The Divine Nine Dragon Cauldron 415

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 415 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แต่ก็เอาเถอะ…”

 

“ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นในเมืองก้นบึ้ง ข้าจะติดตามเจ้าต่อไป ถ้าเรื่องเป็นไปตามแผนเจ้าแล้วเจ้าได้เป็นเจ้าเมืองก้นบึ้ง ข้าที่เป็นมือขวาเจ้าอาจจะได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่านี้ หึหึ”

 

******

 

ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูนั่งพักเอาแรงที่รอยแยกแห่งหนึ่ง ซือหยูได้ใช้พลังทั้งหมดในการสังหารชายมีเขา…แม้แต่วิชาร่างเทียมของเขา! แม้เขาจะซ่อนธนูได้ทันเวลา เซี่ยจิงหยูก็รู้เรื่องร่างเทียมแล้ว

 

“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ…”

 

“ร่างเทียมนั่นคล้ายกับวิชาของอาณาจักรทมิฬยิ่งนัก! ข้ารู้จักแค่สองคนที่ใช้วิชานี้ นั่นคือผู้ตรวจการไป่ฮีที่ตายไปแล้วกับหยินหยูที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด”

 

เซี่ยจิงหยูแอบดูการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าอีกฝ่าย

 

“ข้าไม่รู้จักผู้ตรวจการไป่ฮี”

 

ซือหยูยังคงระวังตัว

 

“แต่…ข้าเคยได้ยินชื่อรองเจ้าตำหนักหยินหยู เขาก็รู้วิชาใช้ร่างเทียมเหมือนกันรึ? ข้าไม่รู้มาก่อนเลย”

 

เซี่ยจิงหยูขมวดคิ้วเบาๆและคิดอยู่ชั่วครู่ วิชาร่างเทียมของราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นแตกต่างกับวิชาของผู้ตรวจการไป่ฮีอย่างมาก และร่างนั้นก็สร้างได้แค่พลังวิญญาณธรรมดาๆออกมา เป็นไปไม่ได้ที่ร่างเทียมจะดูดซับพลังเพลิงได้ด้วยตัวเอง อย่างน้อยเซี่ยจิงหยูก็ไม่รู้ว่ามีวิชาแบบนั้นอยู่บนโลก

 

นางจะรู้ถึงเรื่องเศษตำราระดับตำนานได้อย่างไร?

 

เมื่อเห็นว่าเซี่ยจิงหยูสนใจสิ่งอื่น ซือหยูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาหยิบกระเบาใบเล็กที่ชิงมาจากร่างไร้วิญญาณของราชามนุษย์และดูของข้างใน ของทุกอย่างนั้นมีขนาดเล็ก มีทั้งเงินและเหล็ก และยังมีวัตถุดิบสีดำที่เขาไม่รู้จัก มีเศษหินแตก เสื้อผ้า และผ้าไหม

 

“หืม นี่มันอะไรกัน?”

 

ซือหยูสังเกตเห็นกล่องหยก

 

หลังจากที่คิดอยู่ไม่นาน ซือหยูก็วางกล่องหยกลงกับพื้นที่ห่างไกลจากพวกเขาและย้ายไปยังจุดที่ปลอดภัย ปลายดัชนีสร้างเข็มน้ำแข็งยิงใส่กล่องหยก

 

เอี๊ยด–

 

กล่องหยกเปิดอย่างเงียบๆ หมอกสีเหลืองพวยพุ่งออกมา แม้จะอยู่ไกลแต่ไอพิษก็ยังแพร่กระจายได้ ไม่ว่ามันจะกระจายไปที่ใด ที่นั้นก็จะถูกกัดกร่อน

 

เซี่ยจิงหยูตกใจ นางมองซือหยูและอ้าปากค้าง

 

“โชคดีที่เจ้าระวังตัว มิเช่นนั้นเราคงรอดจากราชามนุษย์สองคนมาเพื่อโดนเจ้ากล่องนั่นฆ่าตาย ชะตาเช่นนั้นคงน่าขันนัก”

 

ซือหยูไม่สนใจคำพูดของนาง

 

“ห่างไกลจากบ้านมาอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จัก อย่างไรก็ต้องระวังตัวอยู่เสมอ”

 

ซือหยูเก็บกล่องหยกกลับมาและพบว่าข้างในมีกระจกขนาดเท่าลูกตาอยู่ภายใน ผิวกระจกนั้นเรียบลื่นและปล่อยพลังวิญญาณออกมา มันคือสมบัติเทพระดับต่ำ

 

“ตาเจ้าแล้ว…”

 

ซือหยูส่งกระจกให้กับเซี่ยจิงหยู

 

“รู้จักมันหรือไม่?”

 

สตรีผู้นี้รอบรู้อย่างมาก ซือหยูถอนหายใจที่มีความรู้กว้างขวางไม่เท่านาง

 

เซี่ยจิงหยูไม่ได้รับกระจกไปดู นางกลับพูดออกมาด้วยความมั่นใจ

 

“ข้าไม่ต้องเอามาดูหรอก นั่นเป็นสมบัติเทพระดับสูง เมฆาผ่านเขตหมื่นลี้ ใส่พลังวิญญาณให้มันแล้วเจ้าจะเห็นพื้นที่ได้เป็นล้านลี้ เจ้าจะเป็นสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ฐานพลังต่ำกว่าเจ้า และยังเห็นว่าเขาทำอะไรอยู่! แต่มันจะใช้ไม่ได้ถ้ามีคนบ่มเพาะวิชาพิเศษที่จะรอดพ้นจากการตรวจจับ แต่ในกรณีอื่นก็ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากมัน”

 

สมบัติเทพระดับสูงงั้นรึ? ซือหยูมือสั่น

 

เซี่ยจิงหยูหัวเราะ

 

“ข้าลืมบอกว่ามันเป็นของปลอม มันอยู่ในระดับต่ำ เจ้าจะมองเห็นระยะรอบๆแค่ไม่กี่หมื่นลี้ คนที่ฐานพลังสูงกว่าพวกเราก็จะมองไม่เห็น”

 

“แค่ไม่นานก็พอ…”

 

“ถ้าเราเลี่ยงผู้คุมสวรรค์ไม่ได้ การรับรู้พื้นที่ในระยะหมื่นลี้และหารังสีพลังของผลก้นบึ้งมังกรก็ยังพอเป็นไปได้”

 

ทั้งสองเป็นอำมฤตระดับสี่ขั้นสูง พวกเขาจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่มีพลังต่ำกว่า หรือบอกได้ว่ามันไม่มีประโยชน์เท่าใดนักในที่นี่

 

ซือหยูหยิบกระจกนั้นออกมาและมองดูกล่องหยก เขาพบว่ามีบางอย่างอยู่ในใต้กล่อง

 

“หืม…”

 

“ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในนี้”

 

เขาถอดส่วนของกล่องหยกและนำแก้วห้าสีออกมา สีชาด อำพัน ขาว ดำ และมรกต ปรากฏอย่างชัดเจนบนผิวของมัน

 

“ตาเจ้าอีกครั้ง…”

 

ซือหยูหันไปทางเซี่ยจิงหยู แต่เขาตกใจท่าทางที่นางมองเขา

 

“มีอะไรรึ?”

 

แม้ใบหน้านางจะมีม่านวารีบดบัง ซือหยูก็เห็นแววตาของนาง ใบหน้านางนั้นแสดงความสงสัยใคร่รู้ รอยยิ้มแหยๆปรากฏบนใบหน้า

 

“เจ้ารู้ไหม คนตาบอดอย่างเจ้าดูจะไม่มีปัญหาอะไรเลยตอนที่ต่อสู้หรือหาของที่ซ่อนเอาไว้ที่แม้แต่คนอย่างข้าที่มีสายตายังมองไม่เห็น ข้าอยากจะมีสายตาของคนตาบอดอย่างเจ้าจริงๆ”

 

ซือหยูอธิบายเมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยตัวเองของนาง เขานั้นไม่ได้ตาบอดอย่างแท้จริง เขาปิดบังความจริงจากคนอื่นได้เพียงไม่นาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ยิ่งยากที่เขาจะปิดบังความจริง

 

แต่ในท้ายสุดซือหยูก็เปลี่ยนใจ เขากระแอม

 

“อืม ทุกสิ่งนั้นมีเสียง ข้ามีหูที่เฉียบคมตั้งแต่ข้าเกิดมา ข้าได้ยินเสียงของทุกสิ่ง มันเหมือนกับการมองเห็นเสียง เจ้าจะเรียกว่า…เนตรหู ใช่แล้ว เนตรหู”

 

เซี่ยจิงหยูหัวเราะ

 

“เนตรหูงั้นรึ? พูดอะไรของเจ้า ฮ่าๆๆๆ! ข้าเคยได้ยินคนอธิบายเรื่องประสาทสัมผัสที่ขาดหายมามาก แต่ ‘เนตรหู’ เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก…ฮ่าๆๆ เช่นนั้นราชาปีศาจหิมะทมิฬก็มีเนตรหูสินะ ข้าช่างโง่เขลานัก”

 

ซือหยูหน้าแดง

 

“ถ้ามีเวลาพูดถึงหูข้าก็มาคุยกันเรื่องไอ้นี่ก่อนเถอะ..”

 

เขาพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง

 

“ถ้ามันถูกซ่อนไว้ลึกยิ่งกว่าสมบัติเทพ มันจะต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่”

 

เซี่ยจิงหยูรับแก้วห้าสีไปดู นางขมวดคิ้วเมื่อได้มองเห็นมันอย่างละเอียด

 

“รอข้าสักเดี๋ยว! ขอข้าคิดก่อน สมองข้าเก็บความรู้ไว้มากเกินไป ของสิ่งนี้หายากมาก ข้าต้องใช้เวลาสักหน่อย”

 

ซือหยูจ้องมองด้วยความสับสน นางจดจำไว้มากเพียงใดกันถึงขนาดที่ต้องหยุดคิดเพื่อบ่งบอกของหนึ่งสิ่ง?

 

ไม่กี่อึดใจ เซี่ยจิงหยูได้สติและท่าทางเปลี่ยนไป

 

“เป็นไปได้งั้นรึ? ของสิ่งนี้มาอยู่ในมือของราชามนุษย์ได้ยังไงกัน?”

 

ซือหยูอ้าปากค้าง จะมีของเพียงกี่อย่างกันที่ไม่คู่ควรที่จะอยู่ในมือของราชามนุษย์?

 

เซี่ยจิงหยูยืนหน้าซือหยู น้ำเสียงของนางจริงจังเป็นอย่างมาก

 

“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ โปรดให้มันกับข้าเถอะ ข้าจะให้สมบัติเทพทุกอย่างที่ข้ามีเพื่อแลกกับมัน เจ้าจะตกลงหรือไม่?”

 

นางยังมีสมบัติเทพระดับกลางอีกแปดชิ้นในตัว และนางก็เต็มใจจะใช้ทุกอย่างแลกกับของสิ่งนี้!

 

ซือหยูเดาะลิ้น

 

“อย่างน้อยเจ้าก็ต้องบอกข้ามาก่อนว่าสิ่งนี้คืออะไรไม่ใช่รึ?”

 

“มันคือแก้วเทพกำเนิดห้าธาตุ!”

 

นางพูดอย่างร้อนใจ เซี่ยจิงหยูที่มักจะใจเย็นได้ตัวสั่นเพราะของสิ่งนี้

 

“โลหะ พฤกษา วารี อัคคี ธรณี เมื่อทุกธาตุหนาแน่นจนถึงขีดสุด มันจะกลายเป็นต้นกำเนิด แค่พลังของมันเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ยอดฝีมือเปลี่ยนจากคนธรรมดาไปเป็นสุดยอดแห่งยอดฝีมือในพลังนั้น เขาจะมีพลังในธาตุที่ดูดซับเข้าไปอย่างมหาศาล ถ้าใช้อาวุธที่มีพลังธาตุนั้น พลังก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่า!”

 

เซี่ยจิงหยูมองแก้วห้าสี

 

“แก้วที่พวกเราเห็นมีต้นกำเนิดทั้งห้าธาตุ! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย! ของสิ่งนี้ประเมินค่าไม่ได้ ไม่มีอะไรเทียบกับมันได้เลย!”

 

ซือหยูพูดอย่างเคร่งเครียด

 

“มันมีค่าเท่าใดถ้าเทียบกับตำราระดับตำนาน?”

 

เซี่ยจิงหยูส่ายหน้า

 

“ตำราระดับตำนานเล่มเดียวอาจจะแค่แลกกับพลังเล็กน้อยของต้นกำเนิดเท่านั้น ถ้าข้าประเมินไม่ผิด มันมีค่าเท่ากับสมุนไพรเทพที่เจ้ากินเข้าไป”

 

ซือหยูอ้าปากค้าง ตำราระดับตำนานมีค่าแค่รังสีพลังเล็กๆจากต้นกำเนิดเท่านั้นเองรึ? แล้วแก้วต้นกำเนิดตรงหน้าเขาที่ขนาดเท่าลูกตาจะมีมูลค่าเพียงใดกัน?

 

ราวกับว่านางรู้ว่าซือหยูคิดอะไรอยู่

 

“ถ้าจะเอามันไปแลกกับวิชาบ่มเพาะ มันก็ควรจะเอาไปแลกกับวิชาระดับภูติที่ร่ำลือ และก็จะต้องเป็นตำราระดับภูติที่อยู่ในระดับสูงด้วย”

 

ซือหยูก้าวถอยหลัง

 

“เจ้าพูดว่ามีตำราระดับภูติอยู่บนโลกนี้จริงๆงั้นรึ?”

 

“มันก็แค่ข่าวลือเท่านั้น…”

 

“ตั้งแต่ครั้งโบราณ ครั้งหนึ่งที่มีวิชาระดับภูติ แต่หลังจากที่โลกถูกทำลายก็ไม่มีวิชาระดับภูติหลงเหลืออยู่อีก ในวันนี้ วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดควรจะเป็นวิชาระดับตำนาน ในทั้งทวีปแห่งนี้มีแค่สามคนที่บ่มเพาะวิชาระดับตำนาน หนึ่งในนั้นคือราชาแห่งความมืด ส่วนอีกคนคือเก้าศักดิ์สิทธิ์ที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมา ส่วนคนสุดท้ายคือ…หยินหยู”

 

นางพูดลงท้ายด้วยน้ำเสียงอันภาคภูมิใจ

 

ซือหยูกระพริบตาด้วยความตกใจ ในทั้งโลกใบนี้ มีแค่พวกเขาสามคนที่บ่มเพาะวิชาระดับตำนาน! เขาไม่รู้มาก่อนเลย!

 

“แต่ในแก้วต้นกำเนิดห้าธาตุนี่มีแค่วารีกับอัคคี พลังนั้นเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันก็มากพอที่จะแลกกับวิชาระดับตำนานระดับธรรมดา…ถ้าหากยังมีวิชาระดับตำนานวิชาอื่นอยู่บนโลกนะ”

 

ซือหยูคืนสติกลับมา

 

“เจ้าใจกว้างนักที่เสนอสมบัติเทพระดับกลางไม่กี่ชิ้นมาแลก…”

 

เขาถากถาง

 

เซี่ยจิงหยูหน้าแดง

 

“ข้าก็แค่ลืมตัวไปเท่านั้น!”

 

นางพูดอย่างไม่พอใจ นางคืนแก้วห้าสีให้กับซือหยู

 

“อย่างไรเจ้าก็ได้มันมา มันเป็นของเจ้า ข้าไม่มีอะไรจะแลกหรอก”

 

แม้นางจะคืนความเยือกเย็นกลับมาก็ไม่ยากนักที่จะสังเกตเห็นความผิดหวังในน้ำเสียงของนาง

 

ซือหยูลูบคาง

 

“เช่นนั้นข้าก็ดูดซับมันได้สินะ? มันจะเพิ่มพลังให้ข้าได้มากเลยใช่ไหม?”

 

เซี่ยจิงหยูพยักหน้าเบาๆ ในใจนั้นขัดแย้งกันเอง

 

จู่ๆซือหยูก็นั่งลงตรงข้ามกับนางและวางแก้วต้นกำเนิดไว้ระหว่างกัน

 

“ถ้าเช่นนั้น…”

 

“มันก็เป็นของพวกเรา แม้ข้าจะได้มันมาจากการสังหารราชามนุษย์ เจ้าก็ต่อสู้เคียงข้างข้า ข้าไม่ควรเก็บมันไว้คนเดียว เจ้าควรจะดูดซับต้นกำเนิดวารีไปเท่าที่เป็นไปได้”

 

เซี่ยจิงหยูตกตะลึง! ระหว่างการต่อสู้ อย่างมากที่นางทำไปก็แค่ถ่วงเวลา ชายมีเขานั้นถูกซือหยูสังหาร นางไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย

 

โอกาสที่ซือหยูจะสู้ทั้งสองคนด้วยตัวคนเดียวและสังหารได้หนึ่งคนนั้นมีน้อย และเซี่ยจิงหยูก็ยังถ่วงเวลาอีกฝ่ายให้เขา นั่นทำให้ซือหยูมีโอกาสจะชนะ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ซือหยูจะแบ่งมันกับนาง

 

“เหลือต้นกำเนิดวารีเพียงน้อยนิดเท่านั้น…”

 

เซี่ยจิงหยูพูดและเขินอายกับความใจกว้างของอีกฝ่าย

 

“ข้าจะรับข้อเสนอของเจ้า เจ้าอย่าเสียใจก็แล้วกัน”

 

ซือหยูไม่สนใจนาง เขาอัญเชิญร่างเทียมออกมาทันที

 

ร่างเทียมเริ่มดูดซับต้นกำเนิดอัคคี หลังจากที่ดูดซับเข้าไปเพียงเล็กน้อย ร่างก็เปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมาพร้อมกับความร้อนอันน่ากลัว ซือหยูเดินเซและกลิ้งออกไป เสื้อผ้าของเขาถูกเผาไหม้ไปเล็กน้อย

 

ร่างเทียมของเขาปล่อยเพลิงที่สูงพันศอกออกมา ซือหยูอ้าปากค้าง แม้ร่างเทียมจะดูดซับพลังไปเพียงน้อยนิดมันก็ทำให้ซือหยูรู้สึกถึงความอันตรายอย่างมาก! ถ้าร่างเทียมของเขามีพลังนี้ มันจะสังหารราชามนุษย์มีเขาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้วิชาบ่มเพาะเลย!

 

เซี่ยจิงหยูตาเป็นประกาย นางปล่อยวารีคลุมกายและเริ่มดูดซับต้นกำเนิดวารี

 

เพียงดูดซับไปเพียงเสี้ยวพลัง คลื่นวารีโหมกระหน่ำก็มารวมตัวเหนือศีรษะเซี่ยจิงหยู! แม้มันจะไม่น่าตกใจเท่ากับเพลิง ราชามนุษย์ธรรมดาคงถูกวารีนี้สังหารได้!

 

อัคคีและวารี…สองธาตุจากฟ้าดิน ซือหยูยืนมองภาพอันน่าอัศจรรย์ใจ

 

ทั้งสองดูดซับพลังไปเพียงเล็กน้อยและก็หยุดหลังจากนั้น สำหรับทั้งสอง ต้นกำเนิดนั้นแข็งแกร่งจนเกินไป เพียงเล็กน้อยก็ถึงขีดจำกัดแล้ว

 

ซือหยูนั่งมองและใช้วิชาน้ำแข็งนิรันดร์เพื่อปลดปล่อยพลังน้ำแข็งและเพลิงในสายโลหิตอีกห้าส่วน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด