The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 235 เจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 235 เจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายลมและสายฝนเชื่อมต่อผืนโลกและท้องนภา กองทหารถูกล้อมรอบด้วยป่าเยือกแข็งและเสียงเท้าม้าดังเสียดหู หลินมู่อวี่นำหน้าองครักษ์ทั้งหกสิบนายผ่านป่าอันหนาวเหน็บเข้าสู่ชายแดนมณฑลชีไห่ แต่ละคนสวมหมวกเกราะสีเงินพร้อมผ้าคลุมสีขาวปิดบังใบหน้า หัวและไหล่ถูกหิมะปกคลุมพร้อมน้ำค้างแข็งเกาะที่ขนตา ชายแดนมณฑลชีไห่หนาวมากจนกลายเป็นพื้นที่เยือกแข็งซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากเมืองหลันเยี่ยน

‘ฮี้…’

หลินมู่อวี่หยุดม้าที่วิ่งอย่างรวดเร็วโดยฉับพลันจนเกือบทำให้ตกม้า เขาเปิดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าที่มีน้ำค้างแข็งเกาะ ก่อนจะทอดสายตาออกไปและพบว่ามีถนนสายหนึ่งตัดผ่านภูเขาเข้าสู่มณฑลชีไห่ อีกทั้งมีป้อมปราการตั้งตระหง่านท่ามกลางหิมะและสายลม

ชายแดนมณฑลชีไห่อยู่ที่นี่!

“ท่านขอรับ!”

เว่ยโฉวชี้ไปด้านหน้า “ดูนั่น! หน่วยสอดแนมของกองทัพทะลวงนภามาที่นี่แล้ว”

ไม่นานหลังจากเว่ยโฉวพูดจบ ก็มีร่างคนปรากฏขึ้นในหิมะ พวกเขาเป็นทหารม้าหนักที่สวมชุดเกราะกองทัพหลวง หน่วยสอดแนมพลันชักกระบี่ล้อมรอบกลุ่มหลินมู่อวี่ทันที ผู้นำกลุ่มซึ่งเป็นชายวัยกลางคนตะโกนขึ้นด้วยเสียงแหลมคม “เจ้าเป็นใคร ถึงได้บังอาจบุกเข้ามาในชายแดนมณฑลฉีไห่!?”

หลินมู่อวี่ควักเหรียญแม่ทัพองครักษ์ทางใต้ออกมา “แม่ทัพองครักษ์ทิศใต้คนใหม่ ข้าต้องการพบแม่ทัพตู้ไห่แห่งกองทัพทะลวงนภาพร้อมนำพระราชโองการของฝ่าบาทมาด้วย!”

“ท่านคือหลินมู่อวี่หรือ?” ผู้บัญชาการวัยกลางคนเลิกคิ้วก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “บุคคลในตำนานแห่งจักรวรรดิเป็นเด็กหนุ่มหน้าขาวซีดเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ…ฮ่าๆ ในเมื่อเป็นแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้ ก็ตามข้ามาเถิด ข้าจะพาท่านไปหาแม่ทัพใหญ่เอง”

“ขอบคุณมาก!”

หน่วยสอดแนมพลันหันกลับพร้อมชูธงกองทัพทะลวงนภาขึ้นและตะโกน “เปิดเส้นทาง!”

เสียงกีบเท้าม้าดังขึ้นพร้อมทหารทั้งสองร้อยนายควบม้าเข้าไปที่ชายแดนมณฑลชีไห่

เมื่อเข้าใกล้ป้อมปราการ หลินมู่อวี่ก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างตกตะลึงกับการป้องกันของป้อมปราการแห่งนี้ กำแพงทำจากหินก้อนใหญ่วางซ้อนกันสูงราวห้าสิบเมตรซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘ปราการตามธรรมชาติ’ มีการฉาบเหล็กบางบนผนังพร้อมทั้งมีมีดปลายแหลมฝังอยู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ ทางเดียวที่จะบุกเข้าป้อมปราการคือทำลายประตู ทว่าประตูใหญ่นั้นทำขึ้นจากเหล็กบริสุทธิ์ซึ่งการโจมตีธรรมดาไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่มันได้

“เปิดประตู!” ผู้บัญชาการวัยกลางคนยกเหรียญขึ้นสูง

ท่ามกลางลมหนาวและหิมะ ทหารบนกำแพงโบกมือก่อนที่ประตูบานใหญ่หนาราวหนึ่งเมตรจะเปิดออกอย่างเชื่องช้าพร้อมเสียงเหล็กขยับดังขึ้น มีทหารของกองทัพทะลวงนภากลุ่มหนึ่งถือศาสตราวุธรออยู่ด้านใน บนใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

“แม่ทัพหลิน โปรดมากับข้า!”

“ขอบคุณมาก!”

หน่วยสอดแนมควบม้าผ่านถนนสายหลักของป้อมปราการ

เว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางมองสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างตื่นตกใจ นั่นมันธรณีประตูอะไรกัน…ช่างเป็นเมืองที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!

ดูเหมือนผู้บัญชาการหน่วยสอดแนมจะสังเกตเห็นความคิดพวกเขาก่อนจะเผยยิ้มจางๆ “ท่านแม่ทัพเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าเมืองหน้าด่านชีไห่นั้นทะลวงผ่านได้ยาก ป้อมปราการแห่งนี้เป็นที่หนึ่งในปฐพี มีอาวุธและเสบียงมากเพียงพอสำหรับกองทัพเก้าหมื่นนายใช้กว่าเจ็ดปี จักรพรรดิองค์ก่อนทรงใช้เวลาสร้างเมืองหน้าด่านนี้ถึงยี่สิบเอ็ดปี!”

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “ถือได้ว่านี่คือสิ่งมหัศจรรย์!”

“ฮ่า!” ผู้บัญชาการหน่วยสอดแนมมองอย่างภาคภูมิใจ “แม่ทัพใหญ่ตู้ไห่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำของ ‘เจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ’ ซึ่งปกป้องเมืองหน้าด่านชีไห่มานานเกือบสิบปี ป้อมปราการนี้ไม่เคยถูกตีพ่ายสักครั้งเดียว ฮ่า…ตั้งสิบปี!”

หลินมู่อวี่ตะลึง “เจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ?”

“ใช่!”

ผู้บัญชาการหน่วยสอดแนมถูจมูกและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทว่าสมญานามนี้ถูกตั้งขึ้นโดยพี่น้องในกองทัพ ฝ่าบาทมิได้ทรงอนุญาต ฮ่าๆ คิดเสียว่านี่คือเรื่องตลก”

หลินมู่อวี่รู้สึกสนใจจึงเอ่ยถาม “แม่ทัพทั้งเจ็ดเหล่านั้นเป็นผู้ใดกัน?”

“เมื่อเรียงตามลำดับจะได้ ตู้ไห่ เซี่ยงอวี้ เฟิงจี้สิง ฉินเหลย เฟิงเทียนหนาน จื่อเย่า และหลินอี้ ฮ่าๆ…แม่ทัพใหญ่ได้รับการจัดอันดับสูงกว่าเซี่ยงอวี้ทายาทเหวินเทียนเสียอีก!”

“…”

หลินมู่อวี่เผยยิ้มจางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาสนใจตู้ไห่ผู้นี้มากกว่า บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิจะเป็นคนเช่นไร?

ในที่สุดทุกคนก็มาถึงกำแพงที่สองของหน้าด่านเมืองชีไห่ มีเสียงของทหารดังขึ้นจากด้านบน “เปิดประตูพยัคฆ์!”

‘แอ๊ด…’

เสียงเหล็กดังเสียดแทงหูขณะที่ประตูขนาดใหญ่ประดับหัวพยัคฆ์สีทองเปิดออกอย่างเชื่องช้า กองทหารหลินมู่อวี่รีบเข้าประตูธรณีและมาถึงใจกลางป้อมปราการในที่สุด

ภายในประตูพยัคฆ์เป็นโถงขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างเงียบและตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีคบเพลิงส่องสว่างตลอดทางและมีทหารยืนอยู่ทั้งสองข้างของโถงพร้อมอาวุธในมือ หลินมู่อวี่กราดมองบริเวณโดยรอบ มีทหารอย่างน้อยสามพันนาย ซึ่งได้รับการคุ้มกันอย่างเข้มงวด มีทหารยศสูงกำลังดื่มและสนทนากันด้านใน

ผู้บัญชาการหน่วยสอดแนมออกมารายงาน “ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านหลินมู่อวี่ผู้เป็นแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้แห่งเมืองหลันเยี่ยนอยู่ที่นี่พร้อมพระราชโองการขอรับ”

“ให้เขาเข้ามา คงเป็นการรบกวนนายพลหลิว เช่นนั้นออกไปได้!”

“ขอรับแม่ทัพใหญ่!”

หลินมู่อวี่เดินนำเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางไปด้านหน้า ทันใดนั้นก็มีสายตาคมกริบราวกับดาบจ้องมองมาจากเหล่ากองทัพทะลวงนภาซึ่งสร้างแรงกดดันให้แก่พวกหลินมู่อวี่

ทหารบางคนในกลุ่มเป็นถึงผู้บัญชาการกองหมื่นผู้มีดาวหกแฉกสีทองสองดวงที่ปกเสื้อแลดูน่าเกรงขาม แม่ทัพตรงกลางมีอายุราวสี่สิบปีพร้อมดาวหกแฉกสีทองสามดวงและรอยบากบนใบหน้า สายตาเปล่งประกายมองมายังหลินมู่อวี่ก่อนจะลุกขึ้นยืนประสานมือ “แม่ทัพหลินมู่อวี่มาเยือนจากแดนไกล โปรดอภัยให้ตู้ไห่ที่มิได้ออกไปต้อนรับ”

หลินมู่อวี่พลันประสานมืออย่างเคารพ “แม่ทัพใหญ่ช่างมีเมตตากับข้าน้อย ข้านำพระราชโองการขององค์จักรพรรดิมาให้ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ”

“อืม!”

เมื่อเอ่ยถึงชื่อของจักรพรรดิ สีหน้าดุดันของตู้ไห่พลันหายไป เขารีบคุกเข่าต่อหน้าหลินมู่อวี่พร้อมประสานมือ “ข้าน้อยตู้ไห่น้อมรับพระราชโองการขอรับ!”

ผู้บัญชาการกว่ายี่สิบคนต่างคุกเข่าลงด้วยสีหน้าจริงจัง

หลินมู่อวี่หยิบพระราชโองการออกมาอ่าน “พระราชโองการกล่าวว่า แม่ทัพใหญ่ตู้ไห่จักต้องมอบทหารฝีมือดีสองหมื่นนายแก่แม่ทัพองครักษ์ทิศใต้หลินมู่อวี่ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปมณฑลชางหนานเพื่อปราบปรามกลุ่มกบฏสำนักอัศวินที่เหลืออยู่ โดยกำหนดเวลาหกสิบวัน ไม่ว่าจะสามารถกำจัดได้หรือไม่ แม่ทัพหลินมู่อวี่จักต้องส่งกองกำลังสองหมื่นนายกลับคืนเมืองหน้าด่านฉีไห่ และแม่ทัพตู้ไห่ต้องจัดเตรียมทรัพยากรที่จำเป็นแก่พวกเขา จบพระราชโองการ”

ตู้ไห่ตะลึงก่อนจะเงยหน้าขึ้น “ฝ่าบาทมีพระประสงค์…ให้ข้าน้อยมอบกองกำลังให้ท่านอย่างนั้นหรือ?”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “ขอรับ ท่านแม่ทัพจะน้อมรับพระราชโองการหรือไม่?”

“อืม!”

ตู้ไห่น้อมรับและมองหลินมู่อวี่ “แม่ทัพหลินมู่อวี่เป็นวีรบุรุษหนุ่มที่หาได้ยากอย่างแท้จริง ย้อนกลับไปเมื่อตู้ไห่อายุเท่าท่าน ข้ายังเป็นเพียงทหารตัวเล็กๆ ทว่าแม่ทัพหลินกลับเป็นถึงแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้ และยังได้รับผิดชอบการใหญ่จากฝ่าบาทในการนำทัพทหารสองหมื่นนาย เหล่าผู้บัญชาการกองทัพจักรวรรดิมิสามารถเปรียบเทียบกับท่านได้เลย ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก!”

คำพูดของตู้ไห่มิได้เมตตาหรือไร้ปรานีมากเกินไปทำให้หลินมู่อวี่ไม่แน่ใจว่าควรตอบกลับอย่างไร เขาทำได้เพียงตอบกลับอย่างสุภาพ “ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงรับความกรุณาที่ไม่สมควรได้รับจากฝ่าบาท ข้าสงสัยว่า…ท่านแม่ทัพจะเตรียมกองกำลังทหารฝีมือดีทั้งสองหมื่นนายให้ได้เมื่อไหร่ขอรับ?”

“อย่ารีบร้อนไป ทหารสองหมื่นนายมิใช่จำนวนที่น้อย จึงต้องรวบรวมอย่างรอบคอบ แทบไม่ต้องพูดถึงว่าเหล่าทหารทั้งสองหมื่นนั้นต้องการอาวุธ ม้า และเสบียงอาหาร ซึ่งพวกเราจะจัดการให้ในวันรุ่งขึ้น แม่ทัพหลินมีความเห็นอย่างไร?”

“ดีขอรับ ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่”

“มิต้องถ่อมตัวไป พวกเราต่างก็ทำเพื่อจักรวรรดิซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายเดียวกัน เข้ามาเถิดแม่ทัพหลินและนายกองทั้งสอง เข้ามานั่งตรงนี้ ด้านนอกอากาศหนาว ดังนั้นมาดื่มเพื่ออบอุ่นร่างกายกันเถิด”

“ขอบคุณขอรับ”

เวลาผันผ่านจนพลบค่ำ ทุกคนก็เริ่มมึนเมา ขณะที่นายพลบางรายก็เมาอย่างหนัก

หลินมู่อวี่ใช้คาถาสงบจิตตลอดเวลา จู่ๆ เว่ยโฉวก็เดินเข้ามากระซิบ “ท่านขอรับ ข้าน้อยได้สังเกตการณ์ว่าพวกเขาคัดสรรทหารอย่างไร ซึ่งดูธรรมดามากเกินไป ส่วนใหญ่เป็นทหารเก่าและทหารเกณฑ์ใหม่ ทหารเก่าบางนายอายุกว่าหกสิบปีแล้ว เช่นนั้นพวกเขาจะต่อสู้ได้อย่างไร?”

“เจ้าแน่ใจหรือ?”

“แน่ใจขอรับ!” เว่ยโฉวเงยหน้ามองตู้ไห่ “แม่ทัพใหญ่แห่งจักรวรรดิเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น!”

หลินมู่อวี่พลันยกมือขึ้น “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดสิ่งใดแล้ว แม้เป็นทหารเก่าก็ไม่เป็นไร พวกเขาเคยผ่านศึกมามาก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งดี ในคราแรกข้ากังวลว่าตู้ไห่จะไม่ให้กองกำลังแก่พวกเรา ทว่าก็โชคดีที่สามารถได้รับมาบางส่วน ท้ายที่สุดทหารทั้งเก้าหมื่นนายเหล่านี้ก็เป็นผลจากการทำงานหนักของตู้ไห่”

“อืม ท่านหลินมู่อวี่พูดถูก”

หลังดื่มสุราไปพอสมควร ตู้ไห่ก็มองมาที่หลินมู่อวี่ด้วยสายตาเมามาย “ท่านแม่ทัพหลิน…เคยนำกองทัพเพื่อจักรวรรดิมาก่อนหรือไม่?”

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “ข้ามิเคยขอรับ”

“โอ้?”

ตู้ไห่เผยยิ้ม “ฝ่าบาททรงไว้วางพระทัยมอบกองกำลังให้แก่ผู้ที่ไม่เคยนำทัพมาก่อนเช่นนี้ ฝ่าบาททรงมีพระกรุณาแก่แม่ทัพตัวเล็กๆ เสียจริง…”

พูดจบตู้ไห่ก็พ่นลมจากจมูก “แม่ทัพหลิน ข้าน้อยมีบางสิ่งที่ไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือไม่”

“แม่ทัพใหญ่โปรดพูดมาเถิด”

“ในเมื่อแม่ทัพหลินไม่มีประสบการณ์ในการนำกองทัพ เช่นนั้นข้าจะจัดหานายพลเก่าแก่ในค่ายมาช่วยท่านแม่ทัพวางแผนดีหรือไม่?”

“นั่น…” หลินมู่อวี่ครุ่นคิดก่อนจะมองตู้ไห่ที่แสดงท่าทางเป็นนัยว่า ‘ข้าจะไม่ให้แม้แต่ทหารหรือม้าหากไม่ตกลง” หลินมู่อวี่จึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างจำนน “เอาล่ะ ข้าจะให้แม่ทัพใหญ่จัดการเรื่องนี้ให้…”

“ฮ่าๆ ดี!”

ขณะเดียวกันทุกคนต่างก็เติมเต็มท้องด้วยอาหารและสุรา ตู้ไห่พลันลุกขึ้นยืนกล่าว “นายพลทั้งหลาย เนื่องจากทุกท่านอิ่มท้องแล้ว เช่นนั้นควรกลับไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้เราจะตื่นแต่เช้าเพื่อฝึกฝน!”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!”

เหล่านายพลต่างลุกขึ้นและเดินออกไป

“แม่ทัพหลินหยุดก่อน” ตู้ไห่ทักขึ้น

หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าเผลอกินโอสถใดเข้าไป จึงยืนอยู่กับที่อย่างงุนงง ขณะที่เฝ้ามองเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางออกไปยังกระโจมทหารด้านนอก

“แม่ทัพใหญ่มีสิ่งใดหรือ?” หลินมู่อวี่ถาม

ตู้ไห่พ่นลมออกจมูกและดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ข้าฝึกฝนเหล่าทหารทั้งเก้าหมื่นนายแห่งเมืองหน้าด่านชีไห่ด้วยตนเอง อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นดั่งพี่น้องร่วมสายเลือด และการจะให้ข้ามอบพวกเขาให้นั้น…ข้าไม่เต็มใจเลยสักนิด! หลินมู่อวี่…ไม่เป็นไรหากท่านต้องการกองกำลังสองหมื่นนายเหล่านั้น ทว่าต้องแสดงความสามารถที่แท้จริงให้ข้าเห็นซะ!”

“ท่านต้องการให้ข้าทำอย่างไร?” หลินมู่อวี่เผยแววตาดุร้าย เขารู้ดีว่าทุกอย่างจะไม่ราบรื่นถึงเพียงนี้

ตู้ไห่หัวเราะก่อนจะตวัดดาบ “รับสามกระบวนท่าของข้าไป หากไม่สามารถต้านรับได้ เช่นนั้นท่านก็ไม่มีความสามารถจะนำกองทัพ!”

“ดี!” หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาพร้อมเสียงกระบี่คำรามดังก้องไปถึงกระโจมทหาร

….

“ท่าไม่ดีแล้ว ท่านแม่ทัพกำลังจะต่อสู้…” เว่ยโฉวขมวดคิ้ว

เซี้ยโหวซางสูดหายใจลึก “มิจำเป็นต้องกังวล แม้ตู้ไห่จะอยู่ขอบเขตนภาชั้นที่สาม ทว่าท่านแม่ทัพต้องไม่แพ้อย่างแน่นอน อีกทั้ง…ตู้ไห่คงไม่กล้าสังหารท่านหลินมู่อวี่”

“อืม ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น…”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 235 เจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 235 เจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายลมและสายฝนเชื่อมต่อผืนโลกและท้องนภา กองทหารถูกล้อมรอบด้วยป่าเยือกแข็งและเสียงเท้าม้าดังเสียดหู หลินมู่อวี่นำหน้าองครักษ์ทั้งหกสิบนายผ่านป่าอันหนาวเหน็บเข้าสู่ชายแดนมณฑลชีไห่ แต่ละคนสวมหมวกเกราะสีเงินพร้อมผ้าคลุมสีขาวปิดบังใบหน้า หัวและไหล่ถูกหิมะปกคลุมพร้อมน้ำค้างแข็งเกาะที่ขนตา ชายแดนมณฑลชีไห่หนาวมากจนกลายเป็นพื้นที่เยือกแข็งซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากเมืองหลันเยี่ยน

‘ฮี้…’

หลินมู่อวี่หยุดม้าที่วิ่งอย่างรวดเร็วโดยฉับพลันจนเกือบทำให้ตกม้า เขาเปิดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าที่มีน้ำค้างแข็งเกาะ ก่อนจะทอดสายตาออกไปและพบว่ามีถนนสายหนึ่งตัดผ่านภูเขาเข้าสู่มณฑลชีไห่ อีกทั้งมีป้อมปราการตั้งตระหง่านท่ามกลางหิมะและสายลม

ชายแดนมณฑลชีไห่อยู่ที่นี่!

“ท่านขอรับ!”

เว่ยโฉวชี้ไปด้านหน้า “ดูนั่น! หน่วยสอดแนมของกองทัพทะลวงนภามาที่นี่แล้ว”

ไม่นานหลังจากเว่ยโฉวพูดจบ ก็มีร่างคนปรากฏขึ้นในหิมะ พวกเขาเป็นทหารม้าหนักที่สวมชุดเกราะกองทัพหลวง หน่วยสอดแนมพลันชักกระบี่ล้อมรอบกลุ่มหลินมู่อวี่ทันที ผู้นำกลุ่มซึ่งเป็นชายวัยกลางคนตะโกนขึ้นด้วยเสียงแหลมคม “เจ้าเป็นใคร ถึงได้บังอาจบุกเข้ามาในชายแดนมณฑลฉีไห่!?”

หลินมู่อวี่ควักเหรียญแม่ทัพองครักษ์ทางใต้ออกมา “แม่ทัพองครักษ์ทิศใต้คนใหม่ ข้าต้องการพบแม่ทัพตู้ไห่แห่งกองทัพทะลวงนภาพร้อมนำพระราชโองการของฝ่าบาทมาด้วย!”

“ท่านคือหลินมู่อวี่หรือ?” ผู้บัญชาการวัยกลางคนเลิกคิ้วก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “บุคคลในตำนานแห่งจักรวรรดิเป็นเด็กหนุ่มหน้าขาวซีดเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ…ฮ่าๆ ในเมื่อเป็นแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้ ก็ตามข้ามาเถิด ข้าจะพาท่านไปหาแม่ทัพใหญ่เอง”

“ขอบคุณมาก!”

หน่วยสอดแนมพลันหันกลับพร้อมชูธงกองทัพทะลวงนภาขึ้นและตะโกน “เปิดเส้นทาง!”

เสียงกีบเท้าม้าดังขึ้นพร้อมทหารทั้งสองร้อยนายควบม้าเข้าไปที่ชายแดนมณฑลชีไห่

เมื่อเข้าใกล้ป้อมปราการ หลินมู่อวี่ก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างตกตะลึงกับการป้องกันของป้อมปราการแห่งนี้ กำแพงทำจากหินก้อนใหญ่วางซ้อนกันสูงราวห้าสิบเมตรซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘ปราการตามธรรมชาติ’ มีการฉาบเหล็กบางบนผนังพร้อมทั้งมีมีดปลายแหลมฝังอยู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ ทางเดียวที่จะบุกเข้าป้อมปราการคือทำลายประตู ทว่าประตูใหญ่นั้นทำขึ้นจากเหล็กบริสุทธิ์ซึ่งการโจมตีธรรมดาไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่มันได้

“เปิดประตู!” ผู้บัญชาการวัยกลางคนยกเหรียญขึ้นสูง

ท่ามกลางลมหนาวและหิมะ ทหารบนกำแพงโบกมือก่อนที่ประตูบานใหญ่หนาราวหนึ่งเมตรจะเปิดออกอย่างเชื่องช้าพร้อมเสียงเหล็กขยับดังขึ้น มีทหารของกองทัพทะลวงนภากลุ่มหนึ่งถือศาสตราวุธรออยู่ด้านใน บนใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

“แม่ทัพหลิน โปรดมากับข้า!”

“ขอบคุณมาก!”

หน่วยสอดแนมควบม้าผ่านถนนสายหลักของป้อมปราการ

เว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางมองสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างตื่นตกใจ นั่นมันธรณีประตูอะไรกัน…ช่างเป็นเมืองที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!

ดูเหมือนผู้บัญชาการหน่วยสอดแนมจะสังเกตเห็นความคิดพวกเขาก่อนจะเผยยิ้มจางๆ “ท่านแม่ทัพเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าเมืองหน้าด่านชีไห่นั้นทะลวงผ่านได้ยาก ป้อมปราการแห่งนี้เป็นที่หนึ่งในปฐพี มีอาวุธและเสบียงมากเพียงพอสำหรับกองทัพเก้าหมื่นนายใช้กว่าเจ็ดปี จักรพรรดิองค์ก่อนทรงใช้เวลาสร้างเมืองหน้าด่านนี้ถึงยี่สิบเอ็ดปี!”

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “ถือได้ว่านี่คือสิ่งมหัศจรรย์!”

“ฮ่า!” ผู้บัญชาการหน่วยสอดแนมมองอย่างภาคภูมิใจ “แม่ทัพใหญ่ตู้ไห่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำของ ‘เจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ’ ซึ่งปกป้องเมืองหน้าด่านชีไห่มานานเกือบสิบปี ป้อมปราการนี้ไม่เคยถูกตีพ่ายสักครั้งเดียว ฮ่า…ตั้งสิบปี!”

หลินมู่อวี่ตะลึง “เจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ?”

“ใช่!”

ผู้บัญชาการหน่วยสอดแนมถูจมูกและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทว่าสมญานามนี้ถูกตั้งขึ้นโดยพี่น้องในกองทัพ ฝ่าบาทมิได้ทรงอนุญาต ฮ่าๆ คิดเสียว่านี่คือเรื่องตลก”

หลินมู่อวี่รู้สึกสนใจจึงเอ่ยถาม “แม่ทัพทั้งเจ็ดเหล่านั้นเป็นผู้ใดกัน?”

“เมื่อเรียงตามลำดับจะได้ ตู้ไห่ เซี่ยงอวี้ เฟิงจี้สิง ฉินเหลย เฟิงเทียนหนาน จื่อเย่า และหลินอี้ ฮ่าๆ…แม่ทัพใหญ่ได้รับการจัดอันดับสูงกว่าเซี่ยงอวี้ทายาทเหวินเทียนเสียอีก!”

“…”

หลินมู่อวี่เผยยิ้มจางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาสนใจตู้ไห่ผู้นี้มากกว่า บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิจะเป็นคนเช่นไร?

ในที่สุดทุกคนก็มาถึงกำแพงที่สองของหน้าด่านเมืองชีไห่ มีเสียงของทหารดังขึ้นจากด้านบน “เปิดประตูพยัคฆ์!”

‘แอ๊ด…’

เสียงเหล็กดังเสียดแทงหูขณะที่ประตูขนาดใหญ่ประดับหัวพยัคฆ์สีทองเปิดออกอย่างเชื่องช้า กองทหารหลินมู่อวี่รีบเข้าประตูธรณีและมาถึงใจกลางป้อมปราการในที่สุด

ภายในประตูพยัคฆ์เป็นโถงขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างเงียบและตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีคบเพลิงส่องสว่างตลอดทางและมีทหารยืนอยู่ทั้งสองข้างของโถงพร้อมอาวุธในมือ หลินมู่อวี่กราดมองบริเวณโดยรอบ มีทหารอย่างน้อยสามพันนาย ซึ่งได้รับการคุ้มกันอย่างเข้มงวด มีทหารยศสูงกำลังดื่มและสนทนากันด้านใน

ผู้บัญชาการหน่วยสอดแนมออกมารายงาน “ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านหลินมู่อวี่ผู้เป็นแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้แห่งเมืองหลันเยี่ยนอยู่ที่นี่พร้อมพระราชโองการขอรับ”

“ให้เขาเข้ามา คงเป็นการรบกวนนายพลหลิว เช่นนั้นออกไปได้!”

“ขอรับแม่ทัพใหญ่!”

หลินมู่อวี่เดินนำเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางไปด้านหน้า ทันใดนั้นก็มีสายตาคมกริบราวกับดาบจ้องมองมาจากเหล่ากองทัพทะลวงนภาซึ่งสร้างแรงกดดันให้แก่พวกหลินมู่อวี่

ทหารบางคนในกลุ่มเป็นถึงผู้บัญชาการกองหมื่นผู้มีดาวหกแฉกสีทองสองดวงที่ปกเสื้อแลดูน่าเกรงขาม แม่ทัพตรงกลางมีอายุราวสี่สิบปีพร้อมดาวหกแฉกสีทองสามดวงและรอยบากบนใบหน้า สายตาเปล่งประกายมองมายังหลินมู่อวี่ก่อนจะลุกขึ้นยืนประสานมือ “แม่ทัพหลินมู่อวี่มาเยือนจากแดนไกล โปรดอภัยให้ตู้ไห่ที่มิได้ออกไปต้อนรับ”

หลินมู่อวี่พลันประสานมืออย่างเคารพ “แม่ทัพใหญ่ช่างมีเมตตากับข้าน้อย ข้านำพระราชโองการขององค์จักรพรรดิมาให้ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ”

“อืม!”

เมื่อเอ่ยถึงชื่อของจักรพรรดิ สีหน้าดุดันของตู้ไห่พลันหายไป เขารีบคุกเข่าต่อหน้าหลินมู่อวี่พร้อมประสานมือ “ข้าน้อยตู้ไห่น้อมรับพระราชโองการขอรับ!”

ผู้บัญชาการกว่ายี่สิบคนต่างคุกเข่าลงด้วยสีหน้าจริงจัง

หลินมู่อวี่หยิบพระราชโองการออกมาอ่าน “พระราชโองการกล่าวว่า แม่ทัพใหญ่ตู้ไห่จักต้องมอบทหารฝีมือดีสองหมื่นนายแก่แม่ทัพองครักษ์ทิศใต้หลินมู่อวี่ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปมณฑลชางหนานเพื่อปราบปรามกลุ่มกบฏสำนักอัศวินที่เหลืออยู่ โดยกำหนดเวลาหกสิบวัน ไม่ว่าจะสามารถกำจัดได้หรือไม่ แม่ทัพหลินมู่อวี่จักต้องส่งกองกำลังสองหมื่นนายกลับคืนเมืองหน้าด่านฉีไห่ และแม่ทัพตู้ไห่ต้องจัดเตรียมทรัพยากรที่จำเป็นแก่พวกเขา จบพระราชโองการ”

ตู้ไห่ตะลึงก่อนจะเงยหน้าขึ้น “ฝ่าบาทมีพระประสงค์…ให้ข้าน้อยมอบกองกำลังให้ท่านอย่างนั้นหรือ?”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “ขอรับ ท่านแม่ทัพจะน้อมรับพระราชโองการหรือไม่?”

“อืม!”

ตู้ไห่น้อมรับและมองหลินมู่อวี่ “แม่ทัพหลินมู่อวี่เป็นวีรบุรุษหนุ่มที่หาได้ยากอย่างแท้จริง ย้อนกลับไปเมื่อตู้ไห่อายุเท่าท่าน ข้ายังเป็นเพียงทหารตัวเล็กๆ ทว่าแม่ทัพหลินกลับเป็นถึงแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้ และยังได้รับผิดชอบการใหญ่จากฝ่าบาทในการนำทัพทหารสองหมื่นนาย เหล่าผู้บัญชาการกองทัพจักรวรรดิมิสามารถเปรียบเทียบกับท่านได้เลย ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก!”

คำพูดของตู้ไห่มิได้เมตตาหรือไร้ปรานีมากเกินไปทำให้หลินมู่อวี่ไม่แน่ใจว่าควรตอบกลับอย่างไร เขาทำได้เพียงตอบกลับอย่างสุภาพ “ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงรับความกรุณาที่ไม่สมควรได้รับจากฝ่าบาท ข้าสงสัยว่า…ท่านแม่ทัพจะเตรียมกองกำลังทหารฝีมือดีทั้งสองหมื่นนายให้ได้เมื่อไหร่ขอรับ?”

“อย่ารีบร้อนไป ทหารสองหมื่นนายมิใช่จำนวนที่น้อย จึงต้องรวบรวมอย่างรอบคอบ แทบไม่ต้องพูดถึงว่าเหล่าทหารทั้งสองหมื่นนั้นต้องการอาวุธ ม้า และเสบียงอาหาร ซึ่งพวกเราจะจัดการให้ในวันรุ่งขึ้น แม่ทัพหลินมีความเห็นอย่างไร?”

“ดีขอรับ ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่”

“มิต้องถ่อมตัวไป พวกเราต่างก็ทำเพื่อจักรวรรดิซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายเดียวกัน เข้ามาเถิดแม่ทัพหลินและนายกองทั้งสอง เข้ามานั่งตรงนี้ ด้านนอกอากาศหนาว ดังนั้นมาดื่มเพื่ออบอุ่นร่างกายกันเถิด”

“ขอบคุณขอรับ”

เวลาผันผ่านจนพลบค่ำ ทุกคนก็เริ่มมึนเมา ขณะที่นายพลบางรายก็เมาอย่างหนัก

หลินมู่อวี่ใช้คาถาสงบจิตตลอดเวลา จู่ๆ เว่ยโฉวก็เดินเข้ามากระซิบ “ท่านขอรับ ข้าน้อยได้สังเกตการณ์ว่าพวกเขาคัดสรรทหารอย่างไร ซึ่งดูธรรมดามากเกินไป ส่วนใหญ่เป็นทหารเก่าและทหารเกณฑ์ใหม่ ทหารเก่าบางนายอายุกว่าหกสิบปีแล้ว เช่นนั้นพวกเขาจะต่อสู้ได้อย่างไร?”

“เจ้าแน่ใจหรือ?”

“แน่ใจขอรับ!” เว่ยโฉวเงยหน้ามองตู้ไห่ “แม่ทัพใหญ่แห่งจักรวรรดิเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น!”

หลินมู่อวี่พลันยกมือขึ้น “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดสิ่งใดแล้ว แม้เป็นทหารเก่าก็ไม่เป็นไร พวกเขาเคยผ่านศึกมามาก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งดี ในคราแรกข้ากังวลว่าตู้ไห่จะไม่ให้กองกำลังแก่พวกเรา ทว่าก็โชคดีที่สามารถได้รับมาบางส่วน ท้ายที่สุดทหารทั้งเก้าหมื่นนายเหล่านี้ก็เป็นผลจากการทำงานหนักของตู้ไห่”

“อืม ท่านหลินมู่อวี่พูดถูก”

หลังดื่มสุราไปพอสมควร ตู้ไห่ก็มองมาที่หลินมู่อวี่ด้วยสายตาเมามาย “ท่านแม่ทัพหลิน…เคยนำกองทัพเพื่อจักรวรรดิมาก่อนหรือไม่?”

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “ข้ามิเคยขอรับ”

“โอ้?”

ตู้ไห่เผยยิ้ม “ฝ่าบาททรงไว้วางพระทัยมอบกองกำลังให้แก่ผู้ที่ไม่เคยนำทัพมาก่อนเช่นนี้ ฝ่าบาททรงมีพระกรุณาแก่แม่ทัพตัวเล็กๆ เสียจริง…”

พูดจบตู้ไห่ก็พ่นลมจากจมูก “แม่ทัพหลิน ข้าน้อยมีบางสิ่งที่ไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือไม่”

“แม่ทัพใหญ่โปรดพูดมาเถิด”

“ในเมื่อแม่ทัพหลินไม่มีประสบการณ์ในการนำกองทัพ เช่นนั้นข้าจะจัดหานายพลเก่าแก่ในค่ายมาช่วยท่านแม่ทัพวางแผนดีหรือไม่?”

“นั่น…” หลินมู่อวี่ครุ่นคิดก่อนจะมองตู้ไห่ที่แสดงท่าทางเป็นนัยว่า ‘ข้าจะไม่ให้แม้แต่ทหารหรือม้าหากไม่ตกลง” หลินมู่อวี่จึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างจำนน “เอาล่ะ ข้าจะให้แม่ทัพใหญ่จัดการเรื่องนี้ให้…”

“ฮ่าๆ ดี!”

ขณะเดียวกันทุกคนต่างก็เติมเต็มท้องด้วยอาหารและสุรา ตู้ไห่พลันลุกขึ้นยืนกล่าว “นายพลทั้งหลาย เนื่องจากทุกท่านอิ่มท้องแล้ว เช่นนั้นควรกลับไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้เราจะตื่นแต่เช้าเพื่อฝึกฝน!”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!”

เหล่านายพลต่างลุกขึ้นและเดินออกไป

“แม่ทัพหลินหยุดก่อน” ตู้ไห่ทักขึ้น

หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าเผลอกินโอสถใดเข้าไป จึงยืนอยู่กับที่อย่างงุนงง ขณะที่เฝ้ามองเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางออกไปยังกระโจมทหารด้านนอก

“แม่ทัพใหญ่มีสิ่งใดหรือ?” หลินมู่อวี่ถาม

ตู้ไห่พ่นลมออกจมูกและดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ข้าฝึกฝนเหล่าทหารทั้งเก้าหมื่นนายแห่งเมืองหน้าด่านชีไห่ด้วยตนเอง อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นดั่งพี่น้องร่วมสายเลือด และการจะให้ข้ามอบพวกเขาให้นั้น…ข้าไม่เต็มใจเลยสักนิด! หลินมู่อวี่…ไม่เป็นไรหากท่านต้องการกองกำลังสองหมื่นนายเหล่านั้น ทว่าต้องแสดงความสามารถที่แท้จริงให้ข้าเห็นซะ!”

“ท่านต้องการให้ข้าทำอย่างไร?” หลินมู่อวี่เผยแววตาดุร้าย เขารู้ดีว่าทุกอย่างจะไม่ราบรื่นถึงเพียงนี้

ตู้ไห่หัวเราะก่อนจะตวัดดาบ “รับสามกระบวนท่าของข้าไป หากไม่สามารถต้านรับได้ เช่นนั้นท่านก็ไม่มีความสามารถจะนำกองทัพ!”

“ดี!” หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาพร้อมเสียงกระบี่คำรามดังก้องไปถึงกระโจมทหาร

….

“ท่าไม่ดีแล้ว ท่านแม่ทัพกำลังจะต่อสู้…” เว่ยโฉวขมวดคิ้ว

เซี้ยโหวซางสูดหายใจลึก “มิจำเป็นต้องกังวล แม้ตู้ไห่จะอยู่ขอบเขตนภาชั้นที่สาม ทว่าท่านแม่ทัพต้องไม่แพ้อย่างแน่นอน อีกทั้ง…ตู้ไห่คงไม่กล้าสังหารท่านหลินมู่อวี่”

“อืม ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น…”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+