The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 225 แผนการสำเร็จ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 225 แผนการสำเร็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.225 แผนการสำเร็จ

“การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น!”

ฉินจิ้นลุกพร้อมสะบัดเสื้อคลุมมังกรและกล่าวอย่างสง่างาม “เฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ หวังว่าพวกเจ้าจะต่อสู้อย่างยุติธรรม ทั้งสองต่างก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ของจักรวรรดิ เช่นนั้นต้องระมัดระวังอย่าให้บาดเจ็บ เข้าใจไหม?”

เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่ที่ยืนบนลานประลองพลันทำความเคารพเฉกเช่นทหารต่อองค์จักรพรรดิ ขณะที่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

แท้จริงแล้วทั้งคู่เข้าใจดีว่าทุกคนที่นี่ต่างก็เป็นจอมยุทธ์และไม่ต้องการจะพ่ายแพ้ ในเมื่อได้ยืนอยู่บนลานประลองจนถึงรอบสุดท้าย พวกเขาก็อยากจะสู้ให้เต็มที่!

เฟิงจี้สิงจำเป็นต้องชนะในการประลองยุทธ์เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งในฐานะผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์

หลินมู่อวี่เองก็ต้องการชนะเพื่อพิสูจน์คุณค่าตนเองในผืนแผ่นดินนี้ ดังนั้นจึงไม่มีทางยอมแพ้ พวกเขาคงไม่เดิมพันกับพลังทั้งหมดอย่างที่ฉินเหลยทำ หลินมู่อวี่และเฟิงจี้สิงต่างก็เป็นอัจฉริยะและยังเป็นดั่งพี่น้องร่วมสาบาน ทั้งคู่ไม่มีทางจะใช้กระบวนท่าสังหารกับอีกฝ่ายเด็ดขาด

‘ชิ้ง!’

หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกจากฝัก ขณะที่ภาพมายามังกรปรากฏขึ้นรอบใบดาบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์จิตวิญญาณอสูรระดับปราชญ์ จากนั้นก็ถือกระบี่ในท่าทางเยี่ยงนักดาบ

เฟิงจี้สิงค่อยๆ ชักดาบสะบั้นวาโยออกมาพร้อมพูดทั้งรอยยิ้ม “อาอวี่ เจ้าได้เปรียบด้วยศาสตราวุธชิ้นนี้…กระบี่วิญญาณมังกรเป็นอาวุธระดับปราชญ์ ส่วนดาบสะบั้นวาโยของข้าเป็นเพียงระดับนิลชั้นต้นเท่านั้น แค่เรื่องอาวุธข้าก็แพ้เจ้าแล้ว…”

หลินมู่อวี่จึงตอบกลับ “พี่เฟิงคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้ แล้วข้าจะช่วยหลอมดาบสะบั้นวาโยใหม่หลังจบการประลองยุทธ์ และยกระดับจิตวิญญาณดาบสะบั้นวาโยให้ถึงระดับปราชญ์ ทว่าพี่เฟิงห้ามบอกใครเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะต้องเดือดร้อนเป็นแน่”

เฟิงจี้สิงหัวเราะเบาๆ “เจ้าเด็กนี่ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธ เอาล่ะ ข้าสัญญา ตราบใดที่เจ้าสามารถหลอมดาบสะบั้นวาโยใหม่ให้เป็นระดับปราชญ์ได้ เช่นนั้นพี่เฟิงก็ไม่สนใจหากจะพ่ายแพ้ในการประลองยุทธ์ครานี้ มาเถิดอาอวี่ เราจะต่อสู้ให้เต็มที่ อย่ากังวลถึงสิ่งใดอีกเลย”

“ขอรับ!”

เฟิงจี้สิงส่งเสียงคำราม ก่อนที่หมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงจะคำรามก้องพร้อมประกายอสนีปกคลุมใบดาบ ทันใดนั้น! ก็ตวัดดาบโจมตีอย่างรุนแรง…พายุทะเลทรายคลั่ง!

หลินมู่อวี่คุ้นเคยกับท่านี้ดีจึงถอยออกมาพร้อมเรียกกำแพงน้ำเต้าสีทองอร่ามตระการตาออกมาทันที กระบี่วิญญาณมังกรสั่นเล็กน้อยราวกับกำลังต้อนรับการโจมตีสายฟ้าสีม่วงที่กำลังเข้ามา

‘เปรี้ยง!’

เกิดประกายไฟกระจายทั่วทิศ ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบจากการปะทะเมื่อครู่ ทั้งสองต่างก็ถูกกระแทกถอยหลัง

เฟิงจี้สิงแอบตกใจ ไม่คิดเลยว่าหลินมู่อวี่จะพัฒนาฝีมือได้เร็วถึงเพียงนี้ เมื่อครั้งที่พบกัน ณ ป่าล่ามังกรครั้งแรก เฟิ้งจี้สิงสามารถบดขยี้หลินมู่อวี่ได้อย่างง่ายดาย เจ้าเด็กนี่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากในรอบร้อยปีอย่างแท้จริง! เมื่อคิดได้เช่นนั้นเฟิงจี้สิงก็พลันรู้สึกตื่นเต้น การสามารถต่อสู้กับอัจฉริยะในรอบร้อยปีเช่นนี้…ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ประทานพรสำหรับจอมยุทธ์เลยมิใช่หรือ?

“เพลิง!”

เฟิงจี้สิงก้มศีรษะลงก่อนที่หมาป่าเพลิงสายฟ้าม่วงบนไหล่จะพ่นเปลวเพลิงสีแดงฉานออกมา นี่คือหนึ่งในความสามารถของวิญญาณยุทธ์!

หลินมู่อวี่ไม่คิดดูถูกเปลวเพลิงนี้จึงเรียกปราการเกล็ดมังกรขึ้นมาเสริมทันที! ก่อนที่กำแพงน้ำเต้าทองจะต้านรับเปลวเพลิงที่ลุกโชนอย่างรุนแรง เฟิงจี้สิงมีพลังยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นวิญญาณยุทธ์ของเขาจึงแข็งแกร่งมาก!

ขณะที่กำแพงน้ำเต้ากำลังต้านรับการโจมตี เฟิงจี้สิงก็พุ่งผ่านเปลวไฟเข้าไปทันที! ใบดาบถูกล้อมรอบไปด้วยทรายสีแดงเพลิงก่อนจะปะทะกับกำแพงน้ำเต้าอย่างรุนแรง!

ทรายอัคนีหลอมทอง!

‘เปรี้ยง!’ กำแพงน้ำเต้าถูกผ่าครึ่งทันที การโจมตีของเฟิงจี้สิงทรงพลังมาก ทว่าหลินมู่อวี่ก็ไม่ยอมแพ้ เขาพลันใช้ฝีเท้าดาวตกวิ่งผ่านเฟิงจี้สิงไปอย่างรวดเร็ว กระบี่วิญญาณมังกรคำรามก้องขณะที่หลินมู่อวี่ตวัดกระบี่เข้าที่หลังเฟิงจี้สิงถึงสามครั้ง!

“ยอดเยี่ยมมาก…”

เฟิงจี้สิงตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าทักษะการเคลื่อนไหวของหลินมู่อวี่จะรวดเร็วถึงเพียงนี้ เฟิงจี้สิงวิ่งได้ค่อนข้างเร็ว ทว่าก็เทียบกับความเร็วนี้ไม่ได้เลย!

ฝีเท้าดาวตกมีชื่อที่บอกเป็นนัยแล้วว่ามันเร็วถึงเพียงไหน เป็นเรื่องธรรมดาที่เฟิงจี้สิงจะไม่สามารถเทียบชั้นได้

เฟิงจี้สิงพลันยกดาบสะบั้นวาโยขึ้นป้องกันทันที ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่ก็เรียกเถาวัลย์น้ำเต้า มันเลื้อยขึ้นมาพันธนการดาบสะบั้นวาโยอย่างรวดเร็วพร้อมดึงขึ้นไปด้วย

“อะไรน่ะ?!”

เฟิงจี้งตกตะลึง ขณะที่ดาบสะบั้นวาโยกำลังจะหลุดออกจากมือ เขาก็หันไปเห็นหลินมู่อวี่กำลังยกเท้าขวาขึ้นซึ่งปกคลุมไปด้วยริ้วเพลิงมังกรก่อนจะถีบเข้ามา!

เฟิงจี้สิงไม่ใช่คนขี้ขลาด เขากระโจนออกไปพร้อมดาบทันที ก่อนที่เข่าจะกระแทกกับรองเท้าหลินมู่อวี่พอดี ‘เปรี้ยง!’ เฟิงจี้สิงบิดดาบสะบั้นวาโยด้วยความชำนาญเฉือนเถาวัลย์น้ำเต้าขาดครึ่ง! เป็นการหลบหลีกการโจมตีของหลินมู่อวี่อย่างสวยงาม

หลินมู่อวี่แอบชื่นชมการพลิกแพลงสถานการณ์ของเฟิงจี้สิง ขณะเดียวกันเฟิงจี้สิงกระชับดาบไว้แน่นก่อนจะถูกปกคลุมไปด้วยลมใบดาบ จากนั้นก็เกิดพายุโหมกระหน่ำล้อมรอบขณะที่ใช้เพลงดาบเฟิงสิงกระบวนท่าที่สาม!

‘ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง…’

ท้องนภาเต็มไปด้วยใบดาบ หลินมู่อวี่รีบถอยตั้งหลักหลายก้าวก่อนจะเรียกกำแพงน้ำเต้าออกมาป้องกัน จากนั้นก็หลับตาลงปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณเพื่อเล็งตำแหน่งของเฟิงจี้สิง ทันใดนั้น! ก็ปล่อยหมัดเสียงปีศาจขึ้นไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว!

‘เปรี้ยง!’

หมัดเสียงปีศาจกระแทกกับเกราะปราณยุทธ์ของเฟิงจี้สิงจนเกิดเสียงดังสนั่น ขณะเดียวกันใบดาบหลายสิบเล่มก็พุ่งทะลวงกำแพงน้ำเต้าอย่างรุนแรง!

ด้วยปราณยุทธ์ที่ผลาญไปกับการต่อสู้ หลินมู่อวี่รู้สึกเหมือนไม่สามารถฝืนทนได้อีก สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าคือเฟิงจี้สิงปรากฏตัวขึ้นพร้อมสายฟ้าสีม่วงรอบใบดาบท่ามกลางลมกระโชก ท้องฟ้ามืดสลัวราวกับว่าหมาป่าเพลิงสายฟ้าม่วงกลืนกินแสงอาทิตย์ไปจนหมดสิ้น ทันใดนั้น! เฟิงจี้สิงพลันกระโจนขึ้นตวัดดาบอย่างรวดเร็วขณะที่พลังทั้งหมดร่วงหล่นจากฟ้า!

หลินมู่อวี่ต้องป้องกัน!

พลังเจ็ดประทีปปรากฏขึ้นบนแขนของหลินมู่อวี่ก่อนจะประคองกระบี่ด้วยสองมือและกระโจนออกไป ทันใดนั้น! แสงดาวปกคลุมทั่วร่างกาย ขณะที่ใบดาบเปล่งแสงพลังหนึ่งประทีปซึ่งปะทะกับดาบสะบั้นวาโยอย่างรุนแรง!

‘เปรี้ยง!’

เหล่าผู้ชมไม่สามารถมองเห็นร่างของทั้งคู่บนลานประลอง ซึ่งได้ยินเพียงเสียงปะทะกันของปราณยุทธ์ การโจมตีครั้งนี้ก่อเกิดคลื่นกระแทกรุนแรงกระจายไปทั่วลานจนทำให้หลายคนต้องปิดตา

‘วิ้ง วิ้ง…’

ฉินอินยืนตรงหน้าพ่อของนางพร้อมโซ่เทวะสีทองปรากฏขึ้นโดยรอบปิดกั้นสายลมและก้อนกรวดที่ปลิวมา ถังเสี่ยวซีเองก็เรียกจิ้งจอกอัคนีเพื่อสร้างเกราะไฟ ส่วนชวีฉู่เพียงหรี่ตายืนเฉย ก่อนที่ติ่งอัคนีจะปรากฏขึ้นรอบตัว โดยปกติลมและก้อนกรวดเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำอันตรายให้เขาได้อยู่แล้ว

ถังเสี่ยวซีกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน “ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงและมู่มู่เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ ทั้งสองไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยรึ?”

ชวีฉู่เผยยิ้มจางๆ “เป็นดังที่องค์หญิงถังกล่าว เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่เป็นอัจฉริยะที่มาเกิดสักครั้งในรอบพันปี นานวันเข้าทั้งสองจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย”

ฉินจิ้นหรี่ตาและเอ่ยถาม “อาวุโสฉู่ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับสองคนนี้หรือ?”

“กระหม่อม?”

ชวีฉู่พลันลูบเคราขาวก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากให้อาวุโสผู้นี้ออกความเห็นละก็…อนาคตของจักรวรรดิจะเกี่ยวข้องกับทั้งสอง ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หากให้ทั้งสองรับใช้แผ่นดิน จักรวรรดิฉินจะอยู่รอดปลอดภัย แต่หากว่าไม่ บางทีพวกเขาอาจนำความโกลาหลมาให้พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินจิ้นตะลึง “เฟิงจี้สิงภักดีต่อข้าเสมอ เขาจะไม่ก่อกบฏใช่หรือไม่?”

ชวีฉู่หัวเราะ “ฝ่าบาททรงตระหนักเรื่องนี้ดีแล้ว เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่เป็นดั่งหยกที่ไม่ได้เจียระไน เฟิงจี้สิงเป็นผู้มีความยุติธรรม ส่วนหลินมู่อวี่ก็ซื่อตรง ตราบใดที่ฝ่าบาทมิต่อต้านพวกเขา เช่นนั้นทั้งสองก็ไม่ต่อต้านฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ และอย่างที่กล่าว หากให้ทั้งสองรับใช้ จักรวรรดิฉินคงปกครองแผ่นดินไปได้อีกเป็นพันปี”

ฉินจิ้นแย้มพระโอษฐ์อย่างผ่อนคลายก่อนจะประสานมือ “ขอบคุณท่านอาวุโสฉู่ที่ชี้แนะ”

ชวีฉู่ประสานมือ “ฝ่าบาททรงเคารพอาวุโสผู้นี้เกินไปและไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมกับกระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นกระหม่อมคงมิกล้าชี้แนะสิ่งใดอีก”

ฉินจิ้นแย้มพระโอษฐ์ “ท่านอาวุโสฉู่ถ่อมตนเกินไปแล้ว…จริงสิ หากท่านฉู่ไม่รังเกียจจะอยู่ในตำหนักเจ๋อเทียนเป็นเวลานาน ข้าขอฝากฝังให้ท่านเป็นที่อาจารย์คอยชี้นำการฝึกยุทธ์และคุณธรรมแก่เสี่ยวอินได้หรือไม่?”

ชวีฉู่ตกตะลึง “ฝ่าบาท เรื่องนั้น…”

ฉินอินรีบกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาวุโสฉู่เคยสอนเสี่ยวซีและอาอวี่ เหตุใดจึงสอนให้เสี่ยวอินบ้างไม่ได้?”

“นั่น…ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ…”

ชวีฉู่กล่าวอย่างเคารพ “อาวุโสผู้นี้จะปฏิบัติตามความประสงค์พ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบคุณมากท่านอาวุโสฉู่” ฉินอินมีความสุขขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แท้จริงแล้วไม่มีใครสามารถเข้าใจความคิดของนาง เมื่อใดก็ตามที่สามารถขอชวีฉู่เป็นอาจารย์ได้…เมื่อนั้นนางก็จะไม่ได้เป็นเพียงพี่น้องบุญธรรมกับหลินมู่อวี่ ทว่ายังรวมไปถึงเป็นศิษย์น้องด้วย ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองลึกซึ้งไปอีกขั้น

ขณะเดียวกันลานประลองก็ลุกเป็นไฟ เฟิงจี้สิงรวบรวมปราณก่อนที่จะปรากฏร่างโปร่งแสงของหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงบนดาบ เปลวไฟลุกโชติช่วงขณะที่ใช้ ’ดาบหมาป่าเพลิงแผดเผา’ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว

หลินมู่อวี่เองก็เพิ่มพลังเพื่อใช้สองประทีป ทันใดนั้น! เขาใช้พายุอัสนีพิโรธและสองประทีประบำปีศาจในการโจมตีเดียว!

‘เปรี้ยง!’

ดาบสะบั้นวาโยและกระบี่วิญญาณมังกรต่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทั้งสองประจันหน้ากันอีกครั้ง ทว่าครานี้จู่ๆ เฟิงจี้สิงก็ยิ้ม “อาอวี่เจ้าแพ้แล้ว!”

“ฮะ?!”

หลินมู่อวี่ตะลึง ทันใดนั้นก็มีมือปรากฏขึ้นบนไหล่เฟิงจี้สิง!

มือนั้นคือกรงเล็บขนาดยักษ์ของหมาป่าเพลิงสายฟ้าม่วงที่ก่อตัวจากเปลวไฟและสายฟ้า เป็นอีกหนึ่งทักษะพิเศษของวิญญาณยุทธ์หมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วง…กรงเล็บพิฆาต!

‘เปรี้ยง!’

กรงเล็บพิฆาตกระแทกไหล่หลินมู่อวี่อย่างรุนแรงจนทำให้ปราณแตกกระจายพร้อมกระเด็นออกไป ทั้งสองปะทะกันบนอากาศ ก่อนที่หลินมู่อวี่จะโดนโจมตีลอยตกจากลาน ซึ่งตามกติกาเมื่อใดที่ออกจากลานประลองถือว่าแพ้

เฟิงจี้สิงยอดเยี่ยมมาก เขาหาโอกาสโจมตีจนถึงวินาทีสุดท้าย คงเตรียมตัวเพื่อศึกนี้มาอย่างดี!

………………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 225 แผนการสำเร็จ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 225 แผนการสำเร็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.225 แผนการสำเร็จ

“การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น!”

ฉินจิ้นลุกพร้อมสะบัดเสื้อคลุมมังกรและกล่าวอย่างสง่างาม “เฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ หวังว่าพวกเจ้าจะต่อสู้อย่างยุติธรรม ทั้งสองต่างก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ของจักรวรรดิ เช่นนั้นต้องระมัดระวังอย่าให้บาดเจ็บ เข้าใจไหม?”

เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่ที่ยืนบนลานประลองพลันทำความเคารพเฉกเช่นทหารต่อองค์จักรพรรดิ ขณะที่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

แท้จริงแล้วทั้งคู่เข้าใจดีว่าทุกคนที่นี่ต่างก็เป็นจอมยุทธ์และไม่ต้องการจะพ่ายแพ้ ในเมื่อได้ยืนอยู่บนลานประลองจนถึงรอบสุดท้าย พวกเขาก็อยากจะสู้ให้เต็มที่!

เฟิงจี้สิงจำเป็นต้องชนะในการประลองยุทธ์เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งในฐานะผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์

หลินมู่อวี่เองก็ต้องการชนะเพื่อพิสูจน์คุณค่าตนเองในผืนแผ่นดินนี้ ดังนั้นจึงไม่มีทางยอมแพ้ พวกเขาคงไม่เดิมพันกับพลังทั้งหมดอย่างที่ฉินเหลยทำ หลินมู่อวี่และเฟิงจี้สิงต่างก็เป็นอัจฉริยะและยังเป็นดั่งพี่น้องร่วมสาบาน ทั้งคู่ไม่มีทางจะใช้กระบวนท่าสังหารกับอีกฝ่ายเด็ดขาด

‘ชิ้ง!’

หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกจากฝัก ขณะที่ภาพมายามังกรปรากฏขึ้นรอบใบดาบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์จิตวิญญาณอสูรระดับปราชญ์ จากนั้นก็ถือกระบี่ในท่าทางเยี่ยงนักดาบ

เฟิงจี้สิงค่อยๆ ชักดาบสะบั้นวาโยออกมาพร้อมพูดทั้งรอยยิ้ม “อาอวี่ เจ้าได้เปรียบด้วยศาสตราวุธชิ้นนี้…กระบี่วิญญาณมังกรเป็นอาวุธระดับปราชญ์ ส่วนดาบสะบั้นวาโยของข้าเป็นเพียงระดับนิลชั้นต้นเท่านั้น แค่เรื่องอาวุธข้าก็แพ้เจ้าแล้ว…”

หลินมู่อวี่จึงตอบกลับ “พี่เฟิงคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้ แล้วข้าจะช่วยหลอมดาบสะบั้นวาโยใหม่หลังจบการประลองยุทธ์ และยกระดับจิตวิญญาณดาบสะบั้นวาโยให้ถึงระดับปราชญ์ ทว่าพี่เฟิงห้ามบอกใครเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะต้องเดือดร้อนเป็นแน่”

เฟิงจี้สิงหัวเราะเบาๆ “เจ้าเด็กนี่ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธ เอาล่ะ ข้าสัญญา ตราบใดที่เจ้าสามารถหลอมดาบสะบั้นวาโยใหม่ให้เป็นระดับปราชญ์ได้ เช่นนั้นพี่เฟิงก็ไม่สนใจหากจะพ่ายแพ้ในการประลองยุทธ์ครานี้ มาเถิดอาอวี่ เราจะต่อสู้ให้เต็มที่ อย่ากังวลถึงสิ่งใดอีกเลย”

“ขอรับ!”

เฟิงจี้สิงส่งเสียงคำราม ก่อนที่หมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงจะคำรามก้องพร้อมประกายอสนีปกคลุมใบดาบ ทันใดนั้น! ก็ตวัดดาบโจมตีอย่างรุนแรง…พายุทะเลทรายคลั่ง!

หลินมู่อวี่คุ้นเคยกับท่านี้ดีจึงถอยออกมาพร้อมเรียกกำแพงน้ำเต้าสีทองอร่ามตระการตาออกมาทันที กระบี่วิญญาณมังกรสั่นเล็กน้อยราวกับกำลังต้อนรับการโจมตีสายฟ้าสีม่วงที่กำลังเข้ามา

‘เปรี้ยง!’

เกิดประกายไฟกระจายทั่วทิศ ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบจากการปะทะเมื่อครู่ ทั้งสองต่างก็ถูกกระแทกถอยหลัง

เฟิงจี้สิงแอบตกใจ ไม่คิดเลยว่าหลินมู่อวี่จะพัฒนาฝีมือได้เร็วถึงเพียงนี้ เมื่อครั้งที่พบกัน ณ ป่าล่ามังกรครั้งแรก เฟิ้งจี้สิงสามารถบดขยี้หลินมู่อวี่ได้อย่างง่ายดาย เจ้าเด็กนี่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากในรอบร้อยปีอย่างแท้จริง! เมื่อคิดได้เช่นนั้นเฟิงจี้สิงก็พลันรู้สึกตื่นเต้น การสามารถต่อสู้กับอัจฉริยะในรอบร้อยปีเช่นนี้…ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ประทานพรสำหรับจอมยุทธ์เลยมิใช่หรือ?

“เพลิง!”

เฟิงจี้สิงก้มศีรษะลงก่อนที่หมาป่าเพลิงสายฟ้าม่วงบนไหล่จะพ่นเปลวเพลิงสีแดงฉานออกมา นี่คือหนึ่งในความสามารถของวิญญาณยุทธ์!

หลินมู่อวี่ไม่คิดดูถูกเปลวเพลิงนี้จึงเรียกปราการเกล็ดมังกรขึ้นมาเสริมทันที! ก่อนที่กำแพงน้ำเต้าทองจะต้านรับเปลวเพลิงที่ลุกโชนอย่างรุนแรง เฟิงจี้สิงมีพลังยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นวิญญาณยุทธ์ของเขาจึงแข็งแกร่งมาก!

ขณะที่กำแพงน้ำเต้ากำลังต้านรับการโจมตี เฟิงจี้สิงก็พุ่งผ่านเปลวไฟเข้าไปทันที! ใบดาบถูกล้อมรอบไปด้วยทรายสีแดงเพลิงก่อนจะปะทะกับกำแพงน้ำเต้าอย่างรุนแรง!

ทรายอัคนีหลอมทอง!

‘เปรี้ยง!’ กำแพงน้ำเต้าถูกผ่าครึ่งทันที การโจมตีของเฟิงจี้สิงทรงพลังมาก ทว่าหลินมู่อวี่ก็ไม่ยอมแพ้ เขาพลันใช้ฝีเท้าดาวตกวิ่งผ่านเฟิงจี้สิงไปอย่างรวดเร็ว กระบี่วิญญาณมังกรคำรามก้องขณะที่หลินมู่อวี่ตวัดกระบี่เข้าที่หลังเฟิงจี้สิงถึงสามครั้ง!

“ยอดเยี่ยมมาก…”

เฟิงจี้สิงตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าทักษะการเคลื่อนไหวของหลินมู่อวี่จะรวดเร็วถึงเพียงนี้ เฟิงจี้สิงวิ่งได้ค่อนข้างเร็ว ทว่าก็เทียบกับความเร็วนี้ไม่ได้เลย!

ฝีเท้าดาวตกมีชื่อที่บอกเป็นนัยแล้วว่ามันเร็วถึงเพียงไหน เป็นเรื่องธรรมดาที่เฟิงจี้สิงจะไม่สามารถเทียบชั้นได้

เฟิงจี้สิงพลันยกดาบสะบั้นวาโยขึ้นป้องกันทันที ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่ก็เรียกเถาวัลย์น้ำเต้า มันเลื้อยขึ้นมาพันธนการดาบสะบั้นวาโยอย่างรวดเร็วพร้อมดึงขึ้นไปด้วย

“อะไรน่ะ?!”

เฟิงจี้งตกตะลึง ขณะที่ดาบสะบั้นวาโยกำลังจะหลุดออกจากมือ เขาก็หันไปเห็นหลินมู่อวี่กำลังยกเท้าขวาขึ้นซึ่งปกคลุมไปด้วยริ้วเพลิงมังกรก่อนจะถีบเข้ามา!

เฟิงจี้สิงไม่ใช่คนขี้ขลาด เขากระโจนออกไปพร้อมดาบทันที ก่อนที่เข่าจะกระแทกกับรองเท้าหลินมู่อวี่พอดี ‘เปรี้ยง!’ เฟิงจี้สิงบิดดาบสะบั้นวาโยด้วยความชำนาญเฉือนเถาวัลย์น้ำเต้าขาดครึ่ง! เป็นการหลบหลีกการโจมตีของหลินมู่อวี่อย่างสวยงาม

หลินมู่อวี่แอบชื่นชมการพลิกแพลงสถานการณ์ของเฟิงจี้สิง ขณะเดียวกันเฟิงจี้สิงกระชับดาบไว้แน่นก่อนจะถูกปกคลุมไปด้วยลมใบดาบ จากนั้นก็เกิดพายุโหมกระหน่ำล้อมรอบขณะที่ใช้เพลงดาบเฟิงสิงกระบวนท่าที่สาม!

‘ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง…’

ท้องนภาเต็มไปด้วยใบดาบ หลินมู่อวี่รีบถอยตั้งหลักหลายก้าวก่อนจะเรียกกำแพงน้ำเต้าออกมาป้องกัน จากนั้นก็หลับตาลงปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณเพื่อเล็งตำแหน่งของเฟิงจี้สิง ทันใดนั้น! ก็ปล่อยหมัดเสียงปีศาจขึ้นไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว!

‘เปรี้ยง!’

หมัดเสียงปีศาจกระแทกกับเกราะปราณยุทธ์ของเฟิงจี้สิงจนเกิดเสียงดังสนั่น ขณะเดียวกันใบดาบหลายสิบเล่มก็พุ่งทะลวงกำแพงน้ำเต้าอย่างรุนแรง!

ด้วยปราณยุทธ์ที่ผลาญไปกับการต่อสู้ หลินมู่อวี่รู้สึกเหมือนไม่สามารถฝืนทนได้อีก สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าคือเฟิงจี้สิงปรากฏตัวขึ้นพร้อมสายฟ้าสีม่วงรอบใบดาบท่ามกลางลมกระโชก ท้องฟ้ามืดสลัวราวกับว่าหมาป่าเพลิงสายฟ้าม่วงกลืนกินแสงอาทิตย์ไปจนหมดสิ้น ทันใดนั้น! เฟิงจี้สิงพลันกระโจนขึ้นตวัดดาบอย่างรวดเร็วขณะที่พลังทั้งหมดร่วงหล่นจากฟ้า!

หลินมู่อวี่ต้องป้องกัน!

พลังเจ็ดประทีปปรากฏขึ้นบนแขนของหลินมู่อวี่ก่อนจะประคองกระบี่ด้วยสองมือและกระโจนออกไป ทันใดนั้น! แสงดาวปกคลุมทั่วร่างกาย ขณะที่ใบดาบเปล่งแสงพลังหนึ่งประทีปซึ่งปะทะกับดาบสะบั้นวาโยอย่างรุนแรง!

‘เปรี้ยง!’

เหล่าผู้ชมไม่สามารถมองเห็นร่างของทั้งคู่บนลานประลอง ซึ่งได้ยินเพียงเสียงปะทะกันของปราณยุทธ์ การโจมตีครั้งนี้ก่อเกิดคลื่นกระแทกรุนแรงกระจายไปทั่วลานจนทำให้หลายคนต้องปิดตา

‘วิ้ง วิ้ง…’

ฉินอินยืนตรงหน้าพ่อของนางพร้อมโซ่เทวะสีทองปรากฏขึ้นโดยรอบปิดกั้นสายลมและก้อนกรวดที่ปลิวมา ถังเสี่ยวซีเองก็เรียกจิ้งจอกอัคนีเพื่อสร้างเกราะไฟ ส่วนชวีฉู่เพียงหรี่ตายืนเฉย ก่อนที่ติ่งอัคนีจะปรากฏขึ้นรอบตัว โดยปกติลมและก้อนกรวดเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำอันตรายให้เขาได้อยู่แล้ว

ถังเสี่ยวซีกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน “ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงและมู่มู่เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ ทั้งสองไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยรึ?”

ชวีฉู่เผยยิ้มจางๆ “เป็นดังที่องค์หญิงถังกล่าว เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่เป็นอัจฉริยะที่มาเกิดสักครั้งในรอบพันปี นานวันเข้าทั้งสองจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย”

ฉินจิ้นหรี่ตาและเอ่ยถาม “อาวุโสฉู่ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับสองคนนี้หรือ?”

“กระหม่อม?”

ชวีฉู่พลันลูบเคราขาวก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากให้อาวุโสผู้นี้ออกความเห็นละก็…อนาคตของจักรวรรดิจะเกี่ยวข้องกับทั้งสอง ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หากให้ทั้งสองรับใช้แผ่นดิน จักรวรรดิฉินจะอยู่รอดปลอดภัย แต่หากว่าไม่ บางทีพวกเขาอาจนำความโกลาหลมาให้พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินจิ้นตะลึง “เฟิงจี้สิงภักดีต่อข้าเสมอ เขาจะไม่ก่อกบฏใช่หรือไม่?”

ชวีฉู่หัวเราะ “ฝ่าบาททรงตระหนักเรื่องนี้ดีแล้ว เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่เป็นดั่งหยกที่ไม่ได้เจียระไน เฟิงจี้สิงเป็นผู้มีความยุติธรรม ส่วนหลินมู่อวี่ก็ซื่อตรง ตราบใดที่ฝ่าบาทมิต่อต้านพวกเขา เช่นนั้นทั้งสองก็ไม่ต่อต้านฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ และอย่างที่กล่าว หากให้ทั้งสองรับใช้ จักรวรรดิฉินคงปกครองแผ่นดินไปได้อีกเป็นพันปี”

ฉินจิ้นแย้มพระโอษฐ์อย่างผ่อนคลายก่อนจะประสานมือ “ขอบคุณท่านอาวุโสฉู่ที่ชี้แนะ”

ชวีฉู่ประสานมือ “ฝ่าบาททรงเคารพอาวุโสผู้นี้เกินไปและไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมกับกระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นกระหม่อมคงมิกล้าชี้แนะสิ่งใดอีก”

ฉินจิ้นแย้มพระโอษฐ์ “ท่านอาวุโสฉู่ถ่อมตนเกินไปแล้ว…จริงสิ หากท่านฉู่ไม่รังเกียจจะอยู่ในตำหนักเจ๋อเทียนเป็นเวลานาน ข้าขอฝากฝังให้ท่านเป็นที่อาจารย์คอยชี้นำการฝึกยุทธ์และคุณธรรมแก่เสี่ยวอินได้หรือไม่?”

ชวีฉู่ตกตะลึง “ฝ่าบาท เรื่องนั้น…”

ฉินอินรีบกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาวุโสฉู่เคยสอนเสี่ยวซีและอาอวี่ เหตุใดจึงสอนให้เสี่ยวอินบ้างไม่ได้?”

“นั่น…ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ…”

ชวีฉู่กล่าวอย่างเคารพ “อาวุโสผู้นี้จะปฏิบัติตามความประสงค์พ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบคุณมากท่านอาวุโสฉู่” ฉินอินมีความสุขขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แท้จริงแล้วไม่มีใครสามารถเข้าใจความคิดของนาง เมื่อใดก็ตามที่สามารถขอชวีฉู่เป็นอาจารย์ได้…เมื่อนั้นนางก็จะไม่ได้เป็นเพียงพี่น้องบุญธรรมกับหลินมู่อวี่ ทว่ายังรวมไปถึงเป็นศิษย์น้องด้วย ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองลึกซึ้งไปอีกขั้น

ขณะเดียวกันลานประลองก็ลุกเป็นไฟ เฟิงจี้สิงรวบรวมปราณก่อนที่จะปรากฏร่างโปร่งแสงของหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงบนดาบ เปลวไฟลุกโชติช่วงขณะที่ใช้ ’ดาบหมาป่าเพลิงแผดเผา’ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว

หลินมู่อวี่เองก็เพิ่มพลังเพื่อใช้สองประทีป ทันใดนั้น! เขาใช้พายุอัสนีพิโรธและสองประทีประบำปีศาจในการโจมตีเดียว!

‘เปรี้ยง!’

ดาบสะบั้นวาโยและกระบี่วิญญาณมังกรต่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทั้งสองประจันหน้ากันอีกครั้ง ทว่าครานี้จู่ๆ เฟิงจี้สิงก็ยิ้ม “อาอวี่เจ้าแพ้แล้ว!”

“ฮะ?!”

หลินมู่อวี่ตะลึง ทันใดนั้นก็มีมือปรากฏขึ้นบนไหล่เฟิงจี้สิง!

มือนั้นคือกรงเล็บขนาดยักษ์ของหมาป่าเพลิงสายฟ้าม่วงที่ก่อตัวจากเปลวไฟและสายฟ้า เป็นอีกหนึ่งทักษะพิเศษของวิญญาณยุทธ์หมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วง…กรงเล็บพิฆาต!

‘เปรี้ยง!’

กรงเล็บพิฆาตกระแทกไหล่หลินมู่อวี่อย่างรุนแรงจนทำให้ปราณแตกกระจายพร้อมกระเด็นออกไป ทั้งสองปะทะกันบนอากาศ ก่อนที่หลินมู่อวี่จะโดนโจมตีลอยตกจากลาน ซึ่งตามกติกาเมื่อใดที่ออกจากลานประลองถือว่าแพ้

เฟิงจี้สิงยอดเยี่ยมมาก เขาหาโอกาสโจมตีจนถึงวินาทีสุดท้าย คงเตรียมตัวเพื่อศึกนี้มาอย่างดี!

………………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+