The Divine Nine Dragon Cauldron 325

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 325 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วิกฤติ

เมื่อซือหยูเห็นเงาแห่งความตาย ดวงตาข้างซ้ายของเขาก็เปล่งแสงสีม่วงออกมา!

 

“ผนึกเวลา!”

 

มังกรม่วงที่มองไม่เห็นเข้ารัดคนข้างหลังเขาทันที

 

เงาทมิฬที่พุ่งเข้ามานั้นหยุดนิ่งไป

 

ฟึ่บ–

 

เงาร่างที่มีแขนเดียวพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง เขาพยุงซือหยูด้วยแขนข้างเดียวที่มีและพาหนีอออกไป

 

“เจ้าตำหนักฉีหลาน โปรดหนีไปกับเจ้าตำหนักหยินหยูเถอะ ข้าจะระวังหลังให้เอง!”

 

ตู่หลงบินพุ่งตัวส่งซือหยูให้กับฮั่วฉีหลานที่กำลังเข้ามาและตะโกนอย่างรีบร้อน

 

ฮั่วฉีหลานนิ่งไปเล็กน้อย ระวังหลังงั้นรึ? ด้วยพลังที่น่ากลัวของสตรีทมิฬที่สามารถสังหารคนได้โดยไม่รู้ตัว ไม่มีโอกาสเลยที่ตู่หลงจะรอด

 

และไม่ว่าเขาจะถ่วงเวลาไว้ได้หรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

 

…เพราะเขากำลังจะส่งตัวเองไปตาย

 

“ข้าควรจะตายไปนานแล้ว แต่ท่านเจ้าตำหนักก็อภัยให้ข้า ให้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ข้าจะได้คืนชีวิตของข้าให้กับเจ้าตำหนักหยินหยูเถอะ!”

 

ตู่หลงราวกับถูกปลดปล่อยออกจากภูเขาที่หนักอก

 

ร่างกายของเขาพิการ ฐานพลังลดลงไปครึ่งส่วน และยากที่เขาจะกลับตระกูลไปได้

 

เขาไม่ปรารถนาถึงอดีตอีกแล้ว

 

ฮั่วฉีหลานพยักหน้าและแบกซือหยูกับฉีหยุนเซี่ยงบินหนีไป

 

ในตอนนั้นเอง เงาทมิฬได้หลุดออกจากพันธนาการผนึกเวลา

 

บอกได้เลยว่านางนั้นตกใจกับพลังของซือหยูมาก

 

“คิดจะหนีรึ?”

 

นางตะโกน ร่างของนางกลายเป็นเงาที่พุ่งเข้ามาไล่ล่า

 

ตู่หลงกัดฟันและทุบอกตัวเองด้วยฝ่ามือ

 

ด้วยพลังมหาศาล เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุด

 

โลหิตที่หยดไหลทำให้ร่างเงาที่แทบจะมองไม่เห็นสัมผัสกับละอองโลหิต ร่างนั้นกำลังพุ่งเข้าไปหาฮั่วฉีหลาน!

 

“ข้าเจอเจ้าแล้ว!”

 

ตู่หลงใช้วิธีทำร้ายตัวเองเพื่อให้เห็นเงาทมิฬ เขารีบไล่ตามเงาทมิฬอย่างรีบร้อน

 

“ไสหัวไป!”

 

นางโกรธเกรี้ยวและส่งคลื่นพลังวิญญาณที่ไม่แข็งแกร่งนักใส่ตู่หลง

 

ตู่หลงป้องกันการโจมตีอย่างเต็มกำลัง แต่เขาก็กระเด็นไปไกลและกระอักเลือดออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน เขาอยู่ในสภาพปางตายในทันที

 

ซือหยูลืมตาอย่างยากลำบากเพื่อหันไปมอง แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ

 

“ตู่หลง!!”

 

พวกเขาควรจะเป็นศัตรูต่อกัน

 

แต่ด้วยสถานการณ์ประหลาดหลายครั้ง พวกเขาได้กลายเป็นกึ่งมิตรกึ่งศัตรู

 

เมื่อครู่ ต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่ง ตู่หลงได้สละตัวเองเพื่อสร้างโอกาสให้ซือหยูได้หนี!

 

เป็นไปได้อย่างไรที่ซือหยูจะไม่ประทับใจ?

 

แววตาซือหยูเต็มไปด้วยความชิงชัง เขามองตรงไปยังผู้หญิงที่พุ่งเข้ามา!

 

นางฉวยโอกาสลอบโจมตีในตอนที่ซือหยูบาดเจ็บสาหัส ทุกการโจมตีของนางนั้นเกือบจะได้สังหารซือหยู!

 

คนคนนี้ต้องตาย!

 

และอาจจะเป็นเพราะโลหิตที่สัมผัสกาย เงาร่างทมิฬของนางที่อ่อนลง ร่างที่แท้จริงได้เปิดเผยออกมามากขึ้น

 

“เจ้าเองรึ! คนของฮั่นเจียงหลิน!”

 

ซือหยูจำผู้หญิงคนนี้ได้

 

นางมาที่เมืองอันยี่กับเกาคังและฮั่นเจียงหลิน!

 

สีหน้าของนางเปลี่ยนไป

 

นางฉวยโอกาสในตอนที่ซือหยูเจ็บหนักเพื่อหวังจะสังหารอย่างมั่นใจ

 

แต่นางก็ล้มเหลวและถูกเปิดเผยตัวตน!

 

ถ้านางไม่ฆ่าทุกคนที่นี่และอาณาจักรทมิฬรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ใ…

 

ถ้าถึงตอนนั้นก็ไม่จำเป็นที่อาณาจักรทมิฬจะต้องไล่ล่านางเพราะนางจะสังหารฮั่นเจียงหลินเพื่อปิดปากได้

 

“ข้าจะไม่ให้พวกเจ้ารอดออกไปแม้แต่คนเดียว!”

 

นางคือเฉินยู่เหลียน!

 

นางเชียวชาญในวิชาลอบสังหาร แม้ว่านางจะเป็นเพียงอำมฤตระดับสามขั้นกลาง นางก็สังหารคนที่ระดับต่ำกว่าอำมฤตระดับสามขั้นสูงได้โดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย!

 

แต่ในตอนนี้ ที่ขอบนภาได้เปลี่ยนไป!

 

รู้สึกได้ถึงรังสีพลังทำลายล้างที่สั่นคลอนฟ้าดิน!

 

ยอดฝีมือขอบเขตอำมฤตร้อยคนปรากฏตัวขึ้น พวกเขามีเยอะจนนภาทอดเงาลงมามืดมิด

 

รังสีพลังอันไร้เทียมทานของทุกคนขับไล่เหล่าสรรพสัตว์ให้หนีไป

 

ขอบเขตอำมฤตร้อยคนงั้นรึ? ปริมาณเช่นนี้มากพอที่จะเผชิญหน้ากับสามขุมกำลังใหญ่ด้วยตัวเองเลยทีเดียว!

 

เฉินยู่เหลียนแคลงใจ

 

“ตระกูลตู่งั้นรึ?”

 

เฉินยู่เหลียนขบริมฝีปาก นางไม่มีทางเลือกนอกจากหนีไป

 

แม้ว่าฮั่นเจียงหลินจะติดต่อกับตระกูลตู่ แต่ถ้าตระกูลตู่รู้ว่าเฉินยู่เหลียนต้องการสังหารรองเจ้าตำหนักและใส่ร้ายพวกเขา สถานการณ์ก็คงจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้

 

เงาแสงเริ่มบิดเบือน เฉินยู่เหลียนหนีไปทันที!

 

สีหน้าของฮั่วฉีหลานเปลี่ยนไปเช่นกัน นางรีบหนีไปพร้อมกับซือหยูและฉีหยุนเซี่ยง

 

แต่นางก็ไม่ได้มีวิชาเคลื่อนไหวที่ดีนัก และนางก็ยังแบกคนอีกสองคน ดังนั้นนางจึงหนีได้ไม่ไกลนักก่อนจะถูกยอดฝีมือทั้งร้อยคนจากตระกูลตู่ล้อมไว้ทุกด้าน

 

จิตสังหารทะลวงร่างของฮั่วฉีหลานจากทุกทิศทาง ดวงตาราวจันทร์เสี้ยวของนางเยือกเย็นลง

 

“ตระกูลตู่เร้นกายไว้ได้เช่นนี้เชียวรึ? หลายร้อยปีที่ผ่านมา กำลังเติบโตขึ้นอย่างลับๆหรอกรึนี่?”

 

ตระกูลตู่หลบอยู่ในป่าทมิฬมาตลอดหลายปี และยากที่คนนอกจะรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงใด

 

ใครจะไปคิดว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตระกูลตู่ได้แอบบ่มเพาะกำลังที่แข็งแกร่งจนถึงจุดที่นับว่าเป็นขุมกำลังที่สี่ของทวีป

 

ในจุดนี้ บางทีอาณาจักรทมิฬเองก็ไม่ได้คาดไว้เช่นกัน

 

ตระกูลตู่แห่งแปดตระกูลโบราณได้ฟื้นกำลังกลับมาแล้ว!

 

“ฮ่าๆๆ…”

 

เสียงหัวเราะดังมากเหล่ายอดฝีมือ

 

พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ–

 

ยอดฝีมือขอบเขตอำมฤตทั้งร้อยคนของตระกูลตู่ก้มหน้าและเปิดทาง พวกเขาตะโกนเสียงดัง

 

“ยินดีต้อนรับนายน้อย!”

 

นายน้อยตระกูลตู่งั้นรึ?

 

ตั้งแต่ตู่หลงทิ้งตำแหน่งนายน้อยไป ย่อมต้องมีคนอื่นมาแทนที่เขาอยู่แล้ว

 

เมื่อเหล่ายอดฝีมือให้การต้อนรับ ชายหนุ่มที่สวมชุดแพรลายบุพผาเดินมือไพล่หลังเดินเข้ามา

 

เขาอายุประมาณสี่สิบปี เขาดูคล้ายกับตู่หลงอยู่บ้าง

 

เขาดูสูงส่งตระการตา เขายิ้มอย่างชั่วร้าย

 

“ว่ากันว่าเจ้าตำหนักฉีหลานงดงามดั่งเทพี แต่ก็ไม่เคยเผยใบหน้าที่แท้จริงสักครั้ง ข้าอยากจะได้เห็นใบหน้าใต้ม่านนั่นจริงๆ ข้าจะได้รู้เสียทีว่าที่ร่ำลือกันนั้นจริงหรือไม่!”

 

นายน้อยตระกูลตู่จ้องมองฮั่วฉีหลาน เขาแอบมองนางทั้งร่าง

 

แววตาฮั่วฉีหลานเย็นยะเยือก แต่นางก็ยังคงยิ้ม

 

“เจ้าเชื่อข่าวลือนั่นได้ยังไงกัน? ข้าไม่เคยเผยใบหน้าให้ใคร แล้วคนนอกจะรู้ได้อย่างไรว่าข้างดงามเช่นนั้น? ข่าวลือก็เป็นดั่งข่าวลือ ไร้ซึ่งความจริง”

 

“แล้วตระกูลตู่ของเจ้ามาล้อมรองเจ้าตำหนักอย่างเปิดเผยเช่นนี้ พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

 

นายน้อยตระกูลตู่มองไปยังทหารตระกูลตู่ที่ตายไปพร้อมกับเกาคัง เขาถอนหายใจแรง

 

“เจ้าสังหารทหารของเมือง ทำให้งานประมูลวุ่นวายและฆ่าคนที่ประมูลแข่ง พวกข้าที่จัดการเมืองอันยี่ต้องพาพวกเจ้ากลับไปอยู่แล้ว พวกเจ้าต้องอธิบายเรื่องราวกับข้าทั้งหมด!”

 

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ถ้าเจ้าฝ่าฝืนกฎของเมืองอันยี่ เจ้าจะต้องถูกลงโทษ ตัวตนของรองเจ้าตำหนักอาจจะยิ่งใหญ่ในที่อื่น แต่ไม่ใช่ในเมืองอันยี่ของข้า!”

 

อีกฝ่ายตั้งใจจะฆ่าพวกนาง

 

ฮั่วฉีหลานหัวเราะ

 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อาณาจักรทมิฬไม่ควรค่าแก่การถูกพูดถึงในตระกูลตู่รึ? ดูเหมือนหลังจากซ่อนกำลังมานานหลายร้อยปี เจ้าจะมั่นใจเหลือเกินนะ!”

 

ฮั่วฉีหลานถอนหายใจเบาๆ

 

“งานประมูลของเจ้าพยายามอย่างยิ่งที่จะเอาสมบัติของผู้ประมูล จากนั้นคนจัดงานประมูลของเจ้าก็ส่งคนมาไล่ล่าพวกข้า ข้าต้องตอบโต้!”

 

“คนที่ขัดต่อกฎของเมืองอันยี่ก็คือพวกเจ้าทุกคน ไม่ใช่พวกข้า!”

 

นายน้อยตระกูลตู่ที่ยืนมือไพล่หลังหัวเราะ

 

“กฎของเมืองอันยี่งั้นรึ? ฮ่าๆๆ กฎของที่นี่ก็เป็นเช่นนั้น ถ้าตระกูลตู่สร้างกฎขึ้นมาได้ พวกข้าก็แหกกฎได้เหมือนกัน!”

 

“ไม่ต้องพูดถึงความโลภในสมบัติพวกเจ้า ถ้าพวกข้าอยากจะได้ชีวิตพวกเจ้า มันก็ยังคงอยู่ในกฎ! เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

 

นายน้อยตระกูลตู่ยิ้มด้วยมุมปาก

 

ฮั่วฉีหลานจะพูดอีกครั้งแต่ก็ถูกซือหยูหยุดเอาไว้

 

“เขาพูดถูก คนที่กำลังใหญ่กว่าคือตัวแทนของกฎ เจ้าพูดไปก็ไร้ประโยชน์!”

 

“วางข้าลงเถอะ”

 

ฮั่วฉีหลานพยุงซือหยูให้ยืนขึ้นอย่างยากลำบาก

 

ซือหยูชายตามองไปยังนายน้อยตระกูลตู่

 

“จงไปซะก่อนที่พวกข้าจะต้องสู้จนตัวตาย ตระกูลตู่ของเจ้ายังพอมีหวังที่จะรอดถ้าเจ้าทำอย่างที่ข้าบอก!”

 

นายน้อยตระกูลตู่พูดอย่างเหยียดหยาม

 

“น่าขันสิ้นดี! เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ารอดกลับไปอีกรึ?”

 

“แล้วก็…”

 

นายน้อยตระกูลตู่มองฮั่วฉีหลานทั้งกายด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย จากนั้นก็มองฉีหยุนเซี่ยง

 

“สตรีงดงามสองคนไม่ค่อยได้มาเมืองอันยี่บ่อยๆ ข้าต้องดูแลพวกนางให้ดีอยู่แล้ว?”

 

เขายังหมายตานางสองคนอีกด้วย!

 

“เจ้าตำหนักหยินหยู ยอมแพ้ซะ แม้เจ้าจะคุกเข่าอ้อนวอนข้ามันก็ไร้ประโยชน์! โจมตีซะ! จับตัวพวกมันไว้!”

 

แต่ในตอนนั้นเอง ซือหยูส่ายหัว

 

“ใครบอกว่าข้าจะขอร้องเจ้า?”

 

“ข้าแค่ให้โอกาสพวกเจ้าเท่านั้น!”

 

“เจ้ามองดูตัวเองก่อนเถอะ เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีอะไรมาต่อรองข้าอีกเรอะ? เพียงเพราะเจ้าภูมิใจในตำแหน่งรองเจ้าตำหนักน่ะรึ?”

 

“ถึงเจ้ากำลังจะตาย เจ้าก็ไม่ยอมทิ้งความหยิ่งยโสนั่น น่าเวทนานัก!”

 

แต่ในตอนนั้นเอง คลื่นพลังมิติได้เข้าล้อมกายฮั่วฉีหลานกับฉีหยุนเซี่ยงอย่างเงียบเชียบ

 

“ฮ่าๆๆๆ…นี่คือมิติบิดเบือนที่จะส่งพวกนางไปได้ไกล! ตอนที่พวกนางกลับไปถึงอาณาจักรทมิฬแล้วรายงานเรื่องนี้ เจ้าคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลตู่ของเจ้างั้นรึ?”

 

นายน้อยตระกูลตู่เบิกตากว้าง เขาสีหน้าเคร่งเครียด

 

“เจ้ามีพลังประหลาดอยู่เท่าใดกันแน่?”

 

ถ้าพวกนางหนีไปได้ ตระกูลตู่จะต้องพบกับการทำลายล้าง

 

ซือหยูหัวเราะ

 

“เจ้ามีแค่สองทางเลือกเท่านั้น อย่างแรก ข้าจะส่งพวกนางกลับไป แล้วเจ้าก็รอตระกูลตู่ของเจ้าถูกทำลายไปซะ! อย่างที่สอง ก่อนที่เรื่องจะแย่ไปมากกว่านี้ พวกเจ้าออกไปจากที่นี่ให้หมด!”

 

นายน้อยตระกูลตู่ยืนตัวสั่น ท่าทางของเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

 

ถ้าเขาดึงดันจะสังหารซือหยู ฮั่วฉีหลานและฉีหยุนเซี่ยงก็จะหนีกลับไปรายงานให้อาณาจักรทมิฬได้รับรู้

 

ความผิดของการฆ่ารองเจ้าตำหนักอย่างเปิดเผยนั้นจะทำให้อาณาจักรทมิฬโกรธแค้นอย่างหนัก! โดยเฉพาะกับราชาแห่งความมืดที่เมตตาปล่อยให้ตระกูลตู่ได้อยู่รอด

 

ถ้าอาณาจักรทมิฬมาแก้แค้นก็มีโอกาสสูงมากที่ตระกูลตู่จะถูกทำลายโดยสมบูรณ์!

 

แผนเดียวในตอนนี้คือการหยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้ มิเช่นนั้นพวกเขาจะต้องทำสงครามกับอาณาจักรทมิฬอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

แต่ถ้าเขาปล่อยซือหยูไปทั้งอย่างนี้ ไม่ต้องพูดถึงธนูมังกรฟ้าดินที่เป็นสมบัติเทพระดับกลาง…เรื่องที่ซือหยูสังหารคนตระกูลตู่ก็มิอาจอภัยได้

 

นายน้อยตระกูลตู่กัดฟันแน่นอย่างไม่พอใจ

 

เขายังมีทางเลือกอยู่อีกรึ?

 

เขาจ้องซือหยูอย่างเยือกเย็น

 

“ก็ได้ เจ้าชนะ!!”

 

แม้ซือหยูกับคนของเขาจะสร้างเรื่องวุ่นวายมากมายในดินแดนของตระกูลตู่…นายน้อยอย่างเขาก็ทำอะไรไม่ได้!

 

“พวกข้าจะไปแล้ว!”

 

นายน้อยตระกูลตู่อับอายเป็นอย่างมาก เขาหันหลังและกลับไป

 

เมื่อเขาบินผ่านตู่หลงที่บาดเจ็บปางตาย จิตสังหารก็ฉาบแววตาของเขา

 

“พาเขาไปด้วย!”

 

ซือหยูชักสีหน้า

 

“หยุดนะ! เขาเป็นคนของข้า!”

 

“หุบปาก!”

 

นายน้อยตระกูลตู่หันกลับ

 

“เขาคือคนทรยศของตระกูลตู่ การพาเขากลับไปลงโทษคือส่วนหนึ่งของหน้าที่ข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะมายุ่ง?”

 

“เจ้าดูตัวเองให้ดีเสียก่อนเถอะ!”

 

เห็นได้ชัดว่าเขาที่เป็นนายน้อยคนใหม่ไม่อยากปล่อยให้นายน้อยคนเก่ามีชีวิตรอด

 

แต่ถ้าเขาสังหารตู่หลงต่อหน้าทุกคนก็จะเป็นที่ครหานินทาได้

 

ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะเอาตู่หลงกลับตระกูลและปล่อยให้ตระกูลจัดการ!

 

ส่วนเรื่องความผิดที่เขาร่วมมือกับเจ้าตำหนักหยินหยู ถึงเขาจะไม่ตาย เขาก็ต้องชดใช้อย่างสาสม!

 

เมื่อซือหยูเห็นคนจากตระกูลตู่เข้ามาเอาตัวตู่หลงที่บาดเจ็บปางตาย จิตใจเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

 

แม้ว่าเขาจะไม่บาดเจ็บ เขาก็มิอาจหยุดทั้งร้อยคนไปได้

 

ซือหยูมองเหล่ายอดฝีมือที่จากไปไกลและกำหมัดแน่น

 

ถ้าไม่ใช่เพราะตู่หลง เขาก็คงตายด้วยมือเฉินยู่เหลียนไปแล้ว

 

ถ้าซือหยูไม่ตอบแทนตู่หลงที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาก็ต้องจมอยู่กับความเสียใจไปตลอดกาล

 

ฮั่วฉีหลานถอนหายใจเบาๆ

 

“ถึงตู่หลงจะเป็นโจรมาสิบปี เขาก็ยังคงนับถือผู้คนเป็นอย่างสูง คนเช่นนี้ไม่ควรตายที่นี่!”

 

“พวกเราจะไปบ่มเพาะพลังและเติบโตขึ้น จากนั้นค่อยมาคิดถึงวิธีช่วยเขา!”

 

ซือหยูมองไปทางเมืองอันยี่อย่างเยือกเย็น

 

“ก็ได้! ข้าจะจดจำหนี้ครั้งนี้ไว้!”

 

ชิงธนูของเขา กดดันเขาจนต้องบาดเจ็บสาหัส ทำแม้แต่พยายามฆ่าเขา…ถ้าเขาไม่ล้างแค้นในครั้งนี้ เขาก็คงมิใช่บุรุษ!

 

“แต่ก่อนจะไป เราไม่ต้องจัดการไอ้เวรสองคนนี้ก่อนรึ?”

 

ซือหยูมองผ่านไปยังจางซือยี่กับตู่หมิงฮั่วที่นอนอยู่กับพื้น

 

เตี้ยฉีถูกคนตระกูลตู่พาตัวกลับไป ส่วนตู่หมิงฮั่วนั้นบาดเจ็บสาหัสจนพูดอะไรไม่ได้ เขาถูกมองข้ามไป

 

“พวกเจ้าสองคนคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าพวกเจ้างั้นรึ?”

 

ด้วยการสนับสนุนของฮั่วฉีหลาน ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

ครึ่งส่วนของบาดแผลนั้นมาจากจางซือยี่! เห็นได้ชัดว่าเขาโลภในธนูของซือหยู แต่เขาก็ใช้คุณธรรมมาเป็นข้ออ้างในการจู่โจม!

 

ส่วนอีกครึ่งนั้นมาจากตู่หมิงฮั่วที่ตอบแทนเขาด้วยความชั่วร้าย! ตู่หลงได้คุกเข่าอ้อนวอนเพื่อให้เขาถูกไว้ชีวิต แต่ตู่หมิงฮั่วที่ไร้จิตใจและไม่รู้สำนึกก็โยนความเอื้อเฟื้อนั้นทิ้งไปและพาคนมาไล่ล่าพวกเขา

 

สองคนนี้จะมีชีวิตรอดกลับไปไม่ได้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด