคารพ “ทะเลปราณของท่านอ๋องน้อยถูกทำลายแล้วซึ่งเป็นเจตจำนงของสวรรค์ ท่านเสินโหวควรยอมรับมัน”

“เจ้า!”

เจิ้งอี้ฝานคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมถลึงตาใส่ชวีฉู่ ทว่าก็มิได้เริ่มโจมตีแต่อย่างใด เขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะชวีฉู่ได้

“ฟางเอ๋อร์…”

เจิ้งอี้ฝานหันไปประคองเจิ้งฟางและมองดูบาดแผลบนร่าง ก่อนจะพบว่าทะเลปราณของเจิ้งฟางสลายไปอย่างสมบูรณ์ และพลังยุทธ์ของเจิ้งฟางถูกทำลายจนหมดสิ้น เนื่องจากปราณทั้งหมดไหลคืนสู่สรวงสวรรค์และผืนโลก

ดวงตาทั้งคู่ของเจิ้งฟางปิดสนิทจากการหมดสติและมิได้รับรู้สิ่งใด

“เหตุใดกัน…”

ร่างกายของเจิ้งอี้ฝานสั่นสะท้านพร้อมคำรามออกมาอย่างแค้นเคือง “โลกนี้ไม่ยุติธรรม! ทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร?!”

…………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+