The Divine Nine Dragon Cauldron 637

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 637 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เปิดที่นี่ซะ ข้าจะเอาคนของข้าออกไปทันที ไม่อย่างนั้นถ้าคนข้างนอกไม่เห็นตัวข้า พวกมันจะเริ่มลงมือ เจ้าพวกผู้เฒ่าไร้กระดูกสันหลังของเจ้ารับมือกับกองทัพกึ่งภูติของข้าไม่ไหวแน่ แล้วเจ้าก็ยังมีคนไร้ประโยชน์อยู่ในกองทัพตัวเอง รังแต่จะทำร้ายตัวเจ้าเอง ถ้าเจ้าไม่อยากให้โลหิตของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไหลเป็นแม่น้ำออกมาก็จงทำตามที่ข้าบอกซะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งเดี…”

 

หลงจื้อชิงส่ายหน้า

 

“มันสายไปแล้ว ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร ข้าก็ต้องกลับไปพร้อมกับเลือดของเจ้า”

 

“เวลาแค่ถ้วยชาเดียวก็เกินพอสำหรับข้าแล้ว”

 

หลงจื้อชิงตะโกน

 

ราวกับราชาโลกดับสูญได้ฟังคำสั่ง เขากู่ร้อง ร่างของเขาหายไป

 

“อ๊าก!!”

 

ชายผมม่วงกระอักเลือดออกมาทันที แขนขวาของเขากลายเป็นบ่อน้ำพุที่พ่นโลหิตฟุ้งกระจาย ที่อกของเขายังมีรอยกรงเล็บอีกด้วย รอยกรงเล็บนี้ลึกจนเห็นไปถึงกระดูก!

 

ชายหนุ่มผมม่วงหวาดกลัวจนต้องตะโกนร้อง! มันน่ากลัวเกินไป! เขาไม่ได้รู้สึกว่าต่อสู้กับมนุษย์อยู่เลย มันให้ความรู้สึกราวกับสัตว์ป่ากระหายเลือด!

 

แค่ทีเดียวเขาก็เกือบตาย เขาแทบจะเอาแขนขวามาป้องกันไม่ทัน มิเช่นนั้นเขาก็คงจะตายไปแล้ว!

 

เมื่อเขาหันไปมองราชาโลกดับสูญก็พบว่าที่มือของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด แม้แต่ใบหน้าก็ถูกย้อมด้วยโลหิต! ดวงตาว่างเปล่าจ้องมองเขาพร้อมกับส่งเสียงคำราม ร่างกายของราชาโลกดับสูญหายไปอีกครั้ง

 

ชายหนุ่มผมม่วงหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ตัวเขามิอาจป้องกันกระบวนท่าอื่นใดได้แล้ว เขาตะโกนเสียงดังและทุบสร้อยหยกในอกจนแตก

 

“ได้โปรดเถอะท่าน ออกมาช่วยข้าเร็ว!”

 

พลังมิติปะทุออกมาจากสร้อยหยก ร่องมิติปรากฏขึ้นมาจากที่ปิดตายแห่งนี้ ชายวัยกลางคนที่สวมสุดเกราะสีเลือดรีบเดินออกมา

 

เขามีใบหน้าเหลี่ยมและใบหูที่ใหญ่ แต่เขาก็ดูสง่างาม เขาปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาด้วย ที่ลึกลับที่สุดก็คือรอยพิมพ์รูปมังกรที่หน้าผากของเขา…

 

“มังกรศักดิ์สิทธิ์”

 

หลงจื้อชิงดวงตาสั่นระริก

 

หลงจื้อชิงสืบเรื่องการนำทัพของศัตรูและพบว่ามีอยู่สองรูปแบบ แบบแรกคือการนำทัพเป็นกลุ่มอย่างที่ชายหนุ่มผมม่วงทำ ภูติแทบจะทั้งหมดจะนำทัพเช่นนี้ พวกเขามีคนในหลายขั้นพลัง คนที่อ่อนแอที่สุดก็คือเด็กหนุ่มผมม่วงคนนี้ เขาคือภูติระดับหนึ่ง ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดคือภูติระดับสาม

 

ส่วนผู้นำอีกรูปแบบจะทำงานอยู่เบื้องหลัง พวกเขาแทบจะไม่แสดงตัวออกมาเลย ผู้นำทุกคนล้วนถูกเรียกว่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์ของผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็คือตรามังกรที่หน้าผาก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงถูกเริ่มเรียกว่ามังกรศักดิ์สิทธิ์

 

หลงจื้อชิงไม่แน่ใจว่ามีผู้ศักดิ์สิทธิ์อยู่กี่คนหรือว่าผู้ศักดิ์สิทธิ์แต่ละคนแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาเพียงรู้ว่าในช่วงเวลาที่ดุเดือดที่สุดของการต่อสู้ ผู้ศักดิ์สิทธิ์มักจะปรากฏตัวเข้ามาร่วมด้วย

 

เช่นในตอนที่ราชาโลกดับสูญเริ่มไล่สังหารภูติเป็นครั้งแรกในสงครามคราวก่อน คนของศัตรูต้องถอยหนีด้วยความกลัว ในตอนนั้นเองก็มีผู้ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้นมา เขาเรียกตัวเองว่าห้าศักดิ์สิทธิ์ เพียงแค่ปัดมือครั้งเดียวก็ทำให้ราชาโลกดับสูญจมธรณีไปยังส่วนที่ลึกที่สุด

 

สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนไปเพราะผู้ศักดิ์สิทธิ์ กำลังฝั่งเฉินหลงต้องล่าถอยเพราะความพ่ายแพ้ ขณะที่กำลังจากต่างโลกเริ่มที่จะสวนกลับ นั่นทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมาก

 

แม้ว่าห้าศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นจะทำให้ความเป็นต่อสองสงครามกลับขั้ว เขาก็ไม่ถูกใครเห็นใบหน้าเลย พวกเขาเห็นเพียงภาพฉายแสงที่ไม่ชัดเจนเท่านั้น

 

การต่อสู้ครั้งนั้นคือครั้งแรกที่ทวีปเฉินหลงได้พบกับผู้ศักดิ์สิทธิ์และพวกเขาก็ไม่เคยพบกับผู้ศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าผู้ศักดิ์สิทธิ์คนอื่นจะปรากฏตัวมาอีกในตอนนี้!

 

“ท่านแปดศักดิ์สิทธิ์”

 

ชายหนุ่มผมม่วงดีใจมาก เขาคุกเข่าลงหนึ่งข้างทันทีเพื่อทำความเคารพ

 

ชายวัยกลางคนปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาพร้อมกับมองชายหนุ่มผมม่วงที่เสียแขนไปหนึ่งข้าง

 

“ไอ้ขยะเอ้ย ขุนพลอย่างเจ้าต้องอุบายเสียเต็มตัว…”

 

ชายหนุ่มผมม่วงไม่กล้าจะโต้เถียง เขาก้มหน้าต่อมังกรศักดิ์สิทธิ์

 

“แต่ดูเหมือนข้าก็ไม่ได้มาเสียเที่ยว เพราะเจ้าล่อไอ้ศพนี่ออกมาได้”

 

“ขอบคุณท่านแปดศักดิ์สิทธิ์”

 

ชายหนุ่มผมม่วงดีใจมากเมื่อได้รับคำชมเชย

 

หลงจื้อชิงใจหาย เขาตกใจมาก

 

“หมายความว่ายังไง? เป้าหมายของเจ้าคือราชาโลกดับสูญเรอะ?”

 

หลงจื้อชิงเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้

 

ชายหนุ่มผมม่วงพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม

 

“สำนักอ่อนแออย่างพวกเจ้าที่ควรจะถูกทำลายไปตั้งนานแล้วคู่ควรกับที่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ต้องลงมือเองด้วยรึ?”

 

ฟึ่บ!

 

ราชาโลกดับสูญพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มผมม่วงอย่างรวดเร็วราวกับผีเพราะถือว่าเขาคือเป้าหมาย พลังกายอันน่ากลัวสามารถฉีกฝั่งตรงข้ามให้เป็นเสี่ยงๆอย่างง่ายดาย

 

“หึหึ ครั้งที่แล้ว ห้าศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเวลามาจัดการเรื่องนี้เลยต้องใช้ร่างเทียมมาจัดการ มิเช่นนั้นก็คงจับไอ้ผีนี่มาได้่แล้ว! จะรออะไรอีกเล่า?”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์หยิบเอาลูกแก้วออกมาในมือ

 

ลูกแก้วนี้มีสายฟ้าอันทรงพลัง พลังของมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าวิบัติอัสนีในตัวผู้เฒ่าจิวเลย

 

“ถ้าคนที่แข็งแกร่งอย่างเจ้ายังไม่ตาย ข้าก็คงต้องหนีไปจากเจ้า แต่น่าเสียดายนักที่เจ้าก็แค่เสี้ยววิญญาณ…”

 

เปรี๊ยะ!

 

วิบัติอัสนีพุ่งออกมาจากลูกแก้วไปยังราชาโลกดับสูญ

 

โฮก!

 

เขม่าควันดำลอยออกมาจากตัวราชาโลกดับสูญ ดวงตาอันว่างเปล่าของเขามองตรามังกรที่หน้าผากของแปดศักดิ์สิทธิ์ เขาจ้องมองรอยมังกรอย่างเป็นกังวล

 

ตอนที่ซือหยูไปยังซากใต้ดินกับรองเจ้าตำหนักคนอื่น เขาพบว่าที่นั่นมีวิญญาณอันชั่วร้ายอยู่ และราชาโลกดับสูญก็นอนอยู่ตรงที่นั่น เป็นไปไม่ได้เลยที่ราชาโลกดับสูญจะไม่ได้รับผลจากวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้น

 

และก็เป็นอย่างที่ทุกคนคิด ราชาโลกดับสูญนั้นตายไปแล้ว แต่วิญญาณของเขาไม่ได้สลายไปแม้จะผ่านมาหมื่นปี เขาจึงมีคุณสมบัติของภูติผีและพ่ายแพ้ต่อสายฟ้า

 

“ตามมันไป!”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์หัวเราะ ดูเหมือนเขาจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาโยนลูกแก้วขึ้นฟ้า

 

เปรี๊ยะ!

 

ลูกแก้วระเบิดออก แหยักษ์ที่สร้างจากวิบัติอัสนีพุ่งออกมาและเข้าปกคลุมกายราชาโลกดับสูญ

 

ราชาโลกดับสูญร้องคำรามด้วยความโกรธ ดูเหมือนว่าเขาอยากจะลืมตา แต่เมื่อได้สัมผัสกับสายฟ้า เสียงสายฟ้าลั่นก็ดังมาจากทั้งกาย เขม่าควันลอยออกมาจากตัวของเขา

 

ราชาโลกดับสูญใช้ร่างกายรับพลังสายฟ้าที่น่ากลัวระดับนี้ไม่ได้! ราชาโลกดับสูญร้องคำรามขณะที่แหดักจับตัวเอาไว้

 

“พอแล้วล่ะ”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ปรบมือขณะที่มองดูราชาโลกดับสูญอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันไปมองกล่องหยก

 

“นั่นจะต้องเป็นกล่องที่ห้าศักดิ์สิทธิ์บอกให้ข้าตามหา ประตูคงจะอยู่ในกล่องนั้น มันต้องมีผ้าคลุมจักรพรรดิทองม่วงที่เป็นสมบัติวิญญาณอยู่ด้วย หึหึ ถึงจะตายไปแล้ว เจ้าก็ยังแสดงความภักดีต่อราชาที่ถูกปฏิเสธอยู่ดีสินะ!”

 

ไม่รู้ว่า ‘ราชา’ ที่เขาพูดนั้นหมายถึงใคร แต่เขาก็ขมวดคิ้วเมื่อพยายามจะชิงกล่องหยกมาจากราชาโลกดับสูญ นั่นก็เพราะราชาโลกดับสูญยังถือกล่องหยกเอาไว้แน่น!

 

เมื่อแปดศักดิ์สิทธิ์ใช้พลังกายทั้งหมดและใช้พลังชีวิต ทั้งเรือสั่นอย่างแรง แต่พลังของเขาก็มิอาจแยกกล่องหยกจากมือของราชาโลกดับสูญได้!

 

เขาถอนหายใจแรง แปดศักดิ์สิทธิ์หยิบเอามีดสีขาวออกมา มีดเล่มนี้มีแรงกดดันวิญญาณที่กล้าแกร่ง มันคือสมบัติกึ่งวิญญาณที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์

 

เขาฟันมีดขาวไปยังแขนของราชาโลกดับสูญ แปดศักดิ์สิทธิ์ตั้งใจจะตัดแขนที่ถือกล่องหยกข้างนั้น!

 

แกร๊ง!

 

เสียงกระทบของโลหะสองชิ้นดังขึ้น มีดกึ่งวิญญาณของเขาทำได้แค่ทิ้งรอยเล็กๆบนแขนราชาโลกดับสูญเท่านั้น

 

“พลังอะไรกัน! มันเกือบจะเท่ากับจ้าวเทวะแล้วนะ”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ประหลาดใจมาก

 

“สมกับเป็นองครักษ์ของราชาคนนั้น แม้จะตายไปนาน แต่ร่างกายก็ยังแข็งแกร่ง!”

 

มีซากของเหล่าจ้าวเทวะหลายคนในกระโจมเทพสวรรค์ แต่ทุกคนก็กลายเป็นเถ้าถ่านและเหลือเพียงแค่กระดูกเอาไว้ และพวกเขาตกอยู่ในสภาพนั้นเมื่อผ่านมาแค่ร้อยปีในกระโจมเทพสวรรค์ นั่นเทียบเท่ากับหมื่นปีในทวีปเฉินหลง!

 

มิเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณของราชาโลกดับสูญจะไม่เน่าเปื่อย เขายังมีพลังที่เท่ากับจ้าวเทวะแม้จะตายมาแล้วหมื่นปี! แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็จินตนาการได้เลยว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใดในตอนที่ยังมีชีวิต!

 

“ก็ได้ ขั้นข้าก็เอาร่างของเจ้าไปด้วยเลยแล้วกัน ข้าจะส่งให้กับห้าศักดิ์สิทธิ์จัดการ”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์เก็บมีด

 

ชายหนุ่มผมม่วงหยิบเอาถุงมือที่เปล่งแสงห้าสีออกมา ถุงมือนี้ทำมาจากสมุนไพรสายฟ้าและมีพลังต่อต้านสายฟ้า

 

เขาดึงราชาโลกดับสูญมากับแหสายฟ้าและคว้าตัวเอาไว้

 

แปดศักดิ์สิทธิ์พูดออกมา

 

“ที่ต้องจัดการต่อไปก็คือพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เจ้าจัดการไปซะ แต่เจ้าต้องจับเป็นเด็กสาวทุกคน การบ่มเพาะของห้าศักดิ์สิทธิ์กำลังถึงจุดสำคัญ เขาต้องการหญิงสาวบริสุทธิ์จำนวนมาก เจ้าต้องเตรียมการไว้อย่างดี!”

 

“ย่อมได้ครับท่าน”

 

ชายหนุ่มผมม่วงยิ้ม เขายินดีที่ได้รับใช้แปดศักดิ์สิทธิ์

 

จากนั้นเขาก็มองไปยังหลงจื้อชิงอย่างชั่วร้าย

 

“ข้าจะไม่ให้เจ้าตายดีแน่ กล้าดียังไงมาวางอุบายใส่ข้า!”

 

ฟึ่บ!

 

แสงสีทองแล่นออกมาจากแขนข้างที่เหลืออยู่ของเขา มันคือศรทองคำ! มันรวดเร็วเท่ากับสายฟ้า!

 

แกร๊ก!

 

เป้าของศรทองคำคือแก่นกฎสวรรค์ในมือหลงจื้อชิง! เสียงแตกดังก้อง รอยแตกหลายสายปรากฏบนแก่นกฎสวรรค์ จากนั้นมันก็แตกสลายไป

 

หลงจื้อชิงหน้าซีดราวกับคนตาย เขารู้ว่าเรือรบกำลังจะทำลายตัวเอง!

 

ซ่า!

 

เรือรบเริ่มเปื่อยยุ่ย วัตถุดิบที่ใช้สร้างละลายเป็นวารีอย่างรวดเร็ว แม้แต่กำแพงใหญ่รอบตัวเขาก็ละลายเช่นกัน!

 

“หึหึ ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ!”

 

ชายหนุ่มผมม่วงพูดอย่างเยือกเย็น

 

“เจ้าจะต้องได้เห็นผู้ชายทั้งหมดถูกฆ่า จากนั้นเจ้าจะต้องได้เห็นว่าผู้หญิงทุกคนที่ถูกส่งไปหาท่านห้าศักดิ์สิทธิ์จะเป็นยังไง!”

 

เขาเจอวิธีล้างแค้นอันหอมหวานที่ชั่วร้าย

 

“พวกเจ้าทุกคน ฟังคำสั่งข้า! ฆ่าผู้ชายให้หมดและจับตัวหญิงสาวเอาไว้!”

 

เหล่าทหารของต่างโลกมาอยู่รอบกำแพงใหญ่หมดแล้ว คำสั่งของเขาชี้ชะตาของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ แต่จู่ๆเขาก็ได้กลิ่นโลหิตมาจากนอกกำแพง

 

ชายผมม่วงขมวดคิ้ว เขาคิดว่าคนของเขาเองเริ่มสังหารคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์โดยไม่รอคำสั่งของเขาก่อน เขาเบิกตากว้างและมองไปยังทิศทางของเหล่าทหารฝั่งตัวเองและพบว่าข้างนอกเต็มไปด้วยชิ้นส่วนซากศพ!

 

มีซากศพมากกว่าห้าสิบร่าง สภาพทั้งหมดย่ำแย่ กลิ่นโลหิตโชยมาจากร่างเหล่านั้น เขาจำได้เลยว่าเสื้อผ้าและอาวุธทั้งหมดในร่างไร้วิญญาณเหล่านั้นมาจากคนของเขาเอง!

 

และทั้งหมดยังถูกเผาจนตาย ไม่มีใครเลยที่รอดออกมาได้! เขาเบิกตากว้างและมิอาจเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

 

ใครกันที่สังหารกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงห้าสิบคนกับกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวงสามคนได้ในพริบตาเดียว? แม้แต่แปดศักดิ์สิทธิ์เองก็ทำแบบนี้ไม่ได้!

 

จากนั้นเขาจึงเห็นเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพที่ไหม้เกรียม เขาสวมผ้าคลุมสีดำและมีผมสีเงินไม่เหมือนใคร ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับตำนานอมตะ

 

ที่มือซ้ายของเด็กหนุ่มถือร่มสีเลือดขณะที่มือขวาไพล่หลังเอาไว้ กิเลนน้อยสีชมพูยืนอยู่บนไหล่และหาวอย่างเกียจคร้าน

 

เด็กหนุ่มที่น่าตกใจผู้นี้ถือร่มอย่างสง่างาม รอบๆตัวของเขาเต็มไปด้วยโลหิต เด็กหนุ่มผู้นี้ทำให้ชายหนุ่มผมม่วงตัวสั่นด้วยความกลัว

 

“เจ้า…เป็นใคร?”

 

เขาถามทั้งที่ตัวสั่น

 

ซือหยูมองตรงไปยังเขาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ไม่แยแส ใบแววตาของซือหยูมิได้มีความโกรธแค้นแม้แต่น้อย แต่ยิ่งซือหยูดูเยือกเย็นเท่าใด เขาก็ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น

 

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ?”

 

ซือหยูถาม เขาค่อยๆกางร่มวิเศษบัวแดงช้าๆ

 

ชายหนุ่มผมม่วงสีหน้าหม่นหมอง เขาตะโกน

 

“หยุดเสแสร้งได้แล้ว! ข้าถามว่าเจ้าเป็นคนที่ฆ่าคนพวกนี้หรือไม่? ที่นี่ไม่มีใครนอกจากเจ้า”

 

ในตอนนั้นเอง มีเสียงที่ดูยิ่งใหญ่ดังมาจากด้านหลัง เสียงนั้นดูเศร้าหมองและลึกล้ำ

 

“เจ้า ถอยออกมา!”

 

ชายหนุ่มผมม่วงตกใจ เขาหันไปมองด้านหลัง สีหน้าของแปดศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่น่าดูยิ่งกว่าในตอนที่ตัวเขาเองได้เจอกับราชาโลกดับสูญ ราวกับว่าเขาได้เจอกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่กว่า

 

เขาใจเต้นแรงและตัวสั่น เขารู้สึกไม่ดีเมื่อมองเด็กหนุ่มผมสีเงินเป็นครั้งที่สอง เขาถามซือหยู

 

“ใต้เท้า ได้โปรดปล่อยพวกข้าไปจะได้หรือไม่? พวกเราไม่รู้ว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มีผู้ทรงอำนาจเช่นท่านปกป้องอยู่! ได้โปรดอภัยให้พวกข้าเถอะ”

 

ชายหนุ่มผมม่วงตกตะลึงที่แปดศักดิ์สิทธิ์มิได้กล่าวโทษอะไรกับเด็กหนุ่มผมสีเงินทั้งๆที่เขาคือคนที่สังหารคนของฝ่ายเขาไปจนหมด เขายังพูดอ้อนวอนให้เด็กหนุ่มผมสีเงินปล่อยเขาทั้งคู่ออกไปด้วยซ้ำ!

 

และเมื่อมองให้ละเอียด เขาพบว่าหน้าผากของแปดศักดิ์สิทธิ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในมือทั้งสองข้างของเขาเองก็ชุ่มเหงื่อไม่ต่างกัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด