The Divine Nine Dragon Cauldron 426

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 426 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซือหยูแอบตกใจ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกไป

 

“โปรดพูดมาเถอะท่านผู้เฒ่า ข้าจะต้องทำด้วยพลังทั้งหมดที่มีอย่างแน่นอน”

 

“ฮ่าๆๆ! เจ้าไม่ต้องกังวลไปนัก…”

 

“ถึงจะยากลำบาก มันก็เป็นไปได้ที่เจ้าจะทำสำเร็จ กระโจมเทพสวรรค์กำลังจะมาถึงทวีปเฉินหลงในอีกไม่กี่วัน ข้าขอให้เจ้าเข้าไปที่นั่นและช่วยศิษย์ของข้าหาสมบัติชิ้นหนึ่ง”

 

ซือหยูขมวดคิ้ว อะไรคือกระโจมเทพสวรรค์กัน?

 

ฟึ่บ–

 

ชายแก่ดีดหยดแก่นโลหิตลงในกระบี่สายฟ้าและโยนให้กับซือหยูเพียงการสะบัดมือ

 

“เอากระบี่นี้ไปป้องกันตัว…”

 

“มันมีแก่นโลหิตของข้า นอกจากข้าจะดึงเอาแก่นโลหิตออกมาเอง เจ้าจะชำระกระบี่ไม่ได้ หลังจากที่เจ้าเอาสมบัตินั้นกลับมาได้ ข้าจะไม่เพียงแต่เอาแก่นโลหิตออกเท่านั้น ข้าจะช่วยเจ้าชำระกระบี่นี้ด้วย”

 

ซือหยูลิงโลด เขาคว้ากระบี่สายฟ้าเอาไว้อย่างปลื้มใจ

 

“ท่านไม่กลัวข้าจะหนีไปพร้อมกับกระบี่รึ?”

 

ชายแก่หัวเราะและหยิบเอาน้ำเต้าใส่เหล้าออกมา เขาสั่นน้ำเต้านั้น สิ่งที่ออกมาไม่ใช่เหล้าแต่เป็นคัมภีร์โบราณ ในคัมภีร์นั้นมีอักษรที่เขาไม่รู้จัก

 

สมบัติเทพที่ใช้เก็บของ! ซือหยูประหลาดใจ

 

“ปฏิญาณสัตย์ดวงใจ!”

 

เซี่ยจิงหยูอุทานออกมา สีหน้าของนางแปลกไป ใบหน้านั้นสลักด้วยความสงสัย

 

“ปฏิญาณสัตย์ดวงใจมีอยู่แค่ในหมื่นปีก่อนเท่านั้น มันหายหน้าไปจากทวีปนานแล้ว ข้าได้เห็นกับตาได้ยังไงกัน”

 

ชายแก่ตกใจเล็กน้อย

 

“แม่หนู ปัญญาเจ้าลึกซึ้งนัก มีไม่ถึงร้อยคนในทวีปนี้หรอกที่รู้จักปฏิญาณสัตย์ดวงใจ! เจ้าพูดถูกแล้ว นี่คือปฏิญาณสัตย์ดวงใจ ถ้าเจ้าสาบานกับคัมภีร์นี้และใส่แก่นโลหิตลงไป เจ้าจะต้องทำตามคำสาบานเท่านั้น มิเช่นนั้นคัมภีร์จะใช้แก่นโลหิตที่เจ้าทิ้งเอาไว้สังหารเจ้าได้จากระยะเป็นล้านลี้”

 

ซือหยูตกใจในสิ่งของประหลาดนี้ แต่มันก็มีเหตุผล พวกเขาเพิ่งจะได้พบกัน ซือหยูต้องระวังตัวอยู่แล้วหากชายแก่จะมอบกระบี่สายฟ้าให้กับเขาโดยไม่มีการเตรียมการมาก่อน

 

“ถ้าข้าขาดพลังและทำตามคำสาบานไม่ได้ ข้าจะถูกสังหารเช่นเดียวกันหรือไม่?”

 

ซือหยูถามด้วยความสงสัย

 

ชายแก่หัวเราะ

 

“ไม่ซะล่ะ ถ้าเจ้าทำตามคำสาบานไม่ได้เพราะมันเหนือการควบคุมหรือมันหนักหนาเกินไป ข้าจะทำลายปฏิญาณสัตย์ดวงใจซะ ไม่ว่าเจ้าจะทำสำเร็จหรือไม่ กระบี่ก็จะเป็นของเจ้า เจ้าจะถามสิ่งใดอีกหรือไม่?”

 

ซือหยูเก็บความสงสัยเอาไว้และนำแก่นโลหิตหนึ่งหยดหยดใส่คัมภีร์และสาบานต่อหน้ามัน คัมภีร์โบราณเปล่งประกายแสงสีมรกตและดูดซับแก่นโลหิตเข้าไป

 

“เอาล่ะ…”

 

“ยังเหลืออีกสองเดือนก่อนที่กระโจมเทพสวรรค์จะมาถึง ถ้าเจ้าอยากจะอยู่บนเกาะนี้ก็อยู่ต่อไปได้ ข้าจะไม่อยู่กับเจ้าเพราะมีเรื่องที่ข้าต้องทำ แต่เจ้าจะต้องกลับมาที่นี่ในสองเดือน”

 

ซือหยูประสานมือด้วยความนับถือ

 

“ข้าก็มีเรื่องที่ต้องสะสางเช่นกัน ข้าจะกลับมาในอีกสองเดือนเพื่อเจอกับท่านอย่างแน่นอน ท่านผู้เฒ่า ข้าขอถามถึงอีกสองคนที่มากับข้าจะได้หรือไม่?”

 

เขากังวลว่าเซี่ยนเอ๋ออยู่ในที่ใด

 

ชายแก่ชี้ไปทางตะวันตก

 

“พวกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์พาตัวพวกนั้นไป สองคนนั้นอาจจะอยู่ที่ใดสักแห่งในทางตะวันตก”

 

ซือหยุกับเซี่ยจิงหยูประสานหมัดขอบคุณและล่องนภาจากไป

 

******

 

เมื่อทั้งสองบินหายลับไป ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังชายแก่ เขาคือกังต้าเหล่ย

 

“ไอ้แก่!”

 

“กระบี่สายฟ้าเป็นสิ่งที่เจ้าเตรียมไว้สู้กับภัยพิบัติ เจ้าให้มันกับราชาปีศาจหิมะทมิฬไปทำไมกัน?”

 

ชายแก่หัวเราะ

 

“ถ้าข้าได้สมบัติจากกระโจมเทพสวรรค์ เสียกระบี่สายฟ้าไปสักเล่มจะเป็นไรไป?”

 

กังต้าเหล่ยครุ่นคิด

 

“ไอ้แก่บัดซบ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ ดูเหมือนเจ้าจะสนใจราชาปีศาจหิมะทมิฬเป็นพิเศษ! ถ้าเจ้าไม่บอกให้ข้าทำ ข้าก็คงจะไม่มีวันให้น้ำนมธรณีที่ข้าใช้บ่มเพาะตัวเองไปหรอก”

 

ชายแก่หัวเราะแต่ก็ไม่พูดอะไร ดวงตาเขาเป็นประกาย

 

******

 

ที่ก้นบึ้งมังกร

 

พลังอสูรพุ่งออกมาจากบ่อผนึกมังกร กรงเล็บอสูรแล่นผ่านซัดร่างเหล่ามนุษย์ที่เป็นเครื่องบูชายัญ

 

ลึกในก้นบึ้งมังกรี เสียงกระซิบของสตรีของคนดังอีกครั้ง

 

“ฮิฮิ! พี่เทียนฉวน!”

 

เสียงถากถางดังขึ้น

 

“พี่ถึงกับลงแรงเพื่อภูติน้อยตนนั้น ช่วยให้นางหนีออกไปได้ พี่ทำให้ข้าตกใจจริงๆ นั่นไม่สมกับนิสัยดุรา้ยของคนที่ชื่อเทียนฉวนเลยนะ”

 

ไม่นาน น้ำเสียงเย็นชาก็ลอยผ่านอากาศกลับมา

 

“ข้าต้องคิดถึงการปล่อยนางไปอยู่แล้ว!”

 

“พี่เทียนฉวนยังปิดบังจากข้าอยู่อีกรึ?”

 

เสียงแรกพูดตอบ

 

“พี่ยังช่วยผู้หญิงลึกลับที่ชื่อยี่หยูด้วยไม่ใช่รึไงกัน? ไม่งั้นมังกรอสูรตัวน้อยที่เกิดจากเกล็ดมังกรอสูรที่ฆ่าภูติได้ก็ฆ่านางไปแล้ว มันจะทำให้นางแค่หมดสติได้ยังไงกัน? แล้วมันก็ยังถูกเจ้าหนูนั่นเอาชนะได้ด้วยพลังแค่นิดหน่อยอีก! ถ้าไม่ช่พี่ พวกนั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปหมดแล้ว!”

 

เสียงอันเย็นชาตกใจเล็กน้อย น้ำเสียงนั้นเปลี่ยนไป

 

“เจ้าคิดมากไปแล้ว!”

 

“หึหึ! ข้าพูดถูกสินะ! ข้าสงสัยจริงๆ…ผู้หญิงที่ม่อเทียนฉวนสนใจ! ให้ข้าเดา นางเชี่ยวชาญตั้งหลายวิชา ระดับปัญญานั่นสูงส่ง ความสามารถเช่นนี้ควรจะเกี่ยวข้องกับสายโลหิตโบราณ แต่สายโลหินพวกนั้นก็ยาหากมากอยู่แล้วในจิวโจว ไม่ง่ายแน่ที่พี่จะเอานางไว้ครอบครองกับตัวเอง”

 

ม่อเทียนฉวนตอบอย่างเยือกเย็น

 

“หึหึ นางก็แค่คนจากโลกดับสูญ นางจะมีสายโลหิตโบราณได้ยังไง? แล้วนางก็ยังอยู่ในโลกดับสูญ ข้าไม่มีพลังจะพานางไปจิวโจวอยู่แล้ว”

 

“ท่านพี่ก็เลยช่วยแม่ภูตินั่นให้ออกไปสินะ! พอนางได้อยู่ในโลกดับสูญ นางก็จะคิดถึงหนทางกลับสู่จิวโจว ข้าว่านางคงไม่พลาดไปกระโจมเทพสวรรค์ในอีกสองเดือนแน่ จากนั้นมันก็ง่ายไม่ใช่รึที่ท่านจะสั่งให้เหล่าศิษย์ติดตามแกะรอยคนคนนั้นจากโลกดับสูญผ่านแม่ภูติน้อยนั่น?”

 

ม่อเทียนฉวนน้ำเสียงเยือกเย็นราวน้ำแข็ง

 

“ฉิงล่วน เจ้าจะรู้มากไปแล้ว!”

 

“หึหึ…”

 

ฉิงล่วนหัวเราะเบาๆก่อนจะไม่พูดสิ่งใดอีก

 

บ่อน้ำกลับมาเงียบกริบตามเดิม

 

******

 

ซือหยูกับยี่หยูหยุดที่เกาะห่างไกลแห่งหนึ่งในมหาสมุทรกว้างใหญ่

 

“ดูเหมือนพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะผ่านที่นี่ไป…”

 

เซี่ยจิงหยูมองมาทางซือหยู นางพูดต่อ

 

“ไม่คิดเลยว่าท่านหิมะทมิฬจะรอดจากวิชาภูติสวรรค์บงการมาได้ ข้าเชื่อจริงๆว่าเจ้าถูกนางควบคุม ข้าเตรียมจะชิงกระบี่สายฟ้าในเวลาสำคัญ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะล้ำลึกและซัดมันใส่ภูติสวรรค์ทั้งอย่างนั้น ข้าตกใจจริงๆ”

 

ซือหยูก้มหน้าและหัวเราะ

 

“แม่นางยี่หยู เจ้าต่างหากที่ทำข้าตกใจ ข้าก็แค่โชคดีที่ยังคงสติเอาไว้ได้ แต่แม่นางยี่หยูโต้กลับวิชาได้อย่างไม่ต้องทำอะไรมากมายและแสร้งทำเป็นถูกควบคุม ข้าตกใจแทบแย่!”

 

ในตอนนั้น ยี่หยูแสร้งทำเป็นต้องวิชาอย่างไม่ลังเล ซือหยูก็แค่เลียนแบบนางและคิดว่านางถูกควบคุมจากวิชาภูติสวรรค์บงการจริงๆ ถ้านางไม่ทำเช่นนั้นก่อน เ้ขาก็คงไม่รู้ว่าการโจมตีทางวิญญาณนั้นคือวิชาควบคุมจิตใจ

 

เมื่อเห็นว่าซือหยูนั้นรอดจากวิชาภูติสวรรค์บงการมาได้ นางก็ไม่ถามต่อ นางหัวเราะ

 

“ข้าระวังตัวมากขึ้นเมื่อรู้ว่านางเป็นภูติสวรรค์ โชคดีที่ข้าเข้าใจวิชาภูติสวรรค์บงการอยู่บ้างและเข้าใจมันได้ทันเวลา สถานการณ์ตอนนั้นย่ำแย่ ภูติสวรรค์ก็อยู่ใกล้ตัวเราเช่นนั้น ข้าไม่มีเวลาจะเตือนเจ้า โปรดอย่าถือสาข้าเลย”

 

ซือหยูหัวเราะอย่างสบายใจ

 

“ข้าจะโทษเจ้าทำไมกัน ข้าสิควรจะขอบคุณเจ้า เจ้าขาดผลก้นบึ้งมังกรถึงห้าลูก ข้าทำสัญญาไม่สำเร็จ”

 

แต่คาดไม่ถึงที่ยี่หยูยิ้มอย่างน่าสงสัย แสงสีเขียวส่องสว่างจากข้อมือนาง ผลก้นบึ้งมังกรสี่สิบลูกปรากฏออกมาเต็มไปหมด!

 

ซือหยูตกตะลึง

 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…?”

 

“มันได้มาจากอสุราขาว! ตอนที่มันตาย ข้าแอบเอากระเป๋าของมันมา เจ้ากำลังต่อสู้กับอสุราดำอยู่ ไม่มีรู้ว่าข้าทำอะไร ข้าค้นเจอเกือบสามสิบลูกที่สมบูรณ์”

 

เหล่าภูติผีชอบสะสมผลก้นบึ้งมังกร ไม่แปลกนักที่พวกอสุราจะมีผลก้นบึ้งมังกรจำนวนมากติดตัว

 

“เช่นนั้น…ข้าก็ไม่ต้องห่วงแล้ว”

 

ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกในไหวพริบและความเฉลียวฉลาดของหญิงสาวตรงหน้า

 

สายลมเหนือพวกเขาพัดปลิว เรือรบขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏออกมาจากนภาจนทำให้พื้นที่โดยรอบมืดครึ้ม

 

เซี่ยจิงหยูอ้าปากค้าง

 

“เรือรบของพวกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์! ตามที่เคยได้ยิน มันคือเรือเทพที่ช่วยทวีปเอาไว้ มันยังเป็นขุมกำลังสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะตระการตาเช่นนี้ สมกับที่เป็นของจากครั้งโบราณจริงๆ!”

 

ซือหยูตกใจเช่นกัน เรือรบขนาดยักษ์เช่นนี้ให้เรียกมันว่าทวีปเสียยังดีกว่า เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่เล็กไปกว่าเกาะเฉินยี่เลย

 

เอี๊ยด–

 

เสียงดังมาจากใต้ท้องเรือ ประตูโลหะหนาเปิดออก เผยให้เห็นแสงกระจ่างที่เข้าปกคลุมทั้งสอง

 

มันคือคลื่นพลังมิติ และพวกเขากำลังถูกพาตัวเข้าไป!

 

ฟ้าดินหมุนวน เมื่อเท้าของซือหยูสัมผัสกับพื้นอีกครั้งและเสียการทรงตัว เขาล้มลงกับพื้นและพยายามทรงตัวขึ้นมา

 

ในเวลาเดียวกันกลิ่นอันหอมหวานก็ลอยมาจากข้างๆ นั่นคือเซี่ยจิงหยูที่เสียการทรงตัวและล้มลง ซือหยูยื่นมือขวาคว้าเอวของนางเอาไว้ จากนั้นเขาจึงปล่อยวงแหวนอัสนีออกมาล้อมรอบเพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอก

 

“โอ้?”

 

“ดูเหมือนพลังกายของเขาจะไม่เลว เขายังมีพลังช่วยคนอื่นได้อีก ประสบการณ์การต่อสู้นั่นมากมายนัก”

 

ซือหยูมองไปทางต้นเสียงอย่างระมัดระวัง เขาพบชายวัยกลางคนที่มีกระบี่ยาวสลักดวงดาวเอาไว้ มันปล่อยรังสีกระบี่ที่คมกริบอย่างมากออกมา เขากำลังมองซือหยูอย่างนับถือ

 

เมื่อซือหยูมองรอบๆอีกครั้งเขาก็เห็นฉินเซี่ยนเอ๋อกับจ้าวฉิงจูอยู่ด้วย และยังมีคนแปลกหน้าอีกสองคน หนึ่งคนนั้นใบหน้าดูคุ้นเคยที่อายุประมาณห้าสิบปี ส่วนอีกคนคือสตรีวัยกลางคนที่มีพลังเป็นเอกลักษณ์

 

ที่ซือหยูตกใจก็คือทั้งสามคนนั้นล้วนเป็นกึ่งเทพ! และพวกเขายังเหนือกว่ากึ่งเทพทั่วๆไป พลังที่แผ่ออกมานั้นใกล้เคียงกับจางตี๋เก้ออย่างมาก!

 

ซือหยูไม่แปลกใจเลยถ้าอสุราในก้นบึ้งมังกรจะทำอะไรกับทั้งสามคนนี้ไม่ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด