The Divine Nine Dragon Cauldron 492

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 492 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟึ่บ–

 

พลังแล่นผ่านหน้าผาก มันไหลเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว ซือหยูหน้าซีด เขารีบมองดูร่างกายตัวเองด้วยเนตรวิญญาณ เขาพบจุดสีเหลืองที่เปล่งแสงในหัวใจ มันเกิดจากการผสมกันของวิญญาณและพลังชีวิต

 

ถ้าซือหยูไม่ยอมจำนน อีกฝ่ายก็จะใช้วิญญาณจุดปะทุพลังชีวิตได้ด้วยประสงค์เดียว หัวใจของเขาจะระเบิดและเขาก็จะตาย นี่คือการสร้างพันธนาการ!

 

ซือหยูใจเย็นลงเมื่อรับรู้ถึงเรื่องนี้

 

เขาใช้ดวงใจอัสนีอย่างเงียบเชียบและดันพลังเข้าใส่ผนึกสีทอง ตราบเท่าที่ซือหยูต้องการ ดวงใจอัสนีจะทำลายพลังวิญญาณในแสงสีทองได้ ด้วยวิธีนี้ พลังชีวิตที่เหลือก็มิอาจถูกควบคุม เขาจะไม่ถูกระเบิด

 

แต่ในเบื้องหน้า ซือหยูทำเป็นแสดงความหวาดกลัว

 

ลู่จือยี่มองดูซือหยูที่นางพันธนาการเอาไว้ นางมองแหวนมิติในมือของซือหยู

 

“เจ้าถือว่าไม่เลว แข็งแกร่งกว่าสามคนที่นี่ อย่างน้อยก็มีวิชาหลบหนีที่เลิศล้ำ ถึงสามคนนั้นจะร่วมมือกันต่อกรกับเจ้า เจ้าก็อาจจะหนีไปได้”

 

นางกำมือ แหวนมิติในมือเขาสั่น มันกำลังจะหลุดมือเขาไป!

 

ซือหยูชักสีหน้า แหวนมิตินี้มีสมบัติมากมายที่มิอาจให้โลกภายนอกเห็นได้อย่างกระบี่สายฟ้า ผนึกสายฟ้าห้าธาตุ หากนางได้เห็นมัน นางก็คงจะริบเอาไว้เป็นของตัวเองแน่

 

เขากำหมัดแน่นไม่ให้แหวนมิติหลุดพ้นมือ นี่คือการขัดขืนนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!

 

ลู่จือยี่ขมวดคิ้ว แววตานางเย็นชา

 

“เจ้ากล้าตอบโต้งั้นรึ? เจ้าอยากจะตายหรือเจ้ามีของของศิษย์ข้าในแหวนนั่น ที่เอาออกมาให้ใครดูไม่ได้?”

 

ซือหยูยังคงเงียบ ความคิดต่างๆหลั่งไหลออกมา

 

ลู่จือยี่ใบหน้าเยือกเย็น นางเห็นว่าซือหยูกำลังคิดหนักและหัวเราะออกมา

 

“ข้าเป็นจ้าวเทวะ เหตุใดข้าถึงต้องการสมบัติของราชามนุษย์เพียงแค่คนเดียวเล่า? ข้าจะปล่อยเจ้าหลังจากที่ข้าตรวจสอบของของศิษย์ข้า!”

 

ซือหยูไม่พูดอะไร หวูอู๋ยี่อยู่ในมุกวิญญาณเก้าหยก สิ่งของของนางมิได้อยู่ในแหวน แต่ของในแหวนนั้นจะสร้างปัญหาได้ยิ่งกว่าหวูอู๋ยี่!

 

ลู่จือยี่เริ่มรำคาญ นางเลิกคิ้วและปัดมือลง

 

ฟึ่บ–

 

มิติรอบซือหยูกักตัวซือหยูไว้ภายใน นี่เป็นวิชาที่ใช้หยุดการเคลื่อนไหวของไป่ฉีและหมิงเฟย

 

ซือหยูกัดฟัน เขากำลังจะถูกแย่งชิงเอาแหวนไป!

 

เขาเรียกลูกแก้วทั้งห้าออกมา พวกมันหมุนวนและปล่อยลำแสงห้าสายออกมาล้อมกายซือหยู ในตอนนั้น มิติที่กักขังซือหยูถูกดันออกไป

 

“ลำดับห้าธาตุเมฆาแห้งเหือด!”

 

ลู่จือยี่ไม่เข้าใจสถานการณ์ นางมองซือหยูด้วยความทึ่ง นางสงสัยอย่างมาก

 

“น่าแปลกใจนัก ฉีซงกุนให้สมบัติที่ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมากับราชามนุษย์ตัวเล็กๆไปชำระ!”

 

เห็นได้ชัดว่านางเข้าใจผิดในเรื่องตัวตนของซือหยู

 

ซือหยูค่อยๆถอยและมองนางอย่างระมัดระวัง

 

“ท่านผู้เฒ่า เรามิได้มะเรื่องบาดหมางต่อกัน จะหยุดตรงนี้ได้หรือไม่?”

 

แววตาเขาเยือกเย็น

 

“โอ้? เจ้าคิดรึว่าลำดับห้าธาตุจะคุ้มกันเจ้าต่อผนึกที่ข้าใส่ลงในร่างกายเจ้าได้?”

 

ลู่จือยี่ยิ้มอ่อนๆ

 

ซือหยูไม่กลัวนาง เขาพูดท้าทาย

 

“เจ้าจะลองก็ย่อมได้”

 

รอยยิ้มของนางหายไป นางคิดจะใช้ผนึกระเบิด แต่ในตอนนั้นก็มีความเจ็บปวดแล่นถึงสมองของนาง นางร้องครางด้วยความเจ็บปวด นางมองซือหยูด้วยความตกตะลึง

 

“เจ้าสลายผนึกของข้าเรอะ?”

 

ข้าไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย! นางไม่เคยคิดว่าเด็กน้อยอย่างเขาจะทำลายผนึกที่นางวางเองกับมือได้!

 

ลู่จือยี่รู้สึกได้ว่าวิญญาณตัวเองถูกฉีกด้วยสายฟ้า นางอุทานด้วยความตกใจ

 

“วิชาอัสนีอีกแล้วเรอะ! เจ้า…วิชาอัสนีของเจ้าช่างลึกล้ำนัก!”

 

ซือหยูสีหน้าผ่อนคลาย

 

“ท่านผู้เฒ่า ที่ข้าเสนอล่ะ จะว่าอย่างไร?”

 

ลู่จือยี่หงุดหงิดขึ้นมา

 

“แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ?”

 

ซือหยูแววตาดุร้าย

 

“เช่นนั้นก็ระวังตัวเถอะ ถ้าข้าเดาไม่ผิด พลังเจ้าถูกจำกัดอยู่ในกระโจมเทพสวรรค์ แม้ว่าเจ้าจะเป็นจ้าวเทวะก็ตามที”

 

จากการโจมตีของนางเมื่อครู่ ซือหยูตระหนักว่าแม้นางจะแข็งแกร่ง นางก็ต้องออมมือและมิอาจใช้พลังที่เหนือกว่าขอบเขตภูติ นั่นหมายความว่านางจะใช้พลังเหนือกว่าขอบเขตภูติไม่ได้

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นซือหยูก็อาจจะมีโอกาสรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้

 

สีหน้าใเยือกเย็นของลู่จือยี่แทนที่ด้วยความโกรธและจิตสังหาร

 

“เจ้าจะบอกว่าข้าหยุดเจ้าไม่ได้รึ?”

 

ซือหยูไม่พูดอะไร ถือว่าเป็นการตอบคำถามนาง

 

“ข้าคงต้องระวังถ้าสมบัตินั้นอยู่ในมือฉีซงกุน…”

 

“แต่เจ้าใช้พลังของมันได้ไม่ถึงสิบส่วนด้วยซ้ำ เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว!”

 

ลู่จือยี่ส่ายหน้า ใบไม้สีทองร่วงหล่นจากเสื้อ ใบไม้นั้นปกคลุมด้วยทองทั้งใบ มันปล่อยแรงดันวิญญาณออกมา พื้นที่ในระยะสิบลี้สั่นสะเทือน ทุกชีวิตหยุดนิ่งลง!

 

ส่วนซือหยูนั้นรู้สึกว่าพื้นที่นอกลำดับห้าธาตุนั้นมิติแน่นขึ้น ดูเหมือนว่าสมบัตินี้จะทำให้นางควบคุมมิติและกักขังผู้คนได้ง่ายๆ ใบไม้ทองคำนั่นมันอะไรกัน? เหตุใดมันถึงทรงพลังเช่นนั้น?

 

แต่ซือหยูก็ไม่มีเวลาให้คิด ลู่จือยี่ชี้ดัชนีมาข้างหน้า ใบไม้ทองคำหมุนวนไปที่เหนือศีรษะของซือหยู เขาได้ยินเสียงบางอย่างแตก ลำดับห้าธาตุกำลังจะแตกสลาย!

 

พื้นที่ด้านนอกมิติเต็มไปด้วยรอยแตกสีดำ มันดูเหมือนลูกโป่งที่ถูกบีบเค้นที่กำลังจะระเบิด!

 

นี่ถือเหตุที่ลำดับห้าธาตุท่าทางแปลกไป ถ้าไม่มีมัน ซือหยูคงถูกบดเป็นข้าวต้มไปแล้ว!

 

ซือหยูไม่สนสนใจแม้ลำดับห้าธาตุกำลังจะแตกสลาย เขากลับถอนหายใจแรง

 

“หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจนะ!”

 

ซือหยูโบกมือ แหวนทองคำลอยออกไป มันขยับราวกับจะรัดลู่จือยี่

 

“สมบัติอรหันต์รึ?”

 

ลู่จือยี่ร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

“มันอาจจะใช้ได้ผลกับภูติผี แต่มันจะทำอะไรข้าได้?”

 

พลังชีวิตอันน่ากลัวพุ่งเข้าใส่แหวน แต่ในตอนนั้นแหวนก็เปลี่ยนทิศทาง มันเข้ารัดใบไม้ทองคำเหนือศีรษะของซือหยูแทน!

 

แหวนทองลดขนาดจนเหลือเท่าใบไม้ทองคำ มันกักใบไม้ไว้กับที่!

 

ในตอนนั้นเอง ลำแสงในลำดับห้าธาตุได้แตกออกและไปโอบล้อมใบไมม้ ซือหยูรีบสร้างผนึกโดยอัดลำแสงเข้าด้วยกัน พริบตาเดียวใบไม้ทองคำก็ถูกกักเอาไว้

 

ภายในมีแหวนทองปราบมาร ภายนอกมีลำดับห้าธาตุเมฆาแห้งเหือด ใบไม้ทองคำมิอาจรอดพ้นออกมาได้แม้มันจะมีพลังเพียงใดก็ตาม!

 

แรงกดดันจากพื้นที่ได้หายไป ส่วนลำแสงก็หมุนวนไปมา ใบไม้ทองคำมาอยู่ที่มือซือหยู

 

สายไปแล้วกว่าที่ลู่จือยี่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“เป้าหมายของเจ้าคือสมบัติของข้าตั้งแต่แรกเดรอะ?”

 

ซือหยูพูดอย่างเฉยเมย

 

“สิ่งที่อันตรายที่สุดไม่ใช่เจ้าแต่เป็นสมบัติที่ควบคุมมิติได้ชิ้นนี้ เจ้าคิดว่าข้าควรจะต้องจัดการกับอะไรก่อนเล่า?”

 

ลู่จือยี่ใบหน้าบิดเบี้ยว นางพยายามจะควบคุมใบไม้ทองคำ แต่ใบไม้นั้นก็ขยับไม่ได้ด้วยการกักขังของสองสมบัติ!

 

ลู่จือยี่มิอาจลบความโกรธไปได้เมื่อต้องคิดว่าเด็กน้อยคนหนึ่งชิงสมบัติของนางไป

 

“เจ้าจะทำอะไรได้ถ้าไม่มีสมบัติปกป้องตัวเอง!”

 

นางพุ่งไปข้างหน้า พลังวิญญาณล้อมรอบฝ่ามือ นางซัดมันไปยังลำตัวของซือหยู ซือหยูรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่เคยเจอแม้ว่าฝ่ามือนางจะยังไม่ถึงตัว

 

เขาข่มใจต่อความรู้สึกขนลุก แสงวิญญาณโอบล้อมตัว เกราะราชาศิลานิรันดร์ออกมาปกคลุมกาย

 

ปั้ง–

 

ฝ่ามือนางควรจะฆ่าเขาได้ในทันที แต่มันดูราวกับฝ่ามือของเด็กที่ซัดใส่แผ่นเหล็ก แรงปะทะทำให้ฝ่ามือของนางชา และนางผู้นี้คือคนที่มีร่างกายระดับจ้าวเทวะ!

 

แม้ว่าฝ่ามือนางจะกระเด็นกลับ ร่างกายของนางก็ไม่ได้รับผลอะไร นางยิ่งโกรธแค้นมากกว่าเดิม

 

“พอซักที! เด็กน้อยอย่างเจ้ามีสมบัติวิญญาณมากมายเช่นนั้นได้ยังไง?”

 

ไม่ว่าจะลำดับห้าธาตุ แหวนทองปราบมาร เกราะราชาศิลานิรันดร์ แต่ละอย่างล้วนอยู่ในระดับของสมบัติวิญญาณ

 

นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดซือหยูจึงไม่เต็มใจที่จะส่งแหวนมิติให้กับนาง ถ้านางรู้ว่าเขามีสมบัติมากมายเช่นนี้ นางก็คงจะเอามันไป!

 

สมบัติวิญญาณนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าแม้แต่กับจ้าวเทวะ! นางโกรธแค้นมากที่ต้องพบเจอกับมันหลายต่อหลายครั้ง!

 

ถ้าหากไม่มีการจำกัดพลังที่นี่ ซือหยูคงจะตายไปแล้วเพียงแค่นางเหลือบมอง แต่ถ้านางเพิ่มพลังไปมากกว่าเดิม นางจะถูกย้ายออกไปภายนอกอย่างแน่นอน! นี่เป็นเหตุที่การปะทะกันระหว่างนางกับซือหยูจึงเสมอกัน

 

ซือหยูกระเด็นไปไกล โลหิตในร่างเดือดพล่าน

 

เขาก้มลงและเบิกตากว้าง มี่รอยฝ่ามือบางๆอยู่บนเกราะราชาศิลานิรันดร์! ฝ่ามือธรรมดาๆของนางทำให้เกิดรอยบนเกราะราชาศิลานิรันดร์!

 

เหงื่อเย็นยะเยือกไหลอาบหน้าผาก นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดรอยบนเกราะราชาศิลานิรันดร์ ถ้าเขาใช้ร่างกายรับฝ่ามือของนาง เลือดเนื้อของเขาจะแหลกสลายไปแล้ว ฐานพลังของนางถูกกดเอาไว้ก็จริง แต่ร่างกายระดับจ้าวเทวะนั้นไม่ใช่! เพียงแค่ใช้ร่างกาย นางก็สังหารพวกขอบเขตภูติได้แล้ว!

 

ลู่จือยี่โกรธแค้น

 

“เกราะพังๆของเจ้าจะไปได้ซักกี่น้ำ!”

 

ตู้ม–

 

อีกฝ่ามือพุ่งเข้ามา ซือหยูจะกล้ารับมันเป็นครั้งที่สองรึ?

 

เขายกมือขึ้นเรียกเรือบินเทวะและบินหนีอย่างบ้าคลั่ง

 

ฝ่ามือของลู่จือยี่ไปไม่ถึงเป้าหมาย นางโมโหอย่างมาก

 

“บัดซบ! เจ้าจะหนีไปได้ซักแค่ไหน!”

 

เมื่อไม่มีใบไม้ทองคำและด้วยฐานพลังที่ถูกจำกัด นางมิอาจเดินทางหนึ่งพันลี้ได้ในก้าวเดียว แต่นั่นก็ไม่มีผลกับพลังทางกายภาพของนาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด