The Divine Nine Dragon Cauldron 396

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 396 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นั่นมัน…”

 

ชายแก่ในชุดมรกตเห็นร่างที่เข้ามาอย่างชัดเจนขึ้น ผมสีเงิน หน้ากากสีเงิน สวมชุดขาวกระจ่าง

 

“หรือว่านั่น…?”

 

ชายแก่มองอย่างไม่เชื่อสายตา ตามที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ให้ข้อมูล หยินหยูนั้นถูกอาณาจักรทมิฬพาตัวไปและตายในระหว่างทาง ไม่มีทางที่เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้!

 

หวงเสี่ยวหยานตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่ นางอุทานด้วยความชิงชัง

 

“ข้าจำคนคนนั้นได้ หนุ่มหล่อจากงานประชุมพันธมิตร หยินหยู! เขาคือศัตรูของพี่ยี่เหยา…”

 

เป็นเขาจริงๆ! ชายแก่สีหน้าดุร้าย

 

“กล้าดียังไงถึงมาที่นี่! เสี่ยวหยาน แจ้งทหารในเมืองเดี๋ยวนี้!”

 

เรื่องที่ซือหยูสังหารผู้คุมสวรรค์เฉินคงด้วยการจ้องมองที่คณะวิหคเพลิงนั้นแพร่กระจายไปทั่วโลก ชายแก่จะกล้าทำอะไรได้?

 

“ไม่ต้องหรอก…”

 

ซือหยูพูดเมื่อร่อนลง เขายิ้มแย้มแต่ก็ยิ้มอย่างป่าเถื่อน

 

“ข้าแสดงตัวให้พวกทหารเห็นแล้ว แต่ข้ารีบร้อนเลยไม่ได้เตรียมของขวัญมาด้วย ข้าต้องยืมเจ้าสองคนแล้วล่ะ”

 

ชายแก่ขึ้นเสียง

 

“หนีเร็ว เสี่ยวหยาน!”

 

ชายแก่จ้องซือหยูอย่างเยือกเย็น

 

“โชคร้ายนัก เจ้าไม่ได้ถูกตระกูลยี่เชิญ เราไม่ต้องการของขวัญของเจ้า ไปซะ!”

 

ซือหยูยืนอยู่ที่เดิม เขาจ้องมองผู้เฒ่าชุดสีมรกตตรงหน้า ซือหยูจะลืมได้อย่างไรว่าผู้เฒ่าคนนี้ต้องการฆ่าเขาในร้อยดินแดน? ในตอนนั้นเขาเป็นแค่มดปลวก แต่ตอนนี้พวกเขามีฐานพลังเทียบเท่ากัน

 

“ไม่สำคัญว่าเจ้าจะต้องการของขวัญจากข้าหรือไม่…”

 

“ที่สำคัญคือสิ่งที่ข้าอยากจะให้เจ้าต่างหากเล่า!”

 

สิ่งที่อยากจะให้! คำพูดไม่กี่คำนี้เกินควรยิ่งนัก ความอวดดีเพียงใดกันถึงทำให้เขากล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าพันธมิตรอุดรทวีป?

 

“หยินหยู! เจ้าคิดจะบุกเข้ามางั้นรึ? รองเจ้าตำหนักไร้มารยาทเช่นนี้ได้อย่างไร?”

 

ซือหยูหัวเราะ

 

“ไร้มารยาทรึ? เจ้าให้ความเคารพข้าตอนที่ข้าอยู่ในขอบเขตมังกรหรือไม่? เจ้านับถือข้าตอนที่ข้าปางตายในคณะวิหคเพลิงหรือไม่? แต่ตอนนี้เจ้ากลับอยากจะให้ข้ามีมารยาทเรอะ! น่าหัวร่อนัก!”

 

ชายแก่ใจหาย เขากัดฟันและไม่มีทางเลือกนอกจากทนคำพูดของซือหยู เขาต้องรอจนกว่ากำลังเสริมจะมาเพื่อสังหารบุคคลอันตรายผู้นี้

 

“ข้าอยากจะรู้นักว่าตำนานยอดฝีมือของทวีปจะแข็งแกร่งเพียงใด!”

 

ชายแก่พูด เขากำหมัดมองซือหยูอย่างดุร้าย

 

ซือหยูยืนนิ่ง แต่ศรสองดอกคมกริบก็ปรากฏออกมา สีแดงโลหิตของมันเหมือนกับไอโลหิตที่อยู่บนตัวซือหยู มันประหลาดและลึกลับ

 

ฟึ่บ–

 

ศรทั้งสองพุ่งออกไป ชายแก่ขนลุก เขารู้สึกราวกับพลังปีศาจกำลังจะทะลวงร่าง

 

“อั่ก!”

 

ชายแก่ป้องกันศรที่พุ่งเข้ามา

 

แต่ศรโลหิตอันลึกลับนั้นมีชีวิต! มันหลบการป้องกันทะลวงไปยังลำตัวของเขา

 

เอื้อก—

 

ร่างของชายแก่กลายเป็นเถ้าถ่าน มันกระจายทั่วนภา เหลือเพียงศีรษะที่ยังอยู่ดี

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนชายแก่ไม่รู้สึกเจ็บปวดก่อนที่จะเหลือเพียงหัวเดียว

 

ฟึ่บ–

 

ศรโลหิตนำแก่นพลังกลับมาทำให้ซือหยูรู้สึกพึงพอใจ

 

ศรโลหิตอีกดอกพุ่งเข้าใส่หวงเสี่ยวหยานและเปลี่ยนร่างนางเป็นเถ้าถ่าน แต่แก่นพลังนั้นอ่อนแอเกินไป ซือหยูไม่รู้สึกอะไรเลย

 

“อยากรู้นักว่าข้าจะต้องขโมยฐานพลังของอีกกี่คนถึงจะได้เป็นผู้คุมสวรรค์…”

 

ซือหยูพูดกับตัวเอง เขามองศีรษะทั้งสองอย่างไร้อารมณ์และก้าวเข้าสู่ปราสาท

 

******

 

ลึกในปราสาท

 

มีการตกแต่งด้วยสีสันฉูดฉาดและบรรยากาศอันน่าสนุกสนาน

 

อู๋เหยายี่คือยี่เหยา เขาสวมชุดคลุมยาวสีแดงและดูมีชีวิตชีวา เขาตกแต่งห้องของตัวเองและจ้องมองเจ้าสาวบนเตียงที่แต่งกายในชุดแดงทั้งตัว

 

นางแผ่รังสีราวกับขุนเขาอันสง่างาม รูปร่างอันผอมบางขับส่งตามชุดวิวาห์ ในตอนนี้…สีหน้านางยังคงเยือกเย็น

 

“อู๋เอ๋อ เจ้าเป็นเจ้าสาวของข้าในวันนี้…”

 

ยี่เหยาพูดโดยมิอาจปิดบังความสุขบนใบหน้า

 

“ข้าจะรักเจ้าจนหมดหัวใจ”

 

ความโกรธแค้นของม่ออู๋หยั่งรากลึก แต่นางไม่แม้แต่จะขยับตัว นางมิอาจพูดอะไรได้

 

“อู๋เอ๋อ เจ้ามิต้องกังวล…”

 

“ข้าจะปลดพลังที่พันธนาการเจ้าหลังจากงานเลี้ยงจบ”

 

ด้วยความช่วยเหลือจากเก้าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาได้นำกระบี่ออกจากร่างของม่ออู๋ทำให้ไม่มีทางที่นางจะจบชีวิตตัวเอง เมื่อทุกสิ่งจบลง ม่ออู๋ก็คงจะยอมจำนนต่อเขาในอนาคต

 

“เจ้าควรจะรู้ความตั้งใจของข้า…”

 

“ข้ารักเจ้าสุดหัวใจ มิเช่นนั้นข้าก็คงไม่รอนานเช่นนี้โดยไม่แม้แต่จะวางนิ้วสัมผัสเจ้า ข้าหวังให้เจ้าเข้าใจหัวใจของข้า”

 

ยี่เหยาพูดจบและยืนขึ้น

 

“ข้าต้องไปรับแขกก่อน เดี๋ยวจะมีคนพาเจ้าออกไป”

 

เพลิงความโกรธแค้นปะทุในดวงตาม่ออู๋! เหตุใดยี่เหยาจึงไม่สัมผัสนางน่ะรึ? ก็เพราะยี่เหยาระวังตัว เขากลัวที่จะบาดเจ็บถ้านางใช้รังสีกระบี่ในตัว เหตุผลที่เขาพูดว่า…รักจนหมดหัวใจ…ช่างน่าขันยิ่งนัก

 

คิดถึงชะตาที่นางต้องพบเจอมาตลอดครึ่งปี ม่ออู๋รู้สึกขมขื่น แต่นางก็เป็นห่วงชะตาของอาจารย์มากกว่า นางถูกช่วยไว้หรือยัง? ใบหน้านางถูกรักษาหรือไม่?

 

และ…ม่ออู๋ก็คิดถึงใบหน้าอันงดงาม น้ำตาคลอเบ้าทั้งสอง นางไม่มีหน้าไปพบซือหยูอีกแล้ว

 

เอี๊ยด—

 

ในตอนนั้น ประตูเปิดออก หญิงสาวงดงามสวมชุดขาวเข้าห้องมาอย่างเงียบเชียบ ร่างกายของนางบริสุทธิ์ยิ่งนัก

 

ม่ออู๋รู้สึกละอายใจเมื่อมองนาง มีคนที่งดงามเช่นนี้บนโลกด้วยรึ? รูปลักษณ์ ฐานพลัง …ทุกอย่างล้วนอยู่ในจุดสูงสุด

 

“เจ้าคือม่ออู๋ใช่หรือไม่?”

 

นางถามอย่างเป็นมิตร

 

“เจ้าถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับยี่เหยามิใช่หรอกรึ?”

 

ม่ออู๋กระพริบตาตอบ

 

หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ยิ้ม รอยยิ้มนั้นดั่งสายลมคิมหันต์ที่งดงามอย่างมาก แม้แต่ม่ออู๋ที่เป็นสตรีก็ตกอยู่ในภวังค์

 

“ข้าถูกขอให้มาช่วยเจ้า…”

 

“หลังจากที่เจ้าออกไปทางประตูหลัง อย่าเหลียวกลับมา เข้าใจหรือไม่?”

 

นางพูดจบและถอดชุดของนางเปลี่ยนกับชุดเจ้าสาวของม่ออู๋

 

“เจ้าไปก่อนเลย”

 

นางพูดหลังจากปลดวิชาที่พันธนาการม่ออู๋

 

“ข้าจะจัดการกับคนข้างนอกและหาโอกาสหนีไป”

 

ม่ออู๋พูดอย่างเป็นกังวล

 

“ใครส่งเจ้ามาช่วยข้ากัน? เจ้าจะตกอยู่ในอันตรายนะ”

 

หญิงสาวส่ายหน้าอย่างใจเย็น

 

“เป็นเรื่องที่ข้าถูกขอให้ทำเท่านั้น หนีไปโดยเร็ว ข้ามีพลังที่จะหนีไปอยู่แล้ว ไปซะ”

 

ม่ออู๋รู้สึกยินดีที่หนีได้ นางลังเลก่อนที่จะก้าวขา

 

“ก็ได้ ระวังตัวด้วย”

 

นางพูดจบและหนีไปอย่างเงียบๆ

 

หญิงสาวในชุดเจ้าสาวยิ้มอย่างเยือกเย็น

 

“ยี่เหยา อ๊ะ ยี่เหยา! ไม่ง่ายที่ผลักข้าออกไปหรอก! แขกมากมายเช่นนี้…ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะกล้าปฏิเสธข้า!”

 

พลังของยี่เหยานั้นอยู่ในระดับธรรมดา แต่เฟิงเซี่ยนต้องการสถานะของเขา! ลูกหลานของเก้าศักดิ์สิทธิ์นั้นจะสูงส่งเพียงใดกัน?

 

“ส่วนม่ออู๋…”

 

“เจ้าโชคดีนัก! ถ้าข้าไม่กลัวว่ายี่เหยาจะโกรธถ้าข้าฆ่าเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่รึ?”

 

เฟิงเซี่ยนใช้ม่านปิดหน้าสีแดงปิดบังใบหน้าด้วยความคาดหวัง

 

******

 

เหล่าแขกรอคอยอย่างเงียบๆในโถง

 

ตระกูลโบราณทั้งสี่และพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้มาเพื่อแสดงความยินดี นอกจากอาณาจักรทมิฬที่ไม่มีความสัมผัสใกล้ชิด ทุกขุมกำลังต่างเข้าร่วมงานนี้

 

การกลับมาของตระกูลยี่ได้ทำให้เหล่าขุมกำลังในทวีปตกใจ ตั้งแต่วันนี้ไปในพันธมิตรอุดรทวีป นามตระกูลยี่จะแพร่กระจายไปทั้งฟ้าดิน

 

“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่เข้าร่วมงานของข้า ยี่เหยาผู้นี้ยินดีอย่างมาก”

 

ยี่เหยาแสดงความนับถือต่อเหล่าแขก เขามองรอยๆ ตระกูลทั้งสี่นั่งอยู่ใกล้กัน ตัวแทนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั่งที่อีกด้าน

 

ตระกูลทั้งสี่ต่างส่งผู้อาวุโสมาพร้อมกับเหล่าเด็กหนุ่มสาวในตระกูล เช่นตระกูลฉีนั้นส่งผู้คุมสวรรค์มาพร้อมกับศิษย์ในตระกูลที่เป็นอำมฤตระดับสี่ขั้นสูง ส่วนอีกสามตระกูลก็ไม่ต่างกันนัก มีเพียงพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ที่ส่งคนเดียวมาเป็นตัวแทน…เขาคือชายหนุ่มอายุสี่สิบ แต่ที่สำคัญที่สุดคือฐานพลังของเขา! เขาเป็นราชามนุษย์!

 

ผู้อาวุโสจากสี่ตระกูลต้องระวังตัว แม้แต่ยี่เหยาก็ต้องให้ความนับถือและแอบตกใจ พันธฒิตรผู้คุมสวรรค์นั้นเป็นตำนานโดยแท้จริง เขาบ่มเพาะยอดฝีมือที่เทียบได้กับจ้าวแห่งความมืดของอาณาจักรทมิฬ! ต้องยิ่งใหญ่เพียงใดกันถึงได้เป็นราชามนุษย์ในอายุเพียงยี่สิบปี?

 

หากสังเกตดีๆ ชายหนุ่มผู้นี้มิได้อ่อนเยาว์เพียงอย่างเดียว เขายังมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและดูโอบอ้อมอารี ฐานพลังและการวางตัวของเขานั้นยอดเยี่ยมและดูยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านักสู้ทั่วไป เขาอยู่แยกจากเหล่าแขกอื่น

 

“นั่นคือหลงเฟยหยูจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์…”

 

ผู้อาวุโสตระกูลฉีชมเชยด้วยรอยยิ้ม

 

“เขาช่างตระการตาโดยแท้! เขานำสิ่งใดมาให้ยี่เหยากัน?”

 

พูดอีกอย่างก็คือ เขาอยากจะรู้ว่าหลงเฟยหยูเตรียมของขวัญแบบใดมา คำพูดนั้นดูเป็นการชมเชย แต่ความตั้งใจจริงคือการทำให้หลงเฟยหยูมอบของขวัญเป็นคนแรก

 

หลงเฟยหยูโบกพัดในมือ เขาไม่สั่นคลอน

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง ของขวัญเจ้าไม่มีทางเทียบของข้าได้”

 

คำพูดอันไม่สุภาพนั้นทำให้คนทีได้ยินโกรธเกรี้ยว

 

ผู้อาวุโสตระกูลฉียังคงยิ้ม

 

“ฮ่าๆๆ! เป็นเรื่องดีที่มั่นใจ! ถ้าเช่นนั้นข้าก็ให้ก่อนล่ะ!”

 

เขาพูดจบและหยิบน้ำเต้าทมิฬออกมา น้ำเต้านั้นทำจากวัตถุดิบที่ไม่มีใครรู้จัก ดูเหมือนมันค่อนข้างหนักเพราะแม้แต่ผู้คุมสวรรค์อย่างเขาก็ถืออย่างยากลำบาก และน้ำเต้านั้นยังถูกผนึกเอาไว้อย่างแน่นหนา

 

“ยี่เหยา ข้าไม่มีสิ่งอื่นใดจะให้เจ้า วารีสวรรค์ในขวดนี้แทนความตั้งใจของข้า”

 

คำพูดของเขาทำให้ผู้คนตกใจ

 

“วารีสวรรค์งั้นรึ? ตระกูลฉีมีชื่อในเรื่องยาพิษ วารีสวรรค์คือสิ่งที่ทำให้ตระกูลฉีมีชื่อเสียง แค่หยดเดียวก็สังหารผู้คุมสวรรค์ได้ มันไม่เคยถูกมอบให้คนนอกตระกูลฉีเลย แต่มันกลับถูกเอามาเป็นของขวัญในวันนี้!”

 

แขกคนอื่นตระหนักได้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเก้าศักดิ์สิทธิ์จะค่อนข้างยิ่งใหญ่ ขุมกำลังที่เข้ามาร่วมยินดีจึงไม่กล้าที่จะตระหนี่

 

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะให้ของขวัญด้วย ยี่เหยา นี่คือสมบัติเศษตำราจากตระกูลหมิง!”

 

เศษตำรารึ? ผู้คนงุนงง ในแปดตระกูล ตระกูลหมิงนั้นมีชื่อในด้านวิชาบ่มเพาะ เหตุใดพวกเขาจึงนำมาแค่เศษตำราเล่า?

 

“นี่คือเศษตำราวิชาเพลิง ส่วนระดับของมัน…เป็นระดับตำนาน”

 

อะไรนะ? ผู้คนสีหน้าเปลี่ยนไป! ตำราระดับตำนาน! แม้ว่าจะเป็นแค่เศษตำราที่มีเพียงไม่กี่ประโยคนั่นก็ทำให้ทวีปสั่นสะเทือน! ตระกูลหมิงนำของเช่นนี้มาเป็นของขวัญ!

 

“หึหึ! เช่นนั้นข้าก็ต้องแสดงความยินดีกับยี่เหยาด้วย นี่คือปีกแห่งตระกูลหวัง หลังจากที่เจ้าชำระมัน เจ้าจะยักย้ายตัวเองไปในระยะสามหมื่นลี้ได้”

 

ผู้คนตกตะลึง แม้แต่สองตระกูลใหญ่ก็ชักสีหน้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด