The Divine Nine Dragon Cauldron 527

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 527 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าวางลำดับไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

จางตี๋เก้อไม่พอใจมาก นางตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ

 

ซือหยูนั้นต่อสู้ยืดเยื้อกับนางมานานอย่างแน่นอน แล้วเขามีโอกาสตอนไหนที่จะวางลำดับในระยะสิบลี้กัน? การกระทำเช่นนี้ควรจะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง

 

ซือหยูพูดอย่างไม่แยแส

 

“ก็ตั้งแต่ที่ข้าเจอฉีเจี้ยน่ะสิ”

 

เมื่อฉีเจี้ยปรากฏตัว ซือหยูก็คาดไว้แล้วว่าจางตี๋เก้อจะต้องมา

 

ในตอนนั้น เขาเตรียมวางแผนที่จะทำให้ภูติสวรรค์ยอมจำนนต่อเขาเรียบร้อยแล้ว เขาพยายามอย่างมากเมื่อที่จะวางลำดับห้าธาตุเอาไว้และเข้ามาช่วยเซี่ยจิงหยูหลังจากนั้น

 

“ถึงเจ้าจะทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เจ้าก็ทำให้เรื่องมันยากได้เก่งนักนะ!”

 

จางตี๋เก้อจ้องมองซือหยูอย่างเกรี้ยวกราด สุดท้ายนางก็เชื่อแล้วว่าซือหยูนั้นบ้าบิ่นอย่างมาก และนางก็อาจจะพลาดท่าให้กับซือหยูในวันนั้น

 

“อย่าแม้แต่จะคิดที่จะจับตัวข้า!”

 

จางตี๋เก้อปล่อยลำแสงทมิฬออกจากตาซ้ายอีกครั้ง แสงทมิฬทะลวงผ่านลำแสงจากลำดับห้าธาตุ ด้วยพลังมหาศาลนั้นเอง รอยแตกเริ่มปรากฏขึ้น

 

ม่านแสงขยายออกไปด้วยพลัง พลังป้องกันของมันอ่อนลงไปมาก ซือหยูรีบขยับมือเพื่อลดขนาดของลำแสง

 

จางตี๋เก้อกระวนกระวาย ไม่ว่านางจะหนีไปได้หรือไม่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนางแล้ว! ลำแสงทมิฬนั้นพุ่งเข้าใส่ม่านแสงและพยายามจะเปิดทางให้นางอย่างบ้าคลั่ง แต่ม่านแสงก็ลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่แสงทมิฬของนางค่อยๆอ่อนแอลงไป

 

เมื่อเหลือระยะบีบเพียงหนึ่งลี้ ลำแสงที่ใช้โจมตีก็เหลือเพียงคลื่นพลังเล็กน้อยบนม่านแสง ยากที่พลังใดจะทะลวงผ่านได้

 

ในที่สุดลำดับห้าธาตุก็ลดขนาดลงกักขังจางตี๋เก้อไว้ภายในในระยะสามสิบศอก ซือหยูควบคุมลำดับจากระยะไกล

 

จางตี๋เก้อทั้งหงุดหงิดและโกรธแค้น

 

“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ ข้าจะไม่อภัยให้เจ้าที่คุกคามกับข้าเช่นนี้!”

 

“ฮ่าๆๆ ท่านจางตี๋เก้อผู้ยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะตัดสินใจ!”

 

ซือหยูแววตาเยือกเย็น ลำแสงทั้งห้าลดขนาดลงจนเหลือระยะห้าศอก

 

จางตี๋เก้อที่ตกใจและยังคงโกรธแค้นปล่อยพลังภูติออกจากแขนเพื่อเพิ่มพลัง นางใช้แขนดันไม่ให้ลำแสงลดขนาดไปมากกว่านี้ นางขัดขืนอย่างดื้อด้าน

 

“เจ้าหนู เจ้าคิดจะสู้จนพวกเราต้องตายกันไปพร้อมกันใช่หรือไม่?”

 

จางตี๋เก้อตะโกนขู่ แต่ในใจกลับขี้ขลาดยิ่งนัก

 

เซี่ยจิงหยูที่มองดูจากระยะไกลพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเหนือความจริงไปมาก ซือหยูต่อสู้กับภูติสวรรค์ได้จนถึงจุดที่นางต้องยอมจำนน!

 

ครั้งก่อน ต่อหน้าภูติสวรรค์ พวกเขาทั้งสองทำไม่ได้แม้แต่จะหายใจทั่วท้อง แต่ในตอนนี้ ซือหยูได้เหนือกว่าภูติสวรรค์แล้ว! แค่ไม่กี่เดือน เขาเติบโตมามากเพียงใดกัน?

 

“ข้าบอกแล้ว ข้าตั้งใจจะจับตัวเจ้า!”

 

ซือหยูผสานมือเข้าด้วยกัน

 

ลำดับห้าธาตุแข็วงแกร่งเพียงใดน่ะรึ?

 

จางตี๋เก้อครางด้วยความเจ็บปวดเมื่อแขนถูกบีบอย่างรุนแรงและดูราวกับตอบโต้ไม่ได้ นางไม่มีโอกาสจะขัดขืน ดวงตานั้นแสดงความมุ่งมั่นออกมา

 

“ก็ได้ ไอ้หนู เจ้าควรจะระวังตัวไว้! ถ้าเจ้ากล้าพอ เจ้าก็คงอย่ากลับมาที่ทวีปเฉินหลงอีก!”

 

ฟึ่บ–

 

พลังภูติเอ่อล้นอย่างบ้าคลั่งออกมาจากศีรษะ

 

สาวน้อยอายุราวห้าขวบเดินออกมาจากพลังภูติ นางดูราวกับหยกที่สลักออกมาปะด้วยแป้งขาว นางดูน่ารักมากเหมือนกับตุ๊กตาหยก แต่ดวงตานั้นกลับเบิกกว้างจ้องซือหยูด้วยความแค้น

 

ทันทีที่นางปรากฏตัว ฐานพลังขอบเขตภูติก็มิได้ถูกปิดบังไว้อีก ตำหนักลับสวรรค์ส่งพลังมิติที่ไม่สนใจลำดับห้าธาตุเข้าไปปกคลุมนาง

 

พลังมิตินี้จะพานางกลับไปยังทวีปเฉินหลงที่นางจากมา ที่นั่น สิ่งที่มีพลังขอบเขตภูติอย่างนางจะไม่มีสิ่งใดขัดขวางได้อีก ถ้าซือหยูกลับไป เขาจะต้องเจอกับภูติจริงๆที่ไม่ใช่กึ่งภูติ

 

“เจ้าหนู ข้าจะไปรอเจ้าที่ทวีปเฉินหลง!”

 

จางตี๋เก้อกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น ในที่สุดนางก็ได้มาถึงชั้นแปดของกระโจมเทพ อีกก้าวเดียวเท่านั้นนางจะได้กลับไปที่จิวโจว

 

แต่ใครจะไปคิดว่านางจะถูกบังคับให้ต้องกลับไปที่ทวีปเฉินหลงเพราะเด็กหนุ่มราชามนุษย์คนเดียวเล่า?

 

ส่วนซือหยู เขาตาเป็นประกาย

 

“ก็ดีที่เจ้าแสดงตัวออกมา! ข้ารอให้เจ้าเผยร่างจริงออกมานานแล้ว!”

 

ฟึ่บ–

 

แสงสีทองเปล่งประกายในชายเสื้อของซือหยู นั่นคือแหวนทองที่มีขนาดห้าศอก ภาษาที่ไม่คุ้นเคยสลักเอาไว้บนตัวแหวน มันเปล่งพลังของอรหันต์ออกมา

 

ภาพลวงของพระพุทธรูปปรากฏเหนือแหวน อักษรที่สลักเอาไว้ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงอิสระและธรรมชาติ

 

แต่ถ้าหากภูติผีได้ยินคำเหล่านี้ พวกเขาก็จะรู้สึกไม่สบายกายอย่างมากราวกับต้องพิษ เมื่อนางได้เห็นและได้ยินภาษาเหล่านั้น สีหน้านางก็เปลี่ยนไป

 

“สมบัติอรหันต์ที่ล้ำค่าที่สุด…แหวนทองปราบมารเรอะ?! ไม่นะ!”

 

นางคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวและอดทนกับพลังของแหวน พลังภูติในตัวเอ่อล้นออกมาไม่หยุด แต่ทุกอย่างก็ไร้ผล

 

ในครั้งสุดท้าย ซือหยูหยุดออมมือ เขาใส่พลังวิญญาณทั้งหมดลงในลำดับห้าธาตุจนมันลดขนาดลงอีก จางตี๋เก้อถูกกดทับด้วยความแคบของลำดับจากทุกทิศทาง นางขยับตัวไม่ได้เลย

 

แหวนทองปราบมารได้โอกาสบินเข้าไปรัดคอนาง จากนั้นมันก็ลดขนาดเหลือเท่ากำปั้น มันรัดคอนางอย่างแน่นหนา

 

ปั้ง ปั้ง ปั้ง—

 

หมอกภูติปริมาณมหาศาลพวยพุ่งออกจากร่างของนางราวกับเป็นปลาตัวน้อยที่ถูกไฟฟ้าซัดใส่

 

“อ๊าก!!!”

 

จางตี๋เก้อตะโกนเสียงดัง ร่างเล็กๆได้พบเจอกับความเจ็บปวดรุนแรง ความุ่งมั่นปรากฏบนใบหน้า

 

“ยังเร็วเกินไปถ้าเจ้าจะจับข้า!”

 

ตาขวาของนางเปล่งแสงสีขาว!

 

แสงขาวนี้แข็งแกร่งอย่างมากถ้าเทียบกับลำแสงทมิฬจากตาซ้าย แสงขาวนี้มีพลังอรหันต์ที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ

 

พลังที่ควรจะใช้ปราบเหล่าภูติผีกลับปรากฏจากร่างกายของภูติผีเสียเอง ซือหยูตกใจมากเมื่อได้เห็น และพลังนั่นก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าแหวนทองปราบมารเลย!

 

ทางเปิดเกิดขึ้นจากลำดับห้าธาตุ! ซือหยูตกใจมาก ลำแสงขาวนี้แข็งแกร่งกว่าลำแสงทมิฬนับสิบเท่า!

 

แต่การโจมตีนี้ก็ทำให้จางตี๋เก้อใช้พลังชีวิตไปจนหมด! นางหนีมาจากลำดับห้าธาตุได้อย่างทุลักทุเล

 

แหวนทองปราบมารที่สัมผัสกับพลังอรหันต์ข้างๆราวกับมีจิตสำนึกของตัวเอง มันขยายขนาดจนจางตี๋เก้อหลุดออกไป

 

นางใช้พลังชีวิตทั้งหมดที่มีไป และพลังภูติมากกว่าครึ่งก็เสียไปอีก พลังของนางลดลงอย่างมาก ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง โอกาสที่นางจะอ่อนแอลงคงมีถึงเก้าในสิบส่วน

 

และในตอนนี้ พลังมิติจากกระโจมเทพสวรรค์ก็ได้มาถึงตัวนาง นางกำลังจะถูกย้ายออกไป

 

ก่อนที่จางตี๋เก้อจะไป ใบหน้านางเต็มไปด้วยความเยือกเย็น นางจ้องมองซือหยูอย่างดึงดัน นางกัดฟันและเน้นย้ำทุกคำพูด

 

“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ! ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจกับเรื่องนี้!”

 

ซือหยูดูไม่เป็นกังวล เขาหัวเราะ

 

“เจ้าคิดว่าเจ้าจะกลับไปได้รึ? แล้วยังไงถ้าเจ้าผ่านขีดกำจัดขอบเขตภูติเล่า?”

 

“ถ้าข้าอยากให้เจ้าอยู่ เจ้าก็ต้องอยู่!”

 

ฟึ่บ–

 

เสียงบางสิ่งเปิดออก นั่นคือแผนที่ที่ซับซ้อนอย่างประหลาด หลังจากที่เปิดออก มันก็หมุนวนไปอยู่ที่เหนือศีรษะของจางตี๋เก้อ

 

เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ด้วยการแทรกแทรงของแผนที่ พลังมิติที่เข้าโอบล้อมนางกลับถอยหนีไป!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด