The Divine Nine Dragon Cauldron 502

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 502 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ว่าแสงสีแดงที่พาตัวชายหนวดเฟิ้มไปจะเร็ว แต่มันจะเล็ดรอดสายตาของจ้าวเทวะได้ยังไง?

 

ลู่จือยี่คว้าทั้งสองและใช้ใบไม้ทองคำหนีได้ทันเวลา แต่แสงสีแดงบางๆนั้นก็ปะทะเข้ากับหลังของลู่จือยี่

 

ถ้าเป็นลู่จือยี่ในสภาพเดิม การโจมตีธรรมดาๆจากขอบเขตภูติคงทำอะไรกับร่างกายของนางในระดับจ้าวเทวะไม่ได้

 

แต่นางกำลังบาดเจ็บสาหัสและเข้าต่อสู้กับชายหนวดเฟิ้ม การที่ต้องถูกโจมตีจากขอบเขตภูติอีกครั้งถือว่ารุนแรงอย่างมาก นางจึงทำได้แค่เลือกวิธีหนีออกมาแทนที่จะขยับตัวหลบ

 

แสงสีแดงแล่นผ่านไหล่ทั้งสองของลู่จือยี่ ความร้อนมหาศาลทำให้ชุดของนางติดไฟ

 

ลู่จือยี่ปล่อยพลังชีวิตออกมาดับไฟ แต่ชุดของนางก็ถูกเผาไปบ้างทำให้เห็นผิวที่ถูกไหม้จนแดง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้นางอ้าปากหอบ

 

“หึหึหึ จ้าวเทวะผู้แข็งแกร่งมาถึงกระโจมเทพสวรรค์ด้วยตัวเองเชียวรึ…”

 

เสียงหัวเราะที่ดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์ดังมาจากบ่อลาวาทมิฬราวกับจะหัวเราะเยาะให้กับการจำกัดพลังที่ทำให้นางเสียเปรียบกับสัตว์อสูรขอบเขตภูติ

 

บ่อลาวาขยับไปมาโดยมีคนทั้งสามมองดู บางสิ่งขนาดร้อยศอกที่มีสีดำออกมาจากภายใน

 

ซือหยูคิดว่ามันเป็นหินก้อนใหญ่ แต่มองดูใกล้ๆจะพบกับลูกตาสีขาวที่ขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ใต้ลาวาทมิฬ มันเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดร้อยศอกของมัน

 

“นั่นมันกบใช่ไหม?”

 

ซือหยูตกใจ สัตว์ประหลาดคล้ายก้อนหินตรงหน้าพวกเขาคือกบ!

 

“มันไม่ใช่กบธรรมดาๆ มันคือกบแก้วเพลิงเนตรขาว ราชาสัตว์อสูรที่มีพลังระดับแรกๆของขอบเขตภูติ!”

 

ลู่จือยี่ให้ข้อมูล สัตว์อสูรตัวนี้มีพลังอยู่มาก

 

“มันมีสายโลหิตอมตะและเกิดจากเพลิงที่ทรงพลัง มันคือสัตว์วิญญาณที่ปรมาจารย์ช่างในโลกภายนอกเลี้ยงดูและหายสาบสูญจากโลกไปนานแล้ว มันกลับมีอยู่หนึ่งตัวที่นี่!”

 

เนตรสีขาวของกบแก้วฉายแววเจ้าเล่ห์

 

“หึหึ เจ้ารู้จักข้ารึ! ดีกว่าพวกโจรองครักษ์เก้าคนนั่นนะ!”

 

เก้าคน…มีคนอื่นนอกจากชายหนวดเฟิ้มประจำอยู่ที่นี่อีกรึ? ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะกลายเป็นอาหารที่น่าพึงพอใจสำหรับกบแก้วเพลิงเนตรขาวไปแล้ว

 

กบแก้วเพลิงเนตรขาวตวัดลิ้นใส่แผ่นศิลาที่กลางเพลิง แผ่นศิลานั้นเปล่งแสงสีดำและเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา มันคือกบสีเขียวตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ!

 

“ตัวอ่อนกบแก้วเพลิงเนตรขาว?”

 

ลู่จือยี่ใจหาย

 

“มันปลอมตัวเป็นคัมภีร์ลับของวิชาช่างลับสวรรค์หรอกรึ? เช่นนั้นที่นี่ก็ไม่มีสมบัติช่างฝีมือสินะ?”

 

ก่อนตาย ชายหนวดเฟิ้มบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่เก็บสมบัติแต่เป็นการบูชายัญโลหิต!

 

“หึหึ ใช่แล้ว เจ้าผิดหวังรึ?”

 

กบแก้วเพลิงเนตรขาวยิ้มเยาะ

 

ลู่จือยี่ที่รู้ตัวว่าที่ทำมาทั้งหมดสูญเปล่าค่อยๆหลับตา นางลืมตาอีกครั้งและหายใจเข้าลึก นางแววตาเย็นชา

 

“เจ้าคิดจะขังพวกข้าไว้ที่นี่รึ?”

 

กบแก้วเพลิงเนตรขาวยิ้ม

 

“ถึงจะใช้โลหิตของเจ้าโง่เก้าคนนั้น ข้าก็อาจจะขาดพลัง แต่ถ้าข้าได้กินจ้าวเทวะสักคนล่ะก็…”

 

ลู่จือยี่เยือกเย็น

 

“หึ ฝันไปเถอะ!”

 

กบแก้วเพลิงเนตรขาวไม่ตอบอะไร มันหัวเราะอย่างเยือกเย็นก่อนจะป้าปากตวัดลิ้นยาวโดยหวังว่าจะกลืนกันทั้งสามในคราเดียว

 

“เอาเลย!”

 

ลู่จือยี่คำราม ไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะได้หนีถ้ายังมีกบนี่อยู่ พวกเขาต้องเสี่ยงต่อสู้

 

ซือหยูหัวใจแทบหยุดเต้น นี่คือขอบเขตภูติของจริง!

 

ซือหยูมิอาจประมาทเมื่อต้องเจอกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ เขาหายใจเบาๆและใช้ลำดับห้าธาตุโอบล้อมพวกเขาทั้งหมดทันที

 

ซือหยูคลายใจขึ้นมาบ้างเมื่ออยู่ในลำดับห้าธาตุ ลำดับนั้นไม่เคยแตกเมื่อเขาใช้มันด้วยพลังสูงสุด อย่างมากที่สุดก็แค่สั่นสะเทือน

 

ที่อีกด้าน เว่ยกังถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาที่เห็นพลังของลำดับห้าธาตุมาก่อนนั้นรู้สึกปลอดภัย

 

มีแค่ลู่จือยี่ที่สีหน้าเคร่งเครียด

 

“จู่โจมด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามี อย่าออมมืก!”

 

ไผ่ทองคำหล่นจากแขนเสื้อ มันคือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์

 

กบแก้วเพลิงเนตรขาวตัวแข็งทื่อ มันมองไผ่ทองคำด้วยความตกใจ

 

“เป็นไปได้ยังไง? ไผ่เทวะจากจิวโจว ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์รึ? มันถูกทำลายไปหมดเมื่อหลายปีมาแล้วไม่ใช่รึไงกัน? เจ้ายังมีเหลืออยู่อีก…วิเศษจริงๆ!”

 

ลู่จือยี่ไม่สนใจ นางใช้พลังชีวิตในร่างเพื่อฝืนใช้ไผ่เทวะ ซือหยูเป็นห่วงนาง นางฝืนใช้ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ไปแล้วหลายครั้ง ถ้านางยังใช้ต่อไปอีก บาดแผลของนางก็จะยิ่งซ้ำร้าย

 

แต่เมื่อถึงความเป็นความตาย นางนั้นต้องเสี่ยงด้วยทุกอย่างที่มือ ซือหยูมิอาจออมมือได้

 

ซือหยูนั่งสมาธิลงกับพื้น แสงพลังวิญญาณแล่นออกมา ดวงวิญญาณออกจากกายหยาบ

 

เว่ยกังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดซือหยูจึงนั่งลงไปและหลับตาในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ แต่ลู่จือยี่นั้นเหลือบมองด้วยความตกตะลึง วิญญาณของเขาออกจากร่าง!

 

นางยังคงไร้อารมณ์แม้ในใจจะตกตะลึงอย่างมาก มีแค่จ้าวเทวะเท่านั้นที่จะสำเร็จระดับนั้นได้! นั่นก็เพราะว่าวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ จ้าวเทวะจะต้องใช้มันในการป้องกันหลายชั้นเท่านั้น และพวกจ้าวเทวะก็ใช้วิชาวิญญาณได้ไม่นานด้วย

 

แต่ซือหยูกลับใช้มันออกมาอย่างเรียบเฉย ดูเมหือนเขาจะคุ้นเคยกับวิชานี้มาก

 

นางมิอาจหยุดตกตะลึง นางไม่เคยได้ยินวิชาที่ทำให้วิญญาณของคนที่ระดับต่ำกว่าจ้าวเทวะออกมาจากร่างได้ ลู่จือยี่รู้สึกได้ว่าซือหยูนั้นแปลกไปอย่างมาก เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่นางคิดว่าเขาเป็น

 

นี่มันน่าขันยิ่งนัก นางเนป็นจ้าวเทวะผู้ยิ่งใหญ่ มีพลังเหนือกว่าซือหยูหลายขั้น ในอดีต นางแทบไม่ต้องเหลือบตามองเด็กน้อยอย่างซือหยูตรงๆ แต่ในตอนนี้นางได้พบกับสิ่งใหม่

 

นางข่มใจและเพิ่มพลังชีวิตในร่าง นางใช้ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ นางสะบัดข้อมือพร้อมกับแสงสีทองที่ซัดไปข้างหน้า

 

พลังมหาศาลของมันดูเหนือกว่าทุกสิ่ง

 

วิญญาณของซือหยูอยู่ห่างจากกบสามสิบศอก เขาจู่โจมวิญญาณของศัตรูอย่างไร้ปรานี!

 

แต่กบแก้วเพลิงเนตรขาวก็หัวเราะเยาะ

 

“ด้วยการจำกัดพลัง การโจมตีของพวกเจ้ามันไร้ค่า!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด