The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 230 คนเถื่อน

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 230 คนเถื่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หิมะในป่าเริ่มละลาย ทว่ายังคงมีสายลมหนาวพัดผ่านอยู่ แม้แต่ชายร่างถึกอย่างเซี่ยโหวยังต้องจามออกมาเป็นครั้งคราว เขาเสียบดาบไว้ที่พื้นหญ้าก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียว “ข้าเกลียดพวกกบฏที่ทำให้ข้าต้องมาอดหลับอดนอน ท่านจะฆ่าพวกมันให้หมดใช่หรือไม่?”

หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเบา “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

เซี่ยโหวซางเอ่ยขึ้นด้วยแววตาอันแข็งกร้าว “ฆ่า!”

หลินมู่อวี่หันไปถามเว่ยโฉว “เจ้าคิดว่าอย่างไรเว่ยโฉว?”

เว่ยโฉวกระชับคันศรกลืนปีศาจด้วยแววตายากจะคาดเดา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง “แม้สมาชิกส่วนใหญ่ในสำนักอัศวินจะเป็นแค่คนธรรมดา ทว่าก็ถูกปลูกฝังมาโดยคำสอนของสำนักอัศวิน ถึงเราจะเมตตาก็ใช่ว่ามันจะเมตตาเรากลับ ด้วยเหตุนี้จงอย่าได้เชื่อใจพวกมันเป็นอันขาด”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “เช่นนั้นก็กำจัดพวกมันเสียให้หมด”

“ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”

หลินมู่อวี่ครุ่นคิดท่ามกลางแสงจันทราที่สาดสะท้อนผ้าคลุมขาว เขากำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่ขณะที่หลายชีวิตกำลังจะถูกฆ่า หรือ…ตอนนี้ตนได้กลายเป็นขี้ข้าของจักรวรรดิโดยสมบูรณ์แล้ว? หลินมู่อวี่ส่ายหัว ไม่…เป็นไปไม่ได้ เขาคิดเองได้ไม่ต้องให้ใครมาบอกและจะไม่หลงผิดเป็นอันขาด ณ ตอนนี้การสังหารสมาชิกสำนักอัศวินเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คิดเพียงว่าทหารจักรวรรดิไม่มีทางทำร้ายประชาชนของตนก็พอแล้ว

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าขอกองทัพม้ากำลังตรงมาที่นี่ ภายใต้แสงจันทร์ปรากฏกองทัพสมาชิกสำนักอัศวินกว่าสองร้อยคนขึ้นในป่า พวกมันมาจากทางตะวันตกของหุบเขาพร้อมเข้าโจมตีทันที เท่าที่สังเกตมีทหารม้าอยู่ราวยี่สิบคนนำทัพ และตามมาด้วยทหารชำนาญการติดอาวุธ พลังยุทธ์ของสมาชิกทั้งหมดอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่ากองทหารนี้เป็นส่วนหนึ่งของสำนักอัศวินจากมณฑลกวนหลิงอย่างแน่นอน

ทหารที่มีรอยบากบนในหน้าคำรามลั่น เขาวิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบยาวในมือ! “จัดการพวกหมารับใช้จักรวรรดิให้หมดในเมื่อพวกมันรนหาที่ตายเอง จงอย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”

ทหารชำนาญการผู้นี้มีเหรียญทองติดอยู่ที่หน้าอก…แสดงว่าเป็นสมาชิกทหารเหรียญทอง ทว่าไม่ได้แข็งแกร่งมาก พลังยุทธ์อยู่เพียงระดับปฐพีขั้นหนึ่งเท่านั้น เมื่อได้รับคำสั่งกลุ่มทหารก็บุกเข้าจู่โจมค่ายของหลินมู่อวี่ พังกระโจม ทำลายกองไฟและธงทหารจักรวรรดิจนสิ้นด้วยความหยิ่งผยอง

เว่ยโฉวดึงคันศรออกมาเตรียมพร้อมและขอคำสั่งจากหลินมู่อวี่

หลินมู่อวี่พยักหน้าเป็นสัญญาณ

“ฟิ้ว!”

ลูกศรถูกยิงจากคันศรปีศาจ พุ่งทะลวงลำคอของชายหน้าบากโดยตรง! เลือดที่แดงสดไหลเป็นทาง ทหารเหรียญทองถูกฆ่าตายด้วยความแม่นยำเพียงดอกเดียวของเว่ยโฉว!

“ยิง!” เซี่ยโหวหางตะโกนสั่ง

ฝนธนูถูกยิงจากทหารจักรวรรดิกว่าร้อยคนไปยังค่ายที่พวกสำนักอัศวินกำลังบุกทำลายอยู่ เสียงคร่ำครวญอย่างน่าเวทนาร้องระงมไปทั่ว กว่าจะรู้ตัวว่าถูกยิงจากทิศไหนก็ตายครึ่งกองทัพแล้ว

“ชิ้ง!”

หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกพร้อมตะโกนลั่น “ควบม้าบุกได้!”

“รับทราบ!”

ทหารขึ้นควบม้าและบุกเข้าไปตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว โดยมีหลินมู่อวี่ เว่ยโฉว และองครักษ์อีกหลายคนนำทัพ ทั้งหมดปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์พร้อมปะทะ ทหารจากสำนักนักอัศวินที่เหลือคงต้านการโจมตีนี้ไม่ไหวแน่นอน

“ฉึก!”

หลินมู่อวี่วาดกระบี่วิญญาณมังกรฟันทหารสำนักอัศวินถือโล่จนขาดครึ่ง! ก่อนจะหันไปตัดหัวทหารถือง้าวสองคนที่พุ่งเข้ามา กระบี่เคลือบปราณยุทธ์ร่ายรำอย่างต่อเนื่องจนทหารล้มตายอีกหลายราย

ทันใดนั้นเบื้องหน้าหลินมู่อวี่ก็ปรากฏทหารชำนาญเจ็ดคนการควบม้ามาพร้อมกับหอก

หลินมู่อวี่เก็บกระบี่เข้าฝักก่อนจะล้วงถุงสรรพสิ่งหาทวนหลีฮวา ดอกสาลี่หิมะสามดอกเบ่งบานขึ้นกลางอากาศขณะที่หลินมู่อวี่ตวัดหอกเข้าโจมตี! ทหารชำนาญการถูกซัดกระเด็นไถลไปกับพื้น หลินมู่อวี่ใช้ทักษะหอกที่ได้ร่ำเรียนมาจากจ้าวจิ้นบุกทะลวงต่อ ปลายหอกฟาดปะทะกับศัตรูอยากหนักหน่วงก่อนจะเสียบทะลุอกของฝ่ายตรงข้าม!

ทว่าทหารนายนั้นกลับใช้มือยึดทวนหลีฮวาไว้และคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น “ตายไปด้วยกันเถิดไอ้ขี้ข้า!”

หลินมู่อวี่ยิ้มเยาะก่อนจะรวบรวมปราณยุทธ์ไว้ที่แขน และเหวี่ยงทวนหลีฮวาทั้งร่างของทหารผู้นั้นใส่ทหารอีกสองคนข้างๆ! เลือดสดทะลักออกจมูกเมื่อศีรษะทั้งสามอัดกระแทกกัน ช่างน่าขยะแขยงจนหลินมู่อวี่แทบสำรอก! หลินมู่อวี่เรียกกำแพงน้ำเต้าสีทองออกมาป้องกันการโจมตีจากศัตรูคนอื่นๆ ทั้งยังช่วยบังภาพอุจาดตาเมื่อครู่ด้วย

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเซี่ยโหวซางปลิดชีพทหารจากสำนักอัศวินคนสุดท้ายได้ ทหารกว่าสองร้อยนายถูกสังหารเรียบในขณะที่ทหารจักรวรรดิบาดเจ็บเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นับว่าเป็นการชนะอย่างขาดลอย

“ถุย!”

เซี่ยโหวซางถ่มน้ำลายรดศพด้วยสายตาเกลียดชัง “คิดจะบุกโจมตีอาณาจักรด้วยพวกขยะนี่อย่างนั้นรึ? อย่าฝันเฟื่องให้มากนัก!”

เว่ยโฉวกล่าว “หลังจากนี้ทำอย่างไรต่อขอรับท่านผู้บัญชาการ?”

หลินมู่อวี่เช็ดคราบเลือดจากทวนหลีฮวาออก “หาของมีค่าจากศพแล้วฝังพวกมันเสีย เราจะออกจากที่นี่พรุ่งนี้เช้า”

“ขอรับ!”

เซี่ยโหวซางบ่นพึมพำ “เหตุใดเราต้องฝังพวกกบฏนี่ด้วย? ข้าว่าปล่อยมันทิ้งไว้ให้พวกอสูรมากิน หรือตัดหัวเสียบประจานให้ใครก็ตามที่คิดจะเป็นปฏิปักษ์ต่ออาณาจักรนี้รับรู้ จะได้ไม่มีใครกล้าคิดต่อต้านเราอีกจะดีกว่านะขอรับ”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วกล่าว “หากทำเช่นนั้นเราจะกลายเป็นสุนัขรับใช้จักรวรรดิอย่างที่เขาว่า องค์จักรพรรดิฉินจิ้นทรงปกครองแผ่นดินนี้ด้วยความกรุณา คงไม่คิดจะส่งสาส์นด้วยวิธีโหดร้ายเยี่ยงนี้แน่”

เซี่ยโหวซางตกตะลึงใครคำพูดของหลินมู่อวี่พลางคำนับก่อนจะเอ่ยขึ้น “ขออภัยด้วยขอรับท่านผู้บัญชาการ ข้าไม่ทันได้ตระหนักถึงเรื่องนั้น”

“ไม่ต้องขอโทษข้าก็ได้ รีบไปกันเถิด”

“ขอรับ!”

เว่ยโฉวกลับมาพร้อมกับกระดาษเปื้อนเลือดม้วนหนึ่งหลังจากหายไปไม่นาน “ข้ามีบางสิ่งมาให้ท่านดูขอรับ””

“สิ่งใดหรือ?”

“เป็นใบอนุญาตผ่านทางขอรับ”

หลินมู่อวี่คว้าม้วนกระดาษมาเปิดดู แม้เนื้อหาส่วนใหญ่จะมีคราบเลือดบังอยู่ ทว่าตรงหัวกระดาษยังคงอ่านได้ชัดเจน เมื่อสำรวจแล้วพบว่าเป็นใบอนุญาตเพื่อให้สมาชิกสำนักอัศวินหนึ่งร้อยคนผ่านทางจากมณฑลชางหนานไปมณฑลหลิงเป่ยได้โดยมีตราผู้ว่าเมืองชางหนานรับรองอยู่

เว่ยโฉวเอ่ยขึ้น “หูเถี่ยหนิงผู้ว่าการแห่งชางหนานช่างอาจหาญนัก บังอาจขัดพระราชโองการขององค์จักรรพรรดิที่ให้กำจัดสำนักอัศวิน ทั้งยังออกใบอนุญาตผ่านทางให้อีก”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าใบอนุญาตนี้ออกก่อนมีรับสั่ง?”

“เป็นไปไม่ได้ขอรับ” เว่ยโฉวตอบอย่างมั่นใจ “องค์จักรพรรดิได้ส่งสาส์นไปทั่วราชอาณาจักรหลังเหตุลอบปลงพระชนม์ ณ ตำหนักกวางโศกา ทว่าใบอนุญาตนี้เพิ่งถูกประทับตราเมื่อห้าวันก่อนนี้เองขอรับ”

หลินมู่อวี่ม้วนใบอนุญาตเก็บเข้าถุงสรรพสิ่งพลันเอ่ยขึ้น “จงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องนี้เสีย”

เว่ยโฉวตอบรับ “ขอรับ!”

หูเถี่ยหนิงเป็นถึงผู้ว่าการมณฑลและมีทหารใต้บัญชาเกือบหมื่นนายคงไม่คิดเคลื่อนไหวอย่างสุ่มเสี่ยงโดยไร้แผน กระดาษเพียงแผ่นเดียวยังไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ว่ามีความผิด อันที่จริงหลินมู่อวี่กำลังเดินทางไปปมณฑลชางหนานเพื่อขอความช่วยเหลือจากหูเถี่ยหนิงเรื่องดอกผิงเม่ย ต่อเมื่อได้สิ่งที่ต้องการค่อยสะสางเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย

สามวันต่อมา ทหารม้าจักรวรรดิเดินทางถึงเมืองห้าหุบเขาในมณฑลชางหนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ เมืองนี้มีประชากรทั้งหมดสองล้านกว่าคนและมีชื่อเสียงอย่างมาก ชาวเมืองต่างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีจากทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งกล่าวกันว่าอาหารกว่าครึ่งที่ส่งไปเมืองหลันเยี่ยนมาจากเมืองห้าหุบเขา ด้วยเหตุนี้เมื่อสิบปีก่อนฉินจิ้นจึงมีรับสั่งให้สร้าง ‘ถนนอุปทาน’ เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้า

หากมองจากด้านนอกเมืองห้าหุบเขานั้นสวยงามมากแม้จะไม่มีภูเขาสูงมากมายเหมือนเมืองหลันเยี่ยน บริเวณถนนสายหลักมีประชาชนและร้านค้าอยู่เนืองแน่นพร้อมกับทหารยามที่คอยลาดตระเวนอยู่

เมื่อกองทหารของหลินมู่อวี่ปรากฏตัวก็มีกลุ่มทหารม้าในเมืองก็ออกมาต้อนรับอย่างดี หัวหน้ากลุ่มทหารที่มีลักษณะคล้ายนักปราชญ์ทว่ามีหน้าตาเหมือนลิงคำนับพลางยิ้มทักทาย “ท่านผู้ว่าส่งข้ามาต้อนรับท่านขอรับ! ข้ามีนามว่าหูหยาง…เป็นแม่ทัพแห่งจวนผู้ว่าการ ยินดีที่ได้พบท่านหลินมู่อวี่อันดับสองของสี่ผู้กล้าแห่งเมืองหลันเยี่ยน และนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านแวะมายังเมืองห้าหุบเขาแห่งนี้ขอรับ!”

หลินมู่อวี่ยิ้มรับ “ไม่ต้องพิธีรีตองมาก็ได้ท่าน”

“ผู้บัญชาการหลินเดินทางมาไกลคงเหนื่อย ได้โปรดตามข้ามา…ท่านผู้ว่าหูเถี่ยหนิงได้จัดสำรับรอท่านที่จวนผู้ว่าแล้วขอรับ”

“ทราบแล้ว…ขอบคุณมาก!”

เซี่ยโหวซางแอบหัวเราะ “หูเถี่ยหนิงผู้นี้ช่างรู้งานดีเสียจริง”

หลินมู่อวี่หันไปจ้องหน้าเซี่ยโหวซางจนเจ้าตัวรีบหุบปากโดยไว

ระหว่างที่ทั้งหมดเดินทางเข้าไปในตัวเมือง เมื่อผ่านตลาดก็สังเกตเห็นว่ามีหญิงสาวหลายร้อยคนในชุดต่างเมืองกำลังถูกเหล่าทหารพาตัวไป บางคนร้องห่มร้องไห้ บางคนมีสีหน้าแววตาอันขุ่นแค้นและเกลียดชัง

หลินมู่จึงเอ่ยถาม “ท่านหูหยาง เกิดสิ่งใดขึ้นกับหญิงเหล่านั้นหรือ?”

หูหยางมองดูกลุ่มคนที่ถูกกล่าวถึงด้วยท่าทีเหยียดหยามก่อนจะหันมายิ้มและกล่าว “คนเถื่อนพวกนั้นคือทาสจากมณฑลหลิงดงขอรับ พวกมันเคยนำกำลังสองหมื่นคนข้ามมณฑลเทียนชู่มาโจมตีเมืองห้าหุบเขาของเรา ยังดีที่ท่านผู้ว่าหูเถี่ยหนิงรีบนำทหารม้าหมื่นนายเข้าหยุดการก่อจลาจลได้ทันก่อนมีการสูญเสีย”

หูหยางยิ้มอีกครั้งก่อนจะกล่าวต่อ “ผู้หญิงเถื่อนพวกนี้ถูกจับได้ และจะถูกขายเป็นทาสรับใช้ราคาถูกเพียงคนละไม่กี่เหรียญทอง ส่วนคนที่หยาบกระด้างหน่อยก็ขายในราคาไม่กี่เหรียญเงิน ไม่ทราบว่าท่านสนใจสักคนหรือไม่ขอรับ?”

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “คงไม่ ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น”

หูหยางยิ้ม “ท่านดูเป็นผู้ดีมากกว่าจะใช้ผู้หญิงเถื่อนชั้นต่ำเยี่ยงนี้จริงๆ”

“ถูกต้อง แล้วทาสพวกนี้จะถูกขายให้ใครงั้นรึท่านหูหยาง?”

หูหยางตอบ “คนที่หน้าตาสะสวยจะถูกขายให้กับพวกขุนนางหรือเศรษฐีเพื่อเอาไปปรนเปรอ ส่วนพวกที่เหลือส่วนใหญ่จะถูกขายเป็นทาส อันที่จริงเมื่อมีการแพ้สงคราม…พวกผู้หญิงจะถูกจับไปเป็นทาสโดยไม่ต้องขายอยู่แล้ว”

หลินมู่อวี่ค่อนข้างประหลาดใจ “เป็นกฎของกองทัพจักรวรรดิที่ต้องจับผู้หญิงทุกครั้งที่บุกเมืองงั้นรึ?”

หูหยางพยักหน้า “กล่าวได้ว่าเป็นธรรมเนียมเสียมากกว่าขอรับ มิเช่นนั้นทหารคงไม่มีแรงกระตุ้น”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 230 คนเถื่อน

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 230 คนเถื่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หิมะในป่าเริ่มละลาย ทว่ายังคงมีสายลมหนาวพัดผ่านอยู่ แม้แต่ชายร่างถึกอย่างเซี่ยโหวยังต้องจามออกมาเป็นครั้งคราว เขาเสียบดาบไว้ที่พื้นหญ้าก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียว “ข้าเกลียดพวกกบฏที่ทำให้ข้าต้องมาอดหลับอดนอน ท่านจะฆ่าพวกมันให้หมดใช่หรือไม่?”

หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเบา “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

เซี่ยโหวซางเอ่ยขึ้นด้วยแววตาอันแข็งกร้าว “ฆ่า!”

หลินมู่อวี่หันไปถามเว่ยโฉว “เจ้าคิดว่าอย่างไรเว่ยโฉว?”

เว่ยโฉวกระชับคันศรกลืนปีศาจด้วยแววตายากจะคาดเดา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง “แม้สมาชิกส่วนใหญ่ในสำนักอัศวินจะเป็นแค่คนธรรมดา ทว่าก็ถูกปลูกฝังมาโดยคำสอนของสำนักอัศวิน ถึงเราจะเมตตาก็ใช่ว่ามันจะเมตตาเรากลับ ด้วยเหตุนี้จงอย่าได้เชื่อใจพวกมันเป็นอันขาด”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “เช่นนั้นก็กำจัดพวกมันเสียให้หมด”

“ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”

หลินมู่อวี่ครุ่นคิดท่ามกลางแสงจันทราที่สาดสะท้อนผ้าคลุมขาว เขากำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่ขณะที่หลายชีวิตกำลังจะถูกฆ่า หรือ…ตอนนี้ตนได้กลายเป็นขี้ข้าของจักรวรรดิโดยสมบูรณ์แล้ว? หลินมู่อวี่ส่ายหัว ไม่…เป็นไปไม่ได้ เขาคิดเองได้ไม่ต้องให้ใครมาบอกและจะไม่หลงผิดเป็นอันขาด ณ ตอนนี้การสังหารสมาชิกสำนักอัศวินเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คิดเพียงว่าทหารจักรวรรดิไม่มีทางทำร้ายประชาชนของตนก็พอแล้ว

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าขอกองทัพม้ากำลังตรงมาที่นี่ ภายใต้แสงจันทร์ปรากฏกองทัพสมาชิกสำนักอัศวินกว่าสองร้อยคนขึ้นในป่า พวกมันมาจากทางตะวันตกของหุบเขาพร้อมเข้าโจมตีทันที เท่าที่สังเกตมีทหารม้าอยู่ราวยี่สิบคนนำทัพ และตามมาด้วยทหารชำนาญการติดอาวุธ พลังยุทธ์ของสมาชิกทั้งหมดอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่ากองทหารนี้เป็นส่วนหนึ่งของสำนักอัศวินจากมณฑลกวนหลิงอย่างแน่นอน

ทหารที่มีรอยบากบนในหน้าคำรามลั่น เขาวิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบยาวในมือ! “จัดการพวกหมารับใช้จักรวรรดิให้หมดในเมื่อพวกมันรนหาที่ตายเอง จงอย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”

ทหารชำนาญการผู้นี้มีเหรียญทองติดอยู่ที่หน้าอก…แสดงว่าเป็นสมาชิกทหารเหรียญทอง ทว่าไม่ได้แข็งแกร่งมาก พลังยุทธ์อยู่เพียงระดับปฐพีขั้นหนึ่งเท่านั้น เมื่อได้รับคำสั่งกลุ่มทหารก็บุกเข้าจู่โจมค่ายของหลินมู่อวี่ พังกระโจม ทำลายกองไฟและธงทหารจักรวรรดิจนสิ้นด้วยความหยิ่งผยอง

เว่ยโฉวดึงคันศรออกมาเตรียมพร้อมและขอคำสั่งจากหลินมู่อวี่

หลินมู่อวี่พยักหน้าเป็นสัญญาณ

“ฟิ้ว!”

ลูกศรถูกยิงจากคันศรปีศาจ พุ่งทะลวงลำคอของชายหน้าบากโดยตรง! เลือดที่แดงสดไหลเป็นทาง ทหารเหรียญทองถูกฆ่าตายด้วยความแม่นยำเพียงดอกเดียวของเว่ยโฉว!

“ยิง!” เซี่ยโหวหางตะโกนสั่ง

ฝนธนูถูกยิงจากทหารจักรวรรดิกว่าร้อยคนไปยังค่ายที่พวกสำนักอัศวินกำลังบุกทำลายอยู่ เสียงคร่ำครวญอย่างน่าเวทนาร้องระงมไปทั่ว กว่าจะรู้ตัวว่าถูกยิงจากทิศไหนก็ตายครึ่งกองทัพแล้ว

“ชิ้ง!”

หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกพร้อมตะโกนลั่น “ควบม้าบุกได้!”

“รับทราบ!”

ทหารขึ้นควบม้าและบุกเข้าไปตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว โดยมีหลินมู่อวี่ เว่ยโฉว และองครักษ์อีกหลายคนนำทัพ ทั้งหมดปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์พร้อมปะทะ ทหารจากสำนักนักอัศวินที่เหลือคงต้านการโจมตีนี้ไม่ไหวแน่นอน

“ฉึก!”

หลินมู่อวี่วาดกระบี่วิญญาณมังกรฟันทหารสำนักอัศวินถือโล่จนขาดครึ่ง! ก่อนจะหันไปตัดหัวทหารถือง้าวสองคนที่พุ่งเข้ามา กระบี่เคลือบปราณยุทธ์ร่ายรำอย่างต่อเนื่องจนทหารล้มตายอีกหลายราย

ทันใดนั้นเบื้องหน้าหลินมู่อวี่ก็ปรากฏทหารชำนาญเจ็ดคนการควบม้ามาพร้อมกับหอก

หลินมู่อวี่เก็บกระบี่เข้าฝักก่อนจะล้วงถุงสรรพสิ่งหาทวนหลีฮวา ดอกสาลี่หิมะสามดอกเบ่งบานขึ้นกลางอากาศขณะที่หลินมู่อวี่ตวัดหอกเข้าโจมตี! ทหารชำนาญการถูกซัดกระเด็นไถลไปกับพื้น หลินมู่อวี่ใช้ทักษะหอกที่ได้ร่ำเรียนมาจากจ้าวจิ้นบุกทะลวงต่อ ปลายหอกฟาดปะทะกับศัตรูอยากหนักหน่วงก่อนจะเสียบทะลุอกของฝ่ายตรงข้าม!

ทว่าทหารนายนั้นกลับใช้มือยึดทวนหลีฮวาไว้และคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น “ตายไปด้วยกันเถิดไอ้ขี้ข้า!”

หลินมู่อวี่ยิ้มเยาะก่อนจะรวบรวมปราณยุทธ์ไว้ที่แขน และเหวี่ยงทวนหลีฮวาทั้งร่างของทหารผู้นั้นใส่ทหารอีกสองคนข้างๆ! เลือดสดทะลักออกจมูกเมื่อศีรษะทั้งสามอัดกระแทกกัน ช่างน่าขยะแขยงจนหลินมู่อวี่แทบสำรอก! หลินมู่อวี่เรียกกำแพงน้ำเต้าสีทองออกมาป้องกันการโจมตีจากศัตรูคนอื่นๆ ทั้งยังช่วยบังภาพอุจาดตาเมื่อครู่ด้วย

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเซี่ยโหวซางปลิดชีพทหารจากสำนักอัศวินคนสุดท้ายได้ ทหารกว่าสองร้อยนายถูกสังหารเรียบในขณะที่ทหารจักรวรรดิบาดเจ็บเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นับว่าเป็นการชนะอย่างขาดลอย

“ถุย!”

เซี่ยโหวซางถ่มน้ำลายรดศพด้วยสายตาเกลียดชัง “คิดจะบุกโจมตีอาณาจักรด้วยพวกขยะนี่อย่างนั้นรึ? อย่าฝันเฟื่องให้มากนัก!”

เว่ยโฉวกล่าว “หลังจากนี้ทำอย่างไรต่อขอรับท่านผู้บัญชาการ?”

หลินมู่อวี่เช็ดคราบเลือดจากทวนหลีฮวาออก “หาของมีค่าจากศพแล้วฝังพวกมันเสีย เราจะออกจากที่นี่พรุ่งนี้เช้า”

“ขอรับ!”

เซี่ยโหวซางบ่นพึมพำ “เหตุใดเราต้องฝังพวกกบฏนี่ด้วย? ข้าว่าปล่อยมันทิ้งไว้ให้พวกอสูรมากิน หรือตัดหัวเสียบประจานให้ใครก็ตามที่คิดจะเป็นปฏิปักษ์ต่ออาณาจักรนี้รับรู้ จะได้ไม่มีใครกล้าคิดต่อต้านเราอีกจะดีกว่านะขอรับ”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วกล่าว “หากทำเช่นนั้นเราจะกลายเป็นสุนัขรับใช้จักรวรรดิอย่างที่เขาว่า องค์จักรพรรดิฉินจิ้นทรงปกครองแผ่นดินนี้ด้วยความกรุณา คงไม่คิดจะส่งสาส์นด้วยวิธีโหดร้ายเยี่ยงนี้แน่”

เซี่ยโหวซางตกตะลึงใครคำพูดของหลินมู่อวี่พลางคำนับก่อนจะเอ่ยขึ้น “ขออภัยด้วยขอรับท่านผู้บัญชาการ ข้าไม่ทันได้ตระหนักถึงเรื่องนั้น”

“ไม่ต้องขอโทษข้าก็ได้ รีบไปกันเถิด”

“ขอรับ!”

เว่ยโฉวกลับมาพร้อมกับกระดาษเปื้อนเลือดม้วนหนึ่งหลังจากหายไปไม่นาน “ข้ามีบางสิ่งมาให้ท่านดูขอรับ””

“สิ่งใดหรือ?”

“เป็นใบอนุญาตผ่านทางขอรับ”

หลินมู่อวี่คว้าม้วนกระดาษมาเปิดดู แม้เนื้อหาส่วนใหญ่จะมีคราบเลือดบังอยู่ ทว่าตรงหัวกระดาษยังคงอ่านได้ชัดเจน เมื่อสำรวจแล้วพบว่าเป็นใบอนุญาตเพื่อให้สมาชิกสำนักอัศวินหนึ่งร้อยคนผ่านทางจากมณฑลชางหนานไปมณฑลหลิงเป่ยได้โดยมีตราผู้ว่าเมืองชางหนานรับรองอยู่

เว่ยโฉวเอ่ยขึ้น “หูเถี่ยหนิงผู้ว่าการแห่งชางหนานช่างอาจหาญนัก บังอาจขัดพระราชโองการขององค์จักรรพรรดิที่ให้กำจัดสำนักอัศวิน ทั้งยังออกใบอนุญาตผ่านทางให้อีก”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าใบอนุญาตนี้ออกก่อนมีรับสั่ง?”

“เป็นไปไม่ได้ขอรับ” เว่ยโฉวตอบอย่างมั่นใจ “องค์จักรพรรดิได้ส่งสาส์นไปทั่วราชอาณาจักรหลังเหตุลอบปลงพระชนม์ ณ ตำหนักกวางโศกา ทว่าใบอนุญาตนี้เพิ่งถูกประทับตราเมื่อห้าวันก่อนนี้เองขอรับ”

หลินมู่อวี่ม้วนใบอนุญาตเก็บเข้าถุงสรรพสิ่งพลันเอ่ยขึ้น “จงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องนี้เสีย”

เว่ยโฉวตอบรับ “ขอรับ!”

หูเถี่ยหนิงเป็นถึงผู้ว่าการมณฑลและมีทหารใต้บัญชาเกือบหมื่นนายคงไม่คิดเคลื่อนไหวอย่างสุ่มเสี่ยงโดยไร้แผน กระดาษเพียงแผ่นเดียวยังไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ว่ามีความผิด อันที่จริงหลินมู่อวี่กำลังเดินทางไปปมณฑลชางหนานเพื่อขอความช่วยเหลือจากหูเถี่ยหนิงเรื่องดอกผิงเม่ย ต่อเมื่อได้สิ่งที่ต้องการค่อยสะสางเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย

สามวันต่อมา ทหารม้าจักรวรรดิเดินทางถึงเมืองห้าหุบเขาในมณฑลชางหนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ เมืองนี้มีประชากรทั้งหมดสองล้านกว่าคนและมีชื่อเสียงอย่างมาก ชาวเมืองต่างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีจากทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งกล่าวกันว่าอาหารกว่าครึ่งที่ส่งไปเมืองหลันเยี่ยนมาจากเมืองห้าหุบเขา ด้วยเหตุนี้เมื่อสิบปีก่อนฉินจิ้นจึงมีรับสั่งให้สร้าง ‘ถนนอุปทาน’ เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้า

หากมองจากด้านนอกเมืองห้าหุบเขานั้นสวยงามมากแม้จะไม่มีภูเขาสูงมากมายเหมือนเมืองหลันเยี่ยน บริเวณถนนสายหลักมีประชาชนและร้านค้าอยู่เนืองแน่นพร้อมกับทหารยามที่คอยลาดตระเวนอยู่

เมื่อกองทหารของหลินมู่อวี่ปรากฏตัวก็มีกลุ่มทหารม้าในเมืองก็ออกมาต้อนรับอย่างดี หัวหน้ากลุ่มทหารที่มีลักษณะคล้ายนักปราชญ์ทว่ามีหน้าตาเหมือนลิงคำนับพลางยิ้มทักทาย “ท่านผู้ว่าส่งข้ามาต้อนรับท่านขอรับ! ข้ามีนามว่าหูหยาง…เป็นแม่ทัพแห่งจวนผู้ว่าการ ยินดีที่ได้พบท่านหลินมู่อวี่อันดับสองของสี่ผู้กล้าแห่งเมืองหลันเยี่ยน และนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านแวะมายังเมืองห้าหุบเขาแห่งนี้ขอรับ!”

หลินมู่อวี่ยิ้มรับ “ไม่ต้องพิธีรีตองมาก็ได้ท่าน”

“ผู้บัญชาการหลินเดินทางมาไกลคงเหนื่อย ได้โปรดตามข้ามา…ท่านผู้ว่าหูเถี่ยหนิงได้จัดสำรับรอท่านที่จวนผู้ว่าแล้วขอรับ”

“ทราบแล้ว…ขอบคุณมาก!”

เซี่ยโหวซางแอบหัวเราะ “หูเถี่ยหนิงผู้นี้ช่างรู้งานดีเสียจริง”

หลินมู่อวี่หันไปจ้องหน้าเซี่ยโหวซางจนเจ้าตัวรีบหุบปากโดยไว

ระหว่างที่ทั้งหมดเดินทางเข้าไปในตัวเมือง เมื่อผ่านตลาดก็สังเกตเห็นว่ามีหญิงสาวหลายร้อยคนในชุดต่างเมืองกำลังถูกเหล่าทหารพาตัวไป บางคนร้องห่มร้องไห้ บางคนมีสีหน้าแววตาอันขุ่นแค้นและเกลียดชัง

หลินมู่จึงเอ่ยถาม “ท่านหูหยาง เกิดสิ่งใดขึ้นกับหญิงเหล่านั้นหรือ?”

หูหยางมองดูกลุ่มคนที่ถูกกล่าวถึงด้วยท่าทีเหยียดหยามก่อนจะหันมายิ้มและกล่าว “คนเถื่อนพวกนั้นคือทาสจากมณฑลหลิงดงขอรับ พวกมันเคยนำกำลังสองหมื่นคนข้ามมณฑลเทียนชู่มาโจมตีเมืองห้าหุบเขาของเรา ยังดีที่ท่านผู้ว่าหูเถี่ยหนิงรีบนำทหารม้าหมื่นนายเข้าหยุดการก่อจลาจลได้ทันก่อนมีการสูญเสีย”

หูหยางยิ้มอีกครั้งก่อนจะกล่าวต่อ “ผู้หญิงเถื่อนพวกนี้ถูกจับได้ และจะถูกขายเป็นทาสรับใช้ราคาถูกเพียงคนละไม่กี่เหรียญทอง ส่วนคนที่หยาบกระด้างหน่อยก็ขายในราคาไม่กี่เหรียญเงิน ไม่ทราบว่าท่านสนใจสักคนหรือไม่ขอรับ?”

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “คงไม่ ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น”

หูหยางยิ้ม “ท่านดูเป็นผู้ดีมากกว่าจะใช้ผู้หญิงเถื่อนชั้นต่ำเยี่ยงนี้จริงๆ”

“ถูกต้อง แล้วทาสพวกนี้จะถูกขายให้ใครงั้นรึท่านหูหยาง?”

หูหยางตอบ “คนที่หน้าตาสะสวยจะถูกขายให้กับพวกขุนนางหรือเศรษฐีเพื่อเอาไปปรนเปรอ ส่วนพวกที่เหลือส่วนใหญ่จะถูกขายเป็นทาส อันที่จริงเมื่อมีการแพ้สงคราม…พวกผู้หญิงจะถูกจับไปเป็นทาสโดยไม่ต้องขายอยู่แล้ว”

หลินมู่อวี่ค่อนข้างประหลาดใจ “เป็นกฎของกองทัพจักรวรรดิที่ต้องจับผู้หญิงทุกครั้งที่บุกเมืองงั้นรึ?”

หูหยางพยักหน้า “กล่าวได้ว่าเป็นธรรมเนียมเสียมากกว่าขอรับ มิเช่นนั้นทหารคงไม่มีแรงกระตุ้น”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 230 คนเถื่อน

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 230 คนเถื่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หิมะในป่าเริ่มละลาย ทว่ายังคงมีสายลมหนาวพัดผ่านอยู่ แม้แต่ชายร่างถึกอย่างเซี่ยโหวยังต้องจามออกมาเป็นครั้งคราว เขาเสียบดาบไว้ที่พื้นหญ้าก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียว “ข้าเกลียดพวกกบฏที่ทำให้ข้าต้องมาอดหลับอดนอน ท่านจะฆ่าพวกมันให้หมดใช่หรือไม่?”

หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเบา “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

เซี่ยโหวซางเอ่ยขึ้นด้วยแววตาอันแข็งกร้าว “ฆ่า!”

หลินมู่อวี่หันไปถามเว่ยโฉว “เจ้าคิดว่าอย่างไรเว่ยโฉว?”

เว่ยโฉวกระชับคันศรกลืนปีศาจด้วยแววตายากจะคาดเดา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง “แม้สมาชิกส่วนใหญ่ในสำนักอัศวินจะเป็นแค่คนธรรมดา ทว่าก็ถูกปลูกฝังมาโดยคำสอนของสำนักอัศวิน ถึงเราจะเมตตาก็ใช่ว่ามันจะเมตตาเรากลับ ด้วยเหตุนี้จงอย่าได้เชื่อใจพวกมันเป็นอันขาด”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “เช่นนั้นก็กำจัดพวกมันเสียให้หมด”

“ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”

หลินมู่อวี่ครุ่นคิดท่ามกลางแสงจันทราที่สาดสะท้อนผ้าคลุมขาว เขากำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่ขณะที่หลายชีวิตกำลังจะถูกฆ่า หรือ…ตอนนี้ตนได้กลายเป็นขี้ข้าของจักรวรรดิโดยสมบูรณ์แล้ว? หลินมู่อวี่ส่ายหัว ไม่…เป็นไปไม่ได้ เขาคิดเองได้ไม่ต้องให้ใครมาบอกและจะไม่หลงผิดเป็นอันขาด ณ ตอนนี้การสังหารสมาชิกสำนักอัศวินเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คิดเพียงว่าทหารจักรวรรดิไม่มีทางทำร้ายประชาชนของตนก็พอแล้ว

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าขอกองทัพม้ากำลังตรงมาที่นี่ ภายใต้แสงจันทร์ปรากฏกองทัพสมาชิกสำนักอัศวินกว่าสองร้อยคนขึ้นในป่า พวกมันมาจากทางตะวันตกของหุบเขาพร้อมเข้าโจมตีทันที เท่าที่สังเกตมีทหารม้าอยู่ราวยี่สิบคนนำทัพ และตามมาด้วยทหารชำนาญการติดอาวุธ พลังยุทธ์ของสมาชิกทั้งหมดอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่ากองทหารนี้เป็นส่วนหนึ่งของสำนักอัศวินจากมณฑลกวนหลิงอย่างแน่นอน

ทหารที่มีรอยบากบนในหน้าคำรามลั่น เขาวิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบยาวในมือ! “จัดการพวกหมารับใช้จักรวรรดิให้หมดในเมื่อพวกมันรนหาที่ตายเอง จงอย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”

ทหารชำนาญการผู้นี้มีเหรียญทองติดอยู่ที่หน้าอก…แสดงว่าเป็นสมาชิกทหารเหรียญทอง ทว่าไม่ได้แข็งแกร่งมาก พลังยุทธ์อยู่เพียงระดับปฐพีขั้นหนึ่งเท่านั้น เมื่อได้รับคำสั่งกลุ่มทหารก็บุกเข้าจู่โจมค่ายของหลินมู่อวี่ พังกระโจม ทำลายกองไฟและธงทหารจักรวรรดิจนสิ้นด้วยความหยิ่งผยอง

เว่ยโฉวดึงคันศรออกมาเตรียมพร้อมและขอคำสั่งจากหลินมู่อวี่

หลินมู่อวี่พยักหน้าเป็นสัญญาณ

“ฟิ้ว!”

ลูกศรถูกยิงจากคันศรปีศาจ พุ่งทะลวงลำคอของชายหน้าบากโดยตรง! เลือดที่แดงสดไหลเป็นทาง ทหารเหรียญทองถูกฆ่าตายด้วยความแม่นยำเพียงดอกเดียวของเว่ยโฉว!

“ยิง!” เซี่ยโหวหางตะโกนสั่ง

ฝนธนูถูกยิงจากทหารจักรวรรดิกว่าร้อยคนไปยังค่ายที่พวกสำนักอัศวินกำลังบุกทำลายอยู่ เสียงคร่ำครวญอย่างน่าเวทนาร้องระงมไปทั่ว กว่าจะรู้ตัวว่าถูกยิงจากทิศไหนก็ตายครึ่งกองทัพแล้ว

“ชิ้ง!”

หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกพร้อมตะโกนลั่น “ควบม้าบุกได้!”

“รับทราบ!”

ทหารขึ้นควบม้าและบุกเข้าไปตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว โดยมีหลินมู่อวี่ เว่ยโฉว และองครักษ์อีกหลายคนนำทัพ ทั้งหมดปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์พร้อมปะทะ ทหารจากสำนักนักอัศวินที่เหลือคงต้านการโจมตีนี้ไม่ไหวแน่นอน

“ฉึก!”

หลินมู่อวี่วาดกระบี่วิญญาณมังกรฟันทหารสำนักอัศวินถือโล่จนขาดครึ่ง! ก่อนจะหันไปตัดหัวทหารถือง้าวสองคนที่พุ่งเข้ามา กระบี่เคลือบปราณยุทธ์ร่ายรำอย่างต่อเนื่องจนทหารล้มตายอีกหลายราย

ทันใดนั้นเบื้องหน้าหลินมู่อวี่ก็ปรากฏทหารชำนาญเจ็ดคนการควบม้ามาพร้อมกับหอก

หลินมู่อวี่เก็บกระบี่เข้าฝักก่อนจะล้วงถุงสรรพสิ่งหาทวนหลีฮวา ดอกสาลี่หิมะสามดอกเบ่งบานขึ้นกลางอากาศขณะที่หลินมู่อวี่ตวัดหอกเข้าโจมตี! ทหารชำนาญการถูกซัดกระเด็นไถลไปกับพื้น หลินมู่อวี่ใช้ทักษะหอกที่ได้ร่ำเรียนมาจากจ้าวจิ้นบุกทะลวงต่อ ปลายหอกฟาดปะทะกับศัตรูอยากหนักหน่วงก่อนจะเสียบทะลุอกของฝ่ายตรงข้าม!

ทว่าทหารนายนั้นกลับใช้มือยึดทวนหลีฮวาไว้และคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น “ตายไปด้วยกันเถิดไอ้ขี้ข้า!”

หลินมู่อวี่ยิ้มเยาะก่อนจะรวบรวมปราณยุทธ์ไว้ที่แขน และเหวี่ยงทวนหลีฮวาทั้งร่างของทหารผู้นั้นใส่ทหารอีกสองคนข้างๆ! เลือดสดทะลักออกจมูกเมื่อศีรษะทั้งสามอัดกระแทกกัน ช่างน่าขยะแขยงจนหลินมู่อวี่แทบสำรอก! หลินมู่อวี่เรียกกำแพงน้ำเต้าสีทองออกมาป้องกันการโจมตีจากศัตรูคนอื่นๆ ทั้งยังช่วยบังภาพอุจาดตาเมื่อครู่ด้วย

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเซี่ยโหวซางปลิดชีพทหารจากสำนักอัศวินคนสุดท้ายได้ ทหารกว่าสองร้อยนายถูกสังหารเรียบในขณะที่ทหารจักรวรรดิบาดเจ็บเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นับว่าเป็นการชนะอย่างขาดลอย

“ถุย!”

เซี่ยโหวซางถ่มน้ำลายรดศพด้วยสายตาเกลียดชัง “คิดจะบุกโจมตีอาณาจักรด้วยพวกขยะนี่อย่างนั้นรึ? อย่าฝันเฟื่องให้มากนัก!”

เว่ยโฉวกล่าว “หลังจากนี้ทำอย่างไรต่อขอรับท่านผู้บัญชาการ?”

หลินมู่อวี่เช็ดคราบเลือดจากทวนหลีฮวาออก “หาของมีค่าจากศพแล้วฝังพวกมันเสีย เราจะออกจากที่นี่พรุ่งนี้เช้า”

“ขอรับ!”

เซี่ยโหวซางบ่นพึมพำ “เหตุใดเราต้องฝังพวกกบฏนี่ด้วย? ข้าว่าปล่อยมันทิ้งไว้ให้พวกอสูรมากิน หรือตัดหัวเสียบประจานให้ใครก็ตามที่คิดจะเป็นปฏิปักษ์ต่ออาณาจักรนี้รับรู้ จะได้ไม่มีใครกล้าคิดต่อต้านเราอีกจะดีกว่านะขอรับ”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วกล่าว “หากทำเช่นนั้นเราจะกลายเป็นสุนัขรับใช้จักรวรรดิอย่างที่เขาว่า องค์จักรพรรดิฉินจิ้นทรงปกครองแผ่นดินนี้ด้วยความกรุณา คงไม่คิดจะส่งสาส์นด้วยวิธีโหดร้ายเยี่ยงนี้แน่”

เซี่ยโหวซางตกตะลึงใครคำพูดของหลินมู่อวี่พลางคำนับก่อนจะเอ่ยขึ้น “ขออภัยด้วยขอรับท่านผู้บัญชาการ ข้าไม่ทันได้ตระหนักถึงเรื่องนั้น”

“ไม่ต้องขอโทษข้าก็ได้ รีบไปกันเถิด”

“ขอรับ!”

เว่ยโฉวกลับมาพร้อมกับกระดาษเปื้อนเลือดม้วนหนึ่งหลังจากหายไปไม่นาน “ข้ามีบางสิ่งมาให้ท่านดูขอรับ””

“สิ่งใดหรือ?”

“เป็นใบอนุญาตผ่านทางขอรับ”

หลินมู่อวี่คว้าม้วนกระดาษมาเปิดดู แม้เนื้อหาส่วนใหญ่จะมีคราบเลือดบังอยู่ ทว่าตรงหัวกระดาษยังคงอ่านได้ชัดเจน เมื่อสำรวจแล้วพบว่าเป็นใบอนุญาตเพื่อให้สมาชิกสำนักอัศวินหนึ่งร้อยคนผ่านทางจากมณฑลชางหนานไปมณฑลหลิงเป่ยได้โดยมีตราผู้ว่าเมืองชางหนานรับรองอยู่

เว่ยโฉวเอ่ยขึ้น “หูเถี่ยหนิงผู้ว่าการแห่งชางหนานช่างอาจหาญนัก บังอาจขัดพระราชโองการขององค์จักรรพรรดิที่ให้กำจัดสำนักอัศวิน ทั้งยังออกใบอนุญาตผ่านทางให้อีก”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าใบอนุญาตนี้ออกก่อนมีรับสั่ง?”

“เป็นไปไม่ได้ขอรับ” เว่ยโฉวตอบอย่างมั่นใจ “องค์จักรพรรดิได้ส่งสาส์นไปทั่วราชอาณาจักรหลังเหตุลอบปลงพระชนม์ ณ ตำหนักกวางโศกา ทว่าใบอนุญาตนี้เพิ่งถูกประทับตราเมื่อห้าวันก่อนนี้เองขอรับ”

หลินมู่อวี่ม้วนใบอนุญาตเก็บเข้าถุงสรรพสิ่งพลันเอ่ยขึ้น “จงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องนี้เสีย”

เว่ยโฉวตอบรับ “ขอรับ!”

หูเถี่ยหนิงเป็นถึงผู้ว่าการมณฑลและมีทหารใต้บัญชาเกือบหมื่นนายคงไม่คิดเคลื่อนไหวอย่างสุ่มเสี่ยงโดยไร้แผน กระดาษเพียงแผ่นเดียวยังไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ว่ามีความผิด อันที่จริงหลินมู่อวี่กำลังเดินทางไปปมณฑลชางหนานเพื่อขอความช่วยเหลือจากหูเถี่ยหนิงเรื่องดอกผิงเม่ย ต่อเมื่อได้สิ่งที่ต้องการค่อยสะสางเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย

สามวันต่อมา ทหารม้าจักรวรรดิเดินทางถึงเมืองห้าหุบเขาในมณฑลชางหนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ เมืองนี้มีประชากรทั้งหมดสองล้านกว่าคนและมีชื่อเสียงอย่างมาก ชาวเมืองต่างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีจากทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งกล่าวกันว่าอาหารกว่าครึ่งที่ส่งไปเมืองหลันเยี่ยนมาจากเมืองห้าหุบเขา ด้วยเหตุนี้เมื่อสิบปีก่อนฉินจิ้นจึงมีรับสั่งให้สร้าง ‘ถนนอุปทาน’ เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้า

หากมองจากด้านนอกเมืองห้าหุบเขานั้นสวยงามมากแม้จะไม่มีภูเขาสูงมากมายเหมือนเมืองหลันเยี่ยน บริเวณถนนสายหลักมีประชาชนและร้านค้าอยู่เนืองแน่นพร้อมกับทหารยามที่คอยลาดตระเวนอยู่

เมื่อกองทหารของหลินมู่อวี่ปรากฏตัวก็มีกลุ่มทหารม้าในเมืองก็ออกมาต้อนรับอย่างดี หัวหน้ากลุ่มทหารที่มีลักษณะคล้ายนักปราชญ์ทว่ามีหน้าตาเหมือนลิงคำนับพลางยิ้มทักทาย “ท่านผู้ว่าส่งข้ามาต้อนรับท่านขอรับ! ข้ามีนามว่าหูหยาง…เป็นแม่ทัพแห่งจวนผู้ว่าการ ยินดีที่ได้พบท่านหลินมู่อวี่อันดับสองของสี่ผู้กล้าแห่งเมืองหลันเยี่ยน และนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านแวะมายังเมืองห้าหุบเขาแห่งนี้ขอรับ!”

หลินมู่อวี่ยิ้มรับ “ไม่ต้องพิธีรีตองมาก็ได้ท่าน”

“ผู้บัญชาการหลินเดินทางมาไกลคงเหนื่อย ได้โปรดตามข้ามา…ท่านผู้ว่าหูเถี่ยหนิงได้จัดสำรับรอท่านที่จวนผู้ว่าแล้วขอรับ”

“ทราบแล้ว…ขอบคุณมาก!”

เซี่ยโหวซางแอบหัวเราะ “หูเถี่ยหนิงผู้นี้ช่างรู้งานดีเสียจริง”

หลินมู่อวี่หันไปจ้องหน้าเซี่ยโหวซางจนเจ้าตัวรีบหุบปากโดยไว

ระหว่างที่ทั้งหมดเดินทางเข้าไปในตัวเมือง เมื่อผ่านตลาดก็สังเกตเห็นว่ามีหญิงสาวหลายร้อยคนในชุดต่างเมืองกำลังถูกเหล่าทหารพาตัวไป บางคนร้องห่มร้องไห้ บางคนมีสีหน้าแววตาอันขุ่นแค้นและเกลียดชัง

หลินมู่จึงเอ่ยถาม “ท่านหูหยาง เกิดสิ่งใดขึ้นกับหญิงเหล่านั้นหรือ?”

หูหยางมองดูกลุ่มคนที่ถูกกล่าวถึงด้วยท่าทีเหยียดหยามก่อนจะหันมายิ้มและกล่าว “คนเถื่อนพวกนั้นคือทาสจากมณฑลหลิงดงขอรับ พวกมันเคยนำกำลังสองหมื่นคนข้ามมณฑลเทียนชู่มาโจมตีเมืองห้าหุบเขาของเรา ยังดีที่ท่านผู้ว่าหูเถี่ยหนิงรีบนำทหารม้าหมื่นนายเข้าหยุดการก่อจลาจลได้ทันก่อนมีการสูญเสีย”

หูหยางยิ้มอีกครั้งก่อนจะกล่าวต่อ “ผู้หญิงเถื่อนพวกนี้ถูกจับได้ และจะถูกขายเป็นทาสรับใช้ราคาถูกเพียงคนละไม่กี่เหรียญทอง ส่วนคนที่หยาบกระด้างหน่อยก็ขายในราคาไม่กี่เหรียญเงิน ไม่ทราบว่าท่านสนใจสักคนหรือไม่ขอรับ?”

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “คงไม่ ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น”

หูหยางยิ้ม “ท่านดูเป็นผู้ดีมากกว่าจะใช้ผู้หญิงเถื่อนชั้นต่ำเยี่ยงนี้จริงๆ”

“ถูกต้อง แล้วทาสพวกนี้จะถูกขายให้ใครงั้นรึท่านหูหยาง?”

หูหยางตอบ “คนที่หน้าตาสะสวยจะถูกขายให้กับพวกขุนนางหรือเศรษฐีเพื่อเอาไปปรนเปรอ ส่วนพวกที่เหลือส่วนใหญ่จะถูกขายเป็นทาส อันที่จริงเมื่อมีการแพ้สงคราม…พวกผู้หญิงจะถูกจับไปเป็นทาสโดยไม่ต้องขายอยู่แล้ว”

หลินมู่อวี่ค่อนข้างประหลาดใจ “เป็นกฎของกองทัพจักรวรรดิที่ต้องจับผู้หญิงทุกครั้งที่บุกเมืองงั้นรึ?”

หูหยางพยักหน้า “กล่าวได้ว่าเป็นธรรมเนียมเสียมากกว่าขอรับ มิเช่นนั้นทหารคงไม่มีแรงกระตุ้น”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+