The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 250 กู่ฉินจู่โจม

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 250 กู่ฉินจู่โจม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท้องฟ้ายามราตรีพร่างพราวด้วยดวงดาราน้อยใหญ่

ท่ามกลางลมหนาวที่พัดผ่าน กองไฟที่ลุกไหม้โบกสะบัดวูบวาบตามแรงลม กระโจมอย่างง่ายถูกตั้งขึ้นข้างหน้าผาหินแม้จะมีหญ้าบนพื้นเพียงเล็กน้อย ทว่าโชคดีที่หลินมู่อวี่นำเตียงใส่ถุงสรรพสิ่งมาด้วย ถุงวิเศษนี้ช่างมีประโยชน์อย่างมหาศาลหากไม่มีมันเขาคงไม่รู้จะพกของมากมายติดตัวได้อย่างไร

ทว่าเพียงแค่ชุดนอนกับกระโจมเก่าๆ คงไม่พอต้านความเย็นยะเยือกนี้ได้ รูรั่วข้างกระโจมนั้นทำหน้าที่รับลมหนาวเข้ามาด้านในได้เป็นอย่างดี

ฉินอินถอดรองเท้าก่อนขึ้นนั่งบนเตียงพลางมองก่อนไปด้านนอก “ท่านพี่ ด้านนอกเริ่มเย็นแล้วเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ เรากองไฟช่วยไล่สัตว์วิญญาณอยู่แล้ว”

“อืม”

หลินมู่อวี่เติมฟืนหนาสองสามท่อนเข้าไปในกองไฟก่อนจะเปิดกระโจมเข้าไปพร้อมลมหนาว หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วคอยมองด้านนอกอย่างไม่วางใจ

ฉินอินพยายามกลั้นเสียงหัวเราะพลางกล่าว “ท่านพี่กังวลสิ่งใดอยู่เจ้าคะ?”

“ป่าล่ามังกรหาใช่ที่ธรรมดาไม่…” หลินมู่อวี่ยิ้มกับตัวเอง “ครั้งล่าสุดที่เว่ยโฉว เซี่ยโหวซาง และข้านำกองกำลังเข้าไปลาดตระเวนในป่าลึก พวกข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะสัตว์วิญญาณด้านในไล่ล่าเอา จนถึงตอนนี้ความกลัวนั้นยังคงแฝงอยู่ในใจไม่หาย ดังนั้นเราถึงต้องคอยระวังยามค่ำคืนในป่าแห่งนี้ให้มากเพราะสัตว์อสูรบางตัวนั้นฉลาดจนน่าตกใจเชียวล่ะ”

ฉินอินยิ้ม “หากเป็นดังที่ท่านกล่าว นั่นคือส่วนลึกของป่าล่ามังกร ทว่าตอนนี้เราอยู่เพียงชายป่าเท่านั้น จะมีสัตว์วิญญาณแข็งแกร่งตนใดโผล่มาเล่า? อีกอย่างท่านพี่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าจุดประสงค์หลักของพวกมันคือการสร้างอาณาเขต ดังนั้นไม่มีสิ่งใดต้องกังวลเจ้าค่ะ เพราะตามธรรมชาติพวกมันจะไม่ทิ้งรังไปไกล”

“อืม”

หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ “ข้าคงยังฝังใจจากการไล่ล่าของอสูรเทวา…”

“อสูรเทวาหรือ?”

ฉินอินเบิกตากว้าง “พวกท่านเจออสูรเทวาจริงหรือเจ้าคะ?”

“ใช่…หากไม่เป็นเพราะมัน ฮันเช่าคงไม่ตายต่อหน้าต่อตาเรา…”

“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?”

“ครั้งที่สองที่ข้าเข้าป่าล่ามังกรเพื่อหาศิลาวิญญาณอรุณหกพันปีให้อวี่จื้อหยานเพื่อทำกระบี่ให้เจ้า” หลินมู่อวี่เอนกายลงหนุนหมอนแข็งพลางใช้มือหนุนหัวก่อนจะถอนหายใจและกล่าวต่อ “มันเป็นอสูรเทวาอายุหมื่นสามพันปี ซึ่งเราไม่มีทางเอาชนะมันได้เลย เป็นเพราะโชคช่วยถึงรอดชีวิตกลับมา”

“อสูรเทวาหมื่นปีเลยหรือ! นั่นมันสัตว์วิญญาณในตำนาน…” ฉินอินรู้เคืองเล็กน้อย “ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องเป็นเพราะตาแก่เจ้าเล่ห์เฉอชงแน่ หึ! หากข้ากลับถึงตำหนักเจ๋อเทียนเมื่อไร ข้าจะสั่งลงโทษมัน!”

“อย่าเลย”

หลินมู่อวี่หันมามองหน้าฉินอิน “เสี่ยวอิน…หน้าที่ขององครักษ์อวี้หลินคือการคุ้มกันตำหนักเจ๋อเทียน และหน้าที่หาศิลาวิญญาณอันล้ำค่ามาให้ราชวงศ์เป็นของหน่วยองครักษ์อินทรี แม้เจ้าจะไม่รู้ว่าเฉอชงเป็นคนมอบภารกิจในแก่พวกข้า…แต่เสด็จพ่อรู้ ดังนั้นไม่มีประโยชน์อันใดที่จะสืบสาวต่อ เรื่องที่จบไปแล้วก็จงปล่อยผ่านเสียเถิด”

ฉินอินชะงักเมื่อได้ฟังดังนั้น นางขยับร่างเล็กน้อยแล้วมองหลินมู่อวี่ด้วยสายตารู้สึกผิดราวเด็กไร้เดียงสา “ท่านพี่โปรดอภัยให้เสด็จพ่อเถิดเจ้าค่ะ ท่านคือจักรพรรดิจำเป็นต้องทำหน้าที่ในฐานะผู้นำ ข้าเชื่อว่าเสด็จพ่อไม่ได้เมินเฉยต่อชีวิตท่านพี่แน่นอน…”

“อืม…ข้าเข้าใจ”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ข้ารู้กฎของโลกนี้ดี…และข้าก็กำลังเรียนรู้มัน ถึงกระนั้นเสี่ยวอิน…หากเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ในวันข้างหน้า เจ้าเพิกเฉยต่อชีวิตผู้อื่นและออกคำสั่งเช่นนี้หรือไม่?”

ฉินอินส่ายหัวอย่างรุนแรง “ไม่เจ้าค่ะ ข้าให้คำมั่นว่าข้าจะไม่ทำเช่นนั้น!”

“หากเป็นเช่นนั้นก็ดี”

หลินมู่อวี่หลับตาลงพลางเอ่ย “ต่อจากนี้…ระหว่างทางทางที่ทอดไปสู่บัลลังก์ ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับเจ้า ก็คือศัตรูของหลินมู่อวี่ผู้นี้ด้วยเช่นกัน ข้าขอให้คำมั่น…ว่าข้าจะช่วยเหลือด้วยทุกอย่างที่ข้ามี ข้ารู้ว่าเวลาของเจ้าต้องมาถึงในสักวัน”

“ต่อเมื่อข้าได้ครองบัลลังก์แล้ว…ท่านจะยังอยู่เคียงข้างข้าหรือไม่?” ฉินอินถามเสียงอ่อย

“ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเมื่อวันนั้นมาถึง” หลินมู่อวี่พยักหน้า

“หากเป็นเช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ…” ฉินอินคว้ามือหลินมืออวี่มาประกอบแก้มนวลของตนพลางหลับตาเอ่ย “ข้าเฝ้าภาวนาให้เราได้อยู่กันอย่างนี้ตลอดไป…ไม่อยากให้อำนาจใดมาพรากความสัมพันธ์เราให้แยกจาก”

“ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น”

“เจ้าค่ะ…”

ไม่นานนักฉินอินก็เข้าสู่ห้วงแห่งความฝันทั้งที่ยังกุมมือหลินมู่อวี่ไว้แน่น นางหลับอย่างเงียบสงบราวกับภูตงามที่หลับลึกอยู่ในป่าชวนให้ผู้คนหลงใหลยามได้มอง

ใกล้รุ่งสาง หลินมู่อวี่ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา

ฟืนท่อนสุดท้ายถูกไหม้จนเหลือแต่ธุลี ทิ้งไว้เพียงควันจางลอยล่องไปในอากาศ

“กรร…”

ไม่ไกลจากบริเวณที่กระโจมตั้งอยู่ มีหมาป่าฝูงหนึ่งกำลังขบเขี้ยวพลางน้ำลายยืด ดวงตาสีน้ำตาลของพวกมันจดจ้องกระโจมหลังเล็กไม่กะพริบ ราวกับได้เจอกับอาหารอันโอชะ

จ่าฝูงหมาป่าส่งเสียงครางออกมาขณะมองด้วยสายตาแห่งความละโมบ แววตาของมันเปล่งประกายสีทองราวกับว่ามันมีความคิด มันสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณจางๆ ของมนุษย์สองคนในกระโจม จากพลังที่แผ่ขยายออกมานั้นกล่าวได้ว่าเป็นอาหารชั้นเลิศ! เพราะหากสัตว์วิญญาณได้กินมนุษย์ที่มีพลังยุทธ์ จะทำให้พลังและอายุขัยเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ความแข็งแกร่งของสัตว์วิญญาณสามารถวัดได้จากอายุขัย ดังนั้นอสูรอายุหมื่นปีอาจเกิดจากอสูรสามพันปีที่กลืนกินพลังยุทธ์จากมนุษย์

“บรู้ว…”

หมาป่าจ่าฝูงส่งเสียงหอนอย่างเกรี้ยวกราดนำฝูงหมาป่าสามสิบตัวบุกเข้าโจมตีกระโจมของหลินมู่อวี่

ขณะกำลังหลับอย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้นทักษะชีพจรวิญญาณของหลินมู่อวี่ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานอันทรงพลังได้ เขารีบลุกขึ้นโดยพลันและปลุกฉินอินให้ตื่น “เสี่ยวอินตื่นเร็ว…มีสัตว์วิญญาณกำลังซุ่มโจมตี!”

“เจ้าค่ะ!”

ฉินอินลุกขึ้นสวมรองเท้าโดยพลันก่อนจะดึงถุงนภาครามที่มัดเอวไว้แล้วหยิบกู่ฉินออกมา

“แล้วเจ้าเอากู่ฉินออกมาทำไมกัน?” หลินมู่อวี่ถามด้วยความสงสัย “สัตว์อสูรที่โจมตีเราคือฝูงหมาป่าวาโย เจ้าคิดจะเอากู่ฉินนั่นฆ่ามันให้ตายทีละตัวรึ?”

ฉินอินหัวเราะลั่น “เดี๋ยวท่านจะได้เห็น”

“ตามใจเจ้าก็แล้วกัน…”

หลินมู่อวี่ออกจากกระโจมพลางกระชับกระบี่ยาวไว้ในมือ ฝูงหมาป่าวาโยใกล้เข้ามาแล้ว! จากที่เห็นคงมีราวสามสิบตัวและดุร้ายอย่างมาก หมาป่าจ่าฝูงคือตัวที่มีแสงสีทองเปล่งประกายล้อมรอบแตกต่างจากตัวอื่น บนหัวของมันปรากฏเส้นสีทองสามเส้น เป็นสัตว์วิญญาณอายุสามพันปี ส่วนตัวที่เหลือไม่ได้ทรงพลังมากจนน่าเป็นห่วง เพราะมีอายุราวหนึ่งถึงสองพันปีเท่านั้น

กระบี่วิญญาณมังกรส่งเสียงร้องราวกับกำลังต้อนรับการสังหารหมู่ที่ใกล้เข้ามา

ทันใดนั้นเองฉินอินก็ออกมายืนข้างหลินมู่อวี่พร้อมกู่ฉิน ร่างบางปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์ก่อนจะส่งผ่านมันเข้าไปในกู่ฉิน วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะสีทองปรากฏขึ้นรอบนิ้วเรียวขณะเริ่มบรรเลงเครื่องสาย แม้ฉินอินจะสวมชุดเหมือนหญิงสาวทั่วไป ทว่าในสายตาของหลินมู่อวี่นางเหมือนภูตสวรรค์ที่ลงมาจุติยังโลกมนุษย์เสียมากกว่า ด้วยรูปร่างและรัศมีพลังที่แผ่ขยายไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวทั่วไปจะเทียบได้

“ท่านพี่อย่าขยับเชียวนะเจ้าคะ คอยดูข้าให้ดี”

ความมุ่งมั่นของฉินอินยิ่งใหญ่พอๆ กับหน้าอกของนาง ทั้งที่อายุยังน้อยและยังโตไม่เต็มที่ แต่ส่วนมโหฬารนั้นดันเสื้อผ้าจนแทบปริ หลินมู่อวี่พยายามละลายสายตาจากมันก่อนจะใช้ทักษะชีพจรวิญญาณควบคุมหัวใจอันร้อนรุ่มของตน

“บรู้ว!”

หมาป่ายักษ์วิ่งตรงเข้าหาทั้งคู่อย่างบ้าคลั่ง ปากสีเลือดแยกเขี้ยวกว้างพร้อมกัดกระชากเป้าหมาย!

ทันใดนั้นฉินอินก็สะบัดข้อมือดีดกู่ฉิน วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังสีทองซัดสาดใส่หมาป่าวาโย!

“ติ๊งๆๆ”

ด้วยเสียงดีดเครื่องสายสามครั้งติดต่อกัน ทำให้หมาป่าวาโยสามตัวร้องครวญครางและสิ้นใจลงทันที!

ฉินอินหันมายิ้มให้กับหลินมู่อวี่ก่อนจะปล่อยคลื่นเสียงสีทองออกไปอีกครั้ง เสียงกู่ฉินอันรวดเร็วบาดลึกเข้าหูหมาป่าวาโยสี่ตัวจนตาย! ด้วยเหตุนี้หลินมู่อวี่จึงไม่ต้องทำสิ่งใดอีก ปล่อยให้ฉินอินเป็นคนจัดการกับฝูงหมาป่าเพียงลำพัง

“วิชานี้…เจ้าเรียนมาจากผู้เฒ่าชวีหรือ?” หลินมู่อวี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าค่ะ”

ฉินอินพยักหน้า มือยังคงดีดเครื่องสายอย่างไม่ลดละ “ท่านผู้เฒ่าชวีเป็นผู้ชี้นำแก่ข้า ด้วยความพิเศษของพลังโซ่เทวะรวมเข้ากับคลื่นโจมตีของหมัดเสียงปีศาจ ทำให้โซ่เทวะเปลี่ยนรูปแบบโจมตีออกไปเป็นคลื่นอันทรงพลังได้”

“ยอดเยี่ยมมาก…” หลินมู่อวี่กล่าวชม โซ่เทวะในกล่าวได้ว่าเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พลังโจมตีของมันหาได้มีวิญญาณยุทธ์อื่นเทียบได้ไม่ ยังดีที่พลังของหลินมู่อวี่เป็นรูปแบบน้ำเต้าสายป้องกัน มิเช่นนั้นคงทานการโจมตีของโซ่เทวะได้ไม่ถึงสามครั้งเป็นแน่ ช่างเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เสียจริง

ไม่นานนักฝูงหมาป่าวาโยทั้งสามสิบตัวก็ถูกฉินอินจัดการจนสิ้น จ่าฝูงบาดเจ็บหนักและกำลังคิดหนีด้วยขาอันไร้เรี่ยวแรงของมัน ฉินอินถือกู่ฉินไว้พลางเอ่ย “ท่านพี่ช่วยจับหมาป่าวาโยสีทองอายุสามพันปีให้ข้าที ข้าอยากจับมันเป็นสัตว์เลี้ยง!”

“ได้เลย!”

หลินมู่อวี่กระชับกระบี่ไว้ในมือก่อนจะใช้ฝีเท้าดาวตกเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ต่อให้ไม่บาดเจ็บ หมาป่าวาโยก็ไม่มีทางหนีเขาพ้น ด้วยขาอันอ่อนกำลังยิ่งแล้ว ทำได้เพียงยอมจำนนเท่านั้น…

“ครืด…ครืด…”

เถาวัลย์น้ำเต้าสีทองพุ่งทะลุพื้นดินและเข้ารัดตัวหมาป่าโดยพลัน มันร้องอย่างโหยหวนพยายามดิ้นให้หลุดจากการรัดกุม หลินมู่อวี่ขยับเข้าไปใกล้และกระแทกด้ามกระบี่ใส่หัวมันเต็มแรง!

“ปึก!”

หมาป่าวาโยสีทองมึนงงและล้มลงกับพื้นด้วยเสียงครางอย่างน่าสงสาร ราวกับลูกหมาตัวน้อยกำลังร้องขอความเมตตาจากหลินมู่อวี่และฉินอิน กระทั่งฉินอินระเบิดเสียงหัวเราะลั่น “ผ่อนคลายเถิด เราจะไม่ฆ่าเจ้า เพียงแค่อยากให้เจ้ามาเป็นพวกกับเรา!”

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 250 กู่ฉินจู่โจม

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 250 กู่ฉินจู่โจม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท้องฟ้ายามราตรีพร่างพราวด้วยดวงดาราน้อยใหญ่

ท่ามกลางลมหนาวที่พัดผ่าน กองไฟที่ลุกไหม้โบกสะบัดวูบวาบตามแรงลม กระโจมอย่างง่ายถูกตั้งขึ้นข้างหน้าผาหินแม้จะมีหญ้าบนพื้นเพียงเล็กน้อย ทว่าโชคดีที่หลินมู่อวี่นำเตียงใส่ถุงสรรพสิ่งมาด้วย ถุงวิเศษนี้ช่างมีประโยชน์อย่างมหาศาลหากไม่มีมันเขาคงไม่รู้จะพกของมากมายติดตัวได้อย่างไร

ทว่าเพียงแค่ชุดนอนกับกระโจมเก่าๆ คงไม่พอต้านความเย็นยะเยือกนี้ได้ รูรั่วข้างกระโจมนั้นทำหน้าที่รับลมหนาวเข้ามาด้านในได้เป็นอย่างดี

ฉินอินถอดรองเท้าก่อนขึ้นนั่งบนเตียงพลางมองก่อนไปด้านนอก “ท่านพี่ ด้านนอกเริ่มเย็นแล้วเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ เรากองไฟช่วยไล่สัตว์วิญญาณอยู่แล้ว”

“อืม”

หลินมู่อวี่เติมฟืนหนาสองสามท่อนเข้าไปในกองไฟก่อนจะเปิดกระโจมเข้าไปพร้อมลมหนาว หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วคอยมองด้านนอกอย่างไม่วางใจ

ฉินอินพยายามกลั้นเสียงหัวเราะพลางกล่าว “ท่านพี่กังวลสิ่งใดอยู่เจ้าคะ?”

“ป่าล่ามังกรหาใช่ที่ธรรมดาไม่…” หลินมู่อวี่ยิ้มกับตัวเอง “ครั้งล่าสุดที่เว่ยโฉว เซี่ยโหวซาง และข้านำกองกำลังเข้าไปลาดตระเวนในป่าลึก พวกข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะสัตว์วิญญาณด้านในไล่ล่าเอา จนถึงตอนนี้ความกลัวนั้นยังคงแฝงอยู่ในใจไม่หาย ดังนั้นเราถึงต้องคอยระวังยามค่ำคืนในป่าแห่งนี้ให้มากเพราะสัตว์อสูรบางตัวนั้นฉลาดจนน่าตกใจเชียวล่ะ”

ฉินอินยิ้ม “หากเป็นดังที่ท่านกล่าว นั่นคือส่วนลึกของป่าล่ามังกร ทว่าตอนนี้เราอยู่เพียงชายป่าเท่านั้น จะมีสัตว์วิญญาณแข็งแกร่งตนใดโผล่มาเล่า? อีกอย่างท่านพี่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าจุดประสงค์หลักของพวกมันคือการสร้างอาณาเขต ดังนั้นไม่มีสิ่งใดต้องกังวลเจ้าค่ะ เพราะตามธรรมชาติพวกมันจะไม่ทิ้งรังไปไกล”

“อืม”

หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ “ข้าคงยังฝังใจจากการไล่ล่าของอสูรเทวา…”

“อสูรเทวาหรือ?”

ฉินอินเบิกตากว้าง “พวกท่านเจออสูรเทวาจริงหรือเจ้าคะ?”

“ใช่…หากไม่เป็นเพราะมัน ฮันเช่าคงไม่ตายต่อหน้าต่อตาเรา…”

“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?”

“ครั้งที่สองที่ข้าเข้าป่าล่ามังกรเพื่อหาศิลาวิญญาณอรุณหกพันปีให้อวี่จื้อหยานเพื่อทำกระบี่ให้เจ้า” หลินมู่อวี่เอนกายลงหนุนหมอนแข็งพลางใช้มือหนุนหัวก่อนจะถอนหายใจและกล่าวต่อ “มันเป็นอสูรเทวาอายุหมื่นสามพันปี ซึ่งเราไม่มีทางเอาชนะมันได้เลย เป็นเพราะโชคช่วยถึงรอดชีวิตกลับมา”

“อสูรเทวาหมื่นปีเลยหรือ! นั่นมันสัตว์วิญญาณในตำนาน…” ฉินอินรู้เคืองเล็กน้อย “ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องเป็นเพราะตาแก่เจ้าเล่ห์เฉอชงแน่ หึ! หากข้ากลับถึงตำหนักเจ๋อเทียนเมื่อไร ข้าจะสั่งลงโทษมัน!”

“อย่าเลย”

หลินมู่อวี่หันมามองหน้าฉินอิน “เสี่ยวอิน…หน้าที่ขององครักษ์อวี้หลินคือการคุ้มกันตำหนักเจ๋อเทียน และหน้าที่หาศิลาวิญญาณอันล้ำค่ามาให้ราชวงศ์เป็นของหน่วยองครักษ์อินทรี แม้เจ้าจะไม่รู้ว่าเฉอชงเป็นคนมอบภารกิจในแก่พวกข้า…แต่เสด็จพ่อรู้ ดังนั้นไม่มีประโยชน์อันใดที่จะสืบสาวต่อ เรื่องที่จบไปแล้วก็จงปล่อยผ่านเสียเถิด”

ฉินอินชะงักเมื่อได้ฟังดังนั้น นางขยับร่างเล็กน้อยแล้วมองหลินมู่อวี่ด้วยสายตารู้สึกผิดราวเด็กไร้เดียงสา “ท่านพี่โปรดอภัยให้เสด็จพ่อเถิดเจ้าค่ะ ท่านคือจักรพรรดิจำเป็นต้องทำหน้าที่ในฐานะผู้นำ ข้าเชื่อว่าเสด็จพ่อไม่ได้เมินเฉยต่อชีวิตท่านพี่แน่นอน…”

“อืม…ข้าเข้าใจ”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ข้ารู้กฎของโลกนี้ดี…และข้าก็กำลังเรียนรู้มัน ถึงกระนั้นเสี่ยวอิน…หากเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ในวันข้างหน้า เจ้าเพิกเฉยต่อชีวิตผู้อื่นและออกคำสั่งเช่นนี้หรือไม่?”

ฉินอินส่ายหัวอย่างรุนแรง “ไม่เจ้าค่ะ ข้าให้คำมั่นว่าข้าจะไม่ทำเช่นนั้น!”

“หากเป็นเช่นนั้นก็ดี”

หลินมู่อวี่หลับตาลงพลางเอ่ย “ต่อจากนี้…ระหว่างทางทางที่ทอดไปสู่บัลลังก์ ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับเจ้า ก็คือศัตรูของหลินมู่อวี่ผู้นี้ด้วยเช่นกัน ข้าขอให้คำมั่น…ว่าข้าจะช่วยเหลือด้วยทุกอย่างที่ข้ามี ข้ารู้ว่าเวลาของเจ้าต้องมาถึงในสักวัน”

“ต่อเมื่อข้าได้ครองบัลลังก์แล้ว…ท่านจะยังอยู่เคียงข้างข้าหรือไม่?” ฉินอินถามเสียงอ่อย

“ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเมื่อวันนั้นมาถึง” หลินมู่อวี่พยักหน้า

“หากเป็นเช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ…” ฉินอินคว้ามือหลินมืออวี่มาประกอบแก้มนวลของตนพลางหลับตาเอ่ย “ข้าเฝ้าภาวนาให้เราได้อยู่กันอย่างนี้ตลอดไป…ไม่อยากให้อำนาจใดมาพรากความสัมพันธ์เราให้แยกจาก”

“ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น”

“เจ้าค่ะ…”

ไม่นานนักฉินอินก็เข้าสู่ห้วงแห่งความฝันทั้งที่ยังกุมมือหลินมู่อวี่ไว้แน่น นางหลับอย่างเงียบสงบราวกับภูตงามที่หลับลึกอยู่ในป่าชวนให้ผู้คนหลงใหลยามได้มอง

ใกล้รุ่งสาง หลินมู่อวี่ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา

ฟืนท่อนสุดท้ายถูกไหม้จนเหลือแต่ธุลี ทิ้งไว้เพียงควันจางลอยล่องไปในอากาศ

“กรร…”

ไม่ไกลจากบริเวณที่กระโจมตั้งอยู่ มีหมาป่าฝูงหนึ่งกำลังขบเขี้ยวพลางน้ำลายยืด ดวงตาสีน้ำตาลของพวกมันจดจ้องกระโจมหลังเล็กไม่กะพริบ ราวกับได้เจอกับอาหารอันโอชะ

จ่าฝูงหมาป่าส่งเสียงครางออกมาขณะมองด้วยสายตาแห่งความละโมบ แววตาของมันเปล่งประกายสีทองราวกับว่ามันมีความคิด มันสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณจางๆ ของมนุษย์สองคนในกระโจม จากพลังที่แผ่ขยายออกมานั้นกล่าวได้ว่าเป็นอาหารชั้นเลิศ! เพราะหากสัตว์วิญญาณได้กินมนุษย์ที่มีพลังยุทธ์ จะทำให้พลังและอายุขัยเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ความแข็งแกร่งของสัตว์วิญญาณสามารถวัดได้จากอายุขัย ดังนั้นอสูรอายุหมื่นปีอาจเกิดจากอสูรสามพันปีที่กลืนกินพลังยุทธ์จากมนุษย์

“บรู้ว…”

หมาป่าจ่าฝูงส่งเสียงหอนอย่างเกรี้ยวกราดนำฝูงหมาป่าสามสิบตัวบุกเข้าโจมตีกระโจมของหลินมู่อวี่

ขณะกำลังหลับอย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้นทักษะชีพจรวิญญาณของหลินมู่อวี่ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานอันทรงพลังได้ เขารีบลุกขึ้นโดยพลันและปลุกฉินอินให้ตื่น “เสี่ยวอินตื่นเร็ว…มีสัตว์วิญญาณกำลังซุ่มโจมตี!”

“เจ้าค่ะ!”

ฉินอินลุกขึ้นสวมรองเท้าโดยพลันก่อนจะดึงถุงนภาครามที่มัดเอวไว้แล้วหยิบกู่ฉินออกมา

“แล้วเจ้าเอากู่ฉินออกมาทำไมกัน?” หลินมู่อวี่ถามด้วยความสงสัย “สัตว์อสูรที่โจมตีเราคือฝูงหมาป่าวาโย เจ้าคิดจะเอากู่ฉินนั่นฆ่ามันให้ตายทีละตัวรึ?”

ฉินอินหัวเราะลั่น “เดี๋ยวท่านจะได้เห็น”

“ตามใจเจ้าก็แล้วกัน…”

หลินมู่อวี่ออกจากกระโจมพลางกระชับกระบี่ยาวไว้ในมือ ฝูงหมาป่าวาโยใกล้เข้ามาแล้ว! จากที่เห็นคงมีราวสามสิบตัวและดุร้ายอย่างมาก หมาป่าจ่าฝูงคือตัวที่มีแสงสีทองเปล่งประกายล้อมรอบแตกต่างจากตัวอื่น บนหัวของมันปรากฏเส้นสีทองสามเส้น เป็นสัตว์วิญญาณอายุสามพันปี ส่วนตัวที่เหลือไม่ได้ทรงพลังมากจนน่าเป็นห่วง เพราะมีอายุราวหนึ่งถึงสองพันปีเท่านั้น

กระบี่วิญญาณมังกรส่งเสียงร้องราวกับกำลังต้อนรับการสังหารหมู่ที่ใกล้เข้ามา

ทันใดนั้นเองฉินอินก็ออกมายืนข้างหลินมู่อวี่พร้อมกู่ฉิน ร่างบางปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์ก่อนจะส่งผ่านมันเข้าไปในกู่ฉิน วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะสีทองปรากฏขึ้นรอบนิ้วเรียวขณะเริ่มบรรเลงเครื่องสาย แม้ฉินอินจะสวมชุดเหมือนหญิงสาวทั่วไป ทว่าในสายตาของหลินมู่อวี่นางเหมือนภูตสวรรค์ที่ลงมาจุติยังโลกมนุษย์เสียมากกว่า ด้วยรูปร่างและรัศมีพลังที่แผ่ขยายไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวทั่วไปจะเทียบได้

“ท่านพี่อย่าขยับเชียวนะเจ้าคะ คอยดูข้าให้ดี”

ความมุ่งมั่นของฉินอินยิ่งใหญ่พอๆ กับหน้าอกของนาง ทั้งที่อายุยังน้อยและยังโตไม่เต็มที่ แต่ส่วนมโหฬารนั้นดันเสื้อผ้าจนแทบปริ หลินมู่อวี่พยายามละลายสายตาจากมันก่อนจะใช้ทักษะชีพจรวิญญาณควบคุมหัวใจอันร้อนรุ่มของตน

“บรู้ว!”

หมาป่ายักษ์วิ่งตรงเข้าหาทั้งคู่อย่างบ้าคลั่ง ปากสีเลือดแยกเขี้ยวกว้างพร้อมกัดกระชากเป้าหมาย!

ทันใดนั้นฉินอินก็สะบัดข้อมือดีดกู่ฉิน วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังสีทองซัดสาดใส่หมาป่าวาโย!

“ติ๊งๆๆ”

ด้วยเสียงดีดเครื่องสายสามครั้งติดต่อกัน ทำให้หมาป่าวาโยสามตัวร้องครวญครางและสิ้นใจลงทันที!

ฉินอินหันมายิ้มให้กับหลินมู่อวี่ก่อนจะปล่อยคลื่นเสียงสีทองออกไปอีกครั้ง เสียงกู่ฉินอันรวดเร็วบาดลึกเข้าหูหมาป่าวาโยสี่ตัวจนตาย! ด้วยเหตุนี้หลินมู่อวี่จึงไม่ต้องทำสิ่งใดอีก ปล่อยให้ฉินอินเป็นคนจัดการกับฝูงหมาป่าเพียงลำพัง

“วิชานี้…เจ้าเรียนมาจากผู้เฒ่าชวีหรือ?” หลินมู่อวี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าค่ะ”

ฉินอินพยักหน้า มือยังคงดีดเครื่องสายอย่างไม่ลดละ “ท่านผู้เฒ่าชวีเป็นผู้ชี้นำแก่ข้า ด้วยความพิเศษของพลังโซ่เทวะรวมเข้ากับคลื่นโจมตีของหมัดเสียงปีศาจ ทำให้โซ่เทวะเปลี่ยนรูปแบบโจมตีออกไปเป็นคลื่นอันทรงพลังได้”

“ยอดเยี่ยมมาก…” หลินมู่อวี่กล่าวชม โซ่เทวะในกล่าวได้ว่าเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พลังโจมตีของมันหาได้มีวิญญาณยุทธ์อื่นเทียบได้ไม่ ยังดีที่พลังของหลินมู่อวี่เป็นรูปแบบน้ำเต้าสายป้องกัน มิเช่นนั้นคงทานการโจมตีของโซ่เทวะได้ไม่ถึงสามครั้งเป็นแน่ ช่างเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เสียจริง

ไม่นานนักฝูงหมาป่าวาโยทั้งสามสิบตัวก็ถูกฉินอินจัดการจนสิ้น จ่าฝูงบาดเจ็บหนักและกำลังคิดหนีด้วยขาอันไร้เรี่ยวแรงของมัน ฉินอินถือกู่ฉินไว้พลางเอ่ย “ท่านพี่ช่วยจับหมาป่าวาโยสีทองอายุสามพันปีให้ข้าที ข้าอยากจับมันเป็นสัตว์เลี้ยง!”

“ได้เลย!”

หลินมู่อวี่กระชับกระบี่ไว้ในมือก่อนจะใช้ฝีเท้าดาวตกเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ต่อให้ไม่บาดเจ็บ หมาป่าวาโยก็ไม่มีทางหนีเขาพ้น ด้วยขาอันอ่อนกำลังยิ่งแล้ว ทำได้เพียงยอมจำนนเท่านั้น…

“ครืด…ครืด…”

เถาวัลย์น้ำเต้าสีทองพุ่งทะลุพื้นดินและเข้ารัดตัวหมาป่าโดยพลัน มันร้องอย่างโหยหวนพยายามดิ้นให้หลุดจากการรัดกุม หลินมู่อวี่ขยับเข้าไปใกล้และกระแทกด้ามกระบี่ใส่หัวมันเต็มแรง!

“ปึก!”

หมาป่าวาโยสีทองมึนงงและล้มลงกับพื้นด้วยเสียงครางอย่างน่าสงสาร ราวกับลูกหมาตัวน้อยกำลังร้องขอความเมตตาจากหลินมู่อวี่และฉินอิน กระทั่งฉินอินระเบิดเสียงหัวเราะลั่น “ผ่อนคลายเถิด เราจะไม่ฆ่าเจ้า เพียงแค่อยากให้เจ้ามาเป็นพวกกับเรา!”

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+