The Divine Nine Dragon Cauldron 363

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 363 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หยินหยู!”

 

ในตอนนั้นเอง หลิวลี่พูดสั่งอย่างไม่แยแส

 

“เจ้าตอนนี้เป็นตัวแทนของอาณาจักรทมิฬ แม้เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าชนะ เจ้าก็อย่ายอมแพ้ง่ายๆ!”

 

“ถึงเจ้าจะแพ้ เจ้าก็ต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี การแพ้โดยไม่ได้ทำอะไรเลยจะทำให้นามของอาณาจักรทมิฬหม่นหมอง!”

 

“เจ้าจะต่อสู้อย่างโง่เขลาเช่นใดก็ได้ จากนั้นข้าจะต่อสู้ด้วยตัวเองแล้วกอบกู้ชื่อเสียงของอาณาจักรทมิฬกลับมา”

 

ทุกคนขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังของซือหยูอ่อนแอกว่าโจวเนี่ยนเฉินอย่างมาก

 

แต่แม้จะยังไม่สู้ หลิวลี่ก็เชื่อว่าซือหยูจะพ่ายแพ้อย่างหมดท่าและพูดว่าเขาจะเอาเกียรติของอาณาจักรทมิฬกลับมาจากซือหยูที่พ่ายแพ้

 

ด้วยคำพูดเช่นนี้ นั่นจะไม่ทำให้ซือหยูลังเลหรอกรึ?

 

มู่เทียนฟางจ้องหลิวลี่ด้วยความไม่พอใจอย่างมาก

 

“ในระหว่างการประลองของงานเลี้ยงจันทร์กระจ่าง ทุกคนทำได้สองอย่างเท่านั้นคือชมการประลองหรือเงียบปากเอาไว้! เจ้าคิดจะทำอย่างใด?”

 

หลิวลี่ไม่ยินดียินร้าย

 

“อย่างไรข้าก็จะสู้อยู่แล้ว ข้าก็แค่มอบโอกาสให้หยินหยูได้ฝึกฝนเท่านั้น”

 

มู่เทียนฟางประกาศทันที

 

“เริ่มการประลองได้!”

 

ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

ทั้งสองบินไปที่กลางลานประลอง

 

อีกฝ่ายคืออำมฤตระดับสี่ ส่วนอีกฝ่ายคืออำมฤตระดับสาม

 

ทั้งสองปล่อยพลังวิญญาณออกมาพร้อมกัน

 

เหล่าคนดูอ้าปากค้างในเสี่ยววินาที

 

ด้วยพลังวิญญาณอันน่ากลัว อกของพวกเขาแน่นและไม่สบายใจ ยากมากที่พวกเขาจะหายใจได้ในแรงกดดันวิญญาณขนาดนี้

 

แน่นอนว่านั่นเกิดจากรังสีพลังของโจวเนี่ยนเฉิน

 

เทียบกันแล้ว พลังของซือหยูนั้นมีเพียงเล็กน้อย

 

ทั้งสองราวกับเด็กและผู้ใหญ่ พลังวิญญาณเพียงอย่างเดียวก็มีความห่างชั้นที่ยากจะก้าวข้าม

 

ด้วยความห่างชั้นนี้เองที่ทำให้เหล่าคนดูยากจะเชื่อว่าการต่อสู้นี้จะยืดเยื้อ

 

“เจ้าต้องให้ข้าต่อให้สักกระบวนท่าหรือไม่?”

 

โจวเนี่ยนเฉินกอดอกและยิ้มเยาะ

 

ซือหยูส่ายหน้าเบาๆอย่างไร้อารมณ์

 

“ไม่ต้อง”

 

โจวเนี่ยนเฉินถากถาง

 

“ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า เจ้ายังเอาความหยิ่งยโสของตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างเดิม ข้าพูดไม่ผิดเลยว่าเจ้ามันโง่เขลา!”

 

ในสายตาของโจวเนี่ยนเฉินนั้นมองว่าซือหยูปฏิเสธที่จะถูกดูหมิ่นและปฏิเสธน้ำใจของเขาที่จะให้ซือหยูลงมือก่อนหนึ่งกระบวนท่า

 

“เจ้าผิดแล้ว การให้ข้าลงมือก่อนก็เพียงแต่ทำให้เจ้าตายเร็วขึ้นเท่านั้น”

 

ซือหยูใบหน้าสงบนิ่ง

 

“ถ้าเจ้าไม่อยากจะตายโดยไม่รู้ตัว เจ้าควรจะต่อสู้อย่างจริงจัง”

 

“ฮ่าๆๆ…มีแค่ความจริงเท่านั้นแหละที่จะทำให้คนหยาบคายอย่างเจ้ากลับมามีสติ”

 

โจวเนี่ยนเฉินส่ายหน้า

 

“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะส่งเจ้าไปโลกหน้า!”

 

“คลื่นกลืนกิน!”

 

โจวเนี่ยนเฉินตะโกนเบาๆ เขาผลิกปลายดัชนีเล็งไปทางซือหยูที่อยู่ไกลๆ

 

คลื่นพลังวิญญาณที่มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือปรากฏที่ปลายดัชนีของโจวเนี่ยนเฉิน

 

ปั้งข-

 

เขาสะบัดดัชนี คลื่นพลังวิญญาณพุ่งไปทางซือหยูด้วยความเร็วปกติ

 

ปั้ง ปั้ง ปั้ง–

ท้องนภาเหนือศีรษะ เสียงดังสะท้อนราวกับพลุ

 

เสียงเหล่านั้นเกิดจากพลังวิญญาณที่เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งและพุ่งเข้าชนกันและกัน

 

ถ้าหากมองดีๆจะรู้ได้ว่าในระยะสามลี้ พลังวิญญาณนั้นสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งหมดมุ่งหน้ามาจากคลื่นเล็กๆ พลังวิญญาณเหล่านั้นถูกกลืนหายไปในวายุ

 

หลังจากที่กลืนกินเหล่าพลังวิญญาณ พลังของคลื่นก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

 

ในพริบตา จากขนาดเท่าหัวแม่มือ มันขยายใหญ่ขึ้นเท่าแขน

 

ก้อนพลังอันน่าตกใจกลืนกินพลังที่อยู่รอบๆ

 

ราวกับมันอยากจะกลืนกินร่างมนุษย์ไปไม่ต่างกัน

 

แม้พลังนั้นจะดูไร้ภัยต่อมนุษย์ มันก็มีพลังอันมหาศาล

 

“ข้าเคยคิดว่าการป้องกันก็แค่วิธีใช้เดียวของคลื่นกลืนกิน แต่พลังที่แท้จริงของมันคือการโจมตี!”

 

โจวเนี่ยนเฉินยืนกอดอกและมองซือหยูที่เข้ามาใกล้เขาอย่างใจเย็น

 

ซงหลวนสีหน้าหม่นหมอง

 

“พลังของคลื่นกลืนกินนั่นคล้ายกับพิรุณดอกท้อของมู่เฟย เป็นไปไม่ได้เลยที่อำมฤตระดับสามจะรับมือพลังนั่นได้!”

 

แต่ซือหยูกลับนิ่งเฉย

 

เขายกดัชนีขึ้นช้าๆและชี้ขึ้นไปยังนภา

 

เสียงอันทรงพลังดังขึ้น

 

“อัสนีน้ำแข็งแห่งจักรวาลจงฟัง สืบลงมาต่อหน้าข้า!”

 

ครืน—-

 

ครืน—

 

ฎีกาสวรรค์อันทรงพลังปกคลุมพื้นที่สามลี้โดยมีซือหยูอยู่ตรงกลาง ราวกับอัสนีและน้ำแข็งจากฟ้าดินถูกควบคุมโดยซือหยู

 

ไม่นานชั้นเมฆาทมิฬก็เติมเต็มนภา เกิดหิมะตกอย่างหนัก

 

มังกรอัสนีคำรามในเมฆา

 

มังกรอัสนีเยือกแข็งคำลามลั่นลงมาตามคำบัญชาของซือหยู

 

มังกรอัสนีปะทะกับคลื่นกลืนกิน

 

ฟึ่บ–

 

มังกรอัสนีแหลกเป็นเสี่ยงๆโดยไร้เสียงใด

 

โจวเนี่ยนเฉินส่ายหน้าหัวเราะเยาะ

 

“ฎีกาสวรรค์ระดับเทพที่ร่ำลือรึ? พลังก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่”

 

โฮก—

 

แต่ในตอนนั้นเองก็มีมังกรสามตัวปรากฏจากเมฆาทมิฬพร้อมกัน!

 

มังกรทั้งสามทำให้คลื่นกลืนกินสั่นไหว

 

เปรี๊ยะ—

 

คลื่นวิญญาณส่งสัญญาณว่าจะแหลกสลาย พลังวิญญาณอันมหาศาลและสายอัสนีล้อมรอบคลื่นพลัง

 

แต่มังกรสามตัวก็ถูกกลืนกินอย่างง่ายดาย

 

รอยยิ้มของโจวเนี่ยนเฉินหายไป แต่จากนั้นเขาก็กลับมาใจเย็นดังเดิม

 

“ก็ไม่มีอะไรนี่”

 

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงมังกรห้าตัวคำรามอย่างโหดเหี้ยมก็ดังมาจากเมฆาทมิฬ

 

มังกรห้าตัวที่ตัวใหญ่ยักษณ์พุ่งทะลวงลงมาอย่างน่าตกใจ!

 

ฟึ่บ–

 

เสียงอัสนีทำลายล้างดังก้องทั้งหอวิหคเพลิง

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองมีพลังเทียบเท่ากัน!

 

สายอัสนีและพลังความเย็นที่หลงเหลือกับคลื่นพลังวิญญาณกระจายออกไปทุกทิศทาง

 

“อ๊าก!!”

 

เสียงร้องความเจ็บปวดดังขึ้นตามๆกัน สายลมพิโรธส่งผลให้โต๊ะลอยขึ้นพร้อมกับคนที่นั่งอยู่ เหล่าคนบนโต๊ะเริ่มลอยขึ้น

 

ร่างของพวกเขาที่ไหม้จากสายอัสนีกลายเป็นน้ำแข็ง ไม่ก็ถูกคลื่นกลืนกินเฉือนกาย

 

นอกจากที่นั่งของซงหลวนและหลิวลี่ ไม่มีใครอื่นเลยที่ไร้รอยขีดข่วน

 

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองนั้นใกล้เคียงกับการต่อสู้ของอำมฤตระดับสี่สองคน ดังนั้นมันจึงส่งผลกับพื้นที่กว้าง

 

ซือหยูถอยไปไม่กี่ก้าว  โลหิตในกายเดือดพล่าน เขาบาดเจ็บเล็กน้อย

 

เสื้อผ้ากับผมสีเงินของเขายุ่งเหยิง

 

ไม่ง่ายที่จะป้องกันการโจมตีนี้

 

แต่ทุกคนก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก

 

หยินหยูมีพลังทัดเทียมกับโจวเนี่ยนเฉินงั้นรึ?

 

มู่เทียนฟางตกใจ

 

“พลังของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าคำร่ำลือเสียอีก!”

 

เจียงมู่เฟยเคร่งเครียด นางมิอาจเชื่อสายตา

 

“เขาแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?”

 

กระบวนท่านั้น คลื่นกลืนกินที่เหนือกว่าพิรุณดอกท้อ และเจียงมู่เฟยก็ไม่แน่ใจว่านางจะรับพลังนั้นได้

 

แต่ซือหยูกลับทำได้!

 

ถ้านางสู้กับเขา ผลที่ได้ก็คงลงเอยไปนานแล้ว!

 

ไม่แปลกใจที่ซงหลวนยอมรับซือหยู ในที่สุดนางก็เข้าใจ

 

ในวาจา นางเคยพูดว่าซงหลวนไม่เคยตัดสินใครพลาด แต่ในใจนั้นก็ยังมีสิ่งที่นางภาคภูมิใจอยู่ ดังนั้นนางจึงเลือกซือหยูเป็นคู่ประลองคนแรก!

 

นางอยากจะต่อสู้เพื่อเอานามแห่งตำนานยอดฝีมือที่เคยเป็นของนางกลับมาจากซือหยู

 

แต่ความต่างระหว่างเขากับนางนั้นน่าเหลือเชื่อ!

 

ซงหลวนยิ้มอย่างอบอุ่นราวกับทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาด

 

ส่วนลึกในแววตาของหลิวลี่สั่นคลอน ปรากฎการณ์หายากนั้นทำให้เขาประหลาดใจ

 

พลังของเจ้าตำหนักหยินหยูไม่ได้แย่อย่างที่เขาคิด

 

โจวเนี่ยนเฉินเองก็ตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย

 

“ฎีกาสวรรค์ระดับเทพ? เจ้าน่ะรึ?”

 

มีคนไม่มากนักในทวีปที่จะเข้าในฎีกาสวรรค์ในระดับสูงเช่นนี้ มีเพียงแค่คนคนเดียวที่มีฎีกาสวรรค์ระดับสูงส่งเช่นนี้ นางคือเทพีลำดับหนึ่งแห่งทวีป เฟิงเซี่ยน

 

เจ้าตำหนักหยินหยูที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เข้าใจฎีกาสวรรค์ระดับเทพได้เช่นกัน!

 

และมันยังแข็งแกร่งมากซะจนอำมฤตระดับสามขั้นสูงทั่วไปมิอาจรับไหว

 

โจวเนี่ยนเฉินถอนหายใจเบาๆ เขาเก็บความตกตะลึงเอาไว้และยิ้ม และประสานมือ

 

“ไม่เลว ไม่เลว เจ้ารับมือกับการโจมตีธรรมดาของข้าได้ ยังนับว่าผ่าน”

 

ไม่มีใครกังขาในคำพูดของเขา

 

การโจมตีเมื่อครู่ก็เป็นเพียงแค่การโจมตีที่ใกล้เคียงกับอำมฤตระดับสี่

 

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด!

 

“ทำไมไม่รับไปอีกครั้งเล่า”

 

แววตาของโจวเนี่ยนเฉินดุร้าย

 

“ครั้งนี้ ข้าจะใช้พลังเต็มที่!”

 

“คลื่นกลืนกิน!”

 

โจวเนี่ยนเฉินสร้างคลื่นเล็กอีกครั้ง

 

แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้สร้างคลื่นเดียว

 

ไม่ใช่สิบ..ไม่สิ!

 

เขาสร้างร้อยคลื่น!

 

คลื่นทั้งหมดร้อยคลื่นต่างใกล้เคียงพลังของอำมฤตระดับสี่!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด