The Divine Nine Dragon Cauldron 652

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 652 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.652 – ยืมกําลังจากพันลี้

 

ซือหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม

 

“ผู้เฒ่าเฉิน ท่านประเมินทรัพยากรที่เหลือไว้นานเท่าใด?”

 

ผู้เฒ่าเฉินตอบ

 

“มีโอสถหลายชนิด ตําราบ่มเพาะ วัตถุดิบ และสมบัติที่มากพอให้ใช้ได้หนึ่งเดือน”

 

“หนึ่งเดือนก็ไม่เลวนัก”

 

ดวงตาของซือหยูส่องประกายขึ้นมาบ้าง

 

มีกองทัพไม่เยอะนักในดินแดนนี้ มีแค่เขตหลักสิบเขต ตําหนักของเจ้าตําหนักตําหนักเดียวและมีทหารชุดเงินกับชุดม่วงแค่ไม่กี่คน

 

ทรัพยากรที่เหลือให้คนหมื่นคนใช้งานนั้นมีจํากัด

 

“รวบรวมอาจารย์ปรุงโอสถ ให้พวกเขาปรุงโอสถเพิ่ม เราจะจัดลําดับโอสถให้กับคนของพันธมิตรก่อน พวกเขายังอ่อนแอเกินไปมาก”

 

ซือหยูสั่ง

 

การต่อสู้ครั้งก่อนเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ คนหมื่นคนต่อยี่สิบสามต้องใช้การเสียสละคนนับร้อยเพื่อสังหารคนแค่คนเดียว

 

ด้วยพลังตอนนี้ ถ้าต้องเจอกับกองทัพพันคนของห้าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ไม่ต่างไข่ที่ขว้างไปยังหิน ไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียวที่พวกเขาจะชนะ

 

ผู้เฒ่าเฉินหนาวไปถึงกระดูก เขาสงสัย…

 

ซือหยูวางแผนจะต่อสู้กับทัพใหญ่ของห้าศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ? นั่นมันบ้าไปแล้ว!

 

คนหมื่นคนที่มีจะชนะได้ยังไง?

 

“ท่านเจ้าพันธมิตร ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรงๆ ถึงเราจะรวบรวมคนปรุงโอสถมาได้ มันก็ยากอยู่ดีที่จะเพิ่มพลังให้กับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จนถึงระดับที่จะต่อสู้กับทัพของห้าศักดิ์สิทธิ์ได้!”

 

ผู้เฒ่าเฉินพูด

 

เขาพูดต่อด้วยความกังวล

 

“เรามีกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงแค่ยี่สิบคน พวกที่มีแก้วดวงเดียวอีกร้อยคน ด้วยพลังตอนนี้ เราจะไปสู้พวกนั้นได้รึ?”

 

ตามที่ผู้เฒ่าเฉินวิเคราะห์ ถ้าต้องสู้กับทัพของห้าศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่านับสิบเท่า ชัยชนะก็คงจะมีแต่ในนิทานเท่านั้น

 

“ทําตามที่ข้าพูดก็พอ!”

 

ซือหยูตะโกน เขาไม่ยอมรับคําแนะนํา

 

ผู้เฒ่าเฉินตัวสั่น อกของเขารัดแน่น

 

“ขอรับ ท่านเจ้าพันธมิตร”

 

“ถึงทวีปเฉินหลงจะกว้างใหญ่ แล้วที่ไหนที่ที่ปลอดภัย? จะลงใต้ ไปตะวันตก หรือไปตะวันออกได้รึ? ผู้เฒ่าเฉิน ท่านเห็นทางออกหรือไม่?”

 

ซือหยูหันไปมองผู้เฒ่าเฉิน เผยให้เห็นสีหน้าอันว่างเปล่า

 

คําพูดของเขาทําให้ผู้เฒ่าเฉินสั่นไปจนถึงแกนร่าง ผู้เฒ่าเฉินเข้าใจความจริงแล้ว

 

ชือหยูพูดถูก ไม่มีที่อื่นใดอีกแล้วที่ปลอดภัยในทั้งทวีปเฉินหลงแห่งนี้ ไม่มีที่ให้พวกเขาหนี ทางเดียวคือพวกเขาต้องสู้จนถึงที่สุด!

 

“ท่านเจ้าพันธมิตรพูดถูกแล้ว ข้าจะจัดการเรื่องนี้ แต่เรามีวัตถุดิบจํากัด ผู้เฒ่าฉิวที่ปรุงโอสถ ได้ดีที่สุดก็ยังไม่ได้สติ เดือนเองอาจจะเพิ่มกําลังให้พวกเราได้ไม่มากนัก”

 

ผู้เฒ่าเฉินเป็นกังวลอย่างมาก

 

ซือหยูตอบเบาๆ

 

“ข้ารู้แล้ว ทําตามที่ข้าบอกก็พอ ข้ามีทางอื่น…”

 

พอพูดจบ เขาก็เข้าไปในตําหนัก ผู้เฒ่าเฉินโค้งคํานับและเดินออกไป เขาไปรวบรวมทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์รวมถึงอาจารย์ปรุงโอสถทุกคน

 

เขาชี้แนะทุกคนตามที่ซื้อหมูสั่ง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม น้ําเสียงเคร่งเครียด เพราะพวกเขากําลังเอาชีวิตทุกคนเป็นเดิมพัน!

 

ในตําหนัก สีหน้าเยือกเย็นของซือหยูแทนที่ด้วยความอ่อนโยน มีสามคนที่เอนกายอยู่ในตํา หนัก นั่นคือผู้เฒ่าจิว ผู้เฒ่าฉิว และเชี่ยจิงหยู

 

“เจ้าจะสู้กับห้าศักดิ์สิทธิ์จริงๆน่ะรึ?”

 

ผู้เฒ่าจิวลืมตาลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลําบาก

 

แม้เขาจะได้สติมาหลายวัน บาดแผลของเขาก็ยังร้ายแรง เขาต้องให้ซือหยูคอยดูแล ซื่อหยูมองเขาด้วยความนับถือ

 

“ถ้าเราไม่สู้ เราจะตาย เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”

 

ดวงตาแก่เฒ่าของผู้เฒ่าจิวแจ่มแจ้งด้วยความรู้สึกมากมาย เขาไม่เคยคิดฝันว่าเด็กหนุ่มที่เขาเคยปกป้อง จะกลายมาเป็นผู้ปกป้องตัวเขาเอง

 

ซือหยูยังได้เป็นเจ้าพันธมิตรของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อีกด้วย! ซึ่งซือหยูเปลี่ยนแปลงตัวเองมาจนถึงขั้นนี้ในเวลาเพียงแค่สองปีเศษ! เขาภูมิใจในตัวซือหยูจริงๆ

 

“เราต้องคิดหาหนทางอื่น ข้าเคยเห็นการโจมตีจากร่างเทียมของห้าศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว แม้แต่ท่านราชาโลกดับสูญก็รับมือกับฝ่ามือเดียวแทบจะไม่ได้”

 

ผู้เฒ่าจิวมองตาซือหยู

 

ซื้อหมูสงสัยว่าฝ่ามือนั้นคือฝ่ามือเทพดับสวรรค์หรือไม่ เขารู้ว่าห้าศักดิ์สิทธิ์ใช้วิชานั้นสังหารภูติระดับเก้าได้ มันเป็นวิชาที่น่ากลัวจริงๆ

 

ซือหยูเริ่มคิดก่อนจะส่ายหน้าและหัวเราะอย่างขมขึ่น

 

“ข้าไม่มีความคิดอื่นอีกแล้ว…”

 

เขาบอกผู้เฒ่าเฉินว่าเขามีทางอื่นเพื่อปลอบผู้เฒ่าเฉินไม่ให้คิดหนัก เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพิ่มฐานพลังของคนทั้งหมื่นคนขึ้นมา และที่สุดซือหยูก็ต้องพูดความจริงออกมาเมื่อผู้เฒ่าจิวถามตรงๆ

 

ผู้เฒ่าจิวถอนหายใจเงียบๆ

 

“แล้วเจ้าคิดจะรับมือกับพวกมันยังไง? ทัพใหญ่จะมาถึงในแค่เดือนเดียว พวกมันจะสังหารทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เจ้าอาจจะไม่สนใจชีวิตพวกเขา แต่ฉินเซี่ยนเอ๋อเล่า? แล้วก็..จ้าวยี่หยูคนนี้…เจ้ากับยี่หยูมิได้มีสัมพันธ์แบบคนธรรมดาแน่ๆ”

 

ผู้เฒ่าจิวถอนหายใจอีกครั้ง

 

“ถ้าห้าศักดิ์สิทธิ์นําทัพใหญ่มาครั้งนี้ เรื่องใหญ่จะเกิดกับทวีปเฉินหลง ข้าสัมผัสได้ว่าพวกนั้นมีกําลังมากพอ สิ่งเดียวที่รอทวีปเฉินหลงก็คือการล้างสังหารที่เกิดขึ้นซ้ําจากเมื่อหมื่นปีก่อน มันเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ”

 

หมื่นปีก่อน ทวีปเฉินหลงได้พบกับภัยพิบัติร้ายแรง และหมื่นปีต่อมา ประวัติศาสตร์กําลังจะซ้ํารอยอีกครั้ง

 

ซือหยูมองเซี่ยจิงหยูที่หลับอย่างสงบ เขาใจหายอย่างบอกไม่ถูก แค่เพียงหนึ่งเดือน ความตายจะมาถึงพวกเขา แล้วตอนนั้นเขาจะปกป้องเซี่ยจิงหยูได้หรือ

 

เขาคิดถึงเซี่ยนเอ้อเช่นกัน พวกเขาเพิ่งจะได้กลับมาพบกัน แต่ทนไม่ได้ถ้าหากต้องแยกจากกันอีกครั้ง…โดยเฉพาะจากกันด้วยความตาย!

 

เขาหนักใจขึ้นมา และความจริงนอกจากหญิงสาวทั้งสอง เขายังมีคนอื่นอีกมากมายในเฉินหลงที่ต้องการให้เขาปกป้อง ตั้งแต่เกาะเฉินยี่จนถึงพันธมิตรร้อยดินแดน แม้กระทั่งทวีปเหนือที่นี่

 

เมื่อห้าศักดิ์สิทธิ์มาถึงพร้อมกับกองทัพ ทุกอย่างคงจะราบเป็นหน้ากลอง เขาคิดไม่ตก…

 

สุดท้ายแล้วประวัติศาสตร์ก็จะซ้ํารอยรึ?

 

ซือหยูมั่นใจอยู่เล็กน้อยเท่านั้นว่าเขาจะรอดจากภัยครั้งนี้

 

ผู้เฒ่าจิวพูดขึ้นมาขณะที่ซื่อหยูคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่าง

 

“ข้ามีทางอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะลองหรือไม่”

 

ซือหยูแปลกใจ

 

“หา? โปรดบอกข้าที่ผู้เฒ่าจิว”

 

“ง่ายดายนัก เจ้าจะต้องไปที่อาณาจักรทมิฬ! เอานี่ไปข้าเขียนจดหมายนี้กับมือ ส่งให้ราชาแห่งความมืด เขาจะช่วยเจ้า”

 

ผู้เฒ่าจิวหยิบซองจดหมายออกมาจากอก น้ําหมึกได้แห้งเหือดไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเขียนเมื่อหลายวันก่อน ซือหยูสงสัย

 

ผู้เฒ่าจิวทํานายว่าวันนี้จะมาถึงล่วงหน้ารึ?

 

“อาณาจักรทมิฬมีกองทัพแข็งแกร่งเท่าใดกัน?”

 

ซือหยูมองตาผู้เฒ่าจิวขณะที่ถาม

 

แม้ว่าอาณาจักรทมิฬจะไม่เคยปรากฏตัวในการต่อสู้ครั้งใดแม้จะถูกรายล้อม ซือหยูก็ไม่คิดว่า พวกเขาจะมีความสามารถพอในการต่อสู้กับพวกต่างโลก เพราะอาณาจักรทมิฬคือกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่องครักษ์ของจักรพรรดิจิวโจวก่อตั้งเมื่อยุคสมัยก่อน

 

ไม่มีใครรู้ว่าอาณาจักรทมิฬแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนในช่วงเวลาที่ผ่านมา นั่นก็เพราะพวกเขาไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้เห็น

 

“ พวกเขาแกร่งแค่ไหนนะ?”

 

ผู้เฒ่าจิวยิ้มอย่างประหลาด

 

“ พวกเขาแข็งแกร่งจนห้าศักดิ์สิทธิ์ที่รอมานานต้องมาพร้อมกับกําลังพันคนยังไงล่ะ!”

 

ซือหยูเบิกตากว้าง หรือพูดอีกอย่างก็คือ…ผู้เฒ่าจิวจะบอกว่าห้าศักดิ์สิทธิ์ได้ซ่อนตัวในก้นบึงมังกรก็เพราะกังวลเรื่องอาณาจักรทมิฬน่ะรึ?

 

อาณาจักรทมิฬแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่?

 

“ตอนนี้ห้าศักดิ์สิทธิ์กําลังจะออกมาแล้ว เจ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกอาณาจักรทมิฬ ถึงเวลาที่พวกเขาจะปรากฏตัวแล้ว! เอาจดหมายของข้าไปให้ราชาแห่งความมืด เขารู้ว่าต้องทํายังไง…”

 

ผู้เฒ่าจิวบอก

 

ซือหยูแปลกใจมาก

 

“ผู้เฒ่าจิว ราชาแห่งความมืดยังมีชีวิตอยู่อีกรึ? ผ่านมาตั้งหลายร้อยปีแล้วตั้งแต่ที่เขาออกมากําจัดตระกูลตู่ จากนั้นก็ไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลย จ้าวแห่งความมืดเองก็ไม่รู้ว่าเป็นตายอย่างไร ท่านแน่ใจว่าข้าจะส่งจดหมายไปถึงมือราชาแห่งความมืดได้?”

 

ผู้เฒ่าจิวหัวเราะ

 

“เขาน่ะเรอะ? ที่นี้ ต่อให้ทุกคนตาย เขาก็จะไม่ตาย! ไปส่งจดหมายของข้าอย่างสบายใจเถอะ ถ้าเจ้าบอกว่ามันเป็นจดหมายจากข้า อย่างไรก็ต้องมีคนนํามันไปให้ราชาแห่งความมืด”

 

มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆรึ? ซือหยูยิ่งสงสัยเกี่ยวกับเฉินหลง ราชาแห่งความมืดผู้นี้คือตํานานจากหลายยุคสมัย เงาของเขาล้วนแล่นผ่านทุกดินแดนในทั้งทวีปนี้

 

ตั้งแต่ที่ซือหยูได้เข้าสู่อาณาจักรทมิฬ เขาได้ยินหลายเรื่องราวเกี่ยวกับราชาแห่งความมืด และตอนนี้ซือหยูที่เป็นแค่เด็กน้อยจากเกาะเฉินยี่กําลังจะได้พบตัวตนในตํานานตัวเป็นๆ! แค่คิดก็ทําให้เขาตื่นเต้นแล้ว

 

“ก็ได้ ข้าจะไปอาณาจักรทมิฬ”

 

ซือหยูพยักหน้า

 

เขาจะไปขอความช่วยเหลือเพื่อปกป้องทวีปเหนือและคนที่เขารักที่นี่ มันเป็นเรื่องสําคัญที่เขาต้องทํา!

 

ผู้เฒ่าจิวหัวเราะและยื่นจดหมายให้กับซือหยู เขามองซือหยูก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

 

“ข้ามองดูเจ้ามาตลอด ตอนที่เจอเจ้าเมื่อหลายปีก่อน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาได้ไกลเท่านี้ ดูเหมือนว่าข้าจะแก่เกินจนสายตาพร่ามัวไปแล้ว”

 

ซือหยูหัวเราะเบาๆ

 

“ท่านยังมีศิษย์อย่างกังต้าเหล่ย ท่านจะตัดพ้อไปทําไมเล่า? เขามีพรสวรรค์มากนัก ท่านจะต้องภูมิใจแน่นอน”

 

เขารู้ว่ากังต้าเหลี่ยมีพื้นเพที่แปลกกว่าคนอื่นและมีพรสวรรค์มาก ดังนั้นเขาจึงเข้าใจได้ว่า ทําไมผู้เฒ่าจิวจึงรับเขาเป็นศิษย์ นั่นแสดงให้เห็นว่าผู้เฒ่าจิวยังคงมีสายตาที่เฉียบคม

 

ผู้เฒ่าจิวหยุดนิ่งไปก่อนที่แววตาจะดูซับซ้อน

 

“กังต้าเหล่ย เขาเป็น…ช่างเถอะ บอกเจ้าไปก็ไม่ได้อะไร เจ้าจงเตรียมพร้อมให้เร็วที่สุด ยิ่งได้กําลังเสริมเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น”

 

“แน่นอน ข้าจะจัดการกับเรื่องอื่นๆสักหน่อยก่อนจะเริ่มเดินทาง”

 

ซือหยูไม่ลืมว่าเขายังมีเรื่องที่ต้องทํา

 

“ผู้เฒ่าจิว ข้าขอถามถึงความปลอดภัยของเจ้าตําหนักหลิงจะได้หรือไม่?”

 

ซือหยูมองผู้เฒ่าจิวด้วยความคาดหวัง เพราะเขาไปยังกระโจมเทพสวรรค์ก็เพื่อช่วยชีวิตหลิงเสี่ยวเทียน

 

ผู้เฒ่าจิวตบหัวตัวเอง

 

“ข้าเกือบลืมไปเลย!”

 

เขาหยิบเอาน้ําเต้าเหล้าออกมาจากไหล่ เขาเขย่าน้ําเต้า สิ่งที่ออกมามิใช่เหล้าแต่เป็นแสงสีทอง แสงสีทองนี้ใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับมนุษย์ มันคือโลงศพรูปมังกร!

 

“ถึงมันจะเป็นสมบัติเทพระดับต่ําที่พัง มันก็ดูดซับพลังวิญญาณเพื่อเก็บร่างของคนที่บาดเจ็บได้ เจ้าตําหนักหลิงถึงได้รอดมาจนถึงวันนี้”

 

ผู้เฒ่าจิวกล่าวชมพลังของโลงศพมังกร

 

แต่ซือหยูรู้ว่าโลงศพมังกรกับพลังชีวิตที่เหลือนั้นคงไม่พอที่จะทําให้หลิงเสี่ยวเทียนมีชีวิตรอด ผู้เฒ่าจิวได้ใส่พลังชีวิตของตัวเองลงไปเพื่อยื้อชีวิตของหลิงเสี่ยวเทียน

 

“ข้าจะไม่มีวันลืมความปรารถนาดีของท่านผู้เฒ่าจิว”

 

ซือหยูไม่พูดมากกว่านี้ เขาโค้งคํานับต่อผู้เฒ่าจิว

 

ผู้เฒ่าจิวมองซือหยูด้วยความปลื้มใจและยอมรับ

 

“เจ้าพร้อมเผชิญหน้ากับความตายเข้าสู่กระโจมเทพสวรรค์เพื่อตอบแทนหลิงเสี่ยวเทียน ยากที่จะหาบุรุษอย่างเจ้าในโลกใบนี้”

 

“ท่านผู้เฒ่าจิวพูดเกินไปแล้ว”

 

ซือหยูหัวเราะอย่างนอบน้อม

 

เพราะนี่คือหลักการในการใช้ชีวิตของซือหยู ซือหยูคิดว่าสิ่งที่เขาทําไม่ใช่สิ่งพิเศษ

 

หลังพูดจบ ซือหยูคุกเข่าและเปิดฝาโลกศพมังกรหมอกทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Divine Nine Dragon Cauldron 652

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 652 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.652 – ยืมกําลังจากพันลี้

 

ซือหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม

 

“ผู้เฒ่าเฉิน ท่านประเมินทรัพยากรที่เหลือไว้นานเท่าใด?”

 

ผู้เฒ่าเฉินตอบ

 

“มีโอสถหลายชนิด ตําราบ่มเพาะ วัตถุดิบ และสมบัติที่มากพอให้ใช้ได้หนึ่งเดือน”

 

“หนึ่งเดือนก็ไม่เลวนัก”

 

ดวงตาของซือหยูส่องประกายขึ้นมาบ้าง

 

มีกองทัพไม่เยอะนักในดินแดนนี้ มีแค่เขตหลักสิบเขต ตําหนักของเจ้าตําหนักตําหนักเดียวและมีทหารชุดเงินกับชุดม่วงแค่ไม่กี่คน

 

ทรัพยากรที่เหลือให้คนหมื่นคนใช้งานนั้นมีจํากัด

 

“รวบรวมอาจารย์ปรุงโอสถ ให้พวกเขาปรุงโอสถเพิ่ม เราจะจัดลําดับโอสถให้กับคนของพันธมิตรก่อน พวกเขายังอ่อนแอเกินไปมาก”

 

ซือหยูสั่ง

 

การต่อสู้ครั้งก่อนเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ คนหมื่นคนต่อยี่สิบสามต้องใช้การเสียสละคนนับร้อยเพื่อสังหารคนแค่คนเดียว

 

ด้วยพลังตอนนี้ ถ้าต้องเจอกับกองทัพพันคนของห้าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ไม่ต่างไข่ที่ขว้างไปยังหิน ไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียวที่พวกเขาจะชนะ

 

ผู้เฒ่าเฉินหนาวไปถึงกระดูก เขาสงสัย…

 

ซือหยูวางแผนจะต่อสู้กับทัพใหญ่ของห้าศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ? นั่นมันบ้าไปแล้ว!

 

คนหมื่นคนที่มีจะชนะได้ยังไง?

 

“ท่านเจ้าพันธมิตร ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรงๆ ถึงเราจะรวบรวมคนปรุงโอสถมาได้ มันก็ยากอยู่ดีที่จะเพิ่มพลังให้กับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จนถึงระดับที่จะต่อสู้กับทัพของห้าศักดิ์สิทธิ์ได้!”

 

ผู้เฒ่าเฉินพูด

 

เขาพูดต่อด้วยความกังวล

 

“เรามีกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงแค่ยี่สิบคน พวกที่มีแก้วดวงเดียวอีกร้อยคน ด้วยพลังตอนนี้ เราจะไปสู้พวกนั้นได้รึ?”

 

ตามที่ผู้เฒ่าเฉินวิเคราะห์ ถ้าต้องสู้กับทัพของห้าศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่านับสิบเท่า ชัยชนะก็คงจะมีแต่ในนิทานเท่านั้น

 

“ทําตามที่ข้าพูดก็พอ!”

 

ซือหยูตะโกน เขาไม่ยอมรับคําแนะนํา

 

ผู้เฒ่าเฉินตัวสั่น อกของเขารัดแน่น

 

“ขอรับ ท่านเจ้าพันธมิตร”

 

“ถึงทวีปเฉินหลงจะกว้างใหญ่ แล้วที่ไหนที่ที่ปลอดภัย? จะลงใต้ ไปตะวันตก หรือไปตะวันออกได้รึ? ผู้เฒ่าเฉิน ท่านเห็นทางออกหรือไม่?”

 

ซือหยูหันไปมองผู้เฒ่าเฉิน เผยให้เห็นสีหน้าอันว่างเปล่า

 

คําพูดของเขาทําให้ผู้เฒ่าเฉินสั่นไปจนถึงแกนร่าง ผู้เฒ่าเฉินเข้าใจความจริงแล้ว

 

ชือหยูพูดถูก ไม่มีที่อื่นใดอีกแล้วที่ปลอดภัยในทั้งทวีปเฉินหลงแห่งนี้ ไม่มีที่ให้พวกเขาหนี ทางเดียวคือพวกเขาต้องสู้จนถึงที่สุด!

 

“ท่านเจ้าพันธมิตรพูดถูกแล้ว ข้าจะจัดการเรื่องนี้ แต่เรามีวัตถุดิบจํากัด ผู้เฒ่าฉิวที่ปรุงโอสถ ได้ดีที่สุดก็ยังไม่ได้สติ เดือนเองอาจจะเพิ่มกําลังให้พวกเราได้ไม่มากนัก”

 

ผู้เฒ่าเฉินเป็นกังวลอย่างมาก

 

ซือหยูตอบเบาๆ

 

“ข้ารู้แล้ว ทําตามที่ข้าบอกก็พอ ข้ามีทางอื่น…”

 

พอพูดจบ เขาก็เข้าไปในตําหนัก ผู้เฒ่าเฉินโค้งคํานับและเดินออกไป เขาไปรวบรวมทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์รวมถึงอาจารย์ปรุงโอสถทุกคน

 

เขาชี้แนะทุกคนตามที่ซื้อหมูสั่ง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม น้ําเสียงเคร่งเครียด เพราะพวกเขากําลังเอาชีวิตทุกคนเป็นเดิมพัน!

 

ในตําหนัก สีหน้าเยือกเย็นของซือหยูแทนที่ด้วยความอ่อนโยน มีสามคนที่เอนกายอยู่ในตํา หนัก นั่นคือผู้เฒ่าจิว ผู้เฒ่าฉิว และเชี่ยจิงหยู

 

“เจ้าจะสู้กับห้าศักดิ์สิทธิ์จริงๆน่ะรึ?”

 

ผู้เฒ่าจิวลืมตาลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลําบาก

 

แม้เขาจะได้สติมาหลายวัน บาดแผลของเขาก็ยังร้ายแรง เขาต้องให้ซือหยูคอยดูแล ซื่อหยูมองเขาด้วยความนับถือ

 

“ถ้าเราไม่สู้ เราจะตาย เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”

 

ดวงตาแก่เฒ่าของผู้เฒ่าจิวแจ่มแจ้งด้วยความรู้สึกมากมาย เขาไม่เคยคิดฝันว่าเด็กหนุ่มที่เขาเคยปกป้อง จะกลายมาเป็นผู้ปกป้องตัวเขาเอง

 

ซือหยูยังได้เป็นเจ้าพันธมิตรของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อีกด้วย! ซึ่งซือหยูเปลี่ยนแปลงตัวเองมาจนถึงขั้นนี้ในเวลาเพียงแค่สองปีเศษ! เขาภูมิใจในตัวซือหยูจริงๆ

 

“เราต้องคิดหาหนทางอื่น ข้าเคยเห็นการโจมตีจากร่างเทียมของห้าศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว แม้แต่ท่านราชาโลกดับสูญก็รับมือกับฝ่ามือเดียวแทบจะไม่ได้”

 

ผู้เฒ่าจิวมองตาซือหยู

 

ซื้อหมูสงสัยว่าฝ่ามือนั้นคือฝ่ามือเทพดับสวรรค์หรือไม่ เขารู้ว่าห้าศักดิ์สิทธิ์ใช้วิชานั้นสังหารภูติระดับเก้าได้ มันเป็นวิชาที่น่ากลัวจริงๆ

 

ซือหยูเริ่มคิดก่อนจะส่ายหน้าและหัวเราะอย่างขมขึ่น

 

“ข้าไม่มีความคิดอื่นอีกแล้ว…”

 

เขาบอกผู้เฒ่าเฉินว่าเขามีทางอื่นเพื่อปลอบผู้เฒ่าเฉินไม่ให้คิดหนัก เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพิ่มฐานพลังของคนทั้งหมื่นคนขึ้นมา และที่สุดซือหยูก็ต้องพูดความจริงออกมาเมื่อผู้เฒ่าจิวถามตรงๆ

 

ผู้เฒ่าจิวถอนหายใจเงียบๆ

 

“แล้วเจ้าคิดจะรับมือกับพวกมันยังไง? ทัพใหญ่จะมาถึงในแค่เดือนเดียว พวกมันจะสังหารทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เจ้าอาจจะไม่สนใจชีวิตพวกเขา แต่ฉินเซี่ยนเอ๋อเล่า? แล้วก็..จ้าวยี่หยูคนนี้…เจ้ากับยี่หยูมิได้มีสัมพันธ์แบบคนธรรมดาแน่ๆ”

 

ผู้เฒ่าจิวถอนหายใจอีกครั้ง

 

“ถ้าห้าศักดิ์สิทธิ์นําทัพใหญ่มาครั้งนี้ เรื่องใหญ่จะเกิดกับทวีปเฉินหลง ข้าสัมผัสได้ว่าพวกนั้นมีกําลังมากพอ สิ่งเดียวที่รอทวีปเฉินหลงก็คือการล้างสังหารที่เกิดขึ้นซ้ําจากเมื่อหมื่นปีก่อน มันเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ”

 

หมื่นปีก่อน ทวีปเฉินหลงได้พบกับภัยพิบัติร้ายแรง และหมื่นปีต่อมา ประวัติศาสตร์กําลังจะซ้ํารอยอีกครั้ง

 

ซือหยูมองเซี่ยจิงหยูที่หลับอย่างสงบ เขาใจหายอย่างบอกไม่ถูก แค่เพียงหนึ่งเดือน ความตายจะมาถึงพวกเขา แล้วตอนนั้นเขาจะปกป้องเซี่ยจิงหยูได้หรือ

 

เขาคิดถึงเซี่ยนเอ้อเช่นกัน พวกเขาเพิ่งจะได้กลับมาพบกัน แต่ทนไม่ได้ถ้าหากต้องแยกจากกันอีกครั้ง…โดยเฉพาะจากกันด้วยความตาย!

 

เขาหนักใจขึ้นมา และความจริงนอกจากหญิงสาวทั้งสอง เขายังมีคนอื่นอีกมากมายในเฉินหลงที่ต้องการให้เขาปกป้อง ตั้งแต่เกาะเฉินยี่จนถึงพันธมิตรร้อยดินแดน แม้กระทั่งทวีปเหนือที่นี่

 

เมื่อห้าศักดิ์สิทธิ์มาถึงพร้อมกับกองทัพ ทุกอย่างคงจะราบเป็นหน้ากลอง เขาคิดไม่ตก…

 

สุดท้ายแล้วประวัติศาสตร์ก็จะซ้ํารอยรึ?

 

ซือหยูมั่นใจอยู่เล็กน้อยเท่านั้นว่าเขาจะรอดจากภัยครั้งนี้

 

ผู้เฒ่าจิวพูดขึ้นมาขณะที่ซื่อหยูคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่าง

 

“ข้ามีทางอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะลองหรือไม่”

 

ซือหยูแปลกใจ

 

“หา? โปรดบอกข้าที่ผู้เฒ่าจิว”

 

“ง่ายดายนัก เจ้าจะต้องไปที่อาณาจักรทมิฬ! เอานี่ไปข้าเขียนจดหมายนี้กับมือ ส่งให้ราชาแห่งความมืด เขาจะช่วยเจ้า”

 

ผู้เฒ่าจิวหยิบซองจดหมายออกมาจากอก น้ําหมึกได้แห้งเหือดไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเขียนเมื่อหลายวันก่อน ซือหยูสงสัย

 

ผู้เฒ่าจิวทํานายว่าวันนี้จะมาถึงล่วงหน้ารึ?

 

“อาณาจักรทมิฬมีกองทัพแข็งแกร่งเท่าใดกัน?”

 

ซือหยูมองตาผู้เฒ่าจิวขณะที่ถาม

 

แม้ว่าอาณาจักรทมิฬจะไม่เคยปรากฏตัวในการต่อสู้ครั้งใดแม้จะถูกรายล้อม ซือหยูก็ไม่คิดว่า พวกเขาจะมีความสามารถพอในการต่อสู้กับพวกต่างโลก เพราะอาณาจักรทมิฬคือกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่องครักษ์ของจักรพรรดิจิวโจวก่อตั้งเมื่อยุคสมัยก่อน

 

ไม่มีใครรู้ว่าอาณาจักรทมิฬแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนในช่วงเวลาที่ผ่านมา นั่นก็เพราะพวกเขาไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้เห็น

 

“ พวกเขาแกร่งแค่ไหนนะ?”

 

ผู้เฒ่าจิวยิ้มอย่างประหลาด

 

“ พวกเขาแข็งแกร่งจนห้าศักดิ์สิทธิ์ที่รอมานานต้องมาพร้อมกับกําลังพันคนยังไงล่ะ!”

 

ซือหยูเบิกตากว้าง หรือพูดอีกอย่างก็คือ…ผู้เฒ่าจิวจะบอกว่าห้าศักดิ์สิทธิ์ได้ซ่อนตัวในก้นบึงมังกรก็เพราะกังวลเรื่องอาณาจักรทมิฬน่ะรึ?

 

อาณาจักรทมิฬแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่?

 

“ตอนนี้ห้าศักดิ์สิทธิ์กําลังจะออกมาแล้ว เจ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกอาณาจักรทมิฬ ถึงเวลาที่พวกเขาจะปรากฏตัวแล้ว! เอาจดหมายของข้าไปให้ราชาแห่งความมืด เขารู้ว่าต้องทํายังไง…”

 

ผู้เฒ่าจิวบอก

 

ซือหยูแปลกใจมาก

 

“ผู้เฒ่าจิว ราชาแห่งความมืดยังมีชีวิตอยู่อีกรึ? ผ่านมาตั้งหลายร้อยปีแล้วตั้งแต่ที่เขาออกมากําจัดตระกูลตู่ จากนั้นก็ไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลย จ้าวแห่งความมืดเองก็ไม่รู้ว่าเป็นตายอย่างไร ท่านแน่ใจว่าข้าจะส่งจดหมายไปถึงมือราชาแห่งความมืดได้?”

 

ผู้เฒ่าจิวหัวเราะ

 

“เขาน่ะเรอะ? ที่นี้ ต่อให้ทุกคนตาย เขาก็จะไม่ตาย! ไปส่งจดหมายของข้าอย่างสบายใจเถอะ ถ้าเจ้าบอกว่ามันเป็นจดหมายจากข้า อย่างไรก็ต้องมีคนนํามันไปให้ราชาแห่งความมืด”

 

มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆรึ? ซือหยูยิ่งสงสัยเกี่ยวกับเฉินหลง ราชาแห่งความมืดผู้นี้คือตํานานจากหลายยุคสมัย เงาของเขาล้วนแล่นผ่านทุกดินแดนในทั้งทวีปนี้

 

ตั้งแต่ที่ซือหยูได้เข้าสู่อาณาจักรทมิฬ เขาได้ยินหลายเรื่องราวเกี่ยวกับราชาแห่งความมืด และตอนนี้ซือหยูที่เป็นแค่เด็กน้อยจากเกาะเฉินยี่กําลังจะได้พบตัวตนในตํานานตัวเป็นๆ! แค่คิดก็ทําให้เขาตื่นเต้นแล้ว

 

“ก็ได้ ข้าจะไปอาณาจักรทมิฬ”

 

ซือหยูพยักหน้า

 

เขาจะไปขอความช่วยเหลือเพื่อปกป้องทวีปเหนือและคนที่เขารักที่นี่ มันเป็นเรื่องสําคัญที่เขาต้องทํา!

 

ผู้เฒ่าจิวหัวเราะและยื่นจดหมายให้กับซือหยู เขามองซือหยูก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

 

“ข้ามองดูเจ้ามาตลอด ตอนที่เจอเจ้าเมื่อหลายปีก่อน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาได้ไกลเท่านี้ ดูเหมือนว่าข้าจะแก่เกินจนสายตาพร่ามัวไปแล้ว”

 

ซือหยูหัวเราะเบาๆ

 

“ท่านยังมีศิษย์อย่างกังต้าเหล่ย ท่านจะตัดพ้อไปทําไมเล่า? เขามีพรสวรรค์มากนัก ท่านจะต้องภูมิใจแน่นอน”

 

เขารู้ว่ากังต้าเหลี่ยมีพื้นเพที่แปลกกว่าคนอื่นและมีพรสวรรค์มาก ดังนั้นเขาจึงเข้าใจได้ว่า ทําไมผู้เฒ่าจิวจึงรับเขาเป็นศิษย์ นั่นแสดงให้เห็นว่าผู้เฒ่าจิวยังคงมีสายตาที่เฉียบคม

 

ผู้เฒ่าจิวหยุดนิ่งไปก่อนที่แววตาจะดูซับซ้อน

 

“กังต้าเหล่ย เขาเป็น…ช่างเถอะ บอกเจ้าไปก็ไม่ได้อะไร เจ้าจงเตรียมพร้อมให้เร็วที่สุด ยิ่งได้กําลังเสริมเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น”

 

“แน่นอน ข้าจะจัดการกับเรื่องอื่นๆสักหน่อยก่อนจะเริ่มเดินทาง”

 

ซือหยูไม่ลืมว่าเขายังมีเรื่องที่ต้องทํา

 

“ผู้เฒ่าจิว ข้าขอถามถึงความปลอดภัยของเจ้าตําหนักหลิงจะได้หรือไม่?”

 

ซือหยูมองผู้เฒ่าจิวด้วยความคาดหวัง เพราะเขาไปยังกระโจมเทพสวรรค์ก็เพื่อช่วยชีวิตหลิงเสี่ยวเทียน

 

ผู้เฒ่าจิวตบหัวตัวเอง

 

“ข้าเกือบลืมไปเลย!”

 

เขาหยิบเอาน้ําเต้าเหล้าออกมาจากไหล่ เขาเขย่าน้ําเต้า สิ่งที่ออกมามิใช่เหล้าแต่เป็นแสงสีทอง แสงสีทองนี้ใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับมนุษย์ มันคือโลงศพรูปมังกร!

 

“ถึงมันจะเป็นสมบัติเทพระดับต่ําที่พัง มันก็ดูดซับพลังวิญญาณเพื่อเก็บร่างของคนที่บาดเจ็บได้ เจ้าตําหนักหลิงถึงได้รอดมาจนถึงวันนี้”

 

ผู้เฒ่าจิวกล่าวชมพลังของโลงศพมังกร

 

แต่ซือหยูรู้ว่าโลงศพมังกรกับพลังชีวิตที่เหลือนั้นคงไม่พอที่จะทําให้หลิงเสี่ยวเทียนมีชีวิตรอด ผู้เฒ่าจิวได้ใส่พลังชีวิตของตัวเองลงไปเพื่อยื้อชีวิตของหลิงเสี่ยวเทียน

 

“ข้าจะไม่มีวันลืมความปรารถนาดีของท่านผู้เฒ่าจิว”

 

ซือหยูไม่พูดมากกว่านี้ เขาโค้งคํานับต่อผู้เฒ่าจิว

 

ผู้เฒ่าจิวมองซือหยูด้วยความปลื้มใจและยอมรับ

 

“เจ้าพร้อมเผชิญหน้ากับความตายเข้าสู่กระโจมเทพสวรรค์เพื่อตอบแทนหลิงเสี่ยวเทียน ยากที่จะหาบุรุษอย่างเจ้าในโลกใบนี้”

 

“ท่านผู้เฒ่าจิวพูดเกินไปแล้ว”

 

ซือหยูหัวเราะอย่างนอบน้อม

 

เพราะนี่คือหลักการในการใช้ชีวิตของซือหยู ซือหยูคิดว่าสิ่งที่เขาทําไม่ใช่สิ่งพิเศษ

 

หลังพูดจบ ซือหยูคุกเข่าและเปิดฝาโลกศพมังกรหมอกทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+