The Divine Nine Dragon Cauldron 307

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 307 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้าไม่ได้พูดหรอกรึว่าข้าคือคนที่สี่ที่เจ้ากำลังมองหา!”

 

ตู่หลงพูดอย่างหนักแน่น เขาเดินเข้ามาอย่างใจเย็นและไม่ได้ถูกแววตาของผู้ตรวจการไป่ฮีกดดันแม้แต่น้อย

 

“ข้าคือตู่หลง หัวหน้าสองของโจรสลัดวารีทมิฬ คนที่อยากจะลอบฆ่าพวกเขาในตอนนั้น!”

 

ซือหยูตกตะลึง ตู่หลงเข้ามาพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเอง!

 

ถ้าตู่หลงไม่เต็มใจ แม้ซือหยูจะบังคับ ก็ไม่จำเป็นที่เขาผู้ที่กำลังจะเดินไปบนเส้นทางแห่งความตายต้องยินยอม

 

เมื่อซือหยูนึกถึงตอนที่ตู่หลงขอให้เขาเดินทางไปยังตระกูลตู่ที่อยู่ในเมืองอันยี่แทนเขา เพื่อนำเถ้ากระดูกจากตำหนักหลิงเสี่ยวกลับไป ซือหยูก็เข้าใจ

 

สิ่งที่ถูกต้องที่สุดคือคำพูดของคนตาย

 

ตู่หลงใช้วาระสุดท้ายของชีวิตตอบแทนซือหยู

 

เขาเพียงต้องการกลับบ้านเท่านั้น

 

เมื่อตู่หลงเดินผ่านซือหยูเขาก็หัวเราะ

 

“เจ้าตำหนักหยินหยู โปรดจำคำที่ข้าขอไว้ด้วย”

 

ผู้ตรวจการไป่ฮีไม่พอใจ

 

“เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่คิดสังหารรองเจ้าตำหนักในวันนั้นงั้นรึ?”

 

ตู่หลงพยักหน้า

 

“ใช่แล้ว! ข้าคำตามคำสั่งของหัวหน้า ข้าบอกได้เลยว่าที่เจ้าตำหนักหยินหยูพูดนั้นเป็นจริงทุกอย่าง!”

 

“ส่วนตัวตนของข้า ถ้าเจ้าไปหาคนในเขตหยินหยูมาซักคน ทุกคนก็จะจำข้าได้”

 

ด้วยตู่หลงที่มาเป็นพยาน ความจริงประจักษ์แก่ทุกคนแล้ว

 

ผู้ตรวจการไป่ฮีพูดขู่แต่ก็ไม่ได้ออกนอกหน้านัก

 

“อย่างนั้นรึ? คิดให้ดีอีกครั้ง เจ้าไม่ได้พูดอะไรผิดไปใช่หรือไม่?”

 

แต่ตู่หลงก็ถอนหายใจแรงออกมาจนน่าตกใจ

 

“ผู้ตรวจการไป่ฮี เลิกพูดจาไร้ประโยชน์เถอะ เหลือทางเดินให้ผู้อื่นก็เหมือนกับการเหลือทางให้เจ้าได้ถอย อย่ารังแกผู้คนจนเกินไปนักเลย”

 

“เจ้าตำหนักหยินหยูเป็นวีรบุรุษผู้นับถือในผู้คน เขามิตายเพราะการเป็นเหยื่อในความอยุติธรรม”

 

ผู้ตรวจการไป่ฮีหน้าแดงก่ำ

 

“เข้าใจแล้ว ความจริงถึงที่สุด! รองเจ้าตำหนักซางเจี้ยนคิดสังหารรองเจ้าตำหนักสามคน หยินหยู ซื่อเหยาและเฟิงฉิงจึงขัดขืน ดังนั้นสามคนนี้ไม่มีความผิด!”

 

“พวกเจ้า ระวังตัวเอาไว้!”

 

ผู้ตรวจการไป่ฮียืนขึ้นจ้องซือหยูและตู่หลงที่พังแผนการของเขาในท้ายสุด เขาเดินออกไปด้วยความโกรธแค้น

 

เรื่องจบลงเช่นนี้

 

“พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน หยินหยูอยู่กับข้า”

 

หลิงเสี่ยวเทียนท่าทางเฉยเมย

 

เมื่อเหลือเพียงเขากับซือหยู หลิงเสี่ยวเทียนก็มองไปยังนภานอกหน้าต่าง

 

“เจ้าได้สืบเรื่องของตู่หลงมาหรือไม่?”

 

เขากังวลเรื่องของตู่หลง!

 

ไม่สิ พูดให้แน่ชัดก็คือเขากังวลถึงเรื่องเบื้องหลังของคนที่ทำให้ตู่หลงต้องสังหารเหล่ารองเจ้าตำหนักมากกว่า

 

ซือหยูส่ายหัว

 

“คนที่อยู่เบื้องหลังโจรสลัดวารีทมิฬไม่ใช่ตู่หลงแต่เป็นหัวหน้าลำดับหนึ่ง!”

 

หลิงเสี่ยวเทียนตกใจ

 

“เขาเป็นใครงั้นรึ?”

 

“ข้าก็ไม่รู้เลย! แม้จะผ่านไปหลายปี ตู่หลงเองก็ยังไม่รู้”

 

ซือหยูรายงานตามจริง

 

หลิงเสี่ยวเทียนพยักหน้า

 

“เข้าใจล่ะ แล้วพวกโจรสลัดวารีทมิฬอยู่ที่ไหนกัน? ข้าจะไปเอง”

 

หากหัวหน้าโจรสลัดต้องการลอบฆ่ารองเจ้าตำหนักของอาณาจักรทมิฬ…เขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา!

 

“สายไปแล้ว โจรสลัดวารีทมิฬถูกหัวหน้าลำดับหนึ่งสังหารจนหมดสิ้น! เหลือแค่ตู่หลงที่รอดมาได้ แต่เขาก็เสียแขนไปหนึ่งข้าง! ข้ามาเขามาวันนี้ก็เพื่อจะส่งตัวเขาให้ท่านเจ้าตำหนัก ท่านเจ้าตำหนักจะได้จัดการได้”

 

นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่ซือหยูพาตู่หลงมาด้วย

 

เพราะอย่างไรหัวหน้าลำดับหนึ่งก็คือตัวอันตรายของจริง ซือหยูต้องบอกให้หลิงเสี่ยวเทียนได้รับรู้

 

“เขาไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้จริงๆ”

 

หลิงเสี่ยวเทียนพูดอย่างเย็นชา

 

หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไร้เบาะแส

 

“ส่วนตู่หลง…เขาเป็นของเจ้า”

 

หลิงเสี่ยวเทียนพูด

 

เมื่อครู่ ตู่หลงได้ก้าวเข้ามาอย่างกล้าหาญเพื่อคลี่คลายปัญหาของซือหยู หลิงเสี่ยวเทียนนึกถึงตอนนั้น

 

ซือหยูพยักหน้า

 

หลิงเสียวเทียนหันกลับมาด้วยรอยยิ้มที่พอใจและอบอุ่น เขามองซือหยูอย่างเป็นสุข

 

“แค่เดือนเดียวเจ้าก็เติบโตได้เช่นนี้ คุณสมบัติของเจ้าน่าตกใจนัก”

 

“ต้องขอบคุณท่านเจ้าตำหนักที่ดูแลข้า”

 

ซือหยูตอบกลับด้วยความขอบคุณ

 

หลิงเสี่ยวเทียนช่วยชีวิตเขาไว้สองครั้งและยังให้โอกาสได้เข้าร่วมกับอาณาจักรทมิฬ นี่เป็นการเปิดโอกาสให้ซือหยูได้เติบโตขึ้นมาก

 

ที่สำนักหลิวเซี่ยน ตอนที่ลู่จุนกำลังจะโจมตีเขาก็เป็นหลิงเสี่ยวเทียนที่ปรากฏตัวขึ้นและไล่ลู่จุนไป และหลิงเสี่ยวเทียนก็ยังมอบวิชาเก้าดัชนีอัสนีจินตนาให้เขา

 

ในงานประชุมพันธมิตรเอง ก็เป็นหลิงเสี่ยวเทียนที่ปรากฎตัวขึ้นและปกป้องซือหยูเอาไว้

 

แล้วหลิงเที่ยวเทียนก็ยังชวนซือหยูให้เข้าสู่อาณาจักรทมิฬ

 

ซือหยูจะไม่มีวันลืมน้ำใจของหลิงเสี่ยวเทียน

 

“เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจะใช้โอกาสเจ้าได้เติบโตยิ่งกว่านี้”

 

หลิงเสี่ยวเทียนนั้นลึกลับยากจะคาดเดา เขาปรบมือเบาๆ

 

หญิงงามที่มีร่างกายอันงดงามพร้อมกับม่านบังใบหน้าเดินออกมา

 

นางแสร้งยิ้มและมีดวงตาสดใสราวจันทร์เสี้ยวที่เปล่งประกาย

 

ซือหยูริมฝีปากกระตุกอยู่ใต้หน้ากาก

 

ฮั่วฉีหลาน!

 

“ฉีหลาน นี่คือเจ้าตำหนักคนใหม่ หยินหยู!!”

 

“นางคือฮั่วฉีหลาน รองเจ้าตำหนักลำดับเก้า นางมาอยู่ในอาณาจักรทมิฬก่อนเจ้าห้าปี พวกเจ้าสองคนมาจากร้อยดินแดนเหมือนกัน ควรจะช่วยเหลือกันในภายภาคหน้า”

 

ฮั่วฉีหลานโค้งคำนับและยิ้มแย้ม นางมองซือหยูด้วยความสงสัยอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้น

 

“เจ้าอายุแค่สิบหกปีก็สำเร็จขอบเขตอำมฤตระดับหนึ่งขั้นสูงแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะน่าประทับใจยิ่งกว่าข้า”

 

ดูเหมือนว่านางชื่นชมซือหยู แต่เสียงของนางก็เต็มไปด้วยความถากถางและไม่ได้สนใจซือหยูมากนัก

 

หลิงเสี่ยวเทียนยิ้มและส่ายหัว

 

“อย่าประมาทเขาเลย แม้แต่ซางเจี้ยนก็ตายด้วยมือเขา”

 

เอ๋? ฮั่วฉีหลานหรี่ตามอง นางจ้องซือหยูตาไม่กระพริบ

 

“อย่างนั้นรึ?”

 

ซางเจี้ยนอยู่ในลำดับห้า ซือหยูที่เป็นรองเจ้าตำหนักหน้าใหม่นั้นน่าทึ่งมาก

 

“เจ้าตำหนักฉีหลาน ข้าหวังว่าพวกเราจะได้ช่วยเหลือกัน…”

 

“ฮ่าๆๆ เรียกข้าว่าศิษย์พี่เถอะ”

 

ฮั่วฉีหลานหัวเราะอย่างน่ารักน่าชัง

 

ในบรรดาสิบรองเจ้าตำหนัก มิได้มีศิษย์พี่ศิษย์น้องตามลำดับอยู่หรอก

 

ซือหยูหัวเราะแต่ก็ไม่พูดอะไร ฮั่วฉีหลานผู้นี้ประหลาดนัก

 

“เข้าใจแล้ว ศิษย์พี่ฮั่ว”

 

ซือหยูยิ้มอย่างประหลาดใจ

 

ที่เกาะเฉินยี่ ซือหยูได้สั่งสอนนางและหนี้แค้นก็ถูกสะสางเป็นที่เรียบร้อย

 

“หยินหยู ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้เพิ่มพลังที่มากกว่านี้”

 

หลิงเสี่ยวเทียนพูดกลับมาในประเด็น

 

“ข้าจะให้เจ้ากับฉีหลานไปที่เมืองอันยี่ พวกเจ้าจะได้ไปบ่มเพาะที่ป่าทมิฬ”

 

“ข้าจะส่งคนไปแอบปกป้องพวกเจ้าสองคนและทำให้เจ้าสองคนกลับมาอย่างปลอดภัย”

 

บ่มเพาะรึ? ซือหยูไม่เข้าใจ ว่ากันว่าป่าทมิฬคือสถานที่อันตรายที่มีคนอยู่น้อยมาก คุ้มค่าแล้วรึที่จะไปบ่มเพาะพลังในสถานที่แบบนั้น?

 

แต่ฮั่วฉีหลานก็เบิกตากว้าง นางมีความสุขมาก

 

“ถึงคราวข้าแล้วรึ? เดี๋ยวก่อน ข้าแค่ได้โอกาสหลังจากที่ทุ่มเทไปมากนัก แล้วทำไมเด็กอย่างเขาถึงได้โอกาสไปกับข้าทั้งๆที่เพิ่งจะมาล่ะ?”

 

ฮั่วฉีหลานไม่พอใจเล็กน้อย

 

“เจ้าก็ทุ่มเทอย่างหนักเช่นกัน เจ้าไม่ควรจะปฏิเสธเขา พวกเจ้าสองคนจะออกเดินทางวันนี้”

 

หลิงเสี่ยวเทียนพูดตัดบท ไม่ให้โอกาสนางได้โต้แย้ง

 

เดินทางทันทีรึ? ซือหยูยังไม่เข้าใจ

 

“ท่านเจ้าตำหนัก นี่มันไม่รีบร้อนไปหน่อยรึ? ข้าต้องสะสางเรื่องในเขตหยินหยูอีก”

 

การเดินทางไปเมืองอันยี่ครั้งนี้คงจะใช้เวลาหลานเดือน และคงไม่มีเวลามากพอที่จะให้เขาสะสางภาระในการดูแลเขตหยินหยู

 

“เรื่องนั้นยังไม่จำเป็น เวลากระชั้นชิดเข้ามาแล้ว”

 

หลิงเสี่ยวเทียนรีบพูด

 

“อาณาจักรทมิฬมีสถานที่ในการบ่มเพาะที่ดีมาก แต่ข้าได้ข่าวว่าคลื่นสัตว์อสูรกำลังจะปรากฏตัวในป่าทมิฬและเข้าปกคลุมพื้นที่บ่มเพาะพลัง ถ้าเจ้าไปที่นั่นช้า โอกาสของพวกเจ้าก็จะเลื่อนออกไปอีกครึ่งปี”

 

“พวกเจ้าสองคนต้องไปบ่มเพาะพลังให้เรียบร้อยก่อนคลื่นสัตว์อสูรจะมา”

 

คลื่นสัตว์อสูรงั้นรึ?

 

ซือหยูกับฮั่วฉีหลานขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกัน

 

“ท่านเจ้าตำหนัก ข้ามีเรื่องที่ต้องรายงาน ในน่านน้ำ สัตว์ป่าและสัตว์อสูรทั้งหมดหายไป! มันแปลกประหลาดมาก!”

 

ฮั่วฉีหลานรายงานสิ่งที่นางรู้

 

นั่นคือสิ่งที่ซือหยูจะพูดเช่นกัน

 

“ท่านเจ้าตำหนัก เขตหยินหยูของข้าก็มีคลื่นสัตว์อสูรเข้ามาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน”

 

หลิงเสี่ยวเทียนขมวดคิ้ว

 

“อย่างนั้นรึ? มีสัญญาณประหลาดจากน่านน้ำ กลางทวีป และป่าทมิฬพร้อมกันงั้นรึ?”

 

เรื่องนี้ไม่ค่อยปกติแล้ว

 

“ข้าจะส่งข่าวให้ตำหนักหลัก พวกเจ้าสองคนไม่ต้องเป็นห่วง คิดถึงเรื่องบ่มเพาะพลังก็พอ พวกเจ้าเดินทางได้แล้ว”

 

ซือหยูพยักหน้าเดินออกจากห้อง ฉีหยุนเซี่ยงเดินเข้ามาหาเขา

 

“หยุนเซี่ยง ข้าต้องเดินทางไกลไปที่เมืองอันยี่ เจ้าต้องไปกับข้าด้วย”

 

การพาฉีหยุนเซี่ยงไปกับเขาคือหนทางที่ปลอดภัยที่สุด ถ้าเขาทิ้งนางกลับไปเขตหยินหยู หัวหน้าโจรสลัดผู้ลึกลับก็อาจจะมาจับตัวนางอีกครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นจะเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้

 

ฉีหยุนเซี่ยงดีใจและยอมรับอย่างว่าง่าย

 

หลังจากนั้นซือหยูก็มองตู่หลงและพูดอย่างเรียบเฉย

 

“ถ้าเจ้าอยากจะกลับตระกูล ข้าคิดว่าเจ้ากลับไปด้วยตัวเองจะดีกว่า เจ้าตามข้าไปที่ป่าทมิฬ”

 

ตู่หลงแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

 

“เจ้า…เจ้าจะไม่ฆ่าข้ารึ?”

 

ซือหยูตอบอย่างเย็นชา

 

“ถ้าเจ้าปรารถนาจะชำระบาป คนที่กลับใจแล้วนั้นดีกว่าคนตายมากนัก!”

 

ตู่หลงประทับใจ เขามิอาจอธิบายความสำนึกนี้ได้ด้วยคำพูด เขาจ้องมองซือหยู

 

“ตราบเท่าที่ตู่หลงผู้นี้มีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่มีวันลืมความเอื้อเฟื้อนี้เลย”

 

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาทั้งสี่รวมถึงฮั่วฉีหลานจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองอันยี่ด้วยความเร่งรีบ

 

ครึ่งวันผ่านไป พวกเขาผ่านเขตของตำหนักรองไปกว่าครึ่งและกำลังจะออกจากเขตตำหนักรอง

 

แต่ในตอนนั้นเองก็มีพลังอันรุนแรงพุ่งมาหาพวกเขาผ่านเมฆา!

 

พลังวิญญาณนั้นหนาแน่นมาก

 

ซือหยูระวังตัวตลอดการเดินทาง เขาสนใจในระยะรอบๆร้อยห้าสิบลี้

 

“ระวัง!”

 

การเปลี่ยนแปลงของเมฆาทำให้ซือหยูสังเกตเห็น เขารีบอุ้มฉีหยุนเซี่ยงหนีออกจากวิหคยักษ์

 

เขาหันไปมองฮั่วฉีหลานที่อยู่ห่างจากซือหยูเล็กน้อย ซือหยูไม่ได้อุ้มนางมาด้วยและทำได้แค่เตือน

 

ครืน—

 

ปั้ง—

 

พลังวิญญาณมาถึงพวกเขาในพริบตา!

 

วิหคยักษ์ที่ตอบสนองไม่ทันได้ร้องคำรามและกลายเป็นผงสีเทาทันที!

 

พลังวิญญาณแข็งแกร่งมาก!

 

ฮั่วฉีหลานหลบไม่ทันเวลา แต่นางก็ไม่ได้กังวลใจนัก เห็นได้ชัดว่านางคือมังกรระดับเจ็ดเพราะปล่อยพลังวิญญาณออกมาจากร่างได้เพียงเล็กน้อย

 

จากนั้น…ร่างของนางก็เปล่งประกายแสงฉาบนภา

 

จากนั้นแสงเดิมก็มารวมตัวกันที่ข้างซือหยูและกลายเป็นฮั่วฉีหลานอีกครั้ง!

 

ซือหยูตกใจเป็นอย่างมาก

 

วิชาเคลื่อนไหวอะไรกัน? ร่างของนางกลายเป็นแสง และแสงก็มารวมตัวกันอีกครั้งรึ?

 

วิชาลับอันน่าตกใจนี้น่าประทับใจมาก!

 

แต่ซือหยูก็ไม่มีเวลาคิดถึงวิชานี้ เขามองหมู่เมฆาด้วยสีหน้าหม่นหมอง

 

“แม้เจ้าจะเป็นผู้ตรวจการ เจ้าก็ยังลอบโจมตีพวกเรา เจ้าไม่มียางอายบ้างรึ?”

 

พรึ่บ–

 

เมฆากระจัดกระจายออกไป!

 

ชายแก่ที่บินลอยมือไพล่หลังปรากฏตัวออกมา

 

เขาคือผู้ตรวจการไป่ฮี!

 

“ฮื่ม ข้าจะเป็นตัวแทนของอาณาจักรและฆ่าคนทรราชย์ของอาณาจักร หยินหยู เจ้าฆ่ารองเจ้าตำหนักและแม้แต่ความตายก็ชดใช้ไม่ได้!”

 

ซือหยูหัวเราะ

 

“ครึ่งวันก่อนเจ้าประกาศต่อหน้าทุกคนแล้วไม่ใช่รึว่าเรื่องถูกสอบสวนไปหมดแล้ว!”

 

“หลิวเสี่ยวเทียนบิดเบือนกฎเพื่อช่วยเจ้า ผลการสอบสวนไม่ได้สรุปอย่างเป็นธรรม! ตอนนี้ข้าขอประกาศว่าเจ้า หยินหยู เจ้ามีความผิดและจะถูกประหาร!”

 

ข้ออ้างอันน่าละอายนี้ทำให้ซือหยูหัวเราะอย่างขมขื่น

 

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าตาแก่อย่างเจ้าจะต้องไปปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แต่ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าข้าก็เข้ามา เจ้าจะพูดมากไปเพื่ออะไรกัน?”

 

ซือหยูเตรียมป้องกัน หัวใจเขาเต้นระรัว

 

ผู้ตรวจการไป่ฮีมีพลังมหาศาล…แทบจะพอๆกับหลิงเสี่ยวเทียน

 

ต่อหน้ายอดฝีมือเช่นนี้ ซือหยูอาจจะไม่มีโอกาสได้โต้กลับ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด