The Demon Prince goes to the Academy 3

Now you are reading The Demon Prince goes to the Academy Chapter 3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

   “การใช้ความรุนแรงเป็นการละเมิดสัญญา”

 

   คุณเซนไดพูดถึงกฎของเราสองคน

   แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเพียงแค่ใช้ขาเสยคางขึ้นจะเป็นการละเมิดสัญญาได้ สิ่งที่ฉันทำยังอยู่ในสัญญา ดังนั้นเรื่องที่เธอพูดมามันจึงไร้เหตุผล

 

   “ไม่ใช่ความรุนแรงสักหน่อย”

   “รุนแรงสิ ก็เธอเตะฉันนี่”

 

   เธอเล่นกับนิ้วโป้งเท้าของฉันไปมาพร้อมกับเสียงไม่พอใจ

 

   “แค่วางเท้าไว้ตรงคางต่างหาก”

 

   ถ้าเกิดเธอไม่พอใจกับสถานะปัจจุบันนี้ ฉันว่ามันเสียมารยาทนะ

 

   “ฮึ่ม~”

   

   คุณเซนไดพูดออกมาเบา ๆ และจับข้อเท้าของฉันแรงกว่าเดิม

 

   เธอไม่หลงกล

   และมองฉันมาด้วยสายตาคมกริบ

   

   ฉันรู้สึกไม่ดีและพยายามดึงขาของฉันขึ้น แต่คุณเซนไดไม่ยอมปล่อยฉันไปง่าย ๆ แถมกลับกันเธอยังกดริมฝีปากลงบนหลังเท้าของฉันและดูดอย่างรุนแรงด้วย

   มันช่างแตกต่างจากตอนที่เธอใช้ปลายลิ้นเลียเท้า จนทำให้ฉันสะดุ้งและร่างสั่นสะท้าน

 

   “หยุดเดี๋ยวนี้”

   

   ฉันขึ้นเสียงเพื่อหยุดเธอจากการกระทำที่ไม่ได้สั่ง แต่คำพูดของฉันมันก็ไร้ความหมาย เธอสอดนิ้วเข้าไปที่ใต้ฝ่าเท้าของฉันและกัดไปที่นิ้วโป้ง

 

   “โอ้ย”

 

   ฟันของเธอกัดไปที่นิ้วเท้าของฉันจนแทบจะเข้าเนื้อ เสียงของฉันดังก้องไปทั่วห้องแต่ก็ไม่อาจทำให้หลุดพ้นจากความเจ็บได้

 

   “หยุดได้แล้ว คุณเซนได”

 

   ฉันมองลงไปที่ขวัญของคุณเซนได

   จากนั้นก็เขย่าหัวของเธอเพื่อเป็นการท้วงติง

   

   “นี่เป็นคำสั่งนะ หยุดเดี๋ยวนี้”

 

   ฉันบอกเธอด้วยเสียงหนักแน่นที่สุดที่ตัวเองไม่เคยได้ยินมาก่อน จากนั้นฟันที่เจาะเข้าไปที่นิ้วเท้าของฉันก็ถูกแยกออก จากนั้นลิ้นของเธอก็คืบคลานไปทั่วราวกับจะหารอยกัด

 

   นิ้วเท้าของฉันทั้งเหนียวและแฉะ

   ลิ้นอุ่น ๆ นั้นทำให้ถึงกับสั่นสะท้านไปจนถึงกระดูกสันหลัง

 

   สุดท้ายฉันก็ไม่ชินกับลิ้นของคนอื่น ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดมันเท่าไหร่ ฉันดึงผมของเธอออกเพื่อสลัดความรู้สึก

 

   “หยุดนะ”

 

   เมื่อฉันทวนคำพูดที่เพิ่งพูดไปอีกรอบ ในที่สุดคุณเซนไดก็เงยหน้าขึ้น จากนั้นเธอก็ยกขาฉันขึ้นมาบนเตียงราวกับจะยกกลับคืนที่เดิม

 

   “ยืมขาหน่อยสิ เดี๋ยวฉันจะใส่ให้ใหม่”

 

   คุณเซนไดยกถุงเท้าขึ้นด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเธอพอใจแล้ว

   

   ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนสั่งเป็นใครอีกแล้ว

   สถานการณ์ปัจจุบันนี้ไม่มีอะไรนอกจากความไม่พอใจของฉันเท่านั้น

 

   “ไม่ต้องใส่แล้ว ถอดข้างที่เหลือออกด้วย”

 

   พูดจบฉันก็วางเท้าซ้ายลงบนต้นขาของคุณเซนได แล้วเธอก็ปฏิบัติตาม

 

   “มีอย่างอื่นอีกมั้ย”

   “ไม่มีแล้ว”

 

   พูดเสร็จฉันก็ลุกขึ้น

 

   “อยากดื่มอะไรมั้ย”

 

   ฉันถามเมื่อเห็นแก้วเปล่าบนโต๊ะ และเธอก็ตอบกลับมาว่า “ไม่ล่ะ”

 

   “จะกินข้าวเย็นมั้ย”

 

   ฉันจะกลับบ้านน่ะ

   

   ฉันรู้ว่าเธอจะตอบกลับมาว่าอย่างนี้ ฉันเคยถามคำถามเดิมมาหลายครั้งแล้วและได้แต่คำตอบนี้ ดังนั้นไม่มีทางที่เธอจะให้คำตอบอื่นกับฉันในวันนี้ ยิ่งกว่านั้นถ้าเกิดเธอตอบว่ากินฉันก็คงลำบากใจด้วย

 

   ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอกลับตอบคำถามกลับมาว่า “กิน” เป็นครั้งแรก

   

   ฉันพาคุณเซนไดเดินเท้าเปล่าไปที่ห้องครัวแล้วก็ใส่สลิปเปอร์ จากนั้นก็นำราเม็งถ้วยออกมาจากถุงซุเปอร์ฯ แล้วก็ต้มน้ำร้อน  

   

   เมื่อฉันวางราเม็งถ้วย 2 ถ้วยโดยเปิดฝาไว้ตรงหน้าคุณเซนได ที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์อีกฝั่งของห้องครัว เธอก็มองมาที่ฉันอย่างสงสัย

 

   “นี่อะไรน่ะ”

   “ราเม็งถ้วยน่ะ ไม่เคยเห็นเหรอ หรือว่าคุณเซนไดผู้ร่ำรวยจะไมเคยเห็นราเม็งถ้วยมาก่อน”

   “ถ้าเกิดฉันรวยจนไม่เคยเห็นราเม็งจริง ฉันก็คงไปเข้าโรงเรียนที่คำทักทายเป็นคำว่า ‘สุขสบายดีไหมคะ’ แทนที่จะเป็นโรงเรียนมัธยมในตอนนี้แล้วไม่ใช่รึไง”

 

   คุณเซนไดพูดอย่างประหลาดใจ ที่ฉันเคยได้ยินมาคือครอบครัวของเธอร่ำรวย

 

   ถึงเธอจะไม่ได้ใส่ชุดแบรนด์เนม แต่เสื้อผ้าที่เธอใส่มันก็ดูดี

   บางทีเธอคงไม่เคยทานราเม็งเป็นมื้อค่ำมาก่อน และกินแค่ข้าวเย็นทำมือเท่านั้น

 

   ดูเหมือนว่าคุณเซนไดก็เป็นที่รักของครอบครัวด้วย

   ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะเป็นเพื่อนร่วมชั้น ฉันคงไม่มีแม้แต่โอกาสได้พูดกับคุณเซนไดด้วยซ้ำ

 

   —สะอิดสะเอียนชะมัด

 

   ฉันจ้องกาต้มน้ำไฟฟ้าที่กำลังต้มน้ำสำหรับสองคน

 

   “นอกจากนี้ฉันก็เคยกินราเม็งถ้วยมาแล้วนะ อ๊ะ บางทีบ้านมิยางิคงจะจนสินะ”

   “ฉันได้เงินค่าขนมมากพอที่จะจ่าย 5,000 เยนให้คุณเซนไดสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งได้ ถ้าเกิดนั่นเรียกว่าจนล่ะก็ คงจะจน แหละมั้ง”

   

   ฉันตอบห้วน ๆ ใส่คุณเซนไดที่แกล้งล้อฉันเล่น

   ถึงจะเป็นบ้านที่ให้บริการราเม็งถ้วยสำหรับอาหารค่ำ แต่ไม่ใช่เพราะเราไม่มีเงินหรอก ในแง่ของเงิน จะเรียกว่ามั่งคั่งก็คงจะได้เลยแหละ

 

   “…ไม่ได้จนเหรอ แล้วทำไมถึงกินนี่เป็นอาหารเย็นล่ะ”

   “ถ้าเกิดอยากกินข้าวกล่องก็ไปซื้อกินเอง หรือจะกลับบ้านไปกินข้าวก็เรื่องของเธอ ฉันไม่ว่าอะไร”

   

   ฉันไม่มีแม่ 

   แล้วก็ไม่มีพรสวรรค์ในการทำอาหารด้วย

 

   และเหตุผลที่กินราเม็งถ้วยเป็นข้าวเย็นนั้นมีอยู่สองข้อ

   

   ฉันมีพ่อที่ทำอาหารได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เขาก็ยุ่งมากจนไม่ค่อยได้กลับบ้านตอนที่ลูกตื่น บางทีพ่อของฉันคงรู้สึกผิดที่ทำให้ลูกสาวต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขาก็เลยให้ค่าขนมเธอมากเกินกว่าที่จะมอบให้กับนักเรียน ม.ปลาย

 

   “กินนี่นั่นแหละ”

 

   คุณเซ็นไดพูดในขณะที่เล่นฝาราเม็งถ้วยรอกาต้มน้ำไฟฟ้าเดือด

 

   เติมน้ำร้อนจนเต็มถ้วย

   ตั้งตัวจับเวลาไว้เป็น 3 นาที

   จากนั้นเราสองคนก็ซดราเม็งด้วยกัน

 

   ไม่ว่าจะกินคนเดียวหรือว่ากินสองคน ราเม็งถ้วยก็ยังคงเป็นราเม็งถ้วยและมีรสชาติเหมือนเดิม

   แต่ยังไงกินคนเดียวก็ดีกว่าอยู่ดี

 

   “ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ นี่ก็เย็นแล้ว งั้นฉันกลับบ้านแล้วนะ”

   “เข้าใจแล้ว”

 

   คุณเซนไดกับฉันไม่มีอะไรเหมือนกัน

   ในห้องเรียนก็อยู่กันคนละกลุ่ม งานอดิเรกเองก็แตกต่าง

 

   เพราะไม่มีเรื่องจะพูดพวกเราก็เลยได้แต่นั่งกินเงียบ ๆ และราเม็งถ้วยก็เป็นอาหารแบบที่กินหมดแป๊บเดียวด้วย เพราะแบบนี้คุณเซนไดจึงจากไปแบบไม่รู้สึกว่าได้กินข้าวเย็นด้วยกันเลยทั้งแบบนั้น

 

   “ถ้าเกิดซื้อเล่ม 4 มาแล้ว ขออ่านด้วยนะ”

   หลังจากหยิบเสื้อเบลเซอร์และเสื้อโค้ตที่วางไว้จากห้องฉัน คุณเซนไดก็พูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ชั้นหนังสือ

 

   “ถ้ามาครั้งหน้าก็คงได้อ่านแหละ”

   “งั้นก็สัปดาห์หน้านะ”

 

   นึกว่าจะไม่มาอีกแล้วซะอีก

   ดูเหมือนว่าเธอวางแผนที่จะกลับมาห้องของฉันอีกครั้ง ถึงอย่างนั้นฉันก็อดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ฉันทำในวันนี้

 

   คุณเซนไดเป็นคนแปลก ๆ

   ถึงแม้ว่าตอนอยู่ในโรงเรียนจะเป็นคนเรียบร้อยก็ตาม

   

   ฉันยื่นเสื้อเบลเซอร์และเสื้อโค้ตให้เธอ เพื่อเป็นการขอโทษที่เธอยอมรับฟังคำสั่งหยาบคาย

 

   “เดี๋ยวไปส่ง”

 

   ตามปกติเราสองคนจะเดินไปที่ประตูหน้า ลงลิฟต์ไปที่ชั้น 1 แล้วก็ไปที่ทางเข้า-ออก

 

   “แล้วเจอกันใหม่”

 

   คุณเซนไดโบกไม้โบกมือไม่หยุด

 

   “บ๊ายบาย”

 

   เธอตะโกนใส่หลังฉันที่กำลังเดินจากไป

 

   ฉันรู้สึกสงสัยว่า พอปีหน้าขึ้นปี 3 แล้ว คุณเซนไดจะยังให้ฉันซื้อในราคา 5,000 เยนอีกเปล่า

 

   ฉันเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับความคิดแบบนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด