The Divine Nine Dragon Cauldron 380

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 380 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดวงตาทมิฬอันเยือกเย็นในตอนนี้แดงคล้ำ ผมสีเงินพัดปลิวไปตามสายลมรุนแรงจนราวกับอสูรที่ปรากฏกายออกมา ความมุ่งมั่นและความรู้สึกอันไม่เป็นธรรมที่เกิดจากโชคชะตา แรงกดดันทั้งหมดที่เขาต้องแบกรับ — ความมุ่งมั่นที่จะต่อกรต่อสวรรค์ปะทุขึ้นทันที!

 

คลื่นไร้ลักษณ์ห่มกายซือหยู สวรรค์สั่นสะเทือน อัสนีคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แรงกดดันประหลาดถูกอัญเชิญมาจากสวรรค์! ราวกับว่าสวรรค์พยายามจะข่มต่อความมุ่งมั่นนี้!

 

“จิตวิญญาณกบฏนั่นมันอะไรกัน เขาอัญเชิญบัญชาสวรรค์ให้ลงมาได้!”

 

จ้าววิหคเพลิงร้องเสียงหลง นางมองท้องนภาที่เปลี่ยนไปอย่างเคร่งเครียด

 

มู่เทียนฟางมองขึ้นไปเช่นกัน นางรู้สึกถึงแรงดันสวรรค์จนขนลุก

 

“ท่านอาจารย์! เกิดอะไรขึ้นกัน? ใครกันที่สร้างแรงกดดันนี้? มีใครอื่นอยู่บนสวรรค์งั้นรึ?”

 

จ้าววิหคเพลิงขอบนภา แววตาของนางแปลกไป

 

“ไม่มีผู้ใดหรอก นั่นเป็นบัญชาแห่งสวรรค์! โลกแห่งนี้กว้างใหญ่แต่ไม่มีทางกว้างใหญ่กว่าสวรรค์! ไม่ว่าจะเกาะน้อยใหญ่หรือทวีปเฉินหลง ทุกคนต้องยอมจำนนต่อสวรรค์ ใครที่กล้าต่อกรสวรรค์จะต้องทุกข์ทรมานจากการปราบปรามของสวรรค์!”

 

สวรรค์…มู่เทียนฟางตกใจจนสติหลุดลอย บนโลกแห่งนี้มีสวรรค์อยู่จริงงั้นรึ?

 

“พลังที่เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา…”

 

จ้าววิหคเพลิงพูด

 

“เก้าระดับของผู้ฝึกตน เจ็ดระดับของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ เจ็ดระดับของขอบเขตมังกร ห้าระดับของขอบเขตอำมฤต…ผู้คนจะเติบโตในทุกย่างก้าวจนถึงจุดที่ต่อกรต่อพลังสวรรค์ ถ้าหากใครที่เติบโตไปเกินกว่านี้ พวกเขาจะเผชิญหน้าได้เสมอภาคกับสวรรค์ เป็นอิสระจากขอบเขตของสวรรรค์และฟ้าดิน ขัดขวางกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ดังนั้นสวรรค์จึงมิอาจปล่อยให้คนที่เหนือกว่าขอบเขตอำมฤตมีตัวตนอยู่ได้ ทุกครั้งจะมีเหตุเช่นนี้เกิดขึ้น พวกเขาจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์!”

 

มู่เทียนฟางพูดเบาๆ

 

“แต่หยินหยูยังไม่เป็นอำมฤตระดับห้า เขาจะทะลวงพลังที่เหนือกว่าขอบเขตอำมฤตได้อย่างไร? ทำไมเขาถึงถูกสวรรค์กดดันเช่นนี้?”

 

จ้าววิหคเพลิงพูดอย่างหม่นหมอง

 

“ยังมีอีกหนทางที่จะก้าวข้ามขอบเขตของสวรรค์ไปได้ และนั่นคือ…ฎีกาสวรรค์! เมื่อฎีกาสวรรค์แข็งแกร่งพอที่จะขัดห้วงวารีแห่งสวรรค์ คนผู้นั้นก็จะอัญเชิญความพิโรธจากสวรรค์ลงมือ ฎีกาสวรรค์ของซือหยูไม่เพียงแต่ถึงระดับเทพ แต่มันยังเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง! ดูเหมือนมันกำลังจะทะลวงพลังและสำเร็จในระดับของฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์!”

 

ถ้าฎีกาสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป มันจะขัดต่อกฎเกณฑ์ของสวรรค์และจะทำให้สวรรค์โกรธแค้น!

 

มู่เทียนฟางสับสนยิ่งกว่าเดิม

 

“ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์….แต่เฟิงเซี่ยนก็เรียนรู้ฎีกาสวรรค์ด้วยตัวเองเช่นกัน และนางก็ไปถึงขั้นนั้นแล้ว คำพูดและการกระทำของนางบริสุทธิ์อย่างมาก เหตุใดนางถึงไม่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์เล่า?”

 

จ้าววิหคเพลิงจ้องซือหยูด้วยความนับถือ

 

“นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่เขาเรียนรู้มันเป็นของกบฏ! นี่คือการกบฏที่แม้แต่สวรรค์ต้องระวังตัว! ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ของเฟิงเซี่ยนนั้นบริสุทธิ์อย่างมากและมิได้ขัดต่อบัญชาสวรรค์ แต่ของซือหยูนั้นมันเกิดจากจิตมุ่งมั่นที่จะต่อกรต่อสวรรค์! ไม่มีใครรู้ว่าผลของฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ของเขาจะเป็นอย่างไร”

 

เขาจะต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมานเท่าใดกันถึงเกิดความมุ่งมั่นที่จะกบฏต่อสวรรค์จนทำให้สวรรค์หวาดกลัว? มู่เทียนฟางประทับใจ นางกำลังมองบุรุษที่อ้างว้างและโศกเศร้าอย่างรุนแรง

 

ซือหยูบ่มเพาะฎีกาสวรรค์จนถึงจุดสูงสุดใหม่ เขารู้แล้วว่าฎีกาสวรรค์ของเขาขาดสิ่งใดไปเมื่อเขาได้บ่มเพาะมันในกระโจมหลงลืม และในตอนที่เขาถึงคราวย่ำแย่ที่สุดในชีวิต เขาก็ได้เข้าใจว่าฎีกาสวรรค์ของเขากำลังขาดอะไร

 

สิ่งที่เขาขาดคือความตั้งใจของตัวเอง!

 

ฎีกาสวรรค์ของเขาได้รับมาจากดัชนีสวรรค์ของผู้อาวุโสในภาพเขียน แม้ว่าเขาจะพัฒนามาจนต่างกันอย่างมาก มันก็มิอาจหลุดพ้นจากการเป็นของลอกเลียนได้ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็ยังเป็นแค่ฎีกาสวรรค์ของคนอื่น ดังนั้นระดับเทพจึงเป็นขีดจำกัด ตอนนี้ความคิดของเขาขยายออกไปอย่างชัดเจน เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมฎีกาสวรรค์ของเขาถึงไม่เติบโต เพราะมันขาดจิตมุ่งมั่นของตัวเขาเอง!

 

การรวมตัวกับจิตมุ่งมั่นนั้นคือหนทางเดียวที่จะสร้างฎีกาสวรรค์ให้ไปถึงอีกขอบเขต นั่นก็คือฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์!

 

หยุนย่าสีเคยพูดว่าระดับเทพนั้นเป็นแค่ขั้นต่ำสุดของระดับเริ่มฎีกาสวรรค์ นั่นหมายความว่าซือหยูได้ไปถึงขั้นต่อไปในระดับพิสุทธิ์!

 

เขาขจัดคราบมนุษย์ให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ฎีกาสวรรค์ของซือหยูได้บริสุทธิ์จากขอบเขตของมนุษย์ ส่วนหนึ่งคือฎีกาสวรรค์ที่ลอกเลียน อีกหนึ่งส่วนคือฎีกาสวรรค์ที่เต็มไปด้วยจิตกบฏสวรรค์

 

จิตใจซือหยูกระจ่างชัดไปด้วยความคิดทั้งฟ้าดิน ความสับสนในฎีกาสวรรค์ของเขามลายหายไป

 

แต่แม้ว่าซือหยูจะได้ฎีกาสวรรค์ใหม่มา พลังจากสวรรค์ก็เข้ากดดันเขา พลังนั้นกว้างใหญ๋เกินทน ซือหยูมิอาจป้องกันได้และถูกบังคับให้ออกจากการบ่มเพาะ

 

ในขณะเดียวกันก็มีเสียงคำรามดังก้องมาจากสวรรค์

 

“บัญชาสวรรค์มิอาจถูกขัดขวาง อำนาจของเทพมิอาจกังขา…”

 

เสียงดังก้องไปทั่วหลายล้านลี้! เป็นสวรรค์ที่ตัดสินทุกสิ่งจากอีกขอบเขต นั่นคือจิตวิญญาณจากโบราณที่ให้คำเตือน ยอดฝีมือทุกคนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงสวรรค์

 

ราวกับเจ้าของเสียงจะเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นฝุ่นผงได้เพียงประสงค์เดียว ทั้งฟ้าดินเงียบกริบ สัตว์ป่าหยุดนิ่ง สัตว์อสูรที่ไล่ล่ากันตัวสั่น แม่น้ำหยุดไหล มหาสมุทรไร้คลื่น ราวกับว่านี่คือครั้งแรกที่ห้วงเวลาหยุดนิ่งไป ราวกับฟ้าดินนิ่งเงียบไป

 

ทวีปเฉินหลง ท้องทะเลกว้างใหญ่ และทุกมุมของโลกได้ยินเสียงจากสวรรค์ มันคือเสียงเตือนซือหยู เตือนทุกสรรพสิ่งบนโลก ว่าใครก็ตามที่ขัดบัญชาสวรรค์จะต้องถูกกำจัด!

 

ทุกคนในทวีปตกตะลึง

 

******

 

ที่กลางทวีป ตำหนักหลักแห่งอาณาจักรทมิฬ

 

ที่ยอดเขาทะลวงเมฆา ชายคนหนึ่งยืนอย่างโดดเดี่ยว เขายืนมือไพล่หลังท่ามกลางหมู่เมฆา เท้าของเขาอยู่เหนือดินแดนกว้างใหญ่ เหนือเขาคือท้องนภาไร้ขอบเขต ราวกับทุกสิ่งบนโลกถูกปกครองโดยเขา!

 

ชุดทมิฬของเขาพัดปลิวตามแรงลม มันเคลื่อนไหวดั่งเมฆาลอยล่อง ทำให้ร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

 

“สวรรค์พิโรธแล้ว…”

 

“กบฏถือกำเนิด! เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว!”

 

ใบหน้านั้นแสดงความพอใจ

 

“เขาต้องการความช่วยเหลือ”

 

แววตาเขาเปล่งแสงเทพที่มีพลังทำลายล้างโลกออกไป!

 

แสงเทพทะลวงเมฆาไปหลายหมื่นลี้ไปถึงส่วนลึกของสวรรค์! ในตอนนั้น เสียงไร้ขอบเขตจากสวรรค์หยุดลง ราวกับมันต้องรับมือกับพลังอันรุนแรง

 

ฟ้าดินกลับมาเป็นปกติ สายน้ำหลั่งไหลดังเดิม และทุกสิ่งมีชีวิตกลับมาเป็นปกติ เขาหยุดเสียงสวรรค์ได้เพียงแววตา!

 

เขาเป็นใครกัน? เขายืนอยู่เหนือขอบเขตมนุษย์และก้มลงปกครองทุกสิ่งบนโลก เขาต่อต้านสวรรค์!

 

******

 

ที่ป่าทมิฬ

 

ผู้น่านับถือนั่งไขว้ขาอยู่เหนือเขาเก่าแก่ ล้อมรอบด้วยหมอกหลากสีสัน แสงเสพเก้าสีโอบล้อมกายของเขา

 

แต่ใต้ขุนเขานั้นกลับเป็นเหล่าสัตว์อสูรนับล้านที่ตัวสั่น ข้างหน้าคือจักรพรรดิสัตว์อสูรอำมฤตระดับห้าขั้นสูง วิหคเทพ! มันอยู่ใต้แสงทั้งเก้าโดยมิอาจหยุดกายให้สั่น ราวกับว่าแสงเทพเก้าสีนั้นกุมชะตาชีวิตมันได้

 

ครืน—

 

เสียงจากสวรรค์พัดพาเข้ามา ผู้น่านับถือลืมตาขึ้น แสงเทพพุ่งออกไปทำให้สัตว์อสูรหลายล้านกรีดร้อง

 

ผู้น่านับถือมองเหนือนภา เสียงของเขาไร้อารมณ์และดูเก่าแก่ คล้ายกับเสียงของฟ้าดิน

 

“กบฏทุกคนต้องถูกสวรรค์กำจัด!”

 

ในตอนนั้น เสียงสวรรค์หยุดลง

 

บุรุษผู้น่านับถือมองไปยังกลางทวีปอย่างเยือกเย็นไร้อารมณ์

 

“เจ้าขัดจิตสวรรค์ด้วยตัวเองและขัดต่อคำสั่งจากสวรรค์! ข้าจะต้องฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง!”

 

ปั้ง–

 

ผู้น่านับถือหายไปจากจุดที่เขายืนอยู่ทันที

 

******

 

ที่ดินแดนวิหคเพลิง

 

ผู้คนเงียบกริบเมื่อได้ยินคำเตือนจากสวรรค์ หลายคนตัวสั่นด้วยความกลัว และแม้แต่จ้าววิหคเพลิงผู้แข็งแกร่งก็ตัวสั่น แววตาของนางหวาดกลัวอย่างบรรยายไม่ได้

 

เฉินคงอ้าปากค้าง แววตาเต็มไปด้วยความกลัวอย่างล้ำลึกเมื่อมองซือหยู เขากำลังต่อสู้กับคนประเภทใดกัน? จิตวิญญาณกบฏของเขาทำให้สวรรค์ต้องลงมือ! เฉินคงโชคดีแล้วที่บัญชาสวรรค์เข้ามาขัดขวางการเปลี่ยนแปลงของซือหยู

 

ซือหยูมองไปยังสวรรค์ แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารอันไร้ขอบเขต! เส้นทางในการเข้าสู่ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ของเขาถูกขัดขวางโดยสวรรค์

 

“ผิดรึที่ข้าดำรงอยู่?”

 

ซือหยูคำรามใส่ท้องนภา

 

“ข้า หยินหยูผู้นี้หวังเพียงแต่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสงบ ทำไมเจ้าจะต้องไล่ต้อนข้าถึงเพียงนี้?”

 

ไม่ใช่เรื่องใหญ่หากเขาต้องพบเจอกับความยากลำบากมากมาย เขากำลังต่อสู้เอาชีวิตและกำลังจะได้ทะลวงพลังฎีกาสวรรค์ใหม่เพื่ออยู่รอด แต่สวรรค์ก็แสดงตัวออกมาขัดขวางเส้นทางแห่งฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ ขัดขวางโอกาสที่เขาจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ! เหตุใดสวรรค์ถึงชิงชัง ถึงขยะแขยง ถึงโหดร้ายได้เช่นนี้?

 

“ข้าไม่เชื่อและข้าก็ไม่ยอมแน่!”

 

“อย่ามาขัดขวางข้าด้วยจิตวิญญาณของเจ้าเพียงอย่างเดียว!”

 

ซือหยูไม่ยอมอ่อนข้อ จิตวิญญาณกบฏของเขากลับยิ่งล้ำลึกขึ้น ดวงตาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งกบฏอันไม่รู้สิ้น

 

“ถ้าสวรรค์หันหลังให้ข้า”

 

“ข้าขอกลายเป็นอสูรเสียยังดีกว่า!”

 

คำว่า “กลายเป็นอสูร” ของเขาทำให้ทุกคนตกตะลึง คำพูดของเขาทะลวงเมฆาไปถึงสวรรค์! ราวกับว่าผู้คนกำลังได้เห็นเพื่อนมนุษย์ของตัวเองกลายเป็นอสูรหลังจากที่ถูกสวรรค์ไล่ต้อนจนทุกข์ทรมาน!

 

“ฎีกาสวรรค์ จงออกมา!”

 

เส้นโลหิตที่คอของซือหยูปูดโปน เขาหน้าแดง ดวงตาแดงก่ำเปล่งแสงอันเยือกเย็น!

 

ปั้ง ปั้ง—

 

เปรี๊ยะ—

 

สายอัสนีและน้ำแข็งกระจ่างปลดปล่อยออกมาจากผิวหนังของเขาอย่างต่อเนื่อง ฎีกาสวรรค์ของเขาก่อเกิดจากน้ำแข็งและอัสนี

 

“ข้าจะบดขยี้บัญชาสวรรค์และทำให้ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ออกมาเอง! จงมา!”

 

ปั้ง ปั้ง ปั้ง—

 

ฟ้าดินสั่นคลอน ร่างของซือหยูสั่นอย่างบ้าคลั่ง เขาคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่าสิ่งนี้กำลังจะฉีกร่างของเขาให้ขาดออกจากกัน! นั่นคือฎีกาสวรรค์ — ฎีกาสวรรค์อัสนีเยือกแข็ง!

 

ฟึ่บ–

 

เสียงเบาๆดังเมื่ออัสนีเยือกแข็งออกจากร่างซือหยู มันกลายเป็นแสงสองพลังพุ่งไปยังนภา สวรรค์กำลังขัดขวางเขา แต่เขาก็ตั้งมั่นที่จะขัดบัญชาสวรรค์ เขาจะสำเร็จฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์โดยมีสวรรค์เป็นสักขีพยาน!

 

ในตอนนั้น จากท้องนภาเบื้องบน ซือหยูได้ทำให้สวรรค์โกรธเกรี้ยว

 

ซือหยูตะโกนลั่น

 

“ข้าจะไม่หยุดตราบเท่าลมหายใจยังอยู่กับข้า! ฎีกาสวรรค์ ชำระอีกครั้ง!”

 

ฟ้าดินสั่นคลอน เนตรสองดวงปรากฏบนท้องนภาไร้ขอบเขต! หนึ่งข้างเป็นสีม่วงที่เปล่งประกายอย่างลึกลับ ส่วนอีกข้างนั้นขาวกระจ่าง เปล่งประกายวิญญาณเทพ

 

ดวงตายักษ์ราวกับแขวนอยู่บนนภา มันมองลงมาจากมวลมนุษย์ ราวกับว่านั่นคือเนตรที่สวรรค์ใช้สอดส่องโลก ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง! ฎีกาสวรรค์ของซือหยูชิงเนตรสวรรค์มาแทนที่เป็นของตัวเองและมองดูการเปลี่ยนแปลงบนโลกด้วยตัวเขาเองรึ?

 

จิตวิญญาณกบฏของเขามันมากเพียงใดกัน? เขาจะขัดต่อบัญชาสวรรค์ไปถึงไหนกัน?

 

ครืน—

 

เสียงคำรามดังมาจากนภา ซือหยูทำให้ผู้คุมสวรรค์ในอีกขอบเขตโกรธเกรี้ยว

 

ครืน—-

 

คลื่นหมุนวนไร้ลักษณ์ค่อยๆลงมาจากสวรรค์!

 

ครืน—

 

คลื่นลงมาสั่นคลอนทั้งโลก! มันปะทะเข้ากับมหาสมุทรกว้างใหญ่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างสั่นกลัวไปถึงดวงวิญญาณ ทุกมุมโลกต้องปะทะกับแรงกดดันประหลาด ราวกับคลื่นนั้นจะทำลายล้างโลกได้!

 

เสียงดังมาจากคลื่นนั้น

 

“เมื่อกบฏปรากฏกายก็จะต้องใช้ทุกวิธีการในการกำจัดทิ้ง! การเวียนวายตายเกิดของเขาก็ต้องถูกทำลายถ้าเขากล้ากบฏต่อสวรรค์!”

 

ผู้คนหันไปมองคลื่นยักษ์ ในพลังทำลายล้างนั้นมีชายหนุ่มในชุดเก่าแก่นั่งอยู่ เขาหลับตา ข้างเขาคือกระบี่เทพทำลายล้างที่เสียบอยู่กับคลื่นที่มีวิหารอยู่ภายใน

 

กระบี่นั้นปล่อยจิตสังหารออกมา เพียงแค่มองก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาจะตายเป็นล้านครั้ง กระบี่นั้นมีพลังพอที่จะทำลายโลกใบนี้!

 

ชายหนุ่มหลับตาตลอดเวลาราวกับเป็นซากศพตั้งแต่ครั้งอดีต ร่างของเขาเปล่งพลังที่ไม่เคยมีใครในทวีปเฉินหลงสัมผัส เหล่าผู้คนคิดถึงตอนที่เขาลืมตาและสังหารทุกสรรพสิ่ง

 

ฟึ่บ–

 

รังสีทำลายล้างพุ่งลงมา

 

เนตรสวรรค์ที่ซือหยูเสกขึ้นมาถูกรบกวน มันเริ่มเสียประกายดวงตาไป

 

ปั้ง–

 

เนตรสวรรค์ที่ยังไม่ถูกสร้างอย่างเต็มที่แตกสลาย และพลังทำลายล้างนั้นก็เปลี่ยนทิศมาทางซือหยู หวังจะทำลายเขาให้สิ้นซาก

 

เฉินคงตกตะลึงตกใจในวิหารโบราณนั่น ชายหนุ่มและกระบี่เทพทำลายล้าง แต่การตายของซือหยูก็เป็นความปรารถนาของเขา

 

ตายด้วยน้ำมือสวรรค์ เฉินคงพูดในใจ…เจ้าคงไม่มีอะไรให้เสียใจสินะ!

 

เป็นเกียรติเพียงใดกันที่ได้ตายด้วยมือของสวรรค์?

 

ซือหยูมองพลังทำลายล้างและวิหารโบราณ จิตกบฏของเขาไม่ได้ลดลงไปเลย

 

“ถ้าหากโลกหน้ามีจริง…”

 

“ข้าจะทำลายสวรรค์ให้สิ้นซาก!”

 

คำพูดอันทรงพลังของเขากลายเป็นกระบี่แห่งกบฏที่พุ่งทะลวงออกไปยังเมฆา เขาไม่ยอมจำนนแม้นั่นจะหมายถึงชีวิต!

 

แต่ในตอนนั้นเองแสงเทพก็แล่นผ่านทวีปผ่านห้วงเวลามาทางพลังที่เข้ามาหาซือหยู!

 

ปั้ง–

 

พลังทำลายล้างที่พุ่งเข้าใส่ซือหยูถูกทำลาย ในขณะเดียวกันแสงเทพนั้นก็พุ่งไปยังวิหารโบราณ

 

ครืน—

 

วิหารโบราณสั่นอย่างรุนแรง! เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังมาจากในคลื่นวิหาร วิหารค่อยๆถูกดูดกลืนถอยกลับ!

 

คลื่นนิรนามหายไปอย่างรวดเร็ว ท้องนภากลับมาสดใสดังเดิม วิหารโบราณถอยกลับไป! การลงทัณฑ์จากสวรรค์ถูกขัดขวาง!

 

ใครกัน? ใครกันที่ทำให้สวรรค์เป็นศัตรูและทำให้สวรรค์ต้องถอยกลับ? แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร…ซือหยูก็ถูกช่วยชีวิตเอาไว้!

 

ซือหยูใช้โอกาสนี้เงยหน้าคำรามอีกครั้ง

 

“ฎีกาสวรรค์ ชำระล้างอีกครั้ง!”

 

ปั้ง ปั้ง ปั้ง–

 

เนตรสวรรค์ที่หายไปกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีสิ่งใดจากสวรรค์มาหยุดเขาอีกแล้ว ต่อมาเนตรสวรรค์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น เนตรยักษ์นั้นมีขนาดสามหมื่นลี้! ดวงหนึ่งเป็นสีม่วง ดวงหนึ่งขาวกระจ่าง เนตรทั้งสองมองดูดินแดนเบื้องล่างและปล่อยพลังทำลายล้างออกมา! มันมองแผ่นหลังของซือหยู เน้นย้ำมองไปยังร่างอันผอมบาง ทำให้เขาดูเหมือนผู้ปกครองของโลก!

 

ในตอนนี้ราวกับว่าซือหยูได้กลายเป็นสวรรค์ที่ควบคุมทุกสรรพสิ่งได้เสียเอง!

 

“หึหึ…หึหึหึ…”

 

ซือหยูมองท้องนภาและหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาแหบแห้งแต่ก็เสียดลึก มันเสียดแทงหัวใจของทุกคน

 

หลายคนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พวกเขาทั้งตกตะลึงและหวาดกลัว ซือหยูคนใหม่นี้น่ากลัว…เขาน่ากลัวราวกับอสูร! การบ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ได้สำเร็จแล้ว! มันมีจิตวิญญาณแห่งกบฏ ฝืนขึ้นมาสำเร็จพลังแม้จะมีสวรรค์เข้ามาขัดขวาง!

 

ซือหยูหัวเราะอย่างแหบแห้ง น้ำเสียงของเขาดูอวดดี

 

“ชีวิตข้าเป็นของของข้า ถ้ามนุษย์อยากจะหยุดข้า ข้าก็จะทำสงครามกับมนุษย์! ถ้าสวรรค์อยากจะหยุดข้า ข้าก็จะก่อสงครามกับสวรรค์!”

 

เส้นผมสีเงิน ดวงตาแดงก่ำ และจิตวิญญาณกบฏนั้นทำให้เขาราวกับอสูรที่ถูกปลดปล่อยสู้ผืนธรณี!

 

ซือหยูหัวเราะอยู่นานและก้มลง เนตรสวรรค์ใหญ่สามหมื่นลี้มองตามซือหยูเช่นกัน เนตรนั้นน่ากลัวราวกับปีศาจ มันทำให้ทุกคนตัวสั่น

 

“เฉินคง…”

 

“ถึงคราวจบเรื่องราวของเจ้าสักที”

 

เฉินคงมองซือหยูและเนตรสวรรค์ข้างหลังซือหยูด้วยกายที่สั่นระริก เขาทั้งกลัวและตกใจ

 

หนี! เขาคิด

 

เฉินคงไม่ลังเล เขาหันหนีไป! เขามิอาจเผชิญหน้ากับเนตรสวรรค์ที่แม้แต่สวรรค์ก็มิอาจทำอะไรได้!

 

พรึ่บ–

 

แสงส่องประกาย ร่างของเฉินคงหายไป เขาเข้าสู่หน้ากากนิรันดร์ มันมีพื้นที่ที่เขาสร้างไว้ให้ตัวเอง นอกจากสมบัติเทพระดับกลางชิ้นนี้จะถูกทำลายก็ไม่มีทางทำอันตรายเฉินคงได้

 

ซือหยูใจเย็น ตาแดงก่ำของเขาปล่อยจิตสังหาร

 

“เนตรสวรรค์เทพ!”

 

ครืน—

 

ฟ้าดินสั่นสะท้าน คลื่นทำลายล้างไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังจากวิหารโบราณเลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด