The Divine Nine Dragon Cauldron 563

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 563 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซือหยูใจหาย ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนี้!

 

“คืนมันมา! กล้าดียังไงมาแตะต้องของของข้า?”

 

หุ่นเชิดสีเงินยื่นมือไป ด้ายโลหิตสิบเส้นพุ่งออกไปยังซือหยูเพื่อเอาชีวิตของเขา!

 

การกระทำของหุ่นเชิดสีเงินนั้นเลยคำว่าบ้าเลือดไปไกล ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เสนอโอกาสให้ซือหยูเลยแม้แต่น้อย

 

ซือหยูสายตาเย็นชา ซือหยูแอบใช้งานมุกสีครามตั้งแต่ก่อนหน้าที่หุ่นเชิดจะลงมือแล้ว

 

เมื่ออันตรายเข้าใกล้ ลำแสงสีครามเปล่งประกายต่อหน้าเขา มุกสีครามเข้ามาเป็นเกราะกำบัง!

 

ด้ายโลหิตมิอาจทะลวงผ่านมุกสีครามได้และถูกสะท้อนกลับไป แต่ก่อนที่การโจมตีจะจบลง กระบี่ทองสามเล่มก็แล่นผ่านลงมาตัดด้ายโลหิตทั้งสิบจนขาดท่อน

 

ด้ายโลหิตที่ขาดถูกดึงกลับไปยังมือของหุ่นเชิดสีเงิน หุ่นเชิดยิ้มอย่างเยือกเย็น

 

“มิเพียงแต่จะอ้อนวอนขออภัย เจ้ายังกล้าขัดขืนข้าอีก!”

 

แม้ว่าเป็นธรรมดาที่มนุษย์คนอื่นจะต้องทำตามสัญชาตญาณเมื่อตกอยู่ในอันตราย แต่กับคนอย่างซือหยู การต่อสู้โต้กลับคือการตัดสินใจของเขาเสมอ นี่จึงบ่งบอกได้ว่าซือหยูไม่ได้หวาดกลัวต่อหุ่นเชิดนี้เลย!

 

“ถ้าเจ้าไม่แตะต้องของที่เจ้าไม่มีสิทธิ์จะได้รับ ข้าก็อาจจะอภัยให้เจ้า แต่เจ้าแตะต้องมันไปแล้ว ข้าปล่อยให้เจ้ารอดแน่!”

 

หุ่นเชิดสีเงินปล่อยจิตสังหารออกมา

 

ไม่รู้ว่าเหตุใด ตั้งแต่ที่ซือหยูเอามุกวิญญาณเก้าหยกมา หุ่นเชิดสีเงินก็ตั้งมั่นที่จะสังหารเขา และก็ดูเหมือนว่าการสังหารซือหยูจะสำคัญยิ่งกว่าการเอามุกวิญญาณเก้าหยกคืนไปเสียอีก!

 

“ตายซะ!”

 

หุ่นเชิดสีเงินตะโกนอย่างเยือกเย็น ทั้งร่างของมันปกคลุมไปด้วยบางอย่างที่มีสีเลือด นั้นคือด้ายโลหิตนับไม่ถ้วนที่ถูกปล่อยผ่านรูขุมขนออกมา!

 

หุ่นเชิดสีเงินดูราวกับภูเขาที่ลุกเป็นไฟในพริบตา ด้ายโลหิตนับพันล้านเส้นพุ่งออกมาจากร่างกาย!

 

ซือหยูหวั่นกลัว เขาเริ่มที่จะอัดพลังชีวิตใส่มุกสีครามสร้างลำแสงออกมาปกคลุมกาย

 

ซู่ม

 

จากนั้นแสงสีครามก็ถูกทะเลโลหิตโอบล้อม! คลื่นด้ายโลหิตนับไม่ถ้วนปะทะกับลำแสงทำให้เกิดคลื่นบนพื้นผิวของลำแสง

 

แต่นี่เป็นเพียงคลื่นแรกของด้ายโลหิต จากนั้นด้ายโลหิตนับไม่ถ้วยก็มาจากทางด้านหลัง!

 

แกร๊ก

 

ไม่นาน เสียงแตกมากมายก็ดังมาจากลำแสงสีคราม รอยแยกที่ดูคล้ายกับเส้นผมค่อยๆแผ่ขยายไปทั้งลำแสง!

 

จากนั้นก็มีด้ายโลหิตเส้นหนึ่งที่ลอดผ่านรอยแตกมาได้และพุ่งตรงเข้าหาซือหยู! เขาใช้กระบี่ทองในมือรีบตัดมันออก! แต่ลำแสงก็ทนรับการโจมตีจากภายนอกไม่ไหวอีกแล้ว!

 

รอยแตกเล็กๆค่อยๆขยายขนาดจนถึงครึ่งของลำแสง รอยแตกค่อยๆกว้างขึ้นเรื่อยๆ ด้ายโลหิตหลายเส้นพุ่งผ่านรอยแตกมาได้แล้ว!

 

ซือหยูถือกระบี่ด้วยมือข้างเดียวตัดด้ายโลหิตที่พุ่งเข้ามา ขณะที่มืออีกข้างกำหมัดแน่น อากาศรอบๆตัวเขาบีบอัดกันในฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง

 

ไม่นานก็เกิดพลังทมิฬทรงพลังขนาดเท่าดวงตาในฝ่ามือของซือหยู มันส่งเสียงสายฟ้าคำรามเบาๆออกมาด้วย แรงบีบอัดที่มหาศาลทำให้มิอาจยั้งอยู่จนมันจะระเบิดออกมาแล้ว!

 

พร้อมกันนั้นเอง โลหิตจากมือซือหยูเริ่มหยดไหลออกมา มือของเขาเต็มไปด้วยโลหิต

 

แขนทั้งข้างส่งเสียงแตกหัก เสียงกระดูกหักดังภายใต้แรงดันรุนแรง

 

อย่างที่ราชาปีศาจกล่าวเอาไว้ ทั้งแขนซ้ายของเขาจะใช้ไม่ได้ถ้าหากฝืนใช้วิชาเดิมเป็นครั้งที่สอง ดูเหมือนว่าแขนของเขาจะไม่ต่างอะไรกับแขนที่ใช้การไม่ได้อีกแล้ว!

 

เคราะห์ดีที่ซือหยูมีประสบการณ์จากการบ่มเพาะพลัง แม้ว่ากายภาพของเขาจะไม่แข็งแกร่งนัก เขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าคนอื่นในระดับพลังเท่ากัน นี่จึงเป็นเหตุผลเดียวที่แขนของเขายังทนรับแรงกดดันมหาศาลนี้ได้!

 

ปั้ง!

 

ลำแสงแตกเป็นเสี่ยงๆพร้อมกับด้ายโลหิตที่หลั่งรินเข้ามา! ซือหยูไม่ลังเลอีกต่อไป เขาปล่อยพลังออกจากฝ่ามือ! ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใดมิติก็แหลกเป็นเสี่ยง

 

จากนั้นทะเลโลหิตก็ถูกบอลทมิฬทะลวงผ่านจนเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่! แสงตะวันจากเบื้องบนสาดส่องลงมาทำให้ซือหยูเห็นท้องนภาอีกครั้ง

 

แต่ในครั้งนี้ไม่เหมือนก่อน ซือหยูไม่ยอมเสียเวลาอีกแล้ว เขาก้าวไปบนมุกสีครามและตามพลังทมิฬของตัวเองไปเพื่อขึ้นที่สูง เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็หนีออกจากทะเลโลหิตและตรงไปยังทางออกข้างบนตำหนักกระดูกได้!

 

หุ่นเชิดสีเงินงุนงงไปชั่วครู่ ใบหน้าแสดงความแปลกใจ มันไม่คิดว่าซือหยูจะมีการโจมตีในระดับนั้นอยู่ด้วย! ซือหยูอาจจะแข็งแกร่งกว่าภูติทั่วๆไป!

 

แต่ที่หุ่นเชิดสีเงินตกใจมากกว่าก็คือเรื่องที่ซือหยูโจมตีด้วยพลังระดับนี้ได้ในการจำกัดพลังของกระโจมเทพสวรรค์ ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าเขาจะถูกพลังมิติย้ายออกไปเลย! นี่ทำให้เขาดูแปลกกว่าคนอื่น!

 

หุ่นเชิดสีเงินทำใจให้เห็นลงและพูดขึ้นมา

 

“คิดว่าเจ้าจะหนีไปจากข้าได้รึ? เจ้าจะประเมินข้าต่ำไปแล้ว!”

 

เมื่อเขาพูดร่างก็ส่องประกายแสงสีเงิน เขากลายเป็นเงาลางไล่ล่าซือหยูในเสี้ยววินาที!

 

หุ่นเชิดสีเงินเปลี่ยนฝ่ามือเป็นกระบี่ตัดผ่านพื้นที่เปิดบริเวณหน้าผากของซือหยู การเคลื่อนไหวของมันเร็วปานสายฟ้า ถ้าหากเป็นคนธรรมดาซือหยูก็คงจะหมดสติไปแล้ว!

 

แต่ซือหยูใจเย็นโดยสมบูรณ์ เขาเรียกกระบี่ยาวที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้าออกมาถือด้วยมือซ้าย เขาอัดพลังชีวิตลงไปและฟันไปยังเบื้องล่าง!

 

คลื่นกระบี่อันทรงพลังตัดผ่านลงไปราวกับสายฟ้า

 

“สมบัติกึ่งวิญญาณอัสนีงั้นรึ?”

 

หุ่นเชิดสีเงินตกตะลึงอีกครั้ง!

 

แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมา

 

“กระบี่แข็งแกร่งโดยแท้จริง ถ้าหากภูติระดับกลางเป็นคนใช้งาน…ข้าอาจจะต้องกังวล…”

 

เมื่อเขาพูด เขาก็ฟันมือไปโดยไร้ความกลัว!

 

พลังกระบี่ของซือหยูจู่ๆก็หันกลับและพุ่งตรงเข้าใส่ซือหยูหลังจากที่ปะทะกับฝ่ามือของหุ่นเชิดสีเงิน! หากดูที่ฝ่ามือของหุ่นเชิดจะพบว่ามันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน!

 

พลังกระบี่สายฟ้าที่ย้อนกลับมาเคลื่อนไหวเร็วยิ่งกว่าเดิม ไม่นานมันก็ไล่ตามซือหยูทัน! แต่น่าแปลกที่ซือหยูไม่ได้กลัวเลย เขากลับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

 

จากนั้นเกราะราชาศิลานิรันดร์ก็ปรากฏออกมา ขณะเดียวกันมุกสีครามใต้เท้าก็ปล่อยลำแสงสองชั้นออกมาเพื่อป้องกันให้เขาปลอดภัย

 

จากนั้นพลังกระบี่ที่พุ่งเข้ามาก็ปะทะกับชั้นพลังป้องกัน! ลำแสงสีครามแตกเป็นเสี่ยงๆ! ซือหยูเองยังได้รับผลกระทบจากการสั่นสะเทือนรุนแรง กลิ่นโลหิตเริ่มคละคลุ้งในลำคอ

 

แต่ด้วยผลจากแรงกระแทกก็ทำให้ซือหยูหนีออกมาได้! นั่นเป็นตอนเดียวกับที่หุ่นเชิดสีเงินรู้ตัวว่าซือหยูทำอะไรลงไป ซือหยูรู้ว่ากระบี่สายฟ้าทำร้ายมันไม่ได้ เขาจงใจจะใช้เพื่อสร้างแรงปะทะให้ตัวเองหนีพ้น!

 

“หลอกใช้ข้าเรอะ?”

 

หุ่นเชิดสีเงินโกรธแค้น มันไม่พอใจที่สายตาไม่กว้างไกลพอจนถูกคนอายุไม่กี่ปีหลอกใช้

 

เมื่อหุ่นเชิดพูดจบก็มีพลังทมิฬเข้ามาอีกครั้ง! นั่นทำให้มันโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม

 

“พวกเจ้าอยากตายมากนักสินะ!”

 

หุ่นเชิดโกรธแค้น สองคนหนีไปทีละคนต่อหน้าต่อตามัน!

 

หุ่นเชิดกำลังจะไล่ล่าผู้หลบหนีทั้งสองคน แต่ก่อนจะได้ออกไปก็หันไปมองคนสุดท้ายที่ยังอยู่ที่นี่ นั่นคือจางซื่อเหลียน!

 

จางซื่อเหลียนยังคงยืนอยู่ที่เดิมและดูเหมือนจะไม่คิดหนี แววตานางจับจ้องไปยังหุ่นเชิดสีเงินโดยไม่ได้มีความตื่นตระหนกตกใจ นางก็แค่มองการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น

 

เอ๋? หุ่นเชิดสีเงินตกใจ มันมองจางซื่อเหลียนในแววตาราวกับว่าค้นพบอะไรบางอย่างในตาคู่นั้น ไม่นานมันก็ประหลาดใจ

 

“เจ้าเป็น….”

 

จางซื่อเหลียนไม่พูดอะไร นางเพียงแค่ยิ้ม

 

หุ่นเชิดสีเงินลังเลใจ มันครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมา

 

“ช่างเถอะ ไม่ว่าใครจะเชิญเจ้ามาที่นี่ ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน!”

 

มันพูดจบและไล่ตามซือหยูกับราชาปีศาจไป จางซื่อเหลียนนั้นยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนและหัวเราะโดยไม่พูดอะไร แววตาของนางซุกซ่อนอะไรบางอย่างไว้อย่างลึกล้ำ…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด