The Divine Nine Dragon Cauldron 454

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 454 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาตกใจเมื่อลืมตามองสิ่งตรงหน้า เขาอยู่บนยอดเขา มุมมองที่มองเห็นนั้นกว้างใหญ่ มีสมุนไพรวิญญาณนับไม่ถ้วนเติบโตบนเขาลูกนี้ เขาไม่รู้จักมันทั้งหมด ยังมีแม้แต่สมุนไพรที่ไม่เคยได้พบเจอในทวีปเฉินหลง!

 

“นั่นมันใบไม้พันมีด!”

 

ฉินยู่ชางอุทานออกมา เขาหายใจแรง เขาพุ่งไปยังตีนเขาและคว้าเอาใบไม้สีเขียวส้มออกมา

 

“อ๊ะ! ตรงนี้ก็มีอีก!”

 

ฉินยู่ชางร้องด้วยความตกใจเมื่อพบว่ามีใบไม้พันมีดเติบโตทั่วทั้งเขา!

 

“ตรงนั้นก็มีด้วย!”

 

ฉินจิวหยางอ้าปากค้าง

 

“ไม่อยากจะเชื่อเลย! ใบไม้พันมีดคือสมุนไพรหายากที่เอาไว้ใช้ปรุงโอสถระดับสูง ใบเดียวก็ใช้แลกกับตำราระดับอำมฤตทั้งเล่มได้แล้ว! ที่นี่กลับมีมันเต็มทุ่งเช่นนี้!”

 

แม้เขาจะไม่ลงไปชิงเหล่าใบไม้เพราะสถานะของตน ความตกใจนั้นก็เผยออกมาจนได้

 

ซือหยูมองไปยังบ่อน้ำที่ไม่ไกลนัก เขาร้องเสียงหลง

 

“ต้นเทพมังกร!”

 

ก่อนหน้านั้นที่วิหารเซี่ยนหยุน ซือหยูต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้กับสัตว์อสูรให้ได้มาซึ่งต้นเทพมังกร แต่ต้นนั้นกลับเติบโตอยู่ตรงหน้าเขา และยังมีอยู่มากมายเกินกว่าสิบต้น! ทรัพยากรมากมายของที่นี่ทำให้ซือหยูทึ่ง

 

กังต้าเหล่ยประหลาดใจอย่างออกนอกหน้า เขาบินไปคว้าสมุนไพรวิญญาณที่พบเจอได้ยากในทวีปเฉินหลง โลกตรงหน้าพวกเขานั้นกลับตาลปัตรเหนือความเข้าใจ สมุนไพรวิญญาณเติบโตจนทั่วและมีค่าเท่าทุกสิ่งที่ทวีปเฉินหลงจะมีได้

 

“พวกบ้านนอกนั่นมาจากที่ใดกันถึงได้ตกใจกับพวกวัชพืชนั่น?”

 

เสียงเย็นชาดังจากท้องนภา

 

ทั้งสีคนรีบมองด้านบน พวกเขาพบยอดฝีมือสามคนลอยอยู่กลางอากาศ ทั้งสามคนมองดูพวกเขาด้วยแววตาแปลกๆ พลังของทั้งสามล้วนอยู่ในระดับกึ่งเทพ!

 

ชายที่พูดสวมผ้าคลุมสีอำพัน เอาอายุราวสิบเจ็ดปี สีหน้าของเขาดูฉุนเฉียวและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่กึ่งเทพธรรมดา ส่วนอีกสองคนนั้นอายุราวสิบแปดปี เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว

 

“พวกเจ้ามาจากที่ใดกัน?”

 

หญิงสาวพูดออกมา

 

“ข้าจำไม่ได้ว่าเห็นพวกเจ้าในการประลองลับสวรรค์!”

 

นางสวมชุดอันยิ่งใหญ่ รูปลักษณ์ของนางน่าจับตา นางเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

 

ทั้งสี่คนใจเต้นแรง นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย พวกเขาเจอคนจากจิวโจวทั้งแต่ที่เข้ามา ทั้งหมดไม่ได้มีเพียงแค่ฐานพลัง แต่อายุคนเหล่านั้นก็ยังอ่อนเยาว์อย่างไม่น่าเชื่อ! ซือหยูอายุสิบเจ็ด แต่คนในกลุ่มเขาก็ล้วนอายุเกินกว่ายี่สิบปี ฉินจิวหยางนั้นแก่ที่สุด เขากำลังจะอายุยี่สิบห้าปี แต่เขาก็เพิ่งผ่านเงื่อนไขในการเข้าสู่กระโจมเทพสวรรค์

 

เมื่อเห็นทั้งสี่คนนิ่งเงียบ ชายหนุ่มชุดสีอำพันก็ตะคอกออกมา

 

“พวกเจ้าหูหนวกเรอะ? พูดมา!”

 

ชายหนุ่มอายุสิบแปดในชุดขาวดูสงสัย แต่ก็มองไปยังที่ที่ไกลออกไป

 

“ศิษย์น้องหยางเจี้ยน หุบเขาปีศาจกำลังจะเปิดแล้ว อย่าเสียเวลาเลย ถ้าพวกเราช้า ศิษย์พี่ยู่จางจะตำหนิเอาได้ ส่วนคนพวกนี้ถึงจะอายุมากก็เพิ่งจะได้ถึงระดับกึ่งเทพ คนอ่อนแอพวกนั้นไม่ใช่คนจากดินแดนของพวกเรา พวกนั้นคงมาจากที่ใดสักที่ ไม่ต้องไปยุ่งเสียจะดีกว่า”

 

ชายหนุ่มที่ชื่อหยางเจี้ยนถอนหายใจแรง เขามองผ่านกลุ่มซือหยู

 

“อย่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่องก็แล้วกัน”

 

ทั้งสามรีบเดินทางออกไปยังขอบนภา

 

ซือหยูกับคนที่เหลือถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

“พี่จิวหยาง”

 

กังต้าเหล่ยมองทั้งสามที่บินออกไป

 

“ถ้าเราต้องต่อสู้ พวกเราจะมีโอกาสชนะหรือไม่?”

 

ฉินชิงหยางขมวดคิ้ว

 

“ถ้าข้าต้องสู้กับอีกสองคนนั่นก็มีเสียหกส่วนที่จะชนะ แต่ถ้ากับคนในชุดอำพัน ข้าคงแพ้เสียเก้าส่วน แต่ถ้าหากเขาต้องสู้กับน้องตาเหล่ยกับน้องหิมะทมิฬ เขาก็ต้องต่อสู้ได้ยากลำบากแน่”

 

เขาจะต้องมองซือหยูไว้สูงมากแน่หากพูดออกมาเช่นนี้

 

“พี่ฉินจะประเมินข้าสูงไปแล้ว”

 

ซือหยูประสานมือ จากนั้นจึงถามด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ

 

“พี่ต้าเหล่ย ถามเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่? ท่านคิดจะไปหุบเขาปีศาจที่พวกนั้นจะไปงั้นรึ?”

 

เขาสัญญากับชายแก่ไว้แล้วว่าเมื่อเข้ามายังกระโจมเทพสวรรค์ เขาจะต้องหาบางสิ่งบางอย่างที่ชายแก่ไม่บอกแน่ชัดว่าคืออะไร

 

กังต้าเหล่ยยักไหล่

 

“ถ้าง่ายอย่างนั้นก็คงจะดี แต่ที่เราต้องไปคือที่ชั้นเจ็ด หากจะไปชั้นเจ็ดก็ต้องมีเวทย์ยักย้าย แต่เวทย์ยักย้ายที่ใกล้ที่สุดอยู่ในหุบเขาปีศาจ ถ้าพวกเราจะไปอีกทางก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน”

 

หรือพูดอีกอย่างก็คือ…พวกเขาจำเป็นต้องไปที่หุบเขาปีศาจ

 

“เราจะเข้าไปที่หุบเขาหลังจากที่พวกนั้นออกมาสินะ?”

 

ฉินจิวหยางถาม

 

“ข้าไม่ได้กลัวการต่อสู้ แต่ข้าหวังจะเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นเพื่อเลี่ยงการบาดเจ็บ เราจะตกอยู่ในอันตรายอย่างมากถ้าต้องเจอกับศัตรูอื่น”

 

กังต้าเหล่ยส่าบหน้า

 

“นั่นก็ไม่ได้เช่นกัน เวทย์ยักย้ายจะใช้เวลาครึ่งเดือนในการฟื้นพลังหลังจากถูกใช้งาน เราต้องต่อสู้เพื่อชิงเวทย์ยักย้ายเท่านั้น”

 

ทุกคนเงียบกริบ แต่ละคนครุ่นคิด

 

“จะต้องคิดอะไรอีกเล่า?”

 

ซือหยูแววตาเป็นประกาย

 

“อย่างไรก็ให้เวทย์ยักย้ายกับพวกนั้นไม่ได้อยู่แล้ว!”

 

ทรัพยากรที่นี่นั้นมีมากมายและให้ผลอย่างยอดเยี่ยมกับการบ่มเพาะพลัง เขาต้องทำตามสัญญาโดยเร็วและตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะพลัง ถ้าเสียเวลามากเกินไป พวกเขาก็จะสูญเสียมากกว่าได้รับ

 

ฉินจิวหยางหยุดคิดและคล้อยตามซือหยู

 

“ข้าเห็นด้วย แต่ฉินยู่ชาง…”

 

ฉินจิวหยางหันไป

 

“อยู่ที่นี่ในชั้นหก ที่นี่มีทรัพยากรมากมาย เก็บไปให้มากที่สุด เจ้าไม่ต้องมาเสี่ยงกับพวกข้า!”

 

ฉินยู่ชางไม่พอใจเล็กน้อยแต่เขาก็รู้ว่าพวกเขากำลังจะทำภารกิจที่อันตรายสุดขั้ว การที่เขาไปด้วยนั้นจะเป็นตัวถ่วง เขายอมรับแต่โดยดี ทรัพยากรที่นี่นั้นไร้ขีดจำกัด ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องไปเสี่ยงด้วย

 

“จงจำไว้ว่าอย่าทำตัวให้เด่น”

 

ฉินจิวหยางพูดต่อ

 

“ซ่อนตัวให้ดี วิธีนี้เท่านั้นที่เจ้าจะปลอดภัยไปได้อีกสองวัน”

 

เขาพูดจบและมองกังต้าเหล่ย

 

กังต้าเหล่ยหัวเราะอย่างสบายใจ

 

“ถ้าเจ้ายังไม่กลัวแล้วเราจะกลัวอะไรเล่า? ถ้ามีเราสามคนก็ไม่มีปัญหาจะจัดการพวกสามคนนั้น ปัญหาที่แท้จริงคือคนที่ชื่อยู่จางที่พวกกำลังรอพวกนั้นต่างหาก เราไม่รู้ว่าคนคนนั้นมีพลังเท่าใด เราต้องลงมืออย่างระวัง”

 

ทั้งกลุ่มพยักหน้าและมุ่งหน้าไปยังหุบเขาปีศาจทันที

 

ตลอดทาง พวกเขาถูกล่อโดยเหล่าสมุนไพรวิญญาณที่เติบโตทั่วพื้นที่ และซือหยูก็ยังเห็นสมุนไพรวิญญาณที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสมุนไพรเทพ! สมุนไพรเทพนั้นเทียบเท่ากับวิชาระดับตำนาน มันทำให้ซือหยูไม่ละสายตาแม้แต่น้อย แต่พวกเขากำลังรีบ ซือหยูต้องปล่อยมันไป เขาจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จโดยเร็ว ชั้นหกนั้นมีทรัพยากรมากมายอยู่แล้ว แล้วชั้นเจ็ดชั้นแปดหรือชั้นเก้าจะมีทรัพยากรที่น่าตกตะลึงแค่ไหนกัน?

 

******

 

ผ่านไปครึ่งวัน

 

หุบเขาล้อมที่รอบด้วยหมอกทมิฬอยู่ตรงหน้า พลังภูติทะลวงนภา

 

ซือหยูกับที่เหลือร่อนลงจากฟ้าไปยังหุบเขาปีศาจด้วยความระมัดระวัง ซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองที่สามสิบลี้ไกลออกไป เขากระซิบ

 

“สามคนนั้นยังอยู่ที่ทางเข้าหุบเขา ดูเหมือนจะรอใครบางคนอยู่ ถ้าเรากำลังจะต่อสู้ เวลานี้ก็คือเวลาดีล่ะ”

 

กังต้าเหล่ยตกใจกับระดับของการรับรู้ของซือหยูแต่ก็ไร้ข้อกังขา

 

“คนที่ชื่อยู่จางอาจจะยังไม่มาที่นี่ นี่คือเวลาที่ดีที่สุดที่จะลงมือ”

 

ทั้งสามมองหน้ากันก่อนจะพุ่งทะยานออกไป

 

“น้องต้าเหล่ย น้องหิมะทมิฬ เราจะไม่ปะทะกับพวกนั้นตรงๆ”

 

ฉินจิวหยางพูด

 

“ปกป้องข้า ข้ามีทางที่จะทำให้พวกนั้นหยุดเราไม่ได้”

 

ฉินจิวหยางหยิบดึงเส้นผมสามเส้นออกมาและรัดไว้กับดัชนี เขากำลังจะใช้วิชาคำสาป!

 

ซือหยูกับกังต้าเหล่ยพยักหน้าและบินไปที่ด้านข้างโดยมีฉินจิวหยางอยู่ตรงกลาง

 

ฟึ่บ–

 

ทั้งสามพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วจนมิอาจปิดบังรังสีพลังได้อีก พวกเขาเจอสามคนที่หน้าทางเข้าหุบเขาในไม่นาน

 

“เอ๋? เจ้าพวกนั้นมาสามคนรึ?”

 

หยางเจี้ยนหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว

 

“เจ้าพวกอวดดี พวกข้าไม่เอาชีวิตเจ้าก็เพราะความเอื้อเฟื้อ แต่ตอนนี้พวกเจ้าบังอาจจะมาชิงเวทย์ยักย้ายของพวกข้า!”

 

หญิงสาวใบหน้าดุร้าย

 

“ฮื่ม! พวกนั้นจะมากไปแล้ว! พวกเราเตือนไปแล้วแต่มันก็ยังกล้าตามมา! น้องหยางเจี้ยน เจ้าไม่ต้องลงมือ ข้าจะจัดการกับศิษย์พี่ไป่แล้วย่างเจ้าผักปลาสามตัวนี่ซะ”

 

หยางเจี้ยนพยักหน้า

 

“ระวังตัวด้วย ถึงพวกมันจะไร้ค่า มันก็ต้องมีพลังที่ยอดเยี่ยมถึงจะเข้ามาในกระโจมเทพสวรรค์ได้ ห้ามประมาทเด็ดขาด”

 

“ศิษย์น้องยี่ เจ้าจะเลือกคนไหน?”

 

ชายชุดขาวที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่ไป่มองสามคนที่กำลังพุ่งเข้ามา

 

หญิงสาวมองทั้งสามคนและเหลือบมองฉินจิวหยาง

 

“อืม…คนตรงกลางนั่นเป็นของข้า เขาหน้าตางดงามแต่ก็อ่อนแอ…ทำได้แค่เป็นกึ่งเทพที่อายุยี่สิบห้า เขายังมีหน้าเข้ามาที่กระโจมเทพสวรรค์อีก!”

 

ชายหนุ่มชุดขาวหยิบอาวุธที่รูปร่างเป็นครึ่งวงกลมสองชิ้นออกมา อาวุธนั้นคมกริบ มันคือสมบัติเทพระดับกลางที่ถูกชำระจนสมบูรณ์

 

“ข้าจะจัดการกับเจ้าคนที่มีแสงสว่างส่องตัวคนนั้น”

 

ทั้งสองบินขึ้นพุ่งเข้าใส่ศัตรู

 

“พวกนั้นมาแล้ว!”

 

ฉินจิวหยางพูดด้วยความตึงเครียด เขาท่องคำสาปประหลาดออกมา

 

ความรู้สึกไม่สบายใจเอ่อล้นออกมา ซือหยูกับกังต้าเหล่ยอึดอัด

 

ผมสามเส้นบนดัชนีของฉินจิวหยางโปร่งใสหายไปจากกลางอากาศ

 

และเส้นผมเหล่านั้นก็ปรากฏบนดัชนีของศัตรูทั้งสามคน คนที่รู้ตัวคนแรกคือหยางเจี้ยน สีหน้าของเขาเคร่งเครียด

 

“ระวังด้วย!”

 

“นี่มันวิชาคำสาป!”

 

เขาพูดและใช้พลังดึงเส้นผมให้ขาด แต่มันก็ยังมีรอยดำหลงเหลืออยู่ อีกสองคนที่เหลือก็ทำแบบเดียวกัน

 

ฉินจิวหยางยิ้มออกมา

 

“สำเร็จ!”

 

มือของเขาสร้างผนึกประหลาด เขายื่นดัชนีทั้งสองเพื่อบดบังดวงตาของตัวเอง

 

“พวกนั้นมองไม่เห็นแล้ว!”

 

“ตอนนี้แหละ!”

 

การปิดตาด้วยนิ้วนั้นจะทำให้ศัตรูทั้งสามพบกับสภาพเดียวกัน พวกเขาตาบอดชั่วคราว

 

อย่างที่คิด ศัตรูนั้นตื่นตระหนกและรีบบินไปยังศิษย์พี่ไป่อย่างรวดเร็ว

 

“ระวังด้วย! ใช้พลังวิญญาณพวกเจ้าปกป้องตัวเองไว้ อย่าผลีผลาม!”

 

ซือหยูนั้นคิดจะสังหารให้หมดทุกคน แต่ศัตรูก็มีคนหนุนหลัง ไม่เหมาะที่จะต้องต่อสู้กัน พวกเขารีบบินผ่านทั้งสองคน ซือหยูกับกังต้าเหล่ยใช้พลังช่วยพาฉินจิวหยางพุ่งไปยังหุบเขา

 

หยางเจี้ยนโกรธแค้น เขาฟังเสียงการเคลื่อนไหวพร้อมกับจิตสังหารที่พวยพุ่งออกมา

 

“ต่อให้มองไม่เห็นข้าก็ฆ่าพวกเจ้าได้เป็นร้อยคน!”

 

เขาตะโกน

 

“ออกมา!”

 

เสียงโลหะกระทบดังมาจากด้านหลัง กระบี่แก้วหนึ่งเล่มลอยขึ้น คมกระบี่เปล่งพลังออกมา มันคือสมบัติเทพระดับกลางที่ชำระมาอย่างสมบูรณ์!

 

รังสีกระบี่คมกริบแผ่ออกมาทำให้สีหน้าของพวกซือหยูบิดเบี้ยว พวกเขาต้องใช้พลังเต็มที่ในการรับมือกับกระบี่เล่มนี้!

 

แต่ซือหยูก็เกิดความคิดขึ้นมา เขาเลื่อนมือผ่านอกและหยิบเอาสร้อยออกมา มันมีพลังจากราชามนุษย์ แม้จะทำอะไรศัตรูไม่ได้ มันก็ยังสร้างปัญหาได้

 

สร้อยระเบิดออก พลังมหาศาลกระจายไปยังรอบข้าง พลังของกลุ่มซือหยูถูกบดบังเอาไว้

 

หยางเจี้ยนตกใจแต่เขาก็ยังมองอะไรไม่เห็น เขาสัมผัสพลังของศัตรูไม่ได้…จนเมื่อทั้งสามเข้าหุบเขาปีศาจไปแล้ว…ถึงรู้ว่าพวกซือหยูอยู่ที่ใด

 

“ตายซะเถอะ!”

 

หยางเจี้ยนตะโกนร้อง

 

กระบี่ยาวพุ่งไปทางซือหยู

 

ซือหยูอ้าปากพ่นหมอกต้นกำเนิดน้ำแข็งโดยไม่ลังเล กระบี่แก้วที่พุ่งเข้ามาถูกแช่แข็งและช้าลงอย่างมาก

 

ในเวลาเดียวกันก็มีหอกน้ำแข็งพุ่งออกมาที่ใต้เท้าของหยางเจี้ยน หยางเจี้ยนต้องหลบ แต่ในตอนนั้นศัตรูสามคนก็เข้าหุบเขาไปแล้ว ต่อมาทั้งสามจึงได้มองเห็นอีกครั้ง

 

“หยางเจี้ยน!”

 

“พวกเราปล่อยให้มันเข้าไปแล้ว! นี่มันคือความอัปยศ! ข้าจะไล่ตามไป!”

 

ชายหนุ่มชุดขาวเป็นกังวล

 

“ถ้าพวกนั้นเข้าไปก่อน เราจะต้องรอครึ่งเดือนกว่าจะได้เข้ากระโจมเทพชั้นเจ็ด”

 

หยางเจี้ยนโกรธแค้น เขารู้สึกอัปยศอย่างมาก แต่เขาก็ยิ้มอย่างเป็นมิตรออกมาในไม่นาน

 

“ไม่ต้อง! เวทย์ยักย้ายมันใช้ง่ายเช่นนั้นเชียวรึ? แม้แต่ศิษย์พี่ยู่จางก็ต้องไปหาวัตถุดิบที่มีพลังปีศาจก่อนจะมั่นใจได้ พวกนั้นก็แค่รนหาที่ตายเท่านั้นแหละ!”

 

อีกสองคนเบาใจเมื่อได้ยินดังนั้น

 

“ใช่แล้ว…”

 

“พลังปีศาจปกป้องเวทย์นั้นมาตลอดหลายปี ทุกปึจะมีกึ่งเทพหลายคนตกเป็นอาหารของมัน เจ้าสามคนนั้นไม่ได้มีการเตรียมตัว พวกนั้นก็แค่ทำให้พลังปีศาจเข้มข้นขึ้นเท่านั้นแหละ”

 

หญิงสาวหัวเราะอย่างเยือกเย็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด