The Divine Nine Dragon Cauldron 392

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 392 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มีเพียงอำมฤตระดับห้าขั้นสูงที่สัมผัสสวรรค์ได้ มันเป็นขอบเขตกึ่งเทพที่แม้แต่ราชามนุษย์ก็มิอาจเอื้อมถึง! หากมาถึงระดับนี้ก็ไม่มีใครในขอบเขตอำมฤตที่เอาชนะเขาได้

 

ครืน—

 

ครืน—

 

ทันใดนั้นอำนาจกดดันก็แผ่กระจายไปทั่ว จ้าวแห่งมืดบางคนที่คาดไม่ถึงถึงกับตกจากเก้าอี้เมื่อถูกคลื่นกระแทก มีเพียงยี่หยูคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ขยับแม้แต่น้อย

 

“เขาสำเร็จระดับกึ่งเทพแล้ว!”

 

จ้าวฉิงจูชักสีหน้า เขาลำบากใจ

 

ก่อนหน้านี้ ไป่ลั่วเพียงแค่ใกล้เคียงระดับกึ่งเทพ พวกเขายังคงต่อกรได้หากร่วมมือกัน แต่ในตอนนี้ไป่ลั่วไปถึงขอบเขตกึ่งเทพ!

 

“ใช่แล้ว ข้าสำเร็จพลังนี่แล้ว และข้าเพียงส่งเสียงมาที่นี่”

 

จ้าวไป่ลั่วยังคงบ่มเพาะพลังอยู่

 

จ้าวฉิงจูสีหน้าเปลี่ยนไป

 

“ไปลั่ว เจ้าส่งเสียงมาถึงที่นี่ เจ้ามีเรื่องอะไรกัน?”

 

“ข้าจะเข้าร่วมการไตร่สวนด้วย!”

 

“ในสายตาข้า หลิงเสี่ยวเทียนต้องสงสัยเป็นกบฏ เขาอาจจะเป็นภัยถ้าหลุดรอดออกไป! ราชาแห่งความมืดยังคงบ่มเพาะพลังอยู่ สถานการณ์ของทวีปในตอนนี้นั้นลึกลับ พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้ลงมาถึงผืนดิน! สังหารเขาเสียจะเป็นการดีกว่า หลิงเสี่ยวเทียนควรถูกประหารเพราะเป็นคนทรยศ! เจ้าตำหนักหยินหยูก็ควรถูกประหารในข้อหาเดียวกัน แต่เขาหายตัวไปอยู่ที่ใดมิอาจล่วงรู้ เขาคงจะกลายเป็นภัยต่ออาณาจักรทมิฬตั้งแต่วันนี้ ทุกคนประหารเขาทิ้งได้ทันที! มีผู้ใดจะปฏิเสธหรือไม่?”

 

จ้าวฉิงจูโกรธแค้น นี่ควรจะเป็นจ้าวแห่งความมืดทั้งเจ็ดที่ตัดสินคดีร่วมกัน แต่ในตอนนี้ไป่ลั่วได้ตัดสินทุกอย่างด้วยตัวเอง — ราวกับว่าเขามีอำนาจของราชาแห่งความมืด!

 

แต่เมื่อคิดถึงพลังมหาศาลเมื่อครู่ จ้าวฉิงจูก็ต้องระวังตัวอย่างมาก เขาเลือกที่จะนิ่งเงียบ มันไม่คุ้มที่จะเอาตัวเข้าแลกกับไป่ลั่วเพื่อหลิงเสี่ยวเทียน

 

“ยี่หยู เจ้าคิดอ่านอย่างไรรึ?”

 

ไป่ลั่วถามยี่หยู

 

ยี่หยูก้มลงมองหลิงเสี่ยวเทียน

 

“เขาทุ่มเทให้กับอาณาจักร มันโหดร้ายเกินไปถ้าจะประหารเขาในทันที ข้าคิดว่าจองจำเขาไว้แล้วค่อยประหารในครั้งอื่นน่าจะดีกว่า”

 

“หึหึ!”

 

ไป่ลั่วหัวเราะ

 

“เช่นนั้นก็ตามยี่หยู เราจะประหารเขาในคราอื่น! พาตัวไป!”

 

ในพริบตา ผู้คุมสวรรค์หลายคนเข้ามาพาตัวหลิงเสี่ยวเทียนออกไป

 

หลิงเสี่ยวเทียนมองยี่หยูอย่างขอบคุณ ในสถานการณ์นี้ ยี่หยูไม่มีพลังจะช่วยเขา สิ่งที่นางทำได้คือการซื้อเวลาให้เขา ก่อนหน้านี้ยี่หยูถูกพาตัวมายังตำหนักรองในทวีปเหนือ นางติดหนี้หลิงเสี่ยวเทียน

 

“เอาล่ะ เรื่องจบแล้ว”

 

ไป่ลั่วพูดอย่างผู้ทรงอำนาจราชา

 

“แยกย้าย!”

 

แต่ยี่หยูก็พูดขึ้น

 

“ยังมีเรื่องที่ข้าต้องประกาศ!”

 

ผู้คนหันมามองนาง

 

“ตามคำสั่งท่านราชา…”

 

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

ทุกคนรวมถึงเฉินยิ่งคุกเข่าลงฟังคำสั่ง

 

พรึ่บ–

 

ภาพฉายแสงปรากฏขึ้นในโถง มันคือการก่อตัวของจิตไป่ลั่วเพื่อเป็นตัวแทนว่าเขาอยู่ที่นี่ ทุกคนนั้นคุกเข่ายกเว้นเขา

 

ยี่หยูมองไป่ลั่วและพูด

 

“ตามบัญชาจากราชา งานเซ่นสวรรค์จะจัดขึ้นในอีกสามเดือน จ้าวแห่งความมืดทั้งเจ็ดต้องเตรียมงานฉลอง จะไม่มีการล่าช้า”

 

“ย่อมได้!”

 

จ้าวแห่งความมืดห้าคนตอบ!

 

มีแต่ไป่ลั่วที่พยักหน้าอย่างเยือกเย็น ภาพฉายแสงของเขาหายไป

 

ในตอนนี้ ทวีปเฉินลงกำลังสั่นคลอน ทวีปตอนเหนือกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คณะวิหคเพลิงถูกทำลายในวันเดียว — เหล่าศิษย์และจ้าวคณะถูกจองจำ สามขุมกำลังใหญ่แห่งทวีปอันประกอบด้วยหอสดับหิมะ พันธมิตรร้อยดินแดน และเมืองอันยี่ได้ก่อตั้งพันธมิตรอุดรทวีป!

 

และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือตระกูลยี่ — หนึ่งในแปดตระกูลโบราณที่ควรจะหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ — ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง! นายน้อยอู๋เหยายี่และเจ้าพันธมิตรที่เป็นเก้าศักดิ์สิทธิ์ ปกครองทั้งทวีปอุดร ข่าวนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง

 

สถานาการณ์ในทวีปเหนือนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างมากตั้งแต่ที่ราชาแห่งความมืดเข้ามากวาดล้างในครั้งแรก หยินหยูได้บ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ด้วยจิตกบฏสวรรค์ เขาได้สร้างเนตรสวรรค์ขึ้นโดยใช้สวรรค์พิโรธสังหารตำนานเฉินคงเพียงการเหลือบมอง เขาได้กลายเป็นตำนานราชาคนใหม่ เขาใช้ร่างกายที ่บาดเจ็บสาหัสต่อสู้กับสามผู้คุมสวรรค์ด้วยตัวคนเดียว เขาทำให้สามผู้คุมสวรรค์บาดเจ็บอย่างรุนแรง

 

พลังอันมหาศาลเช่นนี้ทำให้หลายคนหวาดกลัว นามของตำนานราชาได้ดังกระฉ่อนทั้งทวีป ไม่มีใครลืมตำนานผู้นี้ไปได้

 

อีกเรื่องที่ทำให้คนในทวีปยินดีก็คือนายน้อยตระกูลยี่ ยี่เหยา ได้เชิญเหล่าวีรบุรุษของโลกเข้าร่วมงานวิวาห์ ว่ากันว่าเจ้าสาวคือหญิงสาวนามม่ออู๋ การจัดงานวิวาห์พร้อมกับการปรากฏตัวของตระกูลเช่นนี้ งานเลี้ยงจะต้องยิ่งใหญ่อย่างมากเป็นแน่

 

******

 

ที่อาณาจักรทมิฬ

 

ในคุกอันมืดมิดที่อาณาจักรทมิฬเก็บนักโทษทุกคนเอาไว้ มันมีการป้องกันอย่างแน่นหนา และไม่เคยมีผู้ใดหนีออกไปได้

 

ลึกในคุกมืด ห้องที่หลิงเสี่ยวเทียนอยู่นั้นแน่นหนาอย่างมาก แม้แต่ผู้คุมสวรรค์ก็พังให้เปิดออกไม่ได้

 

หลิงเสี่ยวเทียนหยิบหน้ากากนิรันดร์ออกมาและยิงพลังวิญญาณใส่ลงไป ซือหยูกับจ้าววิหคเพลิงถูกปล่อยตัวออกมา

 

ร่างของซือหยูส่งกลิ่นเหม็๋นเน่า แต่จ้าววิหคเพลิงนั้นนับว่าดีขึ้น มีเพียงฐานพลังของนางที่ถูกทำลาย

 

“หยินหยู!”

 

หลิงเสี่ยวเทียนอุทาน

 

“ตั้งแต่นี้ไปเจ้าห้ามพูดเด็ดขาด!”

 

เขาวางฝ่ามือลงบนแผ่นหลังของซือหยู คลื่นพลังสีแดงเข้าสู่ร่าง นั่นทำให้ซือหยูมีสีบนร่างกายขึ้นมาบ้าง ร่างของซือหยูค่อยๆฟื้นฟูตัวเอง

 

“นี่มัน…”

 

จ้าววิหคเพลิงแตะริมฝีปากมองหลิงเสี่ยวเทียน สีหน้าของนางผสมด้วยความประหลาดใจและตกใจ!

 

“ท่านเจ้าตำหนัก ท่านให้อะไรกับข้ากัน?”

 

ร่างที่ควรจะถูกทำลายคงอยู่ได้จนถึงตอนนี้ ซือหยูรับรู้ได้นานแล้วว่าเรื่องนี้นั้นประหลาดเกินไป

 

“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก…”

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าดูดซับพลังที่ข้าให้เจ้าไปก็พอ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ข้าทำให้เจ้าได้”

 

ซือหยูอ้าปาก เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็มิอาจพูดออกมาได้ ร่างของซือหยูปกคลุมไปด้วยแสงสีโลหิตอยู่สามชั่วยาม ร่องรอยพลังชีวิตได้กลับมาสู่ร่างกายที่ถูกทำลาย

 

ในตอนนี้มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก ซือหยูใช้หน้ากากนิรันดร์และเข้าไปหลบอยู่ภายในอีกครั้ง

 

เสียงฝีเท้าค่อยๆเข้ามาทีละน้อย นำพากลิ่นอันหอมหวานมาด้วย หญิงสาวสวมผ้าคลุมสีเพลิงเดินเข้ามา นางคือจ้าวยี่หยู

 

“เจ้าตำหนักหลิง ข้ามาถึงช้าเหลือเกิน”

 

ยี่หยูพูด

 

นางอยู่ที่หน้าประตู ไอวารีรอบใบหน้าสลายไป ใบหน้านางงดงามราวกับภาพเขียน ความงามของนางนั้นเหนือว่าหญิงสาวบนโลกมนุษย์

 

หลิงเสี่ยวเทียนโล่งใจ

 

“เป็นเจ้าจริงๆ เจ้ากลายเป็นจ้าวแห่งความมืดจริงๆ!”

 

“ขอบคุณที่ท่านชี้ตัวข้าในวันนั้น…”

 

“ข้ามิอาจพูดแทนความไม่เป็นธรรมที่ท่านต้องพบเจอได้ โปรดอภัยให้ข้า”

 

หลิงเสี่ยวเทียนส่ายหน้าหัวเราะ

 

“เจ้าไม่ต้องขอโทษข้าหรอก ข้าเข้าใจเรื่องภายในอาณาจักรมากเสียยิ่งกว่าเจ้า ไป่ลั่วมีอำนาจ แม้เจ้าจะท้าทายเขาก็อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ มันจะทำให้เจ้าต้องเป็นอันตรายด้วยซ้ำ”

 

“ท่านเจ้าตำหนักไม่ต้องเป็นห่วง…”

 

“ข้าจะยืดวันประหารออกไปเพื่อหาทางช่วยชีวิตท่าน”

 

หลิงเสี่ยวเทียนปฏิเสธอย่างคาดไม่ถึง

 

“อย่าทำเช่นนั้น! ยืดวันประหารจะเป็นการแสดงให้มันเห็นว่าเจ้าคิดกับข้าเช่นใด ไป่ลั่วจะต้องระวังเจ้ามากขึ้น! การที่เจ้ามาเยี่ยมข้าก็เป็นไปตามแผนของเขา เจ้าช่วยข้าไม่ได้ แล้วเจ้าก็อาจจะทำให้ตัวเองลำบาก”

 

หลิงเสี่ยวเทียนเข้าใจข้อนี้ดี แล้วยี่หยูจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?

 

“แต่ท่านเจ้าตำหนัก…”

 

“ข้ารู้ว่าท่านมิได้ทรยศอาณาจักร ท่านถูกเข้าใจผิด!”

 

หลิงเสี่ยวเทียนหัวเราะ

 

“ช่างเถอะ หากมโนธรรมของข้ายังดีอยู่ นั่นก็ดีแล้ว”

 

ยี่หยูรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม

 

“ท่านราชายังคงบ่มเพาะพลัง ข้ามิอาจรายงานเรื่องนี้ไปได้ ข้าได้แค่พึ่งตัวเองเท่านั้น”

 

หลิงเสี่ยวเทียนยืนขึ้น

 

“เจ้าไม่ต้องช่วยข้า ข้าที่ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏอย่างไรก็ต้องตาย ข้าเพียงหวังให้เจ้าช่วยคนสองคน”

 

“ใครกัน?”

 

ยี่หยูมองรอบๆ

 

หลิงเสี่ยวเทียนตอบ

 

“รองเจ้าตำหนักหยินหยู เขามาถึงตำหนักรองทีหลังเจ้า ข้าติดหนี้เขา ข้าหวังว่าเจ้าจะแอบปล่อยเขาออกไปได้ ส่วนอีกคนคือจ้าววิหคเพลิง ฐานพลังของนางถูกทำลายไปแล้ว ข้าอยากจะให้เจ้าดูแลนาง”

 

รองเจ้าตำหนักหยินหยูรึ? ยี่หยูขมวดคิ้ว นางใจเต้นแรงแม้จะเพิ่งได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก

 

ซือหยู หยินหยู และยี่หยู ทั้งหมดนั้นต่างกันเพียงแค่คำเดียว

 

“ย่อมได้!”

 

ยี่หยูให้สัญญา

 

หลิงเสี่ยวเทียนพูดต่อ

 

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรติดค้างแล้ว ข้าจะหมดห่วงถ้าเจ้ายื้อเวลาให้ข้าได้สักครึ่งเดือน”

 

ยี่หยูพูดอย่างดึงดัน

 

“ข้าจะหาทางช่วยท่านให้ได้”

 

นางออกไปหลังจากพูดจบ

 

หน้ากากนิรันดร์สั่นเมื่อซือหยูออกมา เขากลัวว่าจะถูกพบตัวจากโลกภายนอก

 

“ใครมารึ?”

 

ซือหยูพูดด้วยความสงสัย

 

หลิงเสี่ยวเทียนยิ้ม

 

“ผู้มีพระคุณของข้า เอาเถอะ เจ้าหลับตาแล้วเงียบซะ เราต้องรีบแล้ว”

 

******

 

ครึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา สภาพหลิงเสี่ยวเทียนนั้นดูเลวร้ายขึ้นในทุกๆวัน เขาซูบไปราวกับซากศพที่แห้ง

 

ส่วนซือหยูนั้นมีพลังชีวิตเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก! บาดแผลฟื้นฟูแล้ว แต่ประสาทสัมผัสของเขายังคงย่ำแย่ กระดูกยังคงหัก อวัยวะภายในก็ยังคงไม่ฟื้นฟู ร่างกายของเขายังคงไม่รู้สึกอะไร

 

“ในที่สุดก็มาถึงก้าวสุดท้าย!”

 

หลิงเสี่ยวเทียนถอนหายใจยาว

 

พรึ่บ—

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก เป็นจ้าวเฉินยิ่งที่เข้ามา

 

“หลิงเสี่ยวเทียน ตามข้ามา”

 

เฉินยิ่งอยู่ที่หน้าห้องขัง

 

“นี่เป็นวันประหารของเจ้า”

 

หลิงเสี่ยวเทียนสีหน้าเบื่อหน่าย

 

“ข้าถูกกำหนดให้ประหารในหนึ่งเดือน มันเหลือครึ่งเดือนตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

 

เฉินยิ่งหัวเราะ

 

“เจ้าก็ควรจะเข้าใจนะ!”

 

เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องซับซ้อนรึ? ยี่หยูที่เข้ามาเยี่ยมหลิงเสี่ยวเทียนนั้นทำให้ไป่ลั่วไม่พอใจ การประหารจึงถูกเลื่อนเข้ามา

 

“ขอข้าอีกครึ่งวันเถอะ…”

 

หลิงเสี่ยวเทียนอ้อนวอน

 

“ขอข้าแค่ครึ่งวัน! ยังมีสิ่งที่ข้าต้องทำ”

 

หลิงเสี่ยวเทียนเป็นกังวล อีกก้าวเดียวซือหยูจะฟื้นฟูแล้ว

 

เฉินยิ่งหัวเราะอย่างเยือกเย็น

 

“เจ้าแทบจะดูไม่เป็นมนุษย์อยู่แล้ว เจ้ายังอยากจะขัดขืนอีกเรอะ? มากับข้า!”

 

เฉินยิ่งไม่สนใจการโต้แย้งของหลิงเสี่ยวเทียนและเปิดประตูห้องขังเพื่อจับตัวเขา หลิงเสี่ยวเทียนโกรธแค้นในแววตา อีกแค่ก้าวเดียว! แค่ก้าวเดียว!

 

ไป่ลั่วไม่สนใจกฎของอาณาจักร เขาเลื่อนวันประหารเข้ามา เขาไม่กลัวราชาแห่งความมืดจะลงโทษเขาหรืออย่างไรกัน?

 

เฉินยิ่งพาตัวเขาไปที่ยอดเขา

 

หลิงเสี่ยวเทียนมองรอบๆ

 

“เจ้าคิดจะประหารข้าอย่างลับๆรึ?”

 

“หึหึ! เจ้าเห็นเป็นอื่นรึอย่างไร?”

 

จ้าวเฉินยิ่งมองรอบๆ เขายิ้มอย่างเยือกเย็นและหัวเราะ

 

“เจ้าคิดจริงๆรึว่าพวกเราจะเสี่ยงประหารเจ้าล่วงหน้าอย่างเป็นทางการ? ผู้คนก็รู้แค่ว่าหลิงเสี่ยวเทียนพยายามจะหนีการไตร่สวน เฉินยิ่งจับตัวได้และประหารตามกฎก็เท่านั้น!”

 

เขากำลังจะตราหน้าให้หลิงเสี่ยวเทียนเป็นคนแหกคุก! เขาจึงต้องสังหารหลิงเสี่ยวเทียนด้วยเหตุนี้

 

“เจ้ากล้าเรอะ!”

 

หลิงเสี่ยวเทียนโกรธแค้น

 

“รับชะตาของเจ้าซะเถอะ หลิงเสี่ยวเทียน”

 

เฉินยิ่งหัวเราะอย่างเยือกเย็น

 

หลิงเสี่ยวเทียนโศกเศร้าอย่างมาก เขามิได้เพียงแค่จะตาย แต่เขากำลังจะถูกใส่ร้าย!

 

ความเด็ดเดี่ยว…ความบ้าคลั่ง ล้อมรอบกาย

 

“ก็ได้…ก็ได้…ก็ได้!”

 

เขาตะโกน

 

“เช่นนั้นก็ย่อมได้! ข้าจะใช้ท้ายสุดของชีวิตช่วยหยินหยู! ข้าจะใช้โลหิตหยดสุดท้ายสร้างอนาคตใหม่ให้กับเขา!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด