The Divine Nine Dragon Cauldron 621

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 621 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหล่ากึ่งภูติข้างหลังซือหยูเข้ามาใกล้เขา แววตาของเขาเย็นชาลง

 

“ดี ข้าตั้งใจจะกลับไปหาเจ้า แต่กล้ากลับมาหาข้าถึงที่นี่ เช่นนั้นข้าคงต้องกำจัดเจ้าที่นี่”

 

ซือหยูมิอาจอภัยฟู่หงซื่อที่เกิดตัณหาต่อเซี่ยจิงหยู ทางเดียวที่จะกำจัดคนชั่วช้าเช่นนี้คือการสังหาร

 

“เอ๋? ข้าเกือบจะลืมเจ้าอยู่แล้วเชียว! เจ้ามันไอ้เด็กโง่เขลา เจ้ามีดีอะไรกันหยุนเซี่ยงถึงได้เต็มใจจะเป็นเมียน้อยเจ้า?”

 

ฟู่หงซื่อมองซือหยูอย่างเยือกเย็น เขาแสยะยิ้มที่มุมปาก

 

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะรอก่อนที่จะฆ่าเจ้า ข้าจะให้เจ้าได้ดูว่าข้าเล่นกับนังโสเภณีนี่ยังไงก่อนนางจะตาย! แล้วข้าก็จะให้นางได้ดูว่าคนที่นางรักนักหนามันอ่อนแอแค่ไหน”

 

“จับมัน!”

 

ฟู่หงซื่อตะโกนเสียงดัง เขาสั่งคนหลายสิบคนให้ลงมือ

 

กลุ่มกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงรับคำสั่ง พวกเขาทิ้งไว้แต่เพียงภาพติดตาเมื่อพุ่งเข้าหาคนทั้งห้า

 

กังต้าเหล่ยเบิกตากว้าง

 

“เจ้าตำหนักฉี อาจารย์หลิน แม่นางฉี เราควรจะแยกกัน อาจจะมีใครสักคนที่หนีรอดก็ได้”

 

พลังมหาศาลปะทุออกมาจากร่าง เขาโบกมือ มังกรวารีพุ่งขึ้นมาจากท้องทะเลเข้าใส่กึ่งภูติสองคนที่กำลังจะคว้าตัวฉีหยุนเซี่ยง

 

“เซี่ยงเอ๋อ เจ้าต้องหนี! ไม่ต้องห่วงพ่อ!”

 

ฉีตงไล่ตะโกนเสียงแข็ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ

 

พวกเขาแทบจะหนีออกมาจากเรือรบไม่ได้ แต่พวกเขายังต้องเจอกับสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่า ลูกสาวเขาคงจะต้องเจอกับชะตาที่ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตาย!

 

“ถ้าพวกเจ้าหนีไปจากคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จำนวนมากขนาดนี้ได้ เช่นนั้นหมูก็คงบินได้ละมั้ง!”

 

ฟู่หงซื่อเยาะเย้ย

 

เหล่ากึ่งภูติแยกย้ายกันไล่ล่าคนทั้งหมด สองคนไล่ตามกังต้าเหล่ยกับเจ้าตำหนักฉีเพื่อสังหาร ขณะที่สุดท้ายไปจับตัวฉีหยุนเซี่ยง

 

“ต่อให้ข้าตาย เจ้าก็จะไม่มีวันได้แตะต้องข้า!”

 

ฉีหยุนเซี่ยงรู้ว่านางมิอาจหนีความตายพ้น นางหยิบเอามีดมรกตออกมาจ่อคอ ถ้าหากพวกมันเข้าใกล้ นางจะปลิดชีวิตตัวเองทิ้งซะ!

 

“เจ้าคิดจะขู่ข้าอย่างนั้นรึ? น่าขันนัก!”

 

ฟู่หงซื่อหัวเราะนางอย่างชั่วร้าย

 

“ข้าเตรียมตัวมาแล้ว”

 

“เซี่ยงเอ๋อ ระวัง!”

 

ฉีตงไล่ตะโกนขึ้นมา

 

เงาโปร่งใสปรากฏที่หลังฉีหยุนเซี่ยง มันคือกึ่งภูติหนึ่งคนที่ใช้สมบัติวิเศษอำพรางตัวจนมาถึงข้างหลังนาง

 

น่าเสียดายที่คำเตือนของฉีตงไล่มาสายเกินไป กึ่งภูติคนนั้นแตะไปที่สายพลังที่ด้านหลังฉีหยุนเซี่ยง ร่างนางอ่อนยวบลง พร้อมกันนั้น มีดในมือยังหล่นไปอีก

 

เงาโปร่งใสข้างหลังแบกนางและบินไปยังข้างฟู่หงซื่อ

 

“นายน้อย ข้าจับนางมาแล้ว”

 

ทหารรายงานกับฟู่หงซื่อ

 

แต่ความยินดีก็ไม่ได้ปรากฏที่ตาฟู่หงซื่อ แววตากลัวเต็มไปด้วยความสงสัย ตกใจ และหวาดกลัว

 

ทหารคนนั้นตกใจ เขาหันไปรอบๆ แต่ตอนนั้นเขาก็พบว่าตัวเองมิอาจบิดศีรษะได้! นั่นก็เพราะว่าร่างกายของเขาตั้งแต่คอลงไปถูกคนบั่นทิ้งไปแล้ว!

 

ร่างกายของเขาล้มลงไปแล้ว มีแค่หัวที่บินไปรายงานกับฟู่หงซื่อ! ฟู่หงซื่อมองภาพอันน่ากลัวด้วยความสงสัย…

 

สมบัติเทพชิ้นใดกันที่คมจนบั่นคอคนได้จนไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย?

 

และมันคือวิชาที่รวดเร็วแม่นยำแบบใดกัน ถึงได้บั่นคอกึ่งภูติที่บินด้วยความเร็วสูงได้เช่นนี้?

 

ทุกคนเงียบกริบ แม้แต่กึ่งภูติสองคนที่บินไปฆ่าฉีตงไล่กับกังต้าเหล่ยก็หยุดลง

 

หัวนั้นไร้พลัง มันได้ลอยโค้งมาที่อกฟู่หงซื่อ มันกลิ้งอยู่บนอกจนหันไปอีกด้าน เมื่อถึงตอนนั้นทหารหัวขาดจึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

 

เขาเห็นชายหนุ่มผมสีเงินกอดฉีหยุนเซี่ยงเอาไว้ ชายคนนั้นมีกระบี่ทองเล่มเล็กในมือ เหตุการณ์นี้คือสิ่งสุดท้ายที่เขาได้เห็นในชีวิตนี้

 

“เจ้าไม่เป็นไรนะ?”

 

ซือหยูอัดพลังชีวิตให้กับฉีหยุนเซี่ยง มันทำให้นางใช้พลังได้อีกครั้ง

 

ฉีหยุนเซี่ยงมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า นางที่อยู่ในอ้อมอกซือหยูค่อยๆลืมตากว้าง นางตกใจมาก นางหยุดสงสัยไม่ได้ว่าซือหยูทำได้ยังไง!

 

ฟู่หงซื่อ กังต้าเหล่ย และคนที่เหลือตกตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น การสังหารกึ่งภูติได้ทันทีมิใช่เรื่องน่าตกใจนัก แต่แปลกที่ไม่มีใครเลยที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่กึ่งภูติคนนั้นจะตาย พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซือหยูเอาตัวฉีหยุนเซี่ยงมาตอนไหน

 

อึก!

 

เมื่อฟู่หงซื่อกลับมาได้สติจากความกลัวและความตกใจ เขาโยนหัวของทหารที่เบิกตากว้างตายไปแล้วทิ้ง เขาหันบินหนีและสั่ง

 

“ฆ่ามัน! พวกเจ้าทุกคน เล็งแค่ซือหยู”

 

กลุ่มกึ่งภูติลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า เขาตะโกนเสียงดัง

 

“ทุกคน บุก…”

 

เสียงของเขา…และชีวิตของเขาดับลงไปเมื่อพูดคำสุดท้าย นั่นก็เพราะคอของเขาถูกกระบี่ทองบั่นจนขาดสะบั้น

 

โลหิตกระจายไปทั่วพื้น ดวงตาของเขาเสื่อมความสดใส ร่างค่อยๆล้มลงกับพื้น เสียงล้มนั้นสะท้อนไปทั่วบริเวณ

 

“อ๊าก! หนีเร็ว”

 

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เหล่ากึ่งภูติขนลุก พวกเขาตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกแห่งเฉินหลงที่พวกเขารู้จัก

 

คว้าง!

 

แสงสีทองเปล่งประกาย หัวของคนที่พูดคนสุดท้ายลอยขึ้นฟ้า ภาพการนองเลือดของบรรดากึ่งภูติทำให้กึ่งภูติที่เหลือหวาดกลัวมาก

 

“ข้าบอกให้พวกเจ้าไปได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

เสียงดังมาจากซือหยู แม้น้ำเสียงจะเยือกเย็น มันก็ดูทรงพลังสำหรับพวกเขา คำพูดนี้น่ากลัวยิ่งกว่าคำพูดของเจ้าพันธมิตรเสียอีก!

 

“ถ้าใครกล้าไปไหนสักก้าวเดียวโดยที่ข้าไม่บอก ข้าจะฆ่าทิ้งเสีย”

 

ซือหยูวางฉีหยุนเซี่ยง เขาสั่งคนรอบๆ

 

กลุ่มกึ่งภูติหยุดเคลื่อนไหวเมื่อได้ยินคำสั่ง ในตอนนั้น แสงสีทองเปล่งประกายสามครั้ง แต่ละครั้งจะได้มาซึ่งชีวิตคน!

 

วิชาประหลาดนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวมาก เหงื่อเม็ดโตผุดออกมาจากหน้าผากแต่ก็ไม่มีใครกล้าเช็ดมัน นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่แน่ใจว่าหัวของตัวเองจะลอยขึ้นมาหรือไม่ถ้าหากยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อ!

 

“ดี ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่มีใครตาย”

 

หลังจากที่ซือหยูวางฉีหยุนเซี่ยง เขามองฉีตงไล่กับคนที่เหลือ คนเหล่านี้ยังมีแววตากังวล

 

“คนพวกนี้คือกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์รึ?”

 

ซือหยูเข้าใจแล้วว่าทำไมกำลังของทวีปเฉินหลงจึงได้ถูกยึดครองไปมาก! มิใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะพวกเขาขาดใจสู้! เพราะซือหยูเพิ่งจะฆ่าไปสามคน แต่ทั้งหมดกลับหยุดเคลื่อนไหวทันทีที่ซือหยูสั่งราวกับสุนัขในโอวาท!

 

ถ้าหากพวกเขาบินหนีไปคนละทิศทาง มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะตามฆ่าได้หมด แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะเสี่ยง พวกเขาจึงได้แค่ยอมจำนน ซือหยูบอกได้เลยว่าการถูกบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียวในก้นบึ้งมังกรเมื่อถูกรุกรานหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงจะต้องเป็นเช่นใด!

 

เมื่ออาจารย์หลินกลับมาได้สติ เขาสูดหายใจเข้าลึกและมองเหล่าทหารอย่างเห็นใจ

 

“พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มักจะไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ของทวีป พวกเขาขาดประสบการณ์ในการต่อสู้จริง เจ้าไม่ควรจะไปกล่าวโทษเช่นนั้น โดยเฉพาะเมื่อคนเหล่านี้ต้องมาพบกับสัตว์ประหลาดอย่างเจ้า!”

 

ซือหยูสังหารทุกคนได้แค่เพียงการแกว่งกระบี่ครั้งเดียว ดังนั้นทุกคนจึงหวาดกลัวเขา! แม้แต่อาจารย์หลินกับฉีตงไล่ก็คิดว่าทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่ากันเมื่อต้องเจอกับตัวตนที่น่าหวาดกลัวอย่างซือหยู!

 

กังต้าเหล่ยตกใจมาก

 

“ข้าคิดว่าตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดมาตลอด แต่พอได้เห็นเจ้าก็เลยรู้ว่าข้าน่ะยังเป็นมนุษย์ แต่เจ้าคือสัตว์ประหลาดจริงๆ!”

 

ครั้งแรกที่ได้พบ ซือหยูอ่อนแอกว่ากังต้าเหล่ยมาก แต่หลังจากที่เดินทางไปยังกระโจมเทพสวรรค์ ซือหยูได้กลายเป็นตัวตนที่กังต้าเหล่ยได้แต่แหงนหน้ามอง

 

ซือหยูเบ้ปากเมื่อได้ยินพวกเขาเรียกเขาว่าสัตว์ประหลาด

 

“เอาเถอะ ข้าจะไปที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ตอนแรกข้าจะไปที่นั่นเพียงเพื่อกำจัดฟู่หงซื่อเท่านั้น แต่ท่านเจ้าพันธมิตรหลงกำลังแย่ ข้าจะไปช่วยเขาด้วย”

 

ความยอมรับซือหยูในตัวฉีหยุนเซี่ยงเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด นางไม่กล้าจะมองเขาตรงๆด้วยซ้ำ เพราะเขาตระการตาเกินไป…ราวกับองค์เทพ!

 

ความต่างในพลังอันมหาศาลของทั้งคู่ยิ่งสร้างแรงกดดันต่อนาง แต่มันก็ทำให้นางยอมรับเขายิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มที่ต้องการการปกป้องของนางในอดีต…ตอนนี้ได้กลายเป็นองค์เทพไปแล้ว!

 

“ข้าจะไปกับเจ้า ถ้าทหารพวกนี้กลายเป็นของเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องห่วงพวกเราแล้ว”

 

เมื่อฉีหยุนเซี่ยงกลับมาได้สติ นางหน้าแดงขึ้นมา

 

ซือหยูส่ายหน้าอย่างมั่นใจ

 

“มิใช่เลย เรื่องที่ข้ากังวลมิใช่เรื่องพวกทหาร แต่เป็นราชาโลกดับสูญที่ยังไม่ปรากฏตัว ถ้าฟู่กังซานควบคุมเขาไปแล้ว เจ้าก็จะเป็นจุดอ่อนตอนที่ข้าต่อสู้กับเขา”

 

ฉีตงไล่โล่งใจเมื่อได้ยินซือหยูพูดเช่นนั้น

 

“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ราชาโลกดับสูญจะปรากฏตัวเมื่อมีคนที่มีระดับภูติขึ้นไปเท่านั้น”

 

หลินหยุนฮีพยักหน้า

 

“ใช่แล้ว เจ้ามิต้องกังวลหรอก”

 

“ถ้าอย่างนั้น…ข้าก็ต้องกังวลแล้วล่ะ…”

 

ซือหยูหัวเราะ

 

เอ๋? เมื่อทั้งสี่คนได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาตัวแข็งราวกับศิลา

 

“เจ้าจะบอกว่าเจ้าปล่อยพลังระดับภูติออกมาได้รึ?”

 

ฉีหยุนเซี่ยงถามด้วยความตกตะลึง

 

ในตอนนี้ แม้แต่ฉีหยุนเซี่ยงก็หยุดไม่ได้ที่จะมองเขาเป็นสัตว์ประหลาด

 

“เพราะเหตุนี้ ข้าเลยต้องไปคนเดียว”

 

ซือหยูหยุดพูดไปครู่หนึ่งและพูดต่อ

 

“รอที่นี่สักเดี๋ยว”

 

เขาทะยานขึ้นฟ้าไปหาทหารที่เหลือสิบหกคนด้วยสายตาทะลุทะลวง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด