The Divine Nine Dragon Cauldron 353

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 353 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คู่รักคู่นี้สมคบคิดกัน พวกเขาต้องการธนูมังกรฟ้าดินอย่างมาก

 

ถ้าไม่ใช่เพราะซือหยูช่วยโจวจิ้งได้ทันเวลา นางก็คงตกไปอยู่ในท้องของอสรพิษไปแล้ว

 

ที่น่าหัวร่อคือในตอนที่นางขอร้องความช่วยเหลือ นางได้หมายตาธนูสีเงินของซือหยูไปแล้ว ดังนั้นนางจึงหลอกล่อให้เขาเข้ามาในตระกูลเหยาเพื่อหวังจะสังหารและชิงสมบัติ!

 

หัวใจของนางต้องดำเพียงใดกันถึงจะคิดเรื่องเช่นนี้ได้ในทันทีทันใด?

 

ผู้หญิงคนนี้มีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ต้องตาผู้คน แต่หัวใจของนางนั้นเต็มไปด้วยพิษสงราวกับอสรพิษ

 

เหยาหลิงพูดอย่างเยือกเย็น

 

“อย่าคิดจะตบตาพวกข้า ตระกูลเหยาของข้านั้นกว้างขวางและร่ำรวย ทำไมพวกเราจะต้องการสมบัติของคนที่ไม่รู้จักอย่างเจ้าด้วยเล่า? เจ้ามันกะโหลกหนานัก เจ้าคิดว่าที่นี่คือโรงทานเรอะ?”

 

“ฮ่ามันให้หมด ให้เป็นเยี่ยงอย่างของผู้อื่น!”

 

โจวจิ้งหัวเราะอย่างชั่วร้ายอยู่ในอ้อมอกของเหยาหลิง

 

ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

อำมฤตระดับสามทั้งสิบคนโจมตีเข้ามาพร้อมกัน พลังอันน่ากลัวโอบล้อมจากทุกด้านโดยมีซือหยูกับฉีหยุนเซี่ยงอยู่ตรงกลาง พวกเขาจะสังหารในคราเดียว

 

ซือหยูดึงฉีหยุนเซี่ยงมาที่ด้านหลังของตัวเอง

 

ดัชนีทั้งสิบสร้างเข็มวิญญาณสิบแท่งไปยังทุกทิศทาง

 

“แย่แล้ว! อำมฤตระดับสามขั้นกลาง!”

 

เหยาหลิงตกใจอย่างมาก

 

ซือหยูนั้นอายุน้อย เหยาหลิงไม่คิดเลยว่าฐานพลังเขาจะสูงเช่นนี้!

 

ในสายตา เขามองว่าการที่ซือหยูสังหารสัตว์อสูรได้เพราะพึ่งพาธนูวิเศษที่มีพลังขัดบัญชาสวรรค์

 

แต่เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั้นหาใช่ธนู แต่เป็นตัวซือหยูเอง!

 

“พวกระดับสามขั้นต้นถอยออกมาเร็ว!”

 

เหยาหลิงคำรามลั่น เขาพุ่งเข้าไปสู้แทน

 

แต่ก็น่าเสียดายที่เขาช้าเกินไป

 

แกร๊ง–

 

แกร๊ง–

 

ฟึ่บ–

 

ในอำมฤตระดับสามทั้งสิบคน มีแค่พวกระดับกลางเท่านั้นที่ป้องกันได้สำเร็จ

 

ส่วนพววกระดับสามขั้นต้นอีกเก้าคนนั้นถูกทะลวงอกด้วยพลังวิญญาณอันน่ากลัว

 

ต่อหน้าอำมฤตระดับสามขั้นกลาง เหล่าขั้นต้นแทบจะทำอะไรไม่ได้

 

“ดัชนีสายฟ้าดารา!”

 

แต่ซือหยูก็ยังไม่หยุด สายอัสนีปรากฏขึ้นในฝ่ามือ เขาสะบัดดัชนีและสังหารคนสุดท้ายที่เป็นระดับสามขั้นกลางโดยที่เหยาหลิงยังมาไม่ทัน

 

เหล่าอำมฤตระดับสามทั้งสิบคนถูกสังหารสิ้น

 

โลหิตสีแดงฉานไหลอาบพื้น

 

ซือหยูยืนอยู่ตรงกลางบึงงโลหิตและแสยะยิ้ม โลหิตนั้นทำให้รอยยิ้มของซือหยูน่ากลัวอย่างประหลาด

 

“มีพลังแค่นี้ก็ยังอยากจะฆ่าข้าแล้วเอาสมบัติอีกรึ?”

 

โจวจิ้งตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้นน้ำแข็ง นางเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว

 

ร่างกายอันน่ารักของนางสั่นเครือ ขาเล็กๆทั้งสองข้างสั่นไม่หยุด

 

อั่ก–

 

นางกระวนกระวายจนขาทั้งสองอ่อนรวยรินจนล้มลงกับพื้น นางจ้องพื้นที่เต็ฒไปด้วยซากศพ นางหวาดกลัวจนคิดอะไรไม่ออก

 

เหยาหลิงโกรธแค้นอย่างมาก

 

อำมฤตระดับสามทั้งเป็นกำลังสามในสิบส่วนของตระกูลเหยา แต่พวกเขาก็ถูกสังหารจนหมดในไม่นาน!

 

ที่ทำให้เหยาหลิงกลัวมากก็คือระดับสามขั้นกลางก็ถูกชายหนุ่มตรงหน้าสังหารในกระบวนท่าเดียว!

 

ฝ่ายตรงข้ามมีฐานพลังระดับใดกันแน่?

 

หรือว่าจะเป็นระดับสามขั้นสูง?

 

“ถึงตาเจ้าแล้ว นายน้อยเหยากับยอดรักของเจ้า!”

 

ซือหยูหัวเราะอย่างชั่วร้าย จิตสังหารในตอนนี้พวยพุ่งจนถึงจุดสูงสุด

 

เหยาหลิงเคลื่อนไหวอย่างเฉียบคม เขาหยุดโจมตีทันทีและหันไปคว้าตัวโจวจิ้งเพื่อหนี

 

“หนีเร็ว! ไปตามท่านพ่อมา!”

 

ฟึ่บ–

 

บุรุษชุดขาวยืนขวางพวกเขา

 

“อะไรกัน? เจ้าไม่ได้อยากได้ธนูคืนหรอกรึ? เจ้าไม่คิดจะสั่นสอนคนชั่วร้ายอย่างข้าแล้วรึ?”

 

ซือหยูหันหลังขวางพวกเขาและพูดถากถาง

 

หัวใจของเหยาหลินเต้นอย่างแรง เขาตะโกนขู่แต่ก็หวาดกลัวในใจ

 

“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้าคิดอีกทีก่อนจะลงมือทำอะไรดีกว่า! นี่คือตระกูลเหยาแห่งปราการวิหคเพลิง ถ้าเจ้าสัมผัสแม้แต่เส้นผมพวกข้า เจ้าจะออกจากตระกูลเหยาไม่ได้อีกเลย!”

 

“ฮ่าๆๆๆ ขู่ข้าเรอะ?”

 

ซือหยูหันกลับไปมองและหัวเราะ

 

“อนิจจา ที่ข้าไม่กลัวที่สุดที่คือคำขู่นี่แหละ! ไม่ต้องพูดถึงแค่ตระกูลเหยา แม้คนจากคณะวิหคเพลิงมายั่วยุข้า ข้าก็จะฆ่ามันเหมือนกัน”

 

“อีกอย่าง แม้ข้าจะอภัยให้พวกเจ้า ข้าจะมีชีวิตรอดออกไปจากตระกูลเหยารึ?”

 

ซือหยูยิ้มเยาะและเดินไปข้างหน้า ใบหน้ามีแต่จิตสังหารอันเข้มข้น

 

“ข้าไม่ได้ขอสิ่งตอบแทนและช่วยเจ้าด้วยน้ำใจ แต่ข้าก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับเรื่องเช่นนี้! ต่อให้พวกเจ้าตายมันก็ยังไม่สาสม!”

 

เหยาหลิงท่าทางเปลี่ยนไป

 

“เดี๋ยวก่อน! ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าถูกหลอก ภรรยาข้าต่างหากที่อยากได้ธนูเจ้าและหลอกให้ข้าทำเช่นนี้”

 

โจวจิ้งที่เอนกายแนบอกของเขาตกใจอย่างมาก นางเงยหน้าจ้องเหยาหลิงอย่างไม่เชื่อสายตา

 

“สามีข้า เจ้า….”

 

เหยาหลิงก้มหน้าตะคอกอย่างโกรธแค้น

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภของเจ้า พวกเราจะไปดูหมิ่นวีรบุรุษน้อยผู้นี้รึ? ถ้าเจ้าอยากตายก็อย่าทำให้ตระกูลเหยาต้องเสียไปกับเจ้าด้วย!”

 

แววตาโจวจิ้งโศกเศร้าในทันที

 

“เจ้ามันไร้หัวใจเช่นนี้เชียวรึ? ข้าก็แค่พูดถึงธนูเงินนั่น เจ้านั่นแหละที่คิดจะเอามันไป แต่ตอนนี้เจ้าก็กลับจะส่งข้าไปตายงั้นรึ?”

 

เหยาหลิงพูดเบาๆ

 

“ทุกคำที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง!”

 

ทั้งสองกำลังย่ำแย่ แต่ละคนต่างเกี่ยงให้กันและกัน

 

ซือหยูส่ายหัวด้วยความขบขัน

 

“พวกเจ้าเลิกแสดงได้แล้ว เจ้าจะซื้อเวลาไปทำไมกัน? ถึงพวกเจ้าสองคนจะโง่เขลา…แต่ก็อย่าคิดว่าคนอื่นจะโง่อย่างเจ้า”

 

แม้ว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็วมันก็ทำให้คนในตระกูลเหยาเริ่มให้ความสนใจ

 

ถ้าซือหยูไม่รีบออกไปโดยเร็ว คนตระกูลเหยาที่แข็งแกร่งจริงๆจะปรากฏตัว นั่นจะเป็นปัญหาที่แท้จริง

 

ทั้งสองดูราวกับคู่รักที่กำลังพบกับภัยร้ายและพยายามเอาตัวรอดอยู่คนเดียว แต่จริงๆแล้วพวกเขาแอบร่วมมือกันเพื่อซื้อเวลาและรอให้คนมาช่วย

 

สีหน้าของเหยาหลิงกับโจวจิ้งเคร่งเครียดในพร้อมกัน

 

“ข้ายอมรับว่าข้าทำผิดที่ได้ยั่วยุศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้”

 

โจวจิ้งใบหน้าแสดงความเจ้าเล่ห์

 

“ข้าเต็มใจจะชดใช้ให้เจ้า บอกข้าว่าเจ้าต้องการเท่าใด หากตระกูลเหยาให้ได้ พวกเราก็ไม่ลังเลที่จะให้เจ้า แล้วเราจะปล่อยเจ้าไป!”

 

โจวจิ้งราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

 

เทียบกับหญิงสาวงดงามในเมื่อครู่ นางได้เป็นต่างคนในทันที

 

ซือหยูแยกไม่ออกว่าคนไหนคือโจวจิ้งตัวจริง

 

นางทั้งมีเสน่ห์ ใจเย็น และหนักแน่น เมื่อเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นน่ะรึ?

 

ส่วนเหยาหลิง เขาเงียบอยู่ข้างๆ

 

ซือหยูยิ้มเยาะ

 

“ที่ข้าเห็นก็ดูไม่มีอะไรนะ!”

 

“ข้าไม่สนใจสิ่งใดในตระกูลเหยาทั้งนั้น ข้าแค่หวังจะกำจัดต้นตอของปัญหาของข้า”

 

ซือหยูก้าวไปข้างหน้า

 

ในตอนนี้ โจวจิ้งยังคงใจเย็นอยู่ได้อย่างเคย แววตาดั่งหิมะของนางเยือกเย็น

 

“แล้วเจ้าจะเสียใจ”

 

ซือหยูส่ายหน้า

 

“ข้าไม่เคยเสียใจ!”

 

ซือหยูยื่นดัชนีไปข้างหน้า

 

จากนั้นโจวจิ้งก็ทำสิ่งที่ทุกคนต้องจ้องมองและกัดลิ้น นางหยิบมีดออกมาจากชุดและแทงเข้าไปที่อกของเหยาหลิง

 

นางบิดข้อมือทำให้หัวใจของเหยาหลิงแหลกเป็นเสี่ยงๆ

 

“อ๊าก! เจ้า…”

 

เหยาหลิงจ้องมองแผ่นหลังของโจวจิ้งอย่างไม่เชื่อสายตา

 

ภรรยาที่เขาอยู่ร่วมกันมาสามปีชักมีดออกมาแทงเขา

 

โจวจิ้งไม่เหลียวมองกลับ ใบหน้านั้นเย็นชาและไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง

 

“เหยาหลิง ข้าขอโทษ ข้าจะรอดไปได้ถ้าเจ้าเสียสละเท่านั้น”

 

“ปีกโลหิต!”

 

โลหิตของเหยาหลิงพุ่งออกมาเมื่อนางดึงมีด โลหิตนั้นมากพอที่จะฉาบนภา

 

โลหิตจำนวนมากได้กลายเป็นปีกสีเลือดที่ยาวสามสิบศอก

 

การสะบัดปีกของนางทำให้เกิดสายลมอันเกรี้ยวกราดและพานางพุ่งออกไปหลายลี้ในพริบตา!

 

ความเร็วของนางเทียบได้กับอำมฤตระดับสี่ เป็นรองเพียงวิหคครามเท่านั้น!

 

ซือหยูสายตาเย็นชา

 

“ฮื่ม! เจ้าคิดจะหนีงั้นรึ?”

 

ดวงตาหนึ่งข้างของเขาเปล่งแสงสีแดงและส่งพลังเข้าไปล้อมกายโจวจิ้งที่หนีไปแล้วสามสิบลี้ เพื่อที่จะส่งนางกลับมา

 

ความใจเย็นของโจวจิ้งหายไปเป็นครั้งแรก

 

“พรสวรรค์พื้นที่งั้นรึ?”

 

“เจ้าจะทำอะไร?”

 

“แน่ล่ะ ข้าจะส่งเจ้าไปโลกหน้า!”

 

จิตสังหารของซือหยูพวยพุ่งจนถึงขีดสุด

 

ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างกับอสรพิษร้าย!

 

นางไม่คิดถึงบุญคุณของคนที่ช่วยชีวิต พยายามจะชิงสมบัติของซือหยูและสร้างเรื่องใส่ร้าย นางยังสละสามีตัวเองที่ร่วมเตียงกันมาสามปีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!

 

กับผู้หญิงไร้หัวใจเช่นนี้ ซือหยูรู้สึกเพียงแค่ความเยือกเย็นจากก้นบึ้งของจิตใจ

 

เขาจะปล่อยให้นางรอดกลับไปไม่ได้!

 

แต่เมื่อเขาจะย้ายนางกลับก็มีพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งจากระยะไกลปัดพลังมิติของเขาไป

 

หลังจากที่นางหลุดจากพันธนาการ นางก็ใช้ปีกโลหิตหนีไปทันที

 

ซือหยูรีบไล่ล่านาง แต่ปีกโลหิตนั้นเป็นวิชาลับที่นางใช้เอาชีวิตรอด หลังจากที่ไล่ล่ามาไม่นาน ซือหยูก็คลาดกับนาง

 

เขามองรอบๆ

 

“ใครกันที่แอบช่วยโจวจิ้ง?”

 

ราวกับว่ามีคนอยู่ในที่เกิดเหตุมานานและไม่เผยตัวออกมา

 

นางคิดอะไรกันถึงได้มาใกล้ชิดกับตระกูลเหยา?

 

“ถึงข้าจะตามเจ้าไม่ทัน แต่ก็ไม่ยากนักที่จะหาเจ้าเจอ!”

 

ซือหยูไม่ลดละ เขาใช้พลังดวงตามองทุกอย่างในระยะร้อยห้าสิบลี้

 

แม้ว่าโจวจิ้งจะเร็ว ซือหยูก็เห็นนางได้อย่างชัดเจน

 

เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา

 

โจวจิ้งมาถึงที่หนึ่งในปราการวิหคเพลิง ที่นั่นไม่มีผู้ใด

 

นางมาที่ซอยเล็กๆด้วยความระวังและกระอักเลือดออกมา

 

นางผลักประตูใหญ่ดำสนิทที่อยู่ปลายทาง

 

เอี๊ยด—

 

ประตูใหญ่เปิดออก ภายในมีสวนใหญ่ที่เงียบกริบ ทุกสิ่งในสวนนั้นเงียบราวกับป่าช้าแม้ควรจะมีเสียงนกร้องก็ตาม และในสวนแห่งนี้ยังไม่มีแม้แต่เสียงแมลง

 

ราวกับสวนนี้อยู่ในสภาพสิ้นหวังและเงียบราวกับป่าช้า

 

“ท่านอาจารย์”

 

โจวจิ้งคุกเข่าลงกับพื้น

 

เสียงแหบพร่าของสตรีดังมาจากในสวน

 

“เจ้าบาดเจ็บนี่”

 

โจวจิ้งอดทนความเจ็บปวดรุนแรงและสะบัดปีกโลหิตที่เป็นวิชาลับของนาง แต่มันก็ไม่น่าแปลกใจที่นางจะบาดเจ็บ

 

“ท่านอาจารย์ ข้าไม่เป็นอะไร! ข้าได้ทำให้เด็กหนุ่มโกรธแค้นโดยไม่ตั้งใจเข้าแล้ว ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากฆ่าเหยาหลิง ข้าเกรงว่าข้าจะอยู่ในตระกูลเหยาไม่ได้อีกแล้ว”

 

โจวจิ้งพูดขณะที่อดทนกับความเจ็บปวด

 

เสียงอันแหบพร่านั้นไม่รู้ว่ามาจากส่วนใดของสวน

 

“เจ้าไม่ได้แค่สร้างเรื่องให้กับตัวเองเท่านั้น เจ้ายังเกือบทำให้ข้าถูกเปิดเผย!”

 

ฟึ่บ–

 

ก้อนพลังวิญญาณพุ่งออกจากสวนไปยังซือหยู

 

ซือหยูใช้พลังเต็มที่เพื่อมองหาโจวจิ้งในสวน

 

ก้อนพลังวิญญาณของอำมฤตระดับสี่ถูกปล่อยออกมาจากสวนทันที เขารีบหลบพลังวิญญาณนั้น

 

หลังจากที่หลบได้เขาก็ใช้พลังดวงตาอีกครั้ง แต่โจวจิ้งก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ที่ห้องลับแห่งหนึ่งในปราการวิหคเพลิง มีสตรีสวมชุดดำยาวอยู่ที่นั่น นางสวมหน้ากากดำและกำลังเล่นกับถ้วยที่ไร้หูจับในมือ ในถ้วยนั้นมีแมลงพิษนับไม่ถ้วนที่กำลังสังหารและกลืนกินกันเอง

 

ชั้นหมอกสีม่วงทำให้นางดูลึกลับและชั่วร้าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด