The Divine Nine Dragon Cauldron 504

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 504 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพลิงทมิฬน่ากลัวยิ่งกว่าที่คาด!

 

เมื่อลำแสงห้าสีหายไป เพลิงทมิฬก็แพร่กระจายล้อมรอบพวกซือหยูเพราะไม่เหลือสิ่งกีดขวางอีก ความร้อนที่น่ากลัวทำให้ซือหยูรู้สึกถึงความตาย ไอทมิฬแผ่ออกมาจากเกราะราชาศิลานิรันดร์ มันคือพลังภูติภายในชุดเกราะ พลังภูตินั้นออกมาด้วยความตั้งใจของตัวเองเมื่อเกราะถูกการโจมตีที่มิอาจป้องกันได้

 

เว่ยกังมิอาจตอบสนองได้ทัน เกราะพลังวิญญาณที่สร้างขึ้นมาถูกละลายหายไปในทันที! ร่างกายของเขาลุกไหม้ในความร้อนสูง เขาถูกคลอกไปด้วยเพลิงและขับพลังวิญญาณออกมาเพื่อดับเพลิงขณะที่เริ่มร้องคำราม

 

แต่พลังวิญญาณที่เขาปล่อยออกมาก็ลุกไหม้ทันทีที่ออกจากร่างกาย เว่ยกังกำลังจะกลายเป็นเถ้าถ่าน ในช่วงเวลาที่วิกฤติที่สุด ใบไม้ทองคำในมือลู่จือยี่โบกสะบัด มันกลายเป็นโล่ใหญ่สามสิบศอก

 

เพลิงทมิฬถูกสะท้อนออกไปเมื่อสัมผัสกับโล่ที่มิอาจถูกเผา ต่อมาเพลิงทมิฬก็ดับมอดไปเพราะขาดเชื้อเพลิง

 

ลู่จือยี่ใช้โอกาสนี้สะบัดแขนเสื้อสร้างวายุใหญ่พัดเพลิงที่ลุกอยู่บนตัวเว่ยกัง ชุดของเขาถูกเผาจนหมด ผิวหนังหลายส่วนถูกคลอกไป เขาอ้าปากหอบอย่างต่อเนื่องสลับกับกัดฟันเพราะความเจ็บปวดแสนสาหัส ถ้าเขาถูกช่วยช้าไปกว่านี้ เขาก็อาจจะถูกเผาจนตายไปด้วยความร้อนสูง ถ้าเพลิงเหล่านั้นสัมผัสกับตัวเขาตรงๆ เขาก็คงจะกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตาเดียว

 

ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาตกใจกับพลังอันน่าขนลุกของเพลิงทมิฬแต่ก็ตกใจยิ่งกว่าเมื่อมองดูใบไม้ทองคำ ไผ่เทวะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากจิวโจวนั้นยอดเยี่ยมอยู่อยู่แล้ว ชุดเกราะหรืออาวุธที่สร้างจากสมบัตินี้ก็น่าจะไร้เทียมทานสินะ?

 

กบแก้วเพลิงเนตรขาวมองดูด้วยความระวัง ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์นั้นตอบโตเพลิงของมันได้ แต่มันก็ยังคงยิ้มเยาะอยู่อย่างนั้น

 

“หึหึ มันจะทำงานแล้ว!”

 

ซือหยูรู้สึกอึดอัดเมื่อได้ยินมันพูดเช่นนี้

 

ในตอนนั้นเอง ลู่จือยี่เริ่มครางด้วยความเจ็บปวดเมื่อใบไม้ทองคำในมือส่องแสงสีทอง นางมิอาจรักษาโล่ได้นานกว่านี้ ใบหน้าอันงดงามแดงก่ำ นางรู้สึกร้อนเป็นอย่างมาก ดวงตาสลักความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้งเอาไว้ ราวกับว่านางกำลังถูกเผาจากภายใน แผลจากลิ้นที่แขนขวาของนางแดงช้ำ เพลิงทมิฬกำลังไหลในร่างกายของนางและเผานางจากภายใน!

 

“เพลิงพิษ!”

 

ลู่จือยี่กัดฟันตัวสั่น เพลิงพุ่งออกจากปากเมื่อนางคายออก

 

สิ่งที่แผดเผานางจากภายในคือเพลิงพิษ

 

มีพิษหลายประเภทที่แม้แต่เพลิงในลาวาทมิฬก็มิอาจเผาได้ กบแก้วเพลิงเนตรขาวนั้นบ่มเพาะพลังมานานในลาวานี้ ร่างกายของมันมีเพลิงพิษนี้อยู่มาก

 

เพลิงทมิฬนั้นทรงพลัง แต่เพลิงพิษที่สังหารได้โดยไร้ร่องรอยนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า

 

เป็นเพราะเพลิงพิษนี้ที่ทำให้อวัยวะภายในของลู่จือยี่มอดไหม้ ความเจ็บปวดนั้นยากจะทานทน เพลิงพิษแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับพลังวิญญาณในร่างกายของนาง มีแค่พลังชีวิตเท่านั้นที่เหนือกว่าเพลิงพิษนี้ แต่ตลอดการต่อสู้หลายครั้ง พลังชีวิตของนางที่มีนั้นลดน้อยไปลงมาก นางทำได้แค่หยุดไม่ให้เพลิงพิษแพร่กระจายไปมากกว่าเดิมเท่านั้น

 

และเมื่อขาดพลังชีวิตในการคงรูป ใบไม้ทองคำก็ร่วงหล่น ลู่จือยี่ที่ตัวสั่นระริกล้มลงกับพื้น

 

ซือหยูยื่นมือคว้าตัวนางและวางนางอย่างอ่อนโยนไว้กับพื้น

 

“ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”

 

เพลิงพิษนั้นยากจะทานทน มันมิเพียงแต่เผาร่างของนาง มันยังส่งผลไปถึงดวงวิญญาณจนทำให้นางหมดสติ

 

ซือหยูเห็นว่าเพลิงพิษนั้นกำลังรวมตัวกันที่หัวใจของนางผ่านเนตรวิญญาณ ถ้าหากหัวใจของนางถูกเพลิงพิษบุกเข้าไป ชีวิตของนางจะตกอยู่ในอันตราย เพลิงพิษจะต้องถูกขับออกไปโดยเร็ว!

 

แต่ขั้นแรก เขาจะต้องจัดการกับสัตว์อสูรในขอบเขตภูติให้ได้เสียก่อน เขามองมันอย่างเฉียบขาด ถึงเวลาแล้วที่จะต้องใช้ของสิ่งนั้น

 

เพียงประสงค์เดียว แสงวิญญาณโอบล้อมดัชนีซือหยู พลังทำลายล้างของกระบี่เอ่อล้นออกมา!

 

สายฟ้าคำรามเปล่งประกายรองข้าง เสียงคำรามของสายฟ้านั้นน่ากลัวและดังไปทั่วหลายพันลี้ ลาวาบนพื้นเดือดพล่านปะทุขึ้นสู่นภา พื้นที่ใต้ดินสั่นสะเทือน หินร้อนๆร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง ราวกับฟ้าจะถล่มดินจะทลาย

 

ทั้งยอดเขาสั่นอย่างบ้าคลั่ง เสียงสายฟ้าคำรามอันน่าตกตะลึงแผ่ออกไปยังพื้นที่รอบๆ…ไปถึงยอดเขาอื่นๆ

 

ไป่ฉีในชุดม่วงดูเหมือนจะคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่ในขณะที่เสียงสายฟ้าคำรามดัง เขาตัวสั่นเทิ้ม

 

“นี่มัน…วิบัติอัสนี?”

 

เกิดวิบัติอัสนีแปลกๆขึ้นในยอดเขาทั้งห้า เขาที่เป็นภูติผี สายฟ้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกกันอย่างยิ่ง หรือว่ามันจะเป็นวิบัติอัสนีแบบเดียวกัน? ไป่ฉีตามทิศทางเสียงบินเข้าไป

 

ที่ยอดเขาอีกด้าน หมิงเฟยพากลุ่มคนมาค้นหาสมบัติ แต่ที่นี่ไร้ซึ่งสมบัติ มันถูกคนอื่นเอาไปหมดแล้ว

 

“มีคนที ่มาห้องลับนี่แล้วรึ?”

 

หมิงเฟยเลิกคิ้ว

 

“ซากโบราณนี่เก่าแก่มาก ดูเหมือนมันจะถูกเอาไปนานแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าจะได้ไม่ต้องเซ่นโลหิตอีก”

 

หมิงเฟยสั่งคนจากสามตระกูล

 

“ยังมีสมบัติอีกสี่แห่ง โอสถ ภูติปัญญา วัตถุดิบ และช่างฝีมือ ยังอยู่ในยอดเขาอื่น ไปค้นหาซะ บอกข้าถ้ายังมีสมบัติที่ยังไม่เปิดเหลืออยู่”

 

ฉีเจี้ยกับคนที่เหลือเชื่อฟัง พลังของพวกเขานั้นธรรมดาสามัญ แต่ก็เพียงพอที่จะเข้าไปสืบดู

 

เมื่อพวกเขาออกไปก็มีเสียงสายฟ้าคำรามดังมาถึง สีหน้าของหมิงเฟยเปลี่ยนไป สายฟ้าอันทรงพลังทำให้พลังภูติในตัวนางสั่นคลอน

 

“กระบี่สายฟ้ารึ? หรือว่า…ไอเด็กบัดซบผมแดงนั่นจะมาถึงยอดเขานี่ด้วย?”

 

ด้วยการที่เป็นภูติสวรรค์แห่งก้นบึ้งเก้ามังหร นางนั้นคุ้นเคยกับกระบี่สายฟ้ามากกว่าใคร มันคือกระบี่สายฟ้าที่มีพลังต่อต้านภูติได้อย่างสุดขั้ว

 

แม้ว่านางจะฟื้นพลังมามากแล้ว จางตี๋เก้อก็ไม่มั่นใจว่านางจะป้องกันตัวจากกระบี่สายฟ้าได้

 

“ไอ้หนู ข้าจะแก้แค้นเจ้าในตอนที่เจ้าใช้พลังชีวิตในตัวเจ้าไปแล้ว!”

 

ในอีกสามยอดเขา เจ็ดจ้าวแห่งความมืดอยู่ในดินแดนลึกลับ สิ่งรอบข้างนั้นดำสนิท

 

ในมือของจ้าวยี่หยูมีคัมภีร์ที่ส่องแสงประกาย จ้าวแห่งความมืดที่เหลือรวมถึงไป่ลั่วกำลังร่างเวทรอบตัวจ้าวยี่หยูราวกับเตรียมพิธีกรรมบางอย่าง

 

ในตอนนั้นเอง สายฟ้าสวรรค์คำราม พวกเขาทั้งหมดลืมตาขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ

 

ไป่ลั่วดูจะกังวลมากที่สุด

 

“หรือว่านี่จะเป็นวิบัติอัสนีในตำนาน?”

 

จ้าวยี่หยูมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ นางส่ายหน้า

 

“ก็อาจจะใช่ อย่ามัวเสียเวลบา รีบเตรียมเซ่นสวรรค์เถอะ!”

 

ไป่ลั่วมองจ้าวยี่หยูในความมืด เขาร่ายเวทอย่างเงียบๆ

 

ที่นอกยอดเขาทั้งห้า หุ่นเชิดสีเงินนั้นรีบบินอย่างรวดเร็ว เขาอยู่ห่างจากยอดเขาทั้งห้าไปหมื่นลี้เมื่อได้ยินเสียงสายฟ้าคำราม

 

หุ่นเชิดสีเงินหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งและยิ้มอย่างเยือกเย็น

 

“นั่นมันวิบัติอัสนีที่จักรพรรดิสายฟ้าทิ้งเอาไว้สินะ? ดีล่ะ ข้าจะเอามันไปกับสมบัติทั้งห้า!”

 

ในใต้ดินที่เต็มไปด้วยลาวา…

 

เสียงสายฟ้าคำรามจากสวรรค์ตามมาด้วยพลังทำลายล้าง เว่ยกังมิอาจต้านทานได้ เขากรีดร้องพร้อมกับโลหิตที่ไหลออกมาจากหูแม้เขาเองจะอยู่ในระดับกึ่งภูติ คลื่นเสียงนั้นทำให้เขาหมดสติไป

 

ในลาวาทมิฬ รอยยิ้มเยาะของกบแก้วเพลิงเนตรขาวหายไป

 

แกร๊ง–

 

กระบี่ยาวสามสิบศอกปรากฏในมือทั้งสองข้างของซือหยู มันโอบล้อมไปด้วยสายฟ้า กระบี่สายฟ้าคือไพ่ตายของซือหยู!

 

เขาเก็บมันไว้ใช้ป้องกันตัวจากจางตี๋เก้อ ดังนั้นเขาจึงไม่ใช้มันแม้จะผ่านอันตรายมากมายหลายหน แต่ในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก

 

เมื่อแก้วพลังชีวิตสุดท้ายในร่างกายซือหยูที่แตก พลังชีวิตจำนวนมากที่เก็บเอาไว้เอ่อล้นออกมาและเข้าสู่กระบี่สายฟ้าอย่างบ้าคลั่ง

 

ในตอนนั้น กระบี่สายฟ้าในมือซือหยูเปล่งแสงที่ยาวถึงพันศอกแล้ว

 

กบแก้วเพลิงเนตรขาวมองกระบี่ด้วยความกลัว เขาร้องเสียงแปลกๆ

 

“เดี๋ยวก่อน เจ้ามนุษย์! อย่าเพิ่งใช้ดาบนั่น!”

 

กระบี่นั่นทำให้เขารู้สึกถึงความตาย!

 

ซือหยูไม่ขยับตัว เขาใช้พลังชีวิตสุดท้ายลงในกระบี่เพื่อใช้พลังของกระบี่สายฟ้าในระดับสูงสุด! สายฟ้าที่น่ากลัวนั้นมีพลังเกินกว่าขอบเขตภูติไปนานแล้ว

 

“เจ้าไม่อยกาจะได้สมบัติช่างฝีมือรึไงกัน? ข้ารู้ว่ามันอยู่ไหน!”

 

กบแก้วเพลิงเจนตรขาวรีบพูดเมื่อเห็นว่าซือหยูไม่มีทีท่าจะประนีประนอม

 

คำตอบเดียวของซือหยูคือสายตาเยือกเย็น

 

“นั่นไม่จำเป็น!”

 

เขาสะบัดข้อมือ กระบี่สายฟ้าพันศอกแล่นลงมาถึงตัวกบแก้วเพลิงเนตรขาวที่ตกใจกลัว มันมุดลงไปในบ่อลาวา

 

แต่เมื่อมันดำลงไป สายฟ้าก็ซัดเข้ามา!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด