The Divine Nine Dragon Cauldron 339

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 339 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เว่ยเทียนเฉินหัวเราะอย่างขมขื่น

 

“เจ้าตำหนักหยินหยู เจ้าก็แค่ถือธงของอาณาจักรทมิฬอยู่เท่านั้น หยุดใช้อำนาจของเจ้ากดหัวคนอื่นต่อหน้าพวกเราเถอะ”

 

ซือหยูส่ายหัวและมองอย่างดูถูก

 

ย้อนกลับไปที่หน้าประตูเมือง ใครกันที่ใช้ฐานะบุตรแห่งหอสดับหิมะเพื่อที่จะลัดแถว?

 

คนที่ใช้อำนาจกดหัวคนอื่นก็คือพวกเขา

 

แต่ในตอนนี้ เขาได้พลิกมาใส่ร้ายซือหยูอย่างไร้เหตุผล

 

“ถือธงของอาณาจักรรึ? ที่นี่ไม่มีคนจากอาณาจักรทมิฬ ข้าน่ะรึทำเช่นนั้น! ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็มาสู้กับข้าดู! แน่นอนว่าข้าจะสู้กับเจ้าจนตัวตาย! เจ้ากล้าหรือไม่เล่า?”

 

ซือหยูท้าทาย

 

เว่ยเทียนเฉินสีหน้าเคร่งเครียด เขาพูดเรื่องอื่น

 

“ฮื่ม เจ้าตำหนักหยินหยู อย่าไปพึ่งพาชื่อเสียงของอาณาจักรทมิฬให้มากนัก ข้….”

 

แต่ซือหยูก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างดุดัน

 

“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่ เจ้ากล้าหรือไม่กล้า?”

 

“อย่าอวดดีให้มันมากนัก…”

 

ใบหน้าเว่ยเทียนเฉินบิดเบี้ยว

 

ซือหยูหัวเราะอยู่นาน

 

“ถึงข้าจะอยู่ตัวคนเดียว เจ้าก็ไม่มีความกล้าจะสู้กับข้า คนที่ตาขาวอย่างเจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าสี่บุตรผู้ยิ่งใหญ่อีกเรอะ? ถ้าคนในหอสดับหิมะมีแต่ขยะอย่างเจ้า ข้าก็พูดได้อย่างเดียวว่าหอสดับหิมะสิ้นหวังแล้ว!”

 

“ออกไปให้พ้นตาข้าเดี๋ยวนี้! คนอย่างเจ้าที่ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะสู้ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับข้า!”

 

คำพูดถากถางอย่างต่อเนื่องทำให้เว่ยเทียนเฉินโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เขาหวาดกลัวเล็กน้อย

 

แต่เขาต้องปกป้องเฉินยู่เหลียนที่อยู่ข้างหลังเขาเช่นกัน เขาไม่ขยับตัวไปไหน

 

เขามองซือหยูอย่างกังวล

 

“ฮ่าๆๆๆ เจ้าซื้อเวลาได้มากพอรึยังล่ะ?”

 

แต่ทันใดนั้นเองซือหยูก็เย้ยหยัน

 

สีหน้าของเว่ยเทียนเฉินหม่นหมอง

 

“เจ้าพูดอะไรของเจ้า?”

 

ซือหยูส่ายหัวและหัวเราะ

 

“ให้ข้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ผิดนักหรอก เจ้ามันก็แค่หนูสกปรกที่รู้แต่วิธีเร้นกายลอบโจมตีในที่ลับ!”

 

“ถึงเจ้าจะรู้ว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เจ้าก็ยังคงพูดกับข้าเสียตั้งนาน นี่น่ะรึการกระทำของหนูสกปรกที่ดีแต่ซ่อนอยู่ใต้แผ่นหลังของคนอื่น? ยังไงเจ้าก็ต้องวางแผนไว้ก่อนแล้ว เจ้าก็แค่ฆ่าเวลากับฆ่าเพื่อรอเจ้าเมืองอันยี่ให้ลงมือ”

 

ซือหยูหัวเราะเยาะ

 

ซือหยูขยะแขยงเว่ยเทียนเฉินอย่างมาก

 

“ถะ….ถ้าเจ้ารู้อยู่แล้วเจ้าจะทำเป็นหลงกลข้าทำไมเล่า?”

 

เว่ยเทียนเฉินไม่พอใจเล็กน้อย

 

ซือหยูพูดอย่างเย็นชา

 

“ก็เพราะว่า…ข้าก็กำลังซื้อเวลาอยู่เหมือนกัน!”

 

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

ในตอนนั้นเอง สิ่งที่เกิดขึ้นจากที่นี่ได้ทำให้เหล่าคนดูเพิ่มขึ้นอีก

 

ยอดฝีมือหลายสิบคนที่มองลงมาจากท้องนภานั้นตกใจเป็นอย่างมาก

 

ดวงตาหลายคู่กำลังจ้องมองซือหยูอยู่ เจ้าเมืองอันยี่จะกล้าสังหารรองเจ้าตำหนักต่อหน้าทุกคนงั้นรึ?

 

“เจ้าเล่ห์นัก!”

 

เว่ยเทียนเฉินกัดฟัน เขาเกลียดชังซือหยูอย่างมาก

 

เขาคิดว่าเขาได้ถ่วงเวลาซือหยูสำเร็จ แต่กลับเป็นซือหยูเองที่ใช้โอกาสนี้เรียกความสนใจจากผู้คนโดยรอบ!

 

“เจ้าจะยอข้าเกินไปแล้ว!”

 

ซือหยูฉีกยิ้ม เขาหันไปหาเจ้าเมืองอันยี่

 

เจ้าเมืองอันยี่ช่วยคนในตระกูลได้หมดแล้ว เขายืนอยู่บนภูเขาน้ำแข็งและจ้องมองซือหยู แต่เขาก็มิอาจทำอะไรได้อย่างบุ่มบ่าม!

 

เขาจะกล้าลงมือต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้รึ?

 

“เจ้าตระกูลตู่ ขอบคุณสำหรับน้ำใจอันกว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ ข้าจะจดจำไม่มีวันลืม!”

 

คำพูดของซือหยูนั้นหนักแน่น แววตาเขาเยือกเย็น

 

ถ้าวันใดวันหนึ่งเขาได้ทะลวงพลังเป็นอำมฤตระดับห้า เขาจะต้องฆ่าคนชั่วช้าผู้นี้แน่นอน!

 

“ต่อไป เฉินยู่เหลียนกับเว่ยเทียนเฉิน เจ้าสองคนเตรียมใจไว้รึยัง?”

 

แววตาของซือหยูเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและจิตสังหาร

 

หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้…ซือหยูก็ปลอดภัย

 

ต่อไปเขาต้องจัดการกับสองคนนี้

 

เว่ยเทียนเฉินเคร่งเครียดและไม่พอใจอย่างมาก

 

“เจ้าจะทำอะไรงั้นรึ?”

 

ซือหยูหัวเราะ

 

“ข้าเตือนเจ้าไปแล้วว่าอย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งนัก แต่น่าเสียดายที่เจ้าก็ไม่ต่างกับจางซือยี่ เจ้ามันทะนงตนเกินไป!! ถ้าเจ้าชอบเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นนัก เจ้าก็ต้องรับผิดชอบ!”

 

เขาคิดว่าเขามีเจ้าเมืองอันยี่เป็นไพ่ตายและจะไม่แพ้

 

แต่ในตอนนี้ เขาไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งอีกและกระวนกระวายเป็นอย่างมาก

 

“พอได้แล้ว! เจ้ากับข้าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางต่อกัน ทำไมเจ้าถึงป่าเถื่อนเช่นนี้?”

 

เว่ยเทียนเฉินถอยขณะที่พูด เขาพยายามจะเข้าไปปะปนกับเหล่าคนที่เข้ามาดู

 

“นี่คือเรื่องส่วนตัวของข้ากับเว่ยเทียนเฉิน ถ้าใครคิดจะช่วยเขา…โปรดก้าวออกไป”

 

ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

เหล่าผู้คนกระจัดกระจายกันไปทันที พวกเขาเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่าย

 

พวกเขาไม่ใช่คนของเว่ยเทียนเฉิน ทำไมพวกเขาจะต้องไปต่อกรกับเจ้าตำหนักหยินหยูผู้ป่าเถื่อนด้วยเล่า?

 

เว่ยเทียนเฉินตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง เขาทั้งเกลียดชังและโศกเศร้า

 

“เจ้าตำหนักหยินหยู ทำไมเจ้าจะต้องป่าเถื่อนเช่นนี้? ฆ่าข้าไปเจ้าก็ไม่ได้อะไร นั่นจะส่งผลกับความสัมพันธ์ของอาณาจักรทมิฬกับหอสดับหิมะเท่านั้น”

 

“ตอนที่เจ้าจะส่งข้าไปถึงที่ตาย เจ้าไม่เคยนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันเลย แต่พอมาเป็นทีเจ้า เจ้ากลับกังวลถึงเรื่องความสัมพันธ์เรอะ”

 

“หรือว่าชีวิตข้ามันจะต่ำต้อย ขณะที่ชีวิตเจ้ามันราคาแพงซะเหลือเกิน?”

 

“เจ้าไม่ต้องกังวล ถึงข้าจะฆ่าบุตรทั้งสี่จนหมด หอสดับหิมะก็ทำอะไรข้าไม่ได้! ทำไมพวกเจ้าทุกคนถึงวางแผนจะฆ่าข้ากันเล่า?”

 

ซือหยูตั้งใจจะฆ่าเขา

 

เขาหยิบธนูเงินขึ้นมาและสร้างศรวิญญาณเล็งไปทางเว่ยเทียนเฉินและเฉินยู่เหลียน!

 

เจ้าเมืองอันยี่ทำได้แค่เฝ้ามอง เขาไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่าม

 

ส่วนพวกยอดฝีมือคนอื่น พวกเขาไม่กล้าจะเข้ามายุ่งเรื่องของอาณาจักรทมิฬ

 

แต่ในตอนที่เรื่องกำลังจะจบลง…

 

ฟึ่บ–

 

พลังวิญญาณอันน่ากลัวทะลวงผ่านตำหนักเจ้าเมืองและพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของซือหยู

 

ซือหยูชักสีหน้า เขาเปลี่ยนจากโจมตีเป็นป้องกันและต้านคลื่นพลังวิญญาณนั้น

 

ปั้ง–

 

ซือหยูตัวหมุนหลายครั้งในกลางอากาศ โลหิตในร่างของเขาเดือดพล่าน เขามองไปทางต้นตอของพลังวิญญาณ

 

“คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นเจ้า ไอ้กาเฒ่า!”

 

ชายแก่ในชุดสีมรกตสีหน้าหม่นหมอง เขาเดินออกมาและซ่อนมือไว้ในชุด

 

เขาคือผู้ตรวจการไป่ฮี!

 

ในเวลาสำคัญเช่นนี้ กาเฒ่าได้ลงมือ!

 

“เจ้าเด็กกะโหลกหนา ในอาณาจักรทมิฬ เจ้าทำผิดมหันต์ ฆ่าผู้คนอย่างเลือดเย็น เจ้าฆ่าแม้กระทั่งรองเจ้าตำหนักด้วยกันเอง ในที่บ่มเพาะพลังเจ้าก็ยังกล้าอวดดี!”

 

ผู้ตรวจการไป่ฮีใบหน้าดุดัน ทุกคนหันไปมองเขาเมื่อเขาปรากฏตัว

 

เจ้าเมืองอันยี่เบิกตากว้าง เขาหวาดกลัวอย่างมาก

 

“เจ้าคือไป่ฮี ลำดับสี่ของผู้ตรวจการผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่แห่งอาณาจักรทมิฬงั้นรึ?”

 

“อะไรนะ? นั่นเขาเรอะ?”

 

ทุกคนอ้าปากค้างและตัวสั่น

 

ในอาณาจักรทมิฬ เจ้าตำหนัก ผู้ตรวจการ และจ้าวทั้งเจ็ดล้วนเป็นตัวตนที่นับว่าน่าเกรงขาม

 

ว่ากันว่าผู้ตรวจการทุกคนมีพลังอันน่าตกตะลึง พวกเขาอยู่ในจุดสูงสุดของทวีปและเป็นยอดฝีมือในตำนาน

 

คนที่มีเกียรติและลึกลับเช่นนี้มาปรากฏตัวในเมืองอันยี่!

 

เจ้าเมืองอันยี่ตกใจอย่างมากไปขณะหนึ่ง เขามองผู้ตรวจการไป่ฮีและซือหยูด้วยความรู้สึกสบายใจ แววตาของเขากำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง

 

เมื่อเห็นผู้ตรวจนการไป่ฮีมากล่าวหาเขาอย่างไม่สมควร ซือหยูจึงตอบกลับอย่างขมขื่น

 

“ฮ่าๆๆๆ ผู้ตรวจการไป่ฮีก็ยังเป็นคนเดิม ท่านเจ้าตำหนักลงโทษเจ้าไปขนาดนั้นแล้ว เจ้าที่เป็นผู้ตรวจการก็ยังคงไม่สนใจและลอบโจมตีกับศิษย์ในอาณาจักรอย่างข้า!”

 

ทุกคนทำใบหน้าประหลาดใจทันที คำพูดของซือหยูได้เผยข้อมูลที่ยังไม่มีใครได้รับรู้!

 

หลิงเสี่ยวเทียนทำร้ายผู้ตรวจการไป่ฮีอย่างร้ายแรงจริงๆน่ะรึ?

 

แม้ว่ามันจะถูกเปิดเผยต่อทุกคน ผู้ตรวจการไป่ฮีก็ไม่ได้แสดงท่าทางแปลกๆ เขากลับไม่พอใจมากขึ้น

 

“เป็นแค่รองเจ้าตำหนักแต่กลับกล้าสร้างข่าวลือแย่ๆงั้นเรอะ!”

 

“เจ้าฆ่ารองเจ้าตำหนักที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน แม้ข้าจะให้โอกาสเจ้าด้วยความเอื้อเฟื้อ ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะไร้จิตสำนึกแล้วยังใช้จิตสังหารกับข้า ยากที่จะเปลี่ยนสันดานเจ้านัก! ข้าจะไม่มีวันอภัย!”

 

“ด้วยนามแห่งผู้ตรวจการ ข้าขอประกาศว่าเจ้าตำหนักหยินหยูแห่งตำหนักรองของทวีปเป็นคนที่บ้าเลือด เขามันโหดร้ายไร้หลักการ ดังนั้นนับแต่นี้ไป เขาถูกขับออกจากอาณาจักรทมิฬ! ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรทมิฬอีกต่อไป!”

 

หลังจากสืบสวน หลักฐานบ่งบอกแล้วว่าซือหยูเป็นผู้บริสุทธิ์..และเป็นผู้ตรวจการไป่ฮีเองที่ลอบโจมตีเพื่อหวังจะลอบสังหารอย่างลับๆ และในตอนนี้เขาก็พูดเรื่องโกหกอย่างไร้ยางอาย เขายังบอกอีกว่าให้โอกาสซือหยูแล้ว!

 

และเขาก็ยังจะริบตำแหน่งรองเจ้าตำหนักของซือหยูไป!

 

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจ!

 

เขากล้าประกาศในที่นี้ว่าเขาอยากจะปลดรองเจ้าตำหนักงั้นรึ?

 

ในฐานะของผู้ตรวจการ เขากำกับดูแลตำหนักรองทั้งสี่และมีอำนาจมหาศาล ถ้าเขาประกาศด้วยตัวเอง เขาก็มีสิทธิ์ที่จะปลดซือหยูออกจากตำแหน่งรองเจ้าตำหนัก!

 

จากนี้ไป หยินหยูจะไม่ได้เป็นรองเจ้าตำหนักแห่งอาณาจักรทมิฬอีกแล้ว!

 

เจ้าเมืองอันยี่เต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

“ผู้ตรวจการไป่ฮี ท่านพูดจริงใช่หรือไม่?”

 

ผู้ตรวจการไป่ฮีตอบอย่างหนักแน่น

 

“ข้าทำหน้าที่จัดการกับคนที่แหกกฎ! ถ้าเจ้าเมืองอันยี่มีเรื่องขัดใดอันใดก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเจ้า อาณาจักรทมิฬจะไม่ยุ่งเกี่ยว!”

 

เขากำลังถีบให้ซือหยูตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง!

 

เจ้าเมืองอันยี่อยากจะฆ่าซือหยู และตอนนี้ไม่มีอะไรที่ขัดขวางเขาให้ทำเช่นนั้นอีกแล้ว

 

ซือหยูมองผู้ตรวจการไป่ฮีอย่างเยือกเย็น

 

“ไอ้กาเฒ่า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ที่จะปลดตำแหน่งของข้ารึ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด