The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 228 กายหยกบริสุทธิ์

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 228 กายหยกบริสุทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ทว่าอะไร?”

หลินมู่อวี่หัวเราะแผ่วเบา “เจ้าต้องการเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้งหรือ? ถังปินมิได้ขู่เข็ญเพียงเจ้าเท่านั้น แต่รวมไปถึงสหายของเจ้าด้วย เจ้าทนทุกอย่างได้อย่างนั้นหรือ?”

“ข้าไม่ต้องการ…” ถังเสี่ยวซีกัดริมฝีปากแน่น “ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขา จึงมิต้องการสร้างปัญหาใหญ่โต…”

“ทว่าตั้งแต่อดีตกาล ชางหลานก็เป็นห่วงเป็นใยเจ้ามาก เขาต้องยกเมืองชีไห่ให้เจ้าอย่างแน่นอน และถังปินจะหันใบดาบใส่เจ้าสักวัน คงดีกว่าหากจัดการเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ”

ดวงตาหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความจริงใจจนถังเสี่ยวซีไม่กล้ามอง ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “ทว่าเมืองชีไห่มีกฎบ้านเมือง ผู้ที่มีผนึกจิ้งจอกอัคนีเท่านั้นจึงจะสามารถเป็นเจ้าเมืองชีไห่ได้ ผนึกจิ้งจอกอัคนีของท่านปู่เข้าสู่ระดับสูงสุดแล้ว ผนึกจิ้งจอกอัคนีของถังปินอยู่ระดับเจ็ด ส่วนข้าเป็นเพียงเด็กสาวที่ไม่สามารถทะลวงผนึกจิ้งจอกอัคนีระดับหนึ่งได้เลยด้วยซ้ำ…”

“มิสำคัญเลย มันจักต้องมีวิธี”

หลินมู่อวี่สูดหายใจเข้าลึก “เราเพียงต้องถามผู้อาวุโสทั้งสองคือท่านเหล่ยหงและท่านชวีฉู่ ว่าพวกเขามีวิธีแก้ปัญหาแก่เด็กสาวที่ไม่สามารถฝึกยุทธ์ผนึกจิ้งจอกวิญญาณได้หรือไม่”

“อื้ม!” ถังเสี่ยวซีพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม นางพลันจับมือหลินมู่อวี่ “มู่มู่ โชคดีจริงที่มีเจ้าอยู่”

หลินมู่อวี่ยิ้มรับ “เจ้าคิดว่าข้าพึ่งพาได้มากกว่าพี่ชายใช่หรือไม่?”

“ใช่!”

“วางใจเถิดเสี่ยวซี ข้าจะปกป้องเจ้าเองและจะไม่ให้ใครมารังแกได้อีก”

“อื้ม ข้าจะจดจำสิ่งที่เจ้าพูดในวันนี้ เจ้าเองก็ต้องห้ามลืมเด็ดขาด”

“อืม ได้สิ”

จางเหว่ยด้านข้างตกตะลึง “สหาย…เจ้ากำลังจีบสาวอย่างมีความสุข ขณะที่ปฏิบัติกับนายพลผู้นี้ราวกับอากาศ ไม่เห็นใจความรู้สึกของหมาป่าเดียวดายเช่นข้าบ้างรึ?”

หลินมู่อวี่หัวเราะ “ข้าต้องขอบคุณท่านจางเหว่ยที่เข้ามาอย่างทันท่วงที ข้าจะไปคุยกับเฟิงจี้สิงสักวันเพื่อขอให้เลื่อนขั้นท่านได้เป็นผู้บัญชาการกองหมื่นโดยเร็ว!”

“ฮ่าๆ ขอบคุณมากท่านหลินมู่อวี่ ข้าทราบดีว่าท่านห่วงใยเฒ่าจางผู้นี้เสมอ!”

ถังเสี่ยวซีพูดไม่ออกขณะที่มองหลินมู่อวี่และจางเหว่ย นางมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยก่อนจะดึงมือหลินมู่อวี่ “มู่มู่รีบกลับเมืองหลวงกันเถิด เรามิควรอยู่ที่นี่นาน”

“อืม ได้สิ”

แสงจันทร์สาดส่องกำแพงตำหนักเจ๋อเทียนยามค่ำคืนเป็นคลื่นราวกับสายน้ำ

ด้านนอกจวนหงส์ไฟมีองครักษ์มังกรยี่สิบนายพร้อมฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนคอยอารักขา แสงจันทร์สาดลงบนชุดเกราะสีเงินเปล่งประกายดั่งแสงศักดิ์สิทธิ์ แม้ลมยามดึกสงัดจะหนาวเหน็บ ก็มิทำให้องครักษ์มังกรหวั่นเกรงขณะที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมราวกับรูปปั้นหิน

ภายในโถงมีซุปเดือดปุดๆ อยู่บนเตา

ชวีฉู่และเหล่ยหงนั่งจิบชารสเลิศอยู่ที่นั่น ฉินอิน ถังเสี่ยวซี และหลินมู่อวี่นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่ง่ายเลยที่จะเชิญเหล่ยหงออกมากลางค่ำคืนกับชวีฉู่เช่นนี้ เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับผู้ชำนาญการขอบเขตปราชญ์ทั้งสองของจักรวรรดิจะมารวมตัวกัน

“นี่เป็นปัญหาที่หนักหน่วงจริงๆ…”

เหล่ยหงครุ่นคิดก่อนจะหันมองถังเสี่ยวซี “องค์หญิงซีเป็นหญิงสาวซึ่งมีสรีระและทะเลปราณแต่งต่างจากผู้ชาย และการฝึกวิญญาณยุทธ์ทรงพลังอย่างผนึกจิ้งจอกอัคนีนั้นทำได้ยาก ทะเลปราณของจอมยุทธ์ธรรมดามิสามารถสร้างพลังธาตุไฟสำหรับผนึกจิ้งจอกอัคนีได้ ขณะเดียวกันก็จะไม่สามารถรวบรวมผนึกจิ้งจอกอัคนีหากขาดพลังธาตุไฟนั้น”

ริมฝีปากถังเสี่ยวซีสั่นเล็กน้อยอย่างลังเลที่จะพูด

หลินมู่อวี่จึงเอ่ยถามว่านางต้องการพูดสิ่งใด “ท่านผู้ดูแล ทะเลปราณระหว่างผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกันอย่างไรหรือ? เหตุใดเสี่ยวอินจึงสามารถใช้วิญญาณยุทธ์หยิ่งยโสอย่างโซ่เทวะได้ แล้วเหตุใดเสี่ยวซีจึงไม่สามารถรวบรวมผนึกจิ้งจอกได้เจ้าคะ?”

“แตกต่างกันมากโขพ่ะย่ะค่ะ”

ชชวีฉู่เงยหน้ามองและกล่าวว่า “เป็นจริงที่โซ่เทวะนั้นหยิ่งยโส ทว่าก็เป็นวิญญาณยุทธ์ที่สืบทอดโดยสายเลือด แม้ว่าองค์หญิงเสี่ยวอินจะเป็นหญิงสาว แต่ก็มีสายเลือดมังกรที่แท้จริงของตระกูลฉิน จึงผูกมัดกับโซ่เทวะมาตั้งแต่กำเนิด ส่วนร่างกายขององค์หญิงซีแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นเพียงร่างกายเด็กสาวธรรมดา”

เหล่ยหงกล่าวสมทบ “ทะเลปราณถูกรวบรวมภายในแกนกลางพลัง และแกนกลางพลังผู้ชายมีประตูนิลเรียกว่า ‘ประตูพลัง’ ผู้ชายทุกคนเกิดมาพร้อมประตูที่เปิดกว้าง จึงสามารถใช้พลังอย่างไม่มีข้อจำกัด ทำให้ฝึกยุทธ์อันทรงพลังได้ ส่วนหญิงสาวเกิดมาพร้อมประตูที่ปิดสนิท เช่นนั้นหากไม่บังคับเปิดออก ก็จะไม่สามารถฝึกยุทธ์พลังหยางได้”

หลินมู่อวี่มองเห็นความหวังเลือนราง “เช่นนั้นเราเปิดประตูนิลของเสี่ยวซีมิได้หรือ?”

เหล่ยหงส่ายหัว “ไม่ได้…ประตูนิลของผู้หญิงเปรียบดังร่างกาย เหล่าเด็กสาวเกิดมาพร้อมกายหยกบริสุทธิ์ และหลังจากร่วมรักกับชายหนุ่ม ส่วนล่างของประตูนิลก็จะเปิดออก กระนั้นประตูนิลแห่งทะเลปราณเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง หากเกิดแตกสลายจะทำให้ทะเลปราณกระจัดกระจายออกไปซึ่งเป็นดั่งการทำลายทะเลปราณของจอมยุทธ์”

ทันใดนั้นใบหน้าของเสี่ยวอินและเสี่ยวซีพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

หลินมู่อวี่อึ้งก่อนจะพูดว่า “เปรียบดั่งกายหยกบริสุทธิ์? ช่างฟังดูแปลกประหลาด ท่านผู้ดูแลกำลังบอกว่าทางเดียวที่เสี่ยวซีจะเปิดประตูนิลได้คือต้องอยู่กับผู้ชายหรือขอรับ?”

เหล่ยหงหันมองอาอวี่ “เพ้อเจ้อ! นั่นไม่ได้ผลหรอก วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือเปิดประตูนิลเล็กน้อย และทำการป้องกันทะเลปราณขององค์หญิงซีไม่ให้กระจัดกระจาย มิเช่นนั้นอาจทำให้นางพิการได้”

“ไม่มีทางอื่นเลยหรือ?” หลินมู่อวี่กังวลเล็กน้อย

ชวีฉู่เผยรอยยิ้มจางๆ “เจ้าเด็กนี่ เหตุใดจึงเป็นห่วงเป็นใยองค์หญิงซีถึงเพียงนี้?”

หลินมู่อวี่ตอบ “อาวุโสฉู่อาจไม่ทราบเรื่องนี้ ทว่าถังปินแห่งเมืองชีไห่พยายามต้อนเสี่ยวซีให้จนมุม หากไม่ใช่เพราะข้าและจางเหว่ยอยู่ที่นั่น เขาคงเอาขู่บังคับเอาป้ายเหล็กตระกูลถังจากเสี่ยวซีไปแล้ว”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

ชวีฉู่ลูบเคราขณะที่กล่าว “เมืองชีไห่เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับจักรวรรดิ เนื่องจากมีทหารฝีมือดีกว่าสองแสนนายและจอมยุทธ์อีกมากมาย รวมทั้งเหล่าคุณชายถังปิน ถังลู่ และถังเทียน ขณะนี้มีชางหลานปกครองอยู่ซึ่งยังคงรักษาความสงบไว้ได้ หากวันใดที่เขาตาย เมืองชีไห่จะต้องเกิดความโกลาหล”

พูดจบก็หันไปมองหลินมู่อวี่ “เจ้าทำถูกแล้ว หากองค์หญิงซีสามารถปกครองเมืองชีไห่ องค์หญิงอินก็จะมีกองทัพสนับสนุนอันทรงพลังจากองค์หญิงซีเมื่อได้ขึ้นครองบัลลังก์ มิเช่นนั้นการขึ้นครองบัลลังก์โดยไม่มีกองกำลังที่มั่นคง จะทำให้เกิดกลียุคขึ้นในอาณาจักรเป็นแน่”

ฉินอินตกตะลึง “เสด็จพ่อยังคงแข็งแรงดี คงจะไม่…”

ชวีฉู่ส่ายหัว “นับวันร่างกายฝ่าบาทก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ เหตุใดองค์หญิงจึงหลอกตนเองเช่นนั้น? ท่านเป็นรัชทายาทและต้องขึ้นครองบัลลังก์สักวัน ขณะที่อาวุโสเหล่ยหงและข้ายังมีชีวิตก็จะปกป้องจักรวรรดิอย่างสุดความสามารถ แต่หากวันใดที่พวกข้าไม่อยู่แล้ว องค์หญิงอินจำเป็นต้องพึ่งพาคนหนุ่มรุ่นเดียวกันเช่นอาอวี่ เฟิงจี้สิง และองค์หญิงซีพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาฉินอินแดงก่ำ “ผู้อาวุโสฉู่…ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ…”

เหล่ยหงลูบเคราขาวพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เฒ่าฉู่ อย่าทำให้องค์หญิงอินเกรงกลัวเลย มันมิได้แย่ถึงเพียงนั้น แม้ร่างกายฝ่าบาทจะอ่อนแอลง แต่ยังสามารถอยู่ได้อีกหลายสิบปี องค์หญิงก็แลเห็นแล้วว่าฝ่าบาททรงประทานยศนายพลวาโย นายพลพิรุณ นายพลอสนี และนายพลอรุณ เพื่อเตรียมการเหล่านายพลผู้ยิ่งใหญ่สำหรับองค์หญิงอิน เฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ ฉินเหลย และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนต่างก็มีศักยภาพเหลือล้น ด้วยพลังของทั้งสี่คนนี้ คงสามารถกอบกู้แผ่นดินฉินได้กว่าครึ่งแล้ว”

ฉินอินกะพริบตาก่อนจะหันมองหลินมู่อวี่และเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “พี่อาอวี่จะอยู่เคียงข้างข้าตลอดไปใช่หรือไม่?”

หลินมู่อวี่ตกตะลึงขณะมองใบหน้างามของฉินอิน “อืม ตราบใดที่เสี่ยวอินต้องการ ข้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

ฉินอินเผยยิ้มหวานที่จะทำให้ผู้พบเห็นต้องตกหลุมรัก

เหล่ยหงขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าองค์หญิงซีจำเป็นต้องรับตำแหน่งผู้สืบทอดเมืองชีไห่ เอาล่ะ…องค์หญิงอิน โปรดให้กระหม่อมและอาวุโสฉู่ใช้หอเก็บตำราได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ด้วยตำราเก่าแก่ของจักรวรรดิที่ถูกเก็บไว้ เราอาจโชคดีเจอตำราที่บอกวิธีฝึกยุทธ์ผนึกจิ้งจอกอัคนีแก่องค์หญิงซี”

“อืม ได้สิ”

ฉินอินพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ข้าจะลงนามอนุญาตให้พวกท่านใช้หอเก็บตำราเพื่อแสดงแก่ผู้ดูแล”

หลินมู่อวี่พูดขึ้น “ข้าไปด้วยได้หรือไม่? มีคนมากขึ้นน่าจะช่วยกันหาได้เร็วกว่า”

เหล่ยหงพยักหน้า “ได้สิ เช่นนั้นอาอวี่ไปด้วยกัน”

ฉินอินและเสี่ยวซียิ้มให้กัน ก่อนจะตัดสินใจไม่ลงนามอนุญาต แต่ไปด้วยกันกับทุกคน จากนั้นทั้งห้าชีวิตก็ใช้เวลาตลอดค่ำคืนในหอเก็บตำรา”

ยามดึกสงัด หอเก็บตำรามีเตาพิงไฟสิบเตาด้านใน ทว่าก็มิอาจคลายความหนาวเหน็บที่พัดผ่านประตูได้เลย

หลินมู่อวี่ยืนอยู่หน้ากองหนังสือโบราณและเปิดดูทีละเล่ม หลังจากอยู่โลกนี้มานานก็เริ่มเข้าใจตัวหนังสือพื้นฐานมากขึ้น จึงไม่ยากเกินไปสำหรับอาอวี่ที่จะอ่าน

ฉินอินและเสี่ยวซีจุดตะเกียงอ่านหนังสือโบราณเหล่านั้นขณะที่มีสาวใช้คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ

เหล่ยหงและชวีฉู่ยังคงเดินดูหนังสือทีละเล่มด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

ด้านนอกหอเก็บตำรามีกลุ่มองครักษ์มังกรยี่สิบเอ็ดนายของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนยืนเฝ้า ค่ำคืนนั้นอากาศหนาวเย็นยะเยือกจนเกิดน้ำค้างแข็งบนชุดเกราะ ทว่าก็พวกเขายังคงยืนสงบนิ่ง ในขณะที่ลมพัดผ่านสิ่งที่องครักษ์เหล่านี้ทำได้คือปลดปล่อยปราณแท้ป้องกันความหนาว กระนั้นร่างกายมนุษย์จะต่อสู้กับพลังแห่งธรรมชาติได้อย่างไร ภายในพริบตาใบหน้าพวกเขาก็เย็นเฉียบ

เมื่อแสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่องลงมาที่เมืองหลันเยี่ยน ก็มีเสียงตื่นเต้นของชวีฉู่ดังขึ้นจากหอเก็บตำรา “พบแล้ว! ข้าพบแล้ว!”

“พบอะไรหรือ?”

หลินมู่อวี่รีบลุกขึ้นวิ่งมาหาพร้อมฉินอินและถังเสี่ยวซี

พวกเขาเห็นชวีฉู่ถือม้วนตำราโบราณที่มีตัวหนังสือเขียนว่า ‘ดอกผิงเม่ย’

หลินมู่อวี่ทำหน้าแปลกประหลาด “ท่านอาวุโสฉู่ หยิบตำรามาผิดหรือไม่?”

“ไม่ มันอยู่ในเล่มนี้!”

ชวีฉู่กล่าวด้วยริยยิ้ม “อาอวี่ พวกเราคงต้องพึ่งพาเจ้าในการเปิดประตูนิลขององค์หญิงเสี่ยวซีแล้ว!”

“หมายความว่าอย่างไร?”

“ดอกผิงเม่ยเป็นสมุนไพรระดับสิบ และเมื่อสกัดรวมกับเอื้องอรหันต์สมุนไพรระดับเก้าจะได้โอสถเรียกว่า ‘โอสถหยกบริสุทธิ์’ เจ้ารู้จักเทพโอสถในฐานะนักปรุงโอสถใช่หรือไม่?” ใบหน้าชวีฉู่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“โอสถหยกบริสุทธิ์…” หลินมู่อวี่ประหลาดใจ

ชวีฉู่พูดต่อ “มีเรื่องเล่าขานเมื่อห้าพันปีก่อนว่า หลังจากจักรพรรดิหงส์โลหิตได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็ได้พบกับสาวงามที่สุดในปฐพีนามว่า ‘จื่อหรง’ กระนั้นนางมิได้มีกายหยกบริสุทธิ์ จักรพรรดิหงส์โลหิตจึงออกคำสั่งให้เทพโอสถทั้งหมดบนแผ่นดินสกัดยาที่สามารถฟื้นฟูกายหยกบริสุทธิ์ของหญิงสาวได้ ซึ่งนั่นก็คือโอสถหยกบริสุทธิ์ เราสามารถใช้วิธีนี้ โดยให้องค์หญิงซีทำลายประตูนิล จากนั้นใช้พลังขอบเขตปราชญ์ของข้าและเหล่ยหงป้องกันมิให้ทะเลปราณกระจัดกระจาย นางจะสามารถทะลวงผนึกจิ้งจอกอัคนีได้ในเวลาสั้นๆ แล้วจึงดื่มโอสถหยกบริสุทธิ์เพื่อฟื้นฟูภายหลัง วิธีนี้อาจช่วยให้องค์หญิงซีฝึกยุทธ์ผนึกจิ้งจอกอัคนีได้!”

หลินมู่อวี่อึ้งก่อนจะยอมรับอย่างจำนน เขาขยี้ตาและพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะไปเสาะหาดอกผิงเม่ยและเอื้องอรหันต์ เฮ้อ! จักรพรรดิหงส์โลหิตเป็นผู้คลั่งไคล้ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวเสียจริง คนที่มันหลงในกามเช่นนี้ก็มีอยู่จริงบนโลก!”

“อืม…”

………………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 228 กายหยกบริสุทธิ์

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 228 กายหยกบริสุทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ทว่าอะไร?”

หลินมู่อวี่หัวเราะแผ่วเบา “เจ้าต้องการเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้งหรือ? ถังปินมิได้ขู่เข็ญเพียงเจ้าเท่านั้น แต่รวมไปถึงสหายของเจ้าด้วย เจ้าทนทุกอย่างได้อย่างนั้นหรือ?”

“ข้าไม่ต้องการ…” ถังเสี่ยวซีกัดริมฝีปากแน่น “ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขา จึงมิต้องการสร้างปัญหาใหญ่โต…”

“ทว่าตั้งแต่อดีตกาล ชางหลานก็เป็นห่วงเป็นใยเจ้ามาก เขาต้องยกเมืองชีไห่ให้เจ้าอย่างแน่นอน และถังปินจะหันใบดาบใส่เจ้าสักวัน คงดีกว่าหากจัดการเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ”

ดวงตาหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความจริงใจจนถังเสี่ยวซีไม่กล้ามอง ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “ทว่าเมืองชีไห่มีกฎบ้านเมือง ผู้ที่มีผนึกจิ้งจอกอัคนีเท่านั้นจึงจะสามารถเป็นเจ้าเมืองชีไห่ได้ ผนึกจิ้งจอกอัคนีของท่านปู่เข้าสู่ระดับสูงสุดแล้ว ผนึกจิ้งจอกอัคนีของถังปินอยู่ระดับเจ็ด ส่วนข้าเป็นเพียงเด็กสาวที่ไม่สามารถทะลวงผนึกจิ้งจอกอัคนีระดับหนึ่งได้เลยด้วยซ้ำ…”

“มิสำคัญเลย มันจักต้องมีวิธี”

หลินมู่อวี่สูดหายใจเข้าลึก “เราเพียงต้องถามผู้อาวุโสทั้งสองคือท่านเหล่ยหงและท่านชวีฉู่ ว่าพวกเขามีวิธีแก้ปัญหาแก่เด็กสาวที่ไม่สามารถฝึกยุทธ์ผนึกจิ้งจอกวิญญาณได้หรือไม่”

“อื้ม!” ถังเสี่ยวซีพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม นางพลันจับมือหลินมู่อวี่ “มู่มู่ โชคดีจริงที่มีเจ้าอยู่”

หลินมู่อวี่ยิ้มรับ “เจ้าคิดว่าข้าพึ่งพาได้มากกว่าพี่ชายใช่หรือไม่?”

“ใช่!”

“วางใจเถิดเสี่ยวซี ข้าจะปกป้องเจ้าเองและจะไม่ให้ใครมารังแกได้อีก”

“อื้ม ข้าจะจดจำสิ่งที่เจ้าพูดในวันนี้ เจ้าเองก็ต้องห้ามลืมเด็ดขาด”

“อืม ได้สิ”

จางเหว่ยด้านข้างตกตะลึง “สหาย…เจ้ากำลังจีบสาวอย่างมีความสุข ขณะที่ปฏิบัติกับนายพลผู้นี้ราวกับอากาศ ไม่เห็นใจความรู้สึกของหมาป่าเดียวดายเช่นข้าบ้างรึ?”

หลินมู่อวี่หัวเราะ “ข้าต้องขอบคุณท่านจางเหว่ยที่เข้ามาอย่างทันท่วงที ข้าจะไปคุยกับเฟิงจี้สิงสักวันเพื่อขอให้เลื่อนขั้นท่านได้เป็นผู้บัญชาการกองหมื่นโดยเร็ว!”

“ฮ่าๆ ขอบคุณมากท่านหลินมู่อวี่ ข้าทราบดีว่าท่านห่วงใยเฒ่าจางผู้นี้เสมอ!”

ถังเสี่ยวซีพูดไม่ออกขณะที่มองหลินมู่อวี่และจางเหว่ย นางมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยก่อนจะดึงมือหลินมู่อวี่ “มู่มู่รีบกลับเมืองหลวงกันเถิด เรามิควรอยู่ที่นี่นาน”

“อืม ได้สิ”

แสงจันทร์สาดส่องกำแพงตำหนักเจ๋อเทียนยามค่ำคืนเป็นคลื่นราวกับสายน้ำ

ด้านนอกจวนหงส์ไฟมีองครักษ์มังกรยี่สิบนายพร้อมฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนคอยอารักขา แสงจันทร์สาดลงบนชุดเกราะสีเงินเปล่งประกายดั่งแสงศักดิ์สิทธิ์ แม้ลมยามดึกสงัดจะหนาวเหน็บ ก็มิทำให้องครักษ์มังกรหวั่นเกรงขณะที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมราวกับรูปปั้นหิน

ภายในโถงมีซุปเดือดปุดๆ อยู่บนเตา

ชวีฉู่และเหล่ยหงนั่งจิบชารสเลิศอยู่ที่นั่น ฉินอิน ถังเสี่ยวซี และหลินมู่อวี่นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่ง่ายเลยที่จะเชิญเหล่ยหงออกมากลางค่ำคืนกับชวีฉู่เช่นนี้ เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับผู้ชำนาญการขอบเขตปราชญ์ทั้งสองของจักรวรรดิจะมารวมตัวกัน

“นี่เป็นปัญหาที่หนักหน่วงจริงๆ…”

เหล่ยหงครุ่นคิดก่อนจะหันมองถังเสี่ยวซี “องค์หญิงซีเป็นหญิงสาวซึ่งมีสรีระและทะเลปราณแต่งต่างจากผู้ชาย และการฝึกวิญญาณยุทธ์ทรงพลังอย่างผนึกจิ้งจอกอัคนีนั้นทำได้ยาก ทะเลปราณของจอมยุทธ์ธรรมดามิสามารถสร้างพลังธาตุไฟสำหรับผนึกจิ้งจอกอัคนีได้ ขณะเดียวกันก็จะไม่สามารถรวบรวมผนึกจิ้งจอกอัคนีหากขาดพลังธาตุไฟนั้น”

ริมฝีปากถังเสี่ยวซีสั่นเล็กน้อยอย่างลังเลที่จะพูด

หลินมู่อวี่จึงเอ่ยถามว่านางต้องการพูดสิ่งใด “ท่านผู้ดูแล ทะเลปราณระหว่างผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกันอย่างไรหรือ? เหตุใดเสี่ยวอินจึงสามารถใช้วิญญาณยุทธ์หยิ่งยโสอย่างโซ่เทวะได้ แล้วเหตุใดเสี่ยวซีจึงไม่สามารถรวบรวมผนึกจิ้งจอกได้เจ้าคะ?”

“แตกต่างกันมากโขพ่ะย่ะค่ะ”

ชชวีฉู่เงยหน้ามองและกล่าวว่า “เป็นจริงที่โซ่เทวะนั้นหยิ่งยโส ทว่าก็เป็นวิญญาณยุทธ์ที่สืบทอดโดยสายเลือด แม้ว่าองค์หญิงเสี่ยวอินจะเป็นหญิงสาว แต่ก็มีสายเลือดมังกรที่แท้จริงของตระกูลฉิน จึงผูกมัดกับโซ่เทวะมาตั้งแต่กำเนิด ส่วนร่างกายขององค์หญิงซีแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นเพียงร่างกายเด็กสาวธรรมดา”

เหล่ยหงกล่าวสมทบ “ทะเลปราณถูกรวบรวมภายในแกนกลางพลัง และแกนกลางพลังผู้ชายมีประตูนิลเรียกว่า ‘ประตูพลัง’ ผู้ชายทุกคนเกิดมาพร้อมประตูที่เปิดกว้าง จึงสามารถใช้พลังอย่างไม่มีข้อจำกัด ทำให้ฝึกยุทธ์อันทรงพลังได้ ส่วนหญิงสาวเกิดมาพร้อมประตูที่ปิดสนิท เช่นนั้นหากไม่บังคับเปิดออก ก็จะไม่สามารถฝึกยุทธ์พลังหยางได้”

หลินมู่อวี่มองเห็นความหวังเลือนราง “เช่นนั้นเราเปิดประตูนิลของเสี่ยวซีมิได้หรือ?”

เหล่ยหงส่ายหัว “ไม่ได้…ประตูนิลของผู้หญิงเปรียบดังร่างกาย เหล่าเด็กสาวเกิดมาพร้อมกายหยกบริสุทธิ์ และหลังจากร่วมรักกับชายหนุ่ม ส่วนล่างของประตูนิลก็จะเปิดออก กระนั้นประตูนิลแห่งทะเลปราณเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง หากเกิดแตกสลายจะทำให้ทะเลปราณกระจัดกระจายออกไปซึ่งเป็นดั่งการทำลายทะเลปราณของจอมยุทธ์”

ทันใดนั้นใบหน้าของเสี่ยวอินและเสี่ยวซีพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

หลินมู่อวี่อึ้งก่อนจะพูดว่า “เปรียบดั่งกายหยกบริสุทธิ์? ช่างฟังดูแปลกประหลาด ท่านผู้ดูแลกำลังบอกว่าทางเดียวที่เสี่ยวซีจะเปิดประตูนิลได้คือต้องอยู่กับผู้ชายหรือขอรับ?”

เหล่ยหงหันมองอาอวี่ “เพ้อเจ้อ! นั่นไม่ได้ผลหรอก วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือเปิดประตูนิลเล็กน้อย และทำการป้องกันทะเลปราณขององค์หญิงซีไม่ให้กระจัดกระจาย มิเช่นนั้นอาจทำให้นางพิการได้”

“ไม่มีทางอื่นเลยหรือ?” หลินมู่อวี่กังวลเล็กน้อย

ชวีฉู่เผยรอยยิ้มจางๆ “เจ้าเด็กนี่ เหตุใดจึงเป็นห่วงเป็นใยองค์หญิงซีถึงเพียงนี้?”

หลินมู่อวี่ตอบ “อาวุโสฉู่อาจไม่ทราบเรื่องนี้ ทว่าถังปินแห่งเมืองชีไห่พยายามต้อนเสี่ยวซีให้จนมุม หากไม่ใช่เพราะข้าและจางเหว่ยอยู่ที่นั่น เขาคงเอาขู่บังคับเอาป้ายเหล็กตระกูลถังจากเสี่ยวซีไปแล้ว”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

ชวีฉู่ลูบเคราขณะที่กล่าว “เมืองชีไห่เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับจักรวรรดิ เนื่องจากมีทหารฝีมือดีกว่าสองแสนนายและจอมยุทธ์อีกมากมาย รวมทั้งเหล่าคุณชายถังปิน ถังลู่ และถังเทียน ขณะนี้มีชางหลานปกครองอยู่ซึ่งยังคงรักษาความสงบไว้ได้ หากวันใดที่เขาตาย เมืองชีไห่จะต้องเกิดความโกลาหล”

พูดจบก็หันไปมองหลินมู่อวี่ “เจ้าทำถูกแล้ว หากองค์หญิงซีสามารถปกครองเมืองชีไห่ องค์หญิงอินก็จะมีกองทัพสนับสนุนอันทรงพลังจากองค์หญิงซีเมื่อได้ขึ้นครองบัลลังก์ มิเช่นนั้นการขึ้นครองบัลลังก์โดยไม่มีกองกำลังที่มั่นคง จะทำให้เกิดกลียุคขึ้นในอาณาจักรเป็นแน่”

ฉินอินตกตะลึง “เสด็จพ่อยังคงแข็งแรงดี คงจะไม่…”

ชวีฉู่ส่ายหัว “นับวันร่างกายฝ่าบาทก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ เหตุใดองค์หญิงจึงหลอกตนเองเช่นนั้น? ท่านเป็นรัชทายาทและต้องขึ้นครองบัลลังก์สักวัน ขณะที่อาวุโสเหล่ยหงและข้ายังมีชีวิตก็จะปกป้องจักรวรรดิอย่างสุดความสามารถ แต่หากวันใดที่พวกข้าไม่อยู่แล้ว องค์หญิงอินจำเป็นต้องพึ่งพาคนหนุ่มรุ่นเดียวกันเช่นอาอวี่ เฟิงจี้สิง และองค์หญิงซีพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาฉินอินแดงก่ำ “ผู้อาวุโสฉู่…ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ…”

เหล่ยหงลูบเคราขาวพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เฒ่าฉู่ อย่าทำให้องค์หญิงอินเกรงกลัวเลย มันมิได้แย่ถึงเพียงนั้น แม้ร่างกายฝ่าบาทจะอ่อนแอลง แต่ยังสามารถอยู่ได้อีกหลายสิบปี องค์หญิงก็แลเห็นแล้วว่าฝ่าบาททรงประทานยศนายพลวาโย นายพลพิรุณ นายพลอสนี และนายพลอรุณ เพื่อเตรียมการเหล่านายพลผู้ยิ่งใหญ่สำหรับองค์หญิงอิน เฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ ฉินเหลย และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนต่างก็มีศักยภาพเหลือล้น ด้วยพลังของทั้งสี่คนนี้ คงสามารถกอบกู้แผ่นดินฉินได้กว่าครึ่งแล้ว”

ฉินอินกะพริบตาก่อนจะหันมองหลินมู่อวี่และเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “พี่อาอวี่จะอยู่เคียงข้างข้าตลอดไปใช่หรือไม่?”

หลินมู่อวี่ตกตะลึงขณะมองใบหน้างามของฉินอิน “อืม ตราบใดที่เสี่ยวอินต้องการ ข้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

ฉินอินเผยยิ้มหวานที่จะทำให้ผู้พบเห็นต้องตกหลุมรัก

เหล่ยหงขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าองค์หญิงซีจำเป็นต้องรับตำแหน่งผู้สืบทอดเมืองชีไห่ เอาล่ะ…องค์หญิงอิน โปรดให้กระหม่อมและอาวุโสฉู่ใช้หอเก็บตำราได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ด้วยตำราเก่าแก่ของจักรวรรดิที่ถูกเก็บไว้ เราอาจโชคดีเจอตำราที่บอกวิธีฝึกยุทธ์ผนึกจิ้งจอกอัคนีแก่องค์หญิงซี”

“อืม ได้สิ”

ฉินอินพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ข้าจะลงนามอนุญาตให้พวกท่านใช้หอเก็บตำราเพื่อแสดงแก่ผู้ดูแล”

หลินมู่อวี่พูดขึ้น “ข้าไปด้วยได้หรือไม่? มีคนมากขึ้นน่าจะช่วยกันหาได้เร็วกว่า”

เหล่ยหงพยักหน้า “ได้สิ เช่นนั้นอาอวี่ไปด้วยกัน”

ฉินอินและเสี่ยวซียิ้มให้กัน ก่อนจะตัดสินใจไม่ลงนามอนุญาต แต่ไปด้วยกันกับทุกคน จากนั้นทั้งห้าชีวิตก็ใช้เวลาตลอดค่ำคืนในหอเก็บตำรา”

ยามดึกสงัด หอเก็บตำรามีเตาพิงไฟสิบเตาด้านใน ทว่าก็มิอาจคลายความหนาวเหน็บที่พัดผ่านประตูได้เลย

หลินมู่อวี่ยืนอยู่หน้ากองหนังสือโบราณและเปิดดูทีละเล่ม หลังจากอยู่โลกนี้มานานก็เริ่มเข้าใจตัวหนังสือพื้นฐานมากขึ้น จึงไม่ยากเกินไปสำหรับอาอวี่ที่จะอ่าน

ฉินอินและเสี่ยวซีจุดตะเกียงอ่านหนังสือโบราณเหล่านั้นขณะที่มีสาวใช้คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ

เหล่ยหงและชวีฉู่ยังคงเดินดูหนังสือทีละเล่มด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

ด้านนอกหอเก็บตำรามีกลุ่มองครักษ์มังกรยี่สิบเอ็ดนายของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนยืนเฝ้า ค่ำคืนนั้นอากาศหนาวเย็นยะเยือกจนเกิดน้ำค้างแข็งบนชุดเกราะ ทว่าก็พวกเขายังคงยืนสงบนิ่ง ในขณะที่ลมพัดผ่านสิ่งที่องครักษ์เหล่านี้ทำได้คือปลดปล่อยปราณแท้ป้องกันความหนาว กระนั้นร่างกายมนุษย์จะต่อสู้กับพลังแห่งธรรมชาติได้อย่างไร ภายในพริบตาใบหน้าพวกเขาก็เย็นเฉียบ

เมื่อแสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่องลงมาที่เมืองหลันเยี่ยน ก็มีเสียงตื่นเต้นของชวีฉู่ดังขึ้นจากหอเก็บตำรา “พบแล้ว! ข้าพบแล้ว!”

“พบอะไรหรือ?”

หลินมู่อวี่รีบลุกขึ้นวิ่งมาหาพร้อมฉินอินและถังเสี่ยวซี

พวกเขาเห็นชวีฉู่ถือม้วนตำราโบราณที่มีตัวหนังสือเขียนว่า ‘ดอกผิงเม่ย’

หลินมู่อวี่ทำหน้าแปลกประหลาด “ท่านอาวุโสฉู่ หยิบตำรามาผิดหรือไม่?”

“ไม่ มันอยู่ในเล่มนี้!”

ชวีฉู่กล่าวด้วยริยยิ้ม “อาอวี่ พวกเราคงต้องพึ่งพาเจ้าในการเปิดประตูนิลขององค์หญิงเสี่ยวซีแล้ว!”

“หมายความว่าอย่างไร?”

“ดอกผิงเม่ยเป็นสมุนไพรระดับสิบ และเมื่อสกัดรวมกับเอื้องอรหันต์สมุนไพรระดับเก้าจะได้โอสถเรียกว่า ‘โอสถหยกบริสุทธิ์’ เจ้ารู้จักเทพโอสถในฐานะนักปรุงโอสถใช่หรือไม่?” ใบหน้าชวีฉู่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“โอสถหยกบริสุทธิ์…” หลินมู่อวี่ประหลาดใจ

ชวีฉู่พูดต่อ “มีเรื่องเล่าขานเมื่อห้าพันปีก่อนว่า หลังจากจักรพรรดิหงส์โลหิตได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็ได้พบกับสาวงามที่สุดในปฐพีนามว่า ‘จื่อหรง’ กระนั้นนางมิได้มีกายหยกบริสุทธิ์ จักรพรรดิหงส์โลหิตจึงออกคำสั่งให้เทพโอสถทั้งหมดบนแผ่นดินสกัดยาที่สามารถฟื้นฟูกายหยกบริสุทธิ์ของหญิงสาวได้ ซึ่งนั่นก็คือโอสถหยกบริสุทธิ์ เราสามารถใช้วิธีนี้ โดยให้องค์หญิงซีทำลายประตูนิล จากนั้นใช้พลังขอบเขตปราชญ์ของข้าและเหล่ยหงป้องกันมิให้ทะเลปราณกระจัดกระจาย นางจะสามารถทะลวงผนึกจิ้งจอกอัคนีได้ในเวลาสั้นๆ แล้วจึงดื่มโอสถหยกบริสุทธิ์เพื่อฟื้นฟูภายหลัง วิธีนี้อาจช่วยให้องค์หญิงซีฝึกยุทธ์ผนึกจิ้งจอกอัคนีได้!”

หลินมู่อวี่อึ้งก่อนจะยอมรับอย่างจำนน เขาขยี้ตาและพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะไปเสาะหาดอกผิงเม่ยและเอื้องอรหันต์ เฮ้อ! จักรพรรดิหงส์โลหิตเป็นผู้คลั่งไคล้ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวเสียจริง คนที่มันหลงในกามเช่นนี้ก็มีอยู่จริงบนโลก!”

“อืม…”

………………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+