The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 53 วิชากระบี่วายุ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 53 วิชากระบี่วายุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.53  วิชากระบี่วายุ

เวลาล่วงเลยมาถึงกลางดึก มีดเสียงปีศาจซึ่งเป็นอาวุธลับชุดแรกที่หลินมู่อวี่คิดขึ้น ความจริงแล้วมันง่ายมาก ใช้หมัดวายุอสนีควบคุมทิศทางของมีดเสียงปีศาจ มีดบินทั้งสี่เล่มต่อกันเป็นวงล้อคมกริบ บินร่อนอยู่กลางอากาศส่งเสียงหวีดเบาๆ ออกมา ส่วนเขายังเป็นคนที่ฉลาดสุดๆ อีกด้วย สามารถใช้หมัดเสียงปีศาจมาควบคุมทิศทางของมีดเสียงปีศาจได้แล้ว ขาดเพียงอย่างเดียวก็คือลงสนามจริง เพราะอย่างไรเสียมีดเสียงปีศาจก็คือวิชาที่ใช้ปลิดชีพ ถ้าไม่ใช้ฆ่าคน สวยงามไปก็เปล่าประโยชน์

“ ฟู่…”

เขาปล่อยลมหายใจออกยาว การฝึกหมัดเสียงปีศาจไม่หยุด ทำให้ปราณในร่างกายลดลงไปเยอะเหมือนกัน ส่วนวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวของเขาเป็นเหมือนกับตาน้ำที่ดูดซับพลังฟ้าดินรอบกายอย่างรวดเร็ว เพื่อมาชดเชยปราณในร่างกายที่เสียไป เหมือนจะเป็นชวีฉู่ที่กล่าวไว้ ผู้ที่ไม่มีวิญญาณยุทธ์ไม่เหมาะที่จะฝึกยุทธ์ เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย ถ้าแม้แต่วิญญาณยุทธ์ยังไม่มี ความเร็วในการฟื้นฟูพลังก็จะด้อยกว่าคนอื่น ขนาดน้ำเต้าเขียวของเขาเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับสิบ ยังสามารถฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ ถ้าเช่นนั้นจิ้งจอกอัคคีของถังเสี่ยวซีล่ะ คงไม่ใช่แค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ฟื้นฟูพลังกลับสู่ปกติได้แล้วหรือ

แต่ว่าตอนนี้เรื่องที่หลินมู่อวี่ปวดหัวที่สุดก็คือหญิงสาวที่อยู่ในห้องนอนของเขา แม่นางเซียงเซียงผู้นี้หน้าตางดงาม แต่ว่านางเป็นคนที่ฮว๋าหวันหรือไม่ก็ฮว๋าเทียนส่งมาปรนนิบัติตน สวัสดิการแบบนี้เหมือนแขกพิเศษของจวนเจ้าเมืองชัดๆ ทว่ากลับทำให้เขาอยากปฏิเสธ เซียงเซียงมาอยู่ที่นี่ ก็สามารถทำให้ฮว๋าหวันรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขา นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

หลินมู่อวี่กัดฟันเดินเข้าไปในห้องนอน แยกมีดเสียงปีศาจออกเป็นสี่เล่มดังเดิมแล้วเก็บลงถุงใส่มีด เขายืดเส้นยืดสาย แล้วมองไปที่เตียง เซียงเซียงนอนตะแคงข้างอยู่ที่นั่นจริงด้วย คลุมกายเพียงผ้าบางๆ ชั้นเดียว แสงจันทร์ลอดจากหน้าต่างส่องกระทบร่างของนาง ดูงดงามอย่างน่าประหลาด  

“ ช่างเถอะ นอนตรงม้านั่งก็แล้วกัน…”

“ เขาถอนหายใจเงียบๆ แล้วเดินไปทางม้านั่งตัวเล็กและแคบนั่น”

“ คุณชาย!”

ไม่นึกว่าเซียงเซียงจะยังไม่หลับ นางเงยหน้ามองเขา “เซียงเซียงจำได้ว่าเคยบอกคุณชายไว้ ถ้าวันนี้คุณชายไม่สัมผัสเซียงเซียง เซียงเซียงจะต้องโดนเฆี่ยนตี ถูกเฆี่ยนยังถือว่าเบา บางทีอาจถูกพวกคนใช้หยามเกียรติ”

“ คนรับใช้หยามเกียรติ ?”

“ เซียงเซียงเป็นแค่สาวใช้” รอยยิ้มที่บรรลุแผนการปรากฏขึ้นแวบหนึ่งบนหน้านาง เซียงเซียงยิ้มแล้วพูดต่อ “นายท่านลงโทษคนรับใช้สารพัดวิธี วิธีหนึ่งก็คือการเฆี่ยนตี อีกวิธีหนึ่งก็คือส่งไปให้พวกคนใช้ได้เสพสุข พวกคนใช้พวกนั้นจะทำอย่างไรกับร่างกายของข้าน้อยก็ได้ หรือว่าคุณชายจะทนเห็นเซียงเซียงตกอยู่ในสภาพนั้นได้กันเจ้าคะ”

แน่นอนว่าหลินมู่อวี่ไม่เชื่อ แอบหัวเราะในใจ “เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร”

“ ให้เซียงเซียงได้ปรนนิบัติคุณชายเข้านอนก็พอเจ้าค่ะ นี่เป็นภารกิจเดียวของข้า”

“ ไม่จำเป็น ข้านอนคนเดียวจนชินแล้ว”

หลินมู่อวี่รู้ดีว่าเซียงเซียงผู้นี้เป็นกุหลาบที่งดงาม ทันทีที่ไปสัมผัสนางเข้า จะต้องถูกหนามกุหลาบตำเป็นแผลแน่นอน แถมที่นี่ยังเป็นจวนเจ้าเมือง ไม่ใช่สถานที่อย่างหอนางโลมเสียหน่อย ฉู่เหยาก็ห่างจากตนเองไม่ถึงห้าสิบเมตร เรื่องแบบนี้อย่าได้แม้แต่คิดจะดีกว่า

แต่ยิ่งเขาไม่อยากคิดเท่าไหร่ สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ

จู่ๆ เซียงเซียงก็ลุกขึ้นยืน เสื้อผ้าหลุดออกไปหมดแล้ว มีแต่ผ้าบางๆ คลุมตัว เนินเนื้อนวลเนียนสองเนินตรงหน้าอกกระเพื่อมเล็กน้อย ท่อนขาเรียวยาวเดินก้าวอยู่บนพรม แล้วนั่งลงข้างหลินมู่อวี่ อิงแอบแนบร่างเขา กลิ่นหอมลอยแตะจมูกของหลินมู่อวี่ ทำให้เขารู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ  

เลือดลมหนุ่มวัยยี่สิบกว่าปีอย่างเขา จะต้านทานความเย้ายวนแบบนี้ได้อย่างไร

“ คุณชาย” น้ำเสียงของเซียงเซียงแฝงความไม่พอใจ “เซียงเซียงรู้ว่าหญิงสาวผู้เดียวที่ท่านคิดถึงคือศิษย์พี่ฉู่เหยาของท่าน เซียงเซียงไม่ได้ขอให้คุณชายทำอะไรเพื่อเซียงเซียง ข้าขอแค่คุณชายมอบความสุขให้แก่ข้า แค่นี้ก็ไม่ได้หรือ ท่านไม่พูด ข้าไม่พูด ก็ไม่มีอะไรแล้ว เซียงเซียงเองก็รู้ว่าคุณชายรังเกียจที่เซียงเซียงไม่สะอาด แต่…แต่เซียงเซียงไม่มีทางเลือก อายุสิบหกข้าก็ถูกขายมาที่จวนท่านเจ้าเมือง แล้วในคืนนั้นก็ถูกเจ้าเมืองน้อยขโมยครั้งแรกของข้าไป ชีวิตของข้าไม่ได้เป็นของข้า นอกจากทำตามคำสั่ง ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น”

หลินมู่อวี่ลุกขึ้นแล้วเดินหนี ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์มองร่างของนาง หญิงสาวผู้นี้งดงามดั่งสายน้ำ กระจ่างดั่งพระจันทร์ “ไม่มีชีวิตของใครที่ไม่ได้เป็นของตัวเองหรอก เจ้าเองก็เช่นกัน”

ทีแรกเซียงเซียงตั้งใจจะกอดเขาไว้ แต่สองมือกลับคว้าได้แต่อากาศ แขนนวลเนียนค้างอยู่ตรงนั้น อดหัวเราะเย้ยหยันออกมาไม่ได้ “หลินมู่อวี่ เจ้าดูถูกข้าใช่หรือไม่”

“ เปล่า ข้าไม่ได้ดูถูกเจ้า”

“ เช่นนั้นทำไมท่านถึงทำให้ข้าอับอายแบบนี้” หน้านางแดงก่ำ เอ่ยขึ้นด้วยโทสะ “ใช่ ข้าเซียงเซียงเป็นหญิงชั่ว ที่ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อให้มีชีวิตรอด แต่ว่าท่าน ท่านเหยียดหยามข้าแบบนี้ ท่านอยากให้ข้ากลายเป็นของเล่นของพวกคนใช้เหล่านั้นจริงๆ หรือ”

“ ข้าเปล่า”

หลินมู่อวี่มองนางเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน “ข้าไม่สนว่าเจ้ามาที่นี่ด้วยวัตถุประสงค์อะไร แต่ว่าความอดสูที่เจ้าได้รับมานั้นมันมากพอแล้ว ฮว๋าหวันครอบครองร่างกายเจ้าตามใจชอบ ดูถูกเจ้าตามใจชอบ แต่ว่าข้าทำไม่ได้ ถ้าตอนนี้ข้าทำตามครอบครองเจ้า งั้นข้าจะแตกต่างจากฮว๋าหวันตรงไหน นี่ก็คือเหตุผลที่ข้าปฏิเสธเจ้า แล้วก็อีกอย่าง เซียงเซียง เจ้าเต็มใจที่จะใช้ชีวิตเยี่ยงนี้เช่นนั้นหรือ เจ้าต้องเข้าใจนะว่าเกียรติยศมีค่าพอที่จะใช้ชีวิตไปช่วงชิงมา”

“……”

เซียงเซียงยืดคอระหงของนาง มองหลินมู่อวี่เงียบๆ นางพูดอะไรไม่ออก ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้พึมพำออกมา “ตัวเองไม่ชอบ ก็อย่าไปทำกับผู้อื่น…ตัวเองไม่ชอบ ก็อย่าไปทำกับผู้อื่น…”

ราวสองนาทีหลังจากนั้น เซียงเซียงยิ้มบางๆ นางลุกขึ้นยืนประสานมือคำนับหลินมู่อวี่ “คุณชาย ท่านนอนบนเตียงเถอะ เซียงเซียงจะนอนบนม้านั่งนี่เอง พรุ่งนี้ถ้ามีใครถาม คุณชายได้โปรดช่วยพูดให้เซียงเซียงด้วย แค่บอกว่าเมื่อคืนข้าปรนนิบัติคุณชายอย่างดี ได้หรือไม่เจ้าคะ”

หลินมู่อวี่พยักหน้าแล้วยิ้ม “เรื่องแค่นี้เอง แต่ข้านอนบนม้านั่งนี่แหละดีแล้ว ร่างกายข้าแข็งแกร่ง ไม่ชอบนอนเตียงนิ่มๆ ”

“ เช่นนั้นก็ขอบพระคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ”

เซียงเซียงรู้สึกอบอุ่น นางเดินกลับไปที่เตียง แต่ในใจกลับรู้สึกปั่นป่วน ไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ นางพลิกตัวกลับไปอีกด้าน พบว่าหลินมู่อวี่หลับไปแล้วบนม้านั่งยาว ลมหายใจสม่ำเสมอ แม้ว่าจะกำลังนอนหลับ แต่กลับมีพลังงานจางๆ สายหนึ่งวนเวียนอยู่ข้างกาย

คนผู้นี้เป็นบุรุษแบบไหนกันนะ

เซียงเซียงถามตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่ได้คำตอบ ความอัปยศอดสูนานาชนิดที่เผชิญหลังจากอายุสิบหกทำให้หัวใจของนางแข็งด้านเหมือนก้อนหิน แต่คำพูดเพียงประโยคเดียวของบุรุษผู้นี้กลับทำให้ก้นบึ้งของหัวใจนางอบอุ่นขึ้นมา สิ่งที่ตัวเองไม่ชอบก็อย่าไปทำกับผู้อื่น เป็นคนแบบไหนกันนะถึงได้พูดคำพูดที่ใจกว้างและความหมายลึกซึ้งแบบนี้ออกมาได้

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลินมู่อวี่ตื่นแต่เช้า ฝึกหมัดเสียงปีศาจกับพิฆาตอสนีบาตที่ลานบริเวณที่พักเหมือนเดิม ในมือเขาถือกระบี่เหล็ก ทว่าทักษะกระบี่เขาอ่อนด้อยมาก เขารู้จักวิชากระบี่แค่วิชาเดียว นั่นก็คือพิฆาตอสนีบาต เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เพียงพอ ยามประมือกับคู่ต่อสู้วิชากระบี่นั้นสำคัญมาก จะต้องศึกษาเพิ่มเติม

“ อาอวี่!”

ฉู่เหยาเดินออกมาจากห้องของนาง ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าตื่นแล้วหรือ”

“ อือ” หลินมู่อวี่เก็บมีเสียงปีศาจกลับเข้าที่เอวแล้วยิ้ม “พี่ฉู่เหยาเมื่อคืนนอนหลับสบายไหม”

“ สบายมากเลยล่ะ”

“ อืม งั้นก็ดี”

ในตอนนี้เอง จู่ๆ เซียงเซียงก็เดินออกมาจากห้องนอนของหลินมู่อวี่ นางยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “คุณชาย ทำไมถึงตื่นเช้าขนาดนี้เจ้าคะ”

ฉู่เหยาตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหินทันที ถามด้วยความตกใจ “จะ…เจ้าเป็นใครน่ะ”

เซียงเซียงยืดอด ยิ้มอย่างภูมิใจสุดชีวิต “คนที่ปรนนิบัติคุณชายเข้านอนยังไงล่ะ”

ฉู่เหยากัดริมฝีปากแดงเรื่อ ประกายในแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ

“ พี่ฉู่เหยา ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ใช่คนประเภทนั้นนะ ข้าไม่ได้แตะต้องนางเลย! เซียงเซียง ข้ารับปากเจ้าจะเก็บเป็นความลับแล้ว เจ้าอย่าหาเรื่องให้ข้าแบบนี้สิ!”

เซียงเซียงขำ “เอาล่ะคุณชาย ข้าน้อยขอตัวก่อน คืนนี้ข้าน้อยค่อยมาใหม่”

“ งะ…งั้นค่อยเจอกัน…”

“ แล้วพบกันเจ้าค่ะคุณชาย” เซียงเซียงหันไปมองฉู่เหยา พร้อมส่งยิ้มท้าทายให้ “ฝีมือบนเตียงของคุณชายยอดที่สุดเลยล่ะ เจ้าควรหาโอกาสลองบ้างนะ อย่าปล่อยผู้ชายดีๆ แบบนี้ให้เสียเปล่าสิ!”

“ จบกัน…”

หลินมู่อวี่มีร้อยปากก็แก้ตัวแทบไม่ทัน เขาอธิบายกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ทำให้ฉู่เหยาเชื่อว่าเขากับหญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรกัน

ผ่านไปสักพัก คนรับใช้ยกอาหารเช้ามาส่ง ทั้งยังนำถุงเงินหนักอึ้งมาให้หนึ่งถุง ในนั้นมีเงินสามร้อยเหรียญทอง ซึ่งเป็นเงินที่ฮว๋าหวันแพ้ประลองหลินมู่อวี่ นึกไม่ถึงว่าเจ้าเมืองน้อยผู้นี้จะรักษาคำพูดอยู่เหมือนกัน

ช่วงเช้านี้หลินมู่อวี่ไม่คิดจะไปที่ห้องปรุงโอสถ เพราะว่างานแต่ละวันง่ายดายเสียเหลือเกิน ทำแป๊ปเดียวก็เสร็จ ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงหยิบถุงเงินขึ้นมา แล้วพาฉู่เหยาไปตลาดแทน

ในตลาดมีคนเดินกันขวักไขว่ ฉู่เหยาอารมณ์ดีทีเดียว ดีใจเหมือนเด็กสาวได้ออกมาเที่ยว จูงมือหลินมู่อวี่รีบเดิน แล้วพูดพร้อมรอบยิ้ม “อาอวี่ พวกเราจะไปซื้ออะไรเหรอ”

“ ที่ไหนมีขายทักษะยุทธ์หรือ”

“ อืม ร้านขายตำราก็มีขาย แต่ว่าเป็นพวกของราคาถูกทั้งนั้น ถ้าเจ้าอยากศึกษาทักษะยุทธ์ชั้นสูงก็ต้องไปเลือกของดีๆ ที่หอประมูล”

“ งั้นเราไปที่หอประมูลกันเถอะ”

“ อืม”

ในเมืองมีหอประมูลทั้งหมดสี่แห่งด้วยกัน และที่ฉู่เหยากับหลินมู่อวี่ไปก็คือหอประมูลที่ใหญ่ที่สุด ชื่อว่า “หอประมูลไป่จ้าน (ร้อยสัประยุทธ์)” ความจริงสิ่งของที่หอประมูลจำหน่ายส่วนใหญ่จะเป็นของที่เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธ์ อาทิ อาวุธ ตำรา ยาสำหรับฝึกตน โอสถสำหรับฝึกวิชา เป็นต้น ที่หอประมูลมีแทบทุกอย่าง ตอนที่หลินมู่อวี่เดินเข้าไปจึงอดตื่นเต้นไม่ได้ สำหรับเขาแล้วที่นี่มันเป็นสวรรค์ชัดๆ !

“ ตรงนั้นๆ…” ฉู่เหยาจูงมือหลินมู่อวี่ “อาอวี่ ตรงนั้นมีขายตำราทักษะยุทธ์”

พอเดินไปดู เห็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีกำลังขายตำราทักษะยุทธ์อยู่ พ่อค้าหัวหลิมนัยน์ตาเรียวเล็กแบบหนู เห็นปุ๊ปก็รู้ว่าไม่ใช่พ่อค้าสุจริต เขายิ้มพูด “สหายน้อยทั้งสอง ต้องการอะไรหรือ ร้านข้ามีตำราทักษะยุทธ์สารพัด ทักษะวายุ อัคคี อสนี สายฟ้า ข้ามีครบทุกอย่าง แล้วก็นะ ของล้ำค่าที่สุดของร้านข้าคือชิ้นส่วนตำราหมัดมวยที่ยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์เหลือทิ้งไว้ พวกเจ้าอยากดูไหมล่ะ แค่ห้าพันเหรียญทองเท่านั้นเอง!”

“ เคล็ดวิชาเล่มเดียวขายตั้งห้าพันเหรียญทอง” ฉู่เหยาอ้าปากตกใจ “เจ้าไม่ปล้นพวกเราเสียเลยล่ะ!”

พ่อค้าหัวเราะหึๆ “แม่นางท่านนี้อาจจะยังไม่รู้ว่าทักษะยุทธ์ดีๆ หนึ่งเล่มสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงมหาศาลให้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ มิเช่นนั้นทำไมผู้ฝึกยุทธ์มากมายถึงหวงแหนนัก ไม่ยอมเอาเคล็ดวิชาของตนเองออกมากันล่ะ”

หลินมู่อวี่ยิ้มบางๆ แล้วถาม “เถ้าแก่ มีเคล็ดวิชาที่เกี่ยวกับกระบี่บ้างไหม”

“ มีๆๆ “

พ่อค้ารีบหยิบตำราออกมาสามเล่ม “ห้ามต่อรอง ‘ทักษะกระบี่พื้นฐาน’ เล่มละหนึ่งเหรียญทอง ‘วิชากระบี่ชั้นสูง’ เล่มละห้าร้อยเหรีญทอง ‘วิชากระบี่วายุ’ เล่มหนึ่งพันสองร้อยเหรียญทอง ราคาเดียวขาดตัว จอมยุทธ์น้อยข้าเห็นท่านหน้าตาดูดี พูดจาไม่เหมือนคนทั่วไป ท่านอย่าได้ต่อราคาข้าเลย มิเช่นนั้นจะเป็นการลดราคาตัวท่านเองเปล่าๆ ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด