The Divine Nine Dragon Cauldron 699-700

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 699-700 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.699 – นามแห่งจักรพรรดิโลหิต
แสงที่รอยแยกมิติเริ่มที่จะสงบลงมันถึงส่วนสุดท้ายของการขยายดตัวแล้ว ถ้าซือหยูถอยไปตอนนี้ สิ่งที่รอคอยเฉินหลงก็คือการมาของจ้าวเทวะ พอถึงตอนนั้นก็จะไม่มีโอกาสให้หลบหนีอีกแล้ว
“เจ้าหนูเจ้าทำได้เกินกว่าที่ข้าคิดไปมาก ปล่อยที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”
เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น
ผู้เฒ่าจิวรึ?ซือหยูเลิกคิ้ว ผู้เฒ่าจิวทิ้งคำพูดไว้เบื้องหลังโดยบอกว่าเขาจะมาที่ก้นบึงมังกร แต่ซือหยูก็ยังไม่ได้พบเขา นั่นทำให้ซือหยูสับสนมาจนถึงตอนนี้
“แล้วก็…เจ้าไม่อยากจะเห็นฝ่ามือเทพดับสวรรค์อีกครั้งรึ?ดูให้ดีล่ะ”
เมื่อพูดจบจันทรากระจ่างได้ปรากฏอีกครั้งในพื้นที่อันมืดมิด
แรงจันทร์ตระการตาสะท้อนในดวงตาของเขาแสงนี้สว่างจนยากที่จะมอง มันไม่ต่างจากดวงตะวันร้อนแรง ทั้งก้นบึ้งมังกรสว่างไสวเพราะมัน
แสงสว่างแผ่ออกจาก้นบึ้งมังกรไปถึงสวรรค์ถ้าหากมองก้นบึ้งมังกรจากที่ห่างไกลจะพบว่ามีลำแสงขนาดยักษ์พุ่งออกมา
“ฝ่ามือจันทราของจริง…”
ซือหยูตกตะลึง
จันทราอัดแน่นราวกับภูเขาตัวผู้เฒ่าจิวนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก ดูเหมือนกับว่าเขาได้อัญเชิญดวงจันทร์ของจริงลงมาที่นี่!
มีความต่างมหาศาลระหว่างฝ่ามือจันทราของเขากับซือหยูและห้าศักดิ์สิทธิ์
ซือหยูที่ยังคงตกใจรู้สึกถึงประกายแสงมากมายในจิตใจเขารีบนั่งลงเพื่อเรียนรู้มัน
“ฝ่ามือจันทราแบบสมบูรณ์เรอะ?เจ้าเป็นใคร?”
สามศักดิ์สิทธิ์ทั้งตกใจและอ้าปากค้าง
ร่างของผู้เฒ่าจิวณ ตอนนี้อยู่ในจันทรากระจ่าง เสียงของเขาดูเหมือนมาจากดินแดนอันห่างไกล
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้มาดูเถอะว่าสมบัติช่วยชีวิตที่ตำหนักให้เจ้ามาจะมีอยู่เท่าใด”
เขาตะโกนเบาๆจันทร์กระจ่างพุ่งออกไปละลายทุกสิ่ง
แกร๊ก!
เสียงบางอย่างแตกจากกระเป๋าของสามศักดิ์สิทธิ์มีสร้อยหยกอีกเส้นที่แตก
โลหิตไหลออกมาจากมุมปากของเขาสามศักดิ์สิทธิ์หวาดกลัวและตกใจมาก เขาหยิบเอาสร้อยหยกที่แตกออกมาจากกระเป๋า
“สร้อยหยกฟูหลวนสร้อยหยกที่ใช้ฟื้นฟูพลังชีวิต”
หลังจากจันทรากระจ่างสลายผู้เฒ่าจิวยืนมือไพล่หลังพูดเยาะเย้ย
“ราชาเขตกลางช่างใจกว้างจริงๆ”
สามศักดิ์สิทธิ์มิอาจซ่อนความตกใจไว้ได้
“ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านเป็นใครกันแน่?เหตุใดท่านถึงเชี่ยวชาญวิชาสูงสุดขององครักษ์แสงกระจ่างนัก?”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะเบาๆและมองซือหยูที่กำลังเก็บเกี่ยววิชา
“ทุกสิ่งล้วนพ้นผ่านเป็นอดีตเจ้าพร้อมจะรับกระบวนท่าจากข้าหรือยัง?”
เมื่อพูดจบผู้เฒ่าจิวยื่นมือออกไปอีกครั้ง เขารวบรวมดวงตะวันไว้ในมือ
สามศักดิ์สิทธิ์หวาดกลัวอยางมาก
“กระบวนท่าที่สอง…ฝ่ามือสุริยา”
แกร๊ก!
สิ่งรอบข้างสามศักดิ์สิทธิ์ถูกบดขยี้ไปเขาต้องรีบถอยขณะที่กระอักเลือด กำไลหยกที่สวมไว้บนข้อมือแตกไปอย่างเงียบๆ
“ของช่วยชีวิตอีกชิ้นรึ?หึหึ เจ้าคงจะใช้ไปเยอะแล้วสินะ”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะและก้าวไปข้างหน้าด้วยมือไพล่หลัง
สามศักดิ์สิทธิ์หน้าซีดราวกับกระดาษ
“ท่านผู้อาวุโสโปรดรอเดี๋ยว ข้….”
ผู้เฒ่าจิวยื่นมือทั้งสองโดยไม่สนใจสิ่งใดเขารวบรวมจันทราในมือซ้ายและสุริยาที่มือขวา
“กระบวนท่าสุดท้ายฝ่ามือเทพแสงกระต่าง มีคนเดียวในสามองครักษ์เทพที่บ่มเพาะมันได้สำเร็จ”
สามศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงอีกครั้งเขาแทบจะเป็นบ้า
เขาถาม
“ท่านเป็นใครกันแน่?”
เขาได้รับคำตอบเพียงแสงตะวันจันทราเสียงแตกดังอีกครั้ง บางอย่างของสามศักดิ์สิทธิ์แตกสลายไป เขายังบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะหมดสติ
“หืม?พวกนั้นให้สมบัติช่วยชีวิตเจ้ามาสี่ชิ้นเลยรึ? ราชาเขตกลางยอมจ่ายเยอะเพื่อกำจัดจักรพรรดิจิวโจวจริงๆ…”
ผู้เฒ่าจิวยิ้มเยาะ
เมื่อเห็นว่าสามศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้ไม่ได้อีกเขาบินไปที่ข้างซือหยู ซือหยูเพิ่งจะลืมตาขึ้นมา แววตาเขาเต็มไปด้วยความยินดีในสิ่งที่เพิ่งจะเรียนรู้ แต่เขาก็ยังมีคำถามอีกมากมาย
“ในหนทางการบ่มเพาะพลังเมื่อเจ้าแก้ไขปัญหาได้ เจ้าก็จะพบสิ่งซ่อนไว้อยู่อีก การเดินในหนทางนั้นก็คือหนทางเดียวของพวกเรา”
ผู้เฒ่าจิวพูดอย่างลึกซึ้งเขาดูเหมือนยอดฝีมือไร้เทียมทานในขณะนี้
ซือหยูที่เพิ่งได้สติเห็นด้วยกับคำพูดของเขาเขามองผู้เฒ่าจิวด้วยความนับถือ เขานับถือผู้เฒ่าจิวเพราะเคยช่วยเหลือเขามาก่อน และก็เพราะผู้เฒ่าจิวได้ส่งผ่านวิชาระดับภูติให้กับเขา
“ข้าทำสามกระบวนท่าให้เจ้าดูแล้วจะเข้าใจมันเท่าใดก็อยู่ที่ตัวเจ้า”
ผู้เฒ่าจิวมองซือหยูขณะที่พูด
ซือหยูพยักหน้า
“ท่านผู้เฒ่าขอบคุณเป็นอย่างสูงที่ชี้แนะ ข้าจะจดจำไว้ตลอดกาล”
ผู้เฒ่าจิวส่ายหน้าและยื่นมือไปยังรอยแยกมิติเขาคว้าพลังแห่งความตายเอาไว้
“รีบจัดการรอยแยกมิติก่อนเถอะมันต้องใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันกว่าจะขยายตัวเต็มที่ พอถึงตอนนี้จ้าวเทวะจะผ่านมาได้ แล้วพลังแห่งความตายของโลกเฉินหลงเองก็ลดลงมากแล้ว”
ซือหยูตัวสั่นเมื่อได้ฟัง
“เจ้ารออยู่ที่นี่ได้ข้าจะไปปิดมันเอง รอยแยกจะแตกสลายหลังจากขาดพลัง และจากนี้ไป เส้นทางระหว่างเฉินหลงกับจิวโ๗วก็จะถูกปิดกั้น”
ผู้เฒ่าจิวรวบรวมพลังในฝ่ามือและอัดลงในรอยแยกมิติอย่างช้าๆ
ซือหยูถอนหายใจยาวหลังจากที่ผ่านความยากลำบากมามากมาย พวกเขาก็จะทำสำเร็จแล้ว แต่จู่ๆซือหยูก็ตัวสั่นราวกับได้เห็นแววตาที่น่ากลัวมองผ่าน
ผู้เฒ่าจิวชักสีหน้าเขากระเด็นกลับมาอย่างประหลาดและกระอักเลือด ราวกับว่าเขาถูกบางสิ่งจู่โจมจนบาดเจ็บสาหัส!
ขณะที่กระเด็นกลับผู้เฒ่าจิวจ้องมองรอยแยกมิติด้วยความตกตะลึง
“จักรพรรดิโลหิตเจ้าจะมาที่โลกนี้เรอะ?”
“จิวหยวนโจวเจ้าคือหนึ่งในสามองครักษ์เทพที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามานานมากนัก ดูเหมือนพลังเจ้าจะลดลงไปมาก เจ้าไม่ได้อะไรจากการทรยศสินะ”
มีเสียงถอนหายใจดังตามมาจากในรอยแยก
ซือหยูสั่นไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงนั้นหม้อเก้ามังกรในวิญญาณสั่นเบาๆ เพียงแค่การมองของศัตรูก็ทำให้ซือหยูตัวสั่นเทิ้ม แม้แต่เสียงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นไปด้วย
และแค่การเหลือบมองครั้งเดียวก็ทำให้ผู้เฒ่าจิวบาดเจ็บสาหัส…
ศัตรูผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกัน?
หลังจากที่หลุดจากภวังค์ซือหยูบินไปที่ข้างผู้เฒ่าจิว
“ผู้เฒ่าจิวท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ผู้เฒ่าจิวปัดมือและพยายามจะยืนขึ้นเขาจ้องมองรอยแยกมิติ
“มันคือจักรพรรดิโลหิต”
จักรพรรดิโลหิตรึ?ซือหยูตกตะลึงเมื่อได้ยินนามนี้อีกครั้ง หนึ่งในคำสั่งเสียของเทียนจี่จื้อคือการที่เขาต้องล้างแค้นกับจักรพรรดิโลหิต
นี่คือคนเดียวกับคนที่ฆ่าเทียนจี่จื้อ!ตามที่เทียนจี่จื้อบอก จักรพรรดิโลหิตมีพลังไปถึงขั้นอสูรเนรมิตรแล้ว
“เขามาถึงที่นี่รึยัง?”
ซือหยูมองรอยแยกมิติด้วยความแตกตื่น
ผู้เฒ่าจิวส่ายหน้า
“ยังหรอกเขายังอยู่ในเส้นทางระหว่างโลกทั้งสอง แต่แค่การมองของเขาก็มากพอที่จะทำให้เจ้าเป็นเถ้าถ่านแล้ว”
แม้ว่าเขาจะอยู่ในรอยต่อระหว่างโลกเขาก็ยังมีพลังมากถึงเพียงนั้น…
ถ้าเขามาที่นี่จริงๆก็คงไม่มีใครในเฉินหลงที่จะรอดไปได้สินะ?
DND.700 – ลิ้มรสกระบี่ข้า
ซือหยูจะต้องไม่ยอมให้เขาผ่านมาถึงที่นี่!แววตาของเขามีความเคร่งเครียดเมื่อเรียกลำดับห้าธาตุออกมา ม่านแสงทั้งสี่ปรากฏออกมาขวางรอยแยกมิติทันที
แต่ทันทีที่ม่านแสงปรากฏรอยแยกก็เกิดขึ้นบนผิวของมัน มันแตกสลายทันที มุกทั้งสี่กระเด็นไปยังทุกทิศทาง
ปั้งปั้ง ปั้ง ปั้ง
เสียงลูกแก้วทั้งสี่กระแทกฝังลึก
ซือหยูมองสิ่งรอยข้างขณะที่แบกผู้เฒ่าจิวเอาไว้เขาเห็นว่าลูกแก้วทั้งสี่เสียหาย! แค่การมองครั้งเดียวของเขาก็เกือบจะทำลายสมบัติกึ่งวิญญาณไปสี่ชิ้น!
“นี่คือซือหยูที่เอาชนะร่างเงาของจ้าวเทวะได้งัง้นรึ?เจ้าคงจะโดดเด่นแม้ในจิวโจว แต่โชคร้ายที่พรสวรรค์ของเจ้าต้องมาจมอยู่ในโลกที่นี่ เจ้าถูกลิขิตให้ไม่มีวันได้เติบใหญ่”
เสียงดังมาจากรอยแยกมิติ
ซือหยูสัมผัสได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่แทงทะลุออกมาซือหยูคิดว่าเขากำลังจะตาย! นี่ไม่ใช่คนที่เขาจะต่อสู้ด้วยได้เลย!
“เลิกขัดขืนได้แล้วเขามาถึงอุโมงค์มิติแล้ว นอกจากเจ้าจะมีกระบวนท่าที่เอาชนะอสูรเนรมิตรได้ ก็ไม่มีอะไรหยุดเขาได้แล้ว ในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เขาจะมาถึงก้นบึ้งมังกร…”
ผู้เฒ่าจิวพูดต่ออีก
“มันสายไปแล้วข้าไม่คิดเลยว่าราชาเขตกลางจะส่งจักรพรรดิโลหิตมาที่นี่! มันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครองบัลลังก์! การส่งอสูรเนรมิตรมาจะต้องสละสมบัติภูติหนึ่งชิ้น เขาทำได้แค่ใช้พลังสมบัติภูติในการส่งจักรพรรดิโลหิตมาเท่านั้น”
เพื่อที่จะส่งจักรพรรดิโลหิตมาราชาเขตกลางได้ยอมเสียสมบัติภูติไป! สมบัติภูติคือของศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่อสูรเนรมิตรเท่านั้นที่ครอบครองได้ มันหายากแม้แต่ในจิวโจว
ตัวกระโจมเทพสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่เองก็เป็นสมบัติภูติ!ราชาเขตกลางเต็มใจที่จะสละถึงเพียงนี้เพื่อฆ่าจักรพรรดิจิวโจว!
“หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เจ้าไปได้ถ้าเขามาถึงเฉินหลง ทวีปจะแตกสลาย นานมาแล้ว ฝ่ามือเดียวของเขาทำลายทั้งทวีปไปได้ จักรพรรดิจิวโจวต้องใช้โลหิตของตัวเองเพื่อปกป้องทวีป ตอนนี้จักรพรรดิจิวโจวทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว…”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะอย่างขมขื่น
เมื่อซือหยูใจสั่นเมื่อได้ฟังทวีปเฉินหลงในตอนนี้มีรูปลักษณ์เป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ และมันก็เป็นฝีมือของจักรพรรดิโลหิต!
หลังจากผ่านไปหลายร้อยปีฐานพลังของจักรพรรดิโลหิตคงจะเหนือกว่าครั้งที่แล้วไปมาก การทำลายทวีปเฉินหลงคงจะง่ายดายไม่ต่างจากการดีดนิ้ว ซือหยูไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะมีพลังระดับนั้น
แต่หนีรึ?เขายิ้มอย่างขื่นขม
ถ้าเขาหนีไปได้ครู่หนึ่งเขาก็คงไม่พ้นเงื้อมมือจักรพรรดิโลหิตอยู่ดี! ต่อให้เขารอดชีวิตไปจากที่นี่ แล้วเซี่ยเอ๋อ เซี่ยจิงหยู ดยุคเซี่ยนหยู ฉีตงไล่ ฉีหยุนเซี่ยง หลินหยุนฮี กังต้าเหล่ย ผู้เฒ่าจิว…พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน?
ซือหยูจะต้องทนมองดูคนที่เขาใส่ใจกลายเป็นฝุ่นผงและเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณรึ?ถ้าเช่นนั้น แล้วเขาต่อสู้มาทั้งหมดเพื่อสิ่งใด? เพื่อชื่อเสียงรึ? เพื่อผลประโยชน์รึ?
สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต่อสู้เพื่อให้ได้มาเขาเพียงอยากจะตอบแทนบุญคุณที่เคยได้รับ เขาอยากจะทำดีกับเหล่าคนที่หวังดีต่อเขา เขาแค่อยากจะปกป้องคนที่สำคัญของเขาและใช้ชีวิตที่ธรรมดาแต่สง่าผ่าเผย
และทุกสิ่งที่เขาหวังจะต้องกลายเป็นเถ้าถ่ายเพราะศัตรูที่ไร้เทียมทานกำลังจะมาถึงรึ?เขาก่นด่าตัวเอง เขาไม่เต็มใจ ทุกสิ่งหลั่งไหลออกมาดั่งคลื่นโหมกระหน่ำ
ซ่า
แสงจากรอยแยกมิติส่องสว่างกว่าเดิมซือหยูเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ทรงพลังกำลังจะมาถึงเฉินหลง ในความมืดมิด สายลมพัดปลิว เส้นผมสีเงินของเขาร่ายรำไม่หยุด
แววตาของเขาเยือกเย็นมีอาจหยั่งความคิดของเขาได้
“ทั้งชีวิตของข้าข้าทั้งตกต่ำและถูกเย้ยหยัน แต่ข้าก็ไม่เคยยอมแพ้ มีกบฏอยู่ในโลหิตข้า! ใครก็ตามที่อยากจะฆ่าข้าจะต้องลิ้มรสกระบี่ข้าก่อน!”
ซือหยูตะโกนต่อสายลมรุนแรงที่พัดโหม
พรึ่บ
ซือหยูวางผู้เฒ่าจิวลงกับพื้นเขาพุ่งไปยังรอยแยกมิติราวกับดาวตก ผู้เฒ่าจิวตกใจมาก
“หยุดนะ!เจ้าแบกรับพลังจากดวงตามันไม่ไหวแน่! อย่าสละชีพอย่างสูญเปล่า…”
ในดวงตาแก่เฒ่าของผู้เฒ่าจิวซือหยูนั้นไม่ต่างจากแมงเม่าที่กำลังประคองร่างตัวเองเข้าหากองเพลิง แต่ซือหยูก็ดูเหมือนกับดาวตกที่ลุกไหม้ด้วยตัวเองเพื่อส่องประกายแสงที่สว่างที่สุดแก่จักรวาล!
ซือหยูดูมุ่งมั่นเพื่อเซี่ยนเอ๋อ จิงหยู พ่อตา และทุกคนที่เขาเคยรู้จักรักใคร่…การต่อสู้นี้คุ้มค่า!
ซือหยูพุ่งไปยังรอยแยกมิติและถึงรอยแยกในไม่นาน
“ลำดับห้าธาตุเกราะราชาศิลานิรันดร์ ไม้หกทิศ กายามังกร!”
ซือหยูตะโกนแสงมากมายส่องประกายรอบตัว
ม่านแสงหลากสีฉายแสงออกมาแต่แม้ว่าเขาจะเตรียมการไว้ เขาก็รู้สึกว่าการป้องกันของเขาอ่อนแอราวกับเศษกระดาษต่อพลังที่ใกล้เข้ามา
ในเวลาสั้นๆซือหยูขว้าสมบัติวิเศษนับไม่ถ้วยไปยังรอยแยกมิติ มันรวมถึงยันต์ต่างๆ สมบัติเทพหลายชิ้นและแม้แต่สมบัติกึ่งวิญญาณ ร่มวิเศษบัวแดง
เขาโยนทุกสิ่งที่มีพลังลงไปในรอยแยกมิติ
สิ่งของเหล่านั้นระเบิดอย่างต่อเนื่องในรอยแยกพวกมันปลอ่ยพลังออกมามหาศาล และแม้ว่ามันจะไม่มากพอที่จะทำลายรอยแยก แต่มันก็ขัดขวางไม่ได้รอยแยกขยายตัวได้ชั่วขณะหนึ่ง อย่างน้อยมันก็ทำให้จักรพรรดิโลหิตมาถึงช้าลง แม้ซือหยูจะรู้ว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ เขาก็ต้องพยายามด้วยทุกสิ่งที่มี
“เจ้าควรได้รับคำชมในความกล้าหาญ”
เสียงของจักรพรรดิโลหิตดังมาจากที่ห่างไกลไม่รู้ว่าเขากำลังกล่าวชมซือหยูหรือว่ากำลังเย้ยหยันกับการกระทำอันบ้าบิ่นของเขา
เมื่อเขาพูดสายตาไร้ลักษณ์ได้ผ่านรอยแยกของมิติออกมายังอีกฟาก ของวิเศษทุกอย่างและยันต์ที่เพิ่งโยนเข้าไปกลายเป็นความว่างเปล่าเพราะพลังดวงตานั้น พลังที่เกิดจากแรงระเบิดของสมบัติเทพเองก็หายไป
เพลิงพิโรธบัวแดงจากร่วมวิเศษบัวแดงก็ดับมอดลงไปเช่นกันราวกับว่ามันได้ผ่านคลื่นวารีอันแรงกล้า
ซือหยูรู้สึกราวกับถูกฟาดด้วยสายฟ้าเขากระเด็นลอยออกไปไม่ต่างกับตอนที่ผู้เฒ่าจิวเคยโดน!
ม่านเกราะของลำดับห้าธาตุและเกราะราชาศิลานิรันดร์แตกสลายจากนั้นพลังจากสายตาของเขาก็ได้ทะลวงเกราะตรงมายังซือหยู
แกร๊ง!
ในเวลาอันตรายไม้หกทิศได้ลอยเข้ามา
กรอด!
เส้นโลหิตทองของกายามังกรของเขาพยายามจะตอบโต้แต่ก็ล้มเหลวท้องของซือหยูถูกทะลวงผ่าน โลหิตพรั่งพรูออกมาเป็นสาย
“ซือหยู!”
ผู้เฒ่าจิวตะโกนด้วยความตื่นตกใจเขากัดฟันทนความเจ็บปวดและบินไปรับตัวซือหยู

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Divine Nine Dragon Cauldron 699-700

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 699-700 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.699 – นามแห่งจักรพรรดิโลหิต
แสงที่รอยแยกมิติเริ่มที่จะสงบลงมันถึงส่วนสุดท้ายของการขยายดตัวแล้ว ถ้าซือหยูถอยไปตอนนี้ สิ่งที่รอคอยเฉินหลงก็คือการมาของจ้าวเทวะ พอถึงตอนนั้นก็จะไม่มีโอกาสให้หลบหนีอีกแล้ว
“เจ้าหนูเจ้าทำได้เกินกว่าที่ข้าคิดไปมาก ปล่อยที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”
เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น
ผู้เฒ่าจิวรึ?ซือหยูเลิกคิ้ว ผู้เฒ่าจิวทิ้งคำพูดไว้เบื้องหลังโดยบอกว่าเขาจะมาที่ก้นบึงมังกร แต่ซือหยูก็ยังไม่ได้พบเขา นั่นทำให้ซือหยูสับสนมาจนถึงตอนนี้
“แล้วก็…เจ้าไม่อยากจะเห็นฝ่ามือเทพดับสวรรค์อีกครั้งรึ?ดูให้ดีล่ะ”
เมื่อพูดจบจันทรากระจ่างได้ปรากฏอีกครั้งในพื้นที่อันมืดมิด
แรงจันทร์ตระการตาสะท้อนในดวงตาของเขาแสงนี้สว่างจนยากที่จะมอง มันไม่ต่างจากดวงตะวันร้อนแรง ทั้งก้นบึ้งมังกรสว่างไสวเพราะมัน
แสงสว่างแผ่ออกจาก้นบึ้งมังกรไปถึงสวรรค์ถ้าหากมองก้นบึ้งมังกรจากที่ห่างไกลจะพบว่ามีลำแสงขนาดยักษ์พุ่งออกมา
“ฝ่ามือจันทราของจริง…”
ซือหยูตกตะลึง
จันทราอัดแน่นราวกับภูเขาตัวผู้เฒ่าจิวนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก ดูเหมือนกับว่าเขาได้อัญเชิญดวงจันทร์ของจริงลงมาที่นี่!
มีความต่างมหาศาลระหว่างฝ่ามือจันทราของเขากับซือหยูและห้าศักดิ์สิทธิ์
ซือหยูที่ยังคงตกใจรู้สึกถึงประกายแสงมากมายในจิตใจเขารีบนั่งลงเพื่อเรียนรู้มัน
“ฝ่ามือจันทราแบบสมบูรณ์เรอะ?เจ้าเป็นใคร?”
สามศักดิ์สิทธิ์ทั้งตกใจและอ้าปากค้าง
ร่างของผู้เฒ่าจิวณ ตอนนี้อยู่ในจันทรากระจ่าง เสียงของเขาดูเหมือนมาจากดินแดนอันห่างไกล
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้มาดูเถอะว่าสมบัติช่วยชีวิตที่ตำหนักให้เจ้ามาจะมีอยู่เท่าใด”
เขาตะโกนเบาๆจันทร์กระจ่างพุ่งออกไปละลายทุกสิ่ง
แกร๊ก!
เสียงบางอย่างแตกจากกระเป๋าของสามศักดิ์สิทธิ์มีสร้อยหยกอีกเส้นที่แตก
โลหิตไหลออกมาจากมุมปากของเขาสามศักดิ์สิทธิ์หวาดกลัวและตกใจมาก เขาหยิบเอาสร้อยหยกที่แตกออกมาจากกระเป๋า
“สร้อยหยกฟูหลวนสร้อยหยกที่ใช้ฟื้นฟูพลังชีวิต”
หลังจากจันทรากระจ่างสลายผู้เฒ่าจิวยืนมือไพล่หลังพูดเยาะเย้ย
“ราชาเขตกลางช่างใจกว้างจริงๆ”
สามศักดิ์สิทธิ์มิอาจซ่อนความตกใจไว้ได้
“ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านเป็นใครกันแน่?เหตุใดท่านถึงเชี่ยวชาญวิชาสูงสุดขององครักษ์แสงกระจ่างนัก?”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะเบาๆและมองซือหยูที่กำลังเก็บเกี่ยววิชา
“ทุกสิ่งล้วนพ้นผ่านเป็นอดีตเจ้าพร้อมจะรับกระบวนท่าจากข้าหรือยัง?”
เมื่อพูดจบผู้เฒ่าจิวยื่นมือออกไปอีกครั้ง เขารวบรวมดวงตะวันไว้ในมือ
สามศักดิ์สิทธิ์หวาดกลัวอยางมาก
“กระบวนท่าที่สอง…ฝ่ามือสุริยา”
แกร๊ก!
สิ่งรอบข้างสามศักดิ์สิทธิ์ถูกบดขยี้ไปเขาต้องรีบถอยขณะที่กระอักเลือด กำไลหยกที่สวมไว้บนข้อมือแตกไปอย่างเงียบๆ
“ของช่วยชีวิตอีกชิ้นรึ?หึหึ เจ้าคงจะใช้ไปเยอะแล้วสินะ”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะและก้าวไปข้างหน้าด้วยมือไพล่หลัง
สามศักดิ์สิทธิ์หน้าซีดราวกับกระดาษ
“ท่านผู้อาวุโสโปรดรอเดี๋ยว ข้….”
ผู้เฒ่าจิวยื่นมือทั้งสองโดยไม่สนใจสิ่งใดเขารวบรวมจันทราในมือซ้ายและสุริยาที่มือขวา
“กระบวนท่าสุดท้ายฝ่ามือเทพแสงกระต่าง มีคนเดียวในสามองครักษ์เทพที่บ่มเพาะมันได้สำเร็จ”
สามศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงอีกครั้งเขาแทบจะเป็นบ้า
เขาถาม
“ท่านเป็นใครกันแน่?”
เขาได้รับคำตอบเพียงแสงตะวันจันทราเสียงแตกดังอีกครั้ง บางอย่างของสามศักดิ์สิทธิ์แตกสลายไป เขายังบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะหมดสติ
“หืม?พวกนั้นให้สมบัติช่วยชีวิตเจ้ามาสี่ชิ้นเลยรึ? ราชาเขตกลางยอมจ่ายเยอะเพื่อกำจัดจักรพรรดิจิวโจวจริงๆ…”
ผู้เฒ่าจิวยิ้มเยาะ
เมื่อเห็นว่าสามศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้ไม่ได้อีกเขาบินไปที่ข้างซือหยู ซือหยูเพิ่งจะลืมตาขึ้นมา แววตาเขาเต็มไปด้วยความยินดีในสิ่งที่เพิ่งจะเรียนรู้ แต่เขาก็ยังมีคำถามอีกมากมาย
“ในหนทางการบ่มเพาะพลังเมื่อเจ้าแก้ไขปัญหาได้ เจ้าก็จะพบสิ่งซ่อนไว้อยู่อีก การเดินในหนทางนั้นก็คือหนทางเดียวของพวกเรา”
ผู้เฒ่าจิวพูดอย่างลึกซึ้งเขาดูเหมือนยอดฝีมือไร้เทียมทานในขณะนี้
ซือหยูที่เพิ่งได้สติเห็นด้วยกับคำพูดของเขาเขามองผู้เฒ่าจิวด้วยความนับถือ เขานับถือผู้เฒ่าจิวเพราะเคยช่วยเหลือเขามาก่อน และก็เพราะผู้เฒ่าจิวได้ส่งผ่านวิชาระดับภูติให้กับเขา
“ข้าทำสามกระบวนท่าให้เจ้าดูแล้วจะเข้าใจมันเท่าใดก็อยู่ที่ตัวเจ้า”
ผู้เฒ่าจิวมองซือหยูขณะที่พูด
ซือหยูพยักหน้า
“ท่านผู้เฒ่าขอบคุณเป็นอย่างสูงที่ชี้แนะ ข้าจะจดจำไว้ตลอดกาล”
ผู้เฒ่าจิวส่ายหน้าและยื่นมือไปยังรอยแยกมิติเขาคว้าพลังแห่งความตายเอาไว้
“รีบจัดการรอยแยกมิติก่อนเถอะมันต้องใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันกว่าจะขยายตัวเต็มที่ พอถึงตอนนี้จ้าวเทวะจะผ่านมาได้ แล้วพลังแห่งความตายของโลกเฉินหลงเองก็ลดลงมากแล้ว”
ซือหยูตัวสั่นเมื่อได้ฟัง
“เจ้ารออยู่ที่นี่ได้ข้าจะไปปิดมันเอง รอยแยกจะแตกสลายหลังจากขาดพลัง และจากนี้ไป เส้นทางระหว่างเฉินหลงกับจิวโ๗วก็จะถูกปิดกั้น”
ผู้เฒ่าจิวรวบรวมพลังในฝ่ามือและอัดลงในรอยแยกมิติอย่างช้าๆ
ซือหยูถอนหายใจยาวหลังจากที่ผ่านความยากลำบากมามากมาย พวกเขาก็จะทำสำเร็จแล้ว แต่จู่ๆซือหยูก็ตัวสั่นราวกับได้เห็นแววตาที่น่ากลัวมองผ่าน
ผู้เฒ่าจิวชักสีหน้าเขากระเด็นกลับมาอย่างประหลาดและกระอักเลือด ราวกับว่าเขาถูกบางสิ่งจู่โจมจนบาดเจ็บสาหัส!
ขณะที่กระเด็นกลับผู้เฒ่าจิวจ้องมองรอยแยกมิติด้วยความตกตะลึง
“จักรพรรดิโลหิตเจ้าจะมาที่โลกนี้เรอะ?”
“จิวหยวนโจวเจ้าคือหนึ่งในสามองครักษ์เทพที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามานานมากนัก ดูเหมือนพลังเจ้าจะลดลงไปมาก เจ้าไม่ได้อะไรจากการทรยศสินะ”
มีเสียงถอนหายใจดังตามมาจากในรอยแยก
ซือหยูสั่นไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงนั้นหม้อเก้ามังกรในวิญญาณสั่นเบาๆ เพียงแค่การมองของศัตรูก็ทำให้ซือหยูตัวสั่นเทิ้ม แม้แต่เสียงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นไปด้วย
และแค่การเหลือบมองครั้งเดียวก็ทำให้ผู้เฒ่าจิวบาดเจ็บสาหัส…
ศัตรูผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกัน?
หลังจากที่หลุดจากภวังค์ซือหยูบินไปที่ข้างผู้เฒ่าจิว
“ผู้เฒ่าจิวท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ผู้เฒ่าจิวปัดมือและพยายามจะยืนขึ้นเขาจ้องมองรอยแยกมิติ
“มันคือจักรพรรดิโลหิต”
จักรพรรดิโลหิตรึ?ซือหยูตกตะลึงเมื่อได้ยินนามนี้อีกครั้ง หนึ่งในคำสั่งเสียของเทียนจี่จื้อคือการที่เขาต้องล้างแค้นกับจักรพรรดิโลหิต
นี่คือคนเดียวกับคนที่ฆ่าเทียนจี่จื้อ!ตามที่เทียนจี่จื้อบอก จักรพรรดิโลหิตมีพลังไปถึงขั้นอสูรเนรมิตรแล้ว
“เขามาถึงที่นี่รึยัง?”
ซือหยูมองรอยแยกมิติด้วยความแตกตื่น
ผู้เฒ่าจิวส่ายหน้า
“ยังหรอกเขายังอยู่ในเส้นทางระหว่างโลกทั้งสอง แต่แค่การมองของเขาก็มากพอที่จะทำให้เจ้าเป็นเถ้าถ่านแล้ว”
แม้ว่าเขาจะอยู่ในรอยต่อระหว่างโลกเขาก็ยังมีพลังมากถึงเพียงนั้น…
ถ้าเขามาที่นี่จริงๆก็คงไม่มีใครในเฉินหลงที่จะรอดไปได้สินะ?
DND.700 – ลิ้มรสกระบี่ข้า
ซือหยูจะต้องไม่ยอมให้เขาผ่านมาถึงที่นี่!แววตาของเขามีความเคร่งเครียดเมื่อเรียกลำดับห้าธาตุออกมา ม่านแสงทั้งสี่ปรากฏออกมาขวางรอยแยกมิติทันที
แต่ทันทีที่ม่านแสงปรากฏรอยแยกก็เกิดขึ้นบนผิวของมัน มันแตกสลายทันที มุกทั้งสี่กระเด็นไปยังทุกทิศทาง
ปั้งปั้ง ปั้ง ปั้ง
เสียงลูกแก้วทั้งสี่กระแทกฝังลึก
ซือหยูมองสิ่งรอยข้างขณะที่แบกผู้เฒ่าจิวเอาไว้เขาเห็นว่าลูกแก้วทั้งสี่เสียหาย! แค่การมองครั้งเดียวของเขาก็เกือบจะทำลายสมบัติกึ่งวิญญาณไปสี่ชิ้น!
“นี่คือซือหยูที่เอาชนะร่างเงาของจ้าวเทวะได้งัง้นรึ?เจ้าคงจะโดดเด่นแม้ในจิวโจว แต่โชคร้ายที่พรสวรรค์ของเจ้าต้องมาจมอยู่ในโลกที่นี่ เจ้าถูกลิขิตให้ไม่มีวันได้เติบใหญ่”
เสียงดังมาจากรอยแยกมิติ
ซือหยูสัมผัสได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่แทงทะลุออกมาซือหยูคิดว่าเขากำลังจะตาย! นี่ไม่ใช่คนที่เขาจะต่อสู้ด้วยได้เลย!
“เลิกขัดขืนได้แล้วเขามาถึงอุโมงค์มิติแล้ว นอกจากเจ้าจะมีกระบวนท่าที่เอาชนะอสูรเนรมิตรได้ ก็ไม่มีอะไรหยุดเขาได้แล้ว ในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เขาจะมาถึงก้นบึ้งมังกร…”
ผู้เฒ่าจิวพูดต่ออีก
“มันสายไปแล้วข้าไม่คิดเลยว่าราชาเขตกลางจะส่งจักรพรรดิโลหิตมาที่นี่! มันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครองบัลลังก์! การส่งอสูรเนรมิตรมาจะต้องสละสมบัติภูติหนึ่งชิ้น เขาทำได้แค่ใช้พลังสมบัติภูติในการส่งจักรพรรดิโลหิตมาเท่านั้น”
เพื่อที่จะส่งจักรพรรดิโลหิตมาราชาเขตกลางได้ยอมเสียสมบัติภูติไป! สมบัติภูติคือของศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่อสูรเนรมิตรเท่านั้นที่ครอบครองได้ มันหายากแม้แต่ในจิวโจว
ตัวกระโจมเทพสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่เองก็เป็นสมบัติภูติ!ราชาเขตกลางเต็มใจที่จะสละถึงเพียงนี้เพื่อฆ่าจักรพรรดิจิวโจว!
“หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เจ้าไปได้ถ้าเขามาถึงเฉินหลง ทวีปจะแตกสลาย นานมาแล้ว ฝ่ามือเดียวของเขาทำลายทั้งทวีปไปได้ จักรพรรดิจิวโจวต้องใช้โลหิตของตัวเองเพื่อปกป้องทวีป ตอนนี้จักรพรรดิจิวโจวทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว…”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะอย่างขมขื่น
เมื่อซือหยูใจสั่นเมื่อได้ฟังทวีปเฉินหลงในตอนนี้มีรูปลักษณ์เป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ และมันก็เป็นฝีมือของจักรพรรดิโลหิต!
หลังจากผ่านไปหลายร้อยปีฐานพลังของจักรพรรดิโลหิตคงจะเหนือกว่าครั้งที่แล้วไปมาก การทำลายทวีปเฉินหลงคงจะง่ายดายไม่ต่างจากการดีดนิ้ว ซือหยูไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะมีพลังระดับนั้น
แต่หนีรึ?เขายิ้มอย่างขื่นขม
ถ้าเขาหนีไปได้ครู่หนึ่งเขาก็คงไม่พ้นเงื้อมมือจักรพรรดิโลหิตอยู่ดี! ต่อให้เขารอดชีวิตไปจากที่นี่ แล้วเซี่ยเอ๋อ เซี่ยจิงหยู ดยุคเซี่ยนหยู ฉีตงไล่ ฉีหยุนเซี่ยง หลินหยุนฮี กังต้าเหล่ย ผู้เฒ่าจิว…พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน?
ซือหยูจะต้องทนมองดูคนที่เขาใส่ใจกลายเป็นฝุ่นผงและเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณรึ?ถ้าเช่นนั้น แล้วเขาต่อสู้มาทั้งหมดเพื่อสิ่งใด? เพื่อชื่อเสียงรึ? เพื่อผลประโยชน์รึ?
สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต่อสู้เพื่อให้ได้มาเขาเพียงอยากจะตอบแทนบุญคุณที่เคยได้รับ เขาอยากจะทำดีกับเหล่าคนที่หวังดีต่อเขา เขาแค่อยากจะปกป้องคนที่สำคัญของเขาและใช้ชีวิตที่ธรรมดาแต่สง่าผ่าเผย
และทุกสิ่งที่เขาหวังจะต้องกลายเป็นเถ้าถ่ายเพราะศัตรูที่ไร้เทียมทานกำลังจะมาถึงรึ?เขาก่นด่าตัวเอง เขาไม่เต็มใจ ทุกสิ่งหลั่งไหลออกมาดั่งคลื่นโหมกระหน่ำ
ซ่า
แสงจากรอยแยกมิติส่องสว่างกว่าเดิมซือหยูเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ทรงพลังกำลังจะมาถึงเฉินหลง ในความมืดมิด สายลมพัดปลิว เส้นผมสีเงินของเขาร่ายรำไม่หยุด
แววตาของเขาเยือกเย็นมีอาจหยั่งความคิดของเขาได้
“ทั้งชีวิตของข้าข้าทั้งตกต่ำและถูกเย้ยหยัน แต่ข้าก็ไม่เคยยอมแพ้ มีกบฏอยู่ในโลหิตข้า! ใครก็ตามที่อยากจะฆ่าข้าจะต้องลิ้มรสกระบี่ข้าก่อน!”
ซือหยูตะโกนต่อสายลมรุนแรงที่พัดโหม
พรึ่บ
ซือหยูวางผู้เฒ่าจิวลงกับพื้นเขาพุ่งไปยังรอยแยกมิติราวกับดาวตก ผู้เฒ่าจิวตกใจมาก
“หยุดนะ!เจ้าแบกรับพลังจากดวงตามันไม่ไหวแน่! อย่าสละชีพอย่างสูญเปล่า…”
ในดวงตาแก่เฒ่าของผู้เฒ่าจิวซือหยูนั้นไม่ต่างจากแมงเม่าที่กำลังประคองร่างตัวเองเข้าหากองเพลิง แต่ซือหยูก็ดูเหมือนกับดาวตกที่ลุกไหม้ด้วยตัวเองเพื่อส่องประกายแสงที่สว่างที่สุดแก่จักรวาล!
ซือหยูดูมุ่งมั่นเพื่อเซี่ยนเอ๋อ จิงหยู พ่อตา และทุกคนที่เขาเคยรู้จักรักใคร่…การต่อสู้นี้คุ้มค่า!
ซือหยูพุ่งไปยังรอยแยกมิติและถึงรอยแยกในไม่นาน
“ลำดับห้าธาตุเกราะราชาศิลานิรันดร์ ไม้หกทิศ กายามังกร!”
ซือหยูตะโกนแสงมากมายส่องประกายรอบตัว
ม่านแสงหลากสีฉายแสงออกมาแต่แม้ว่าเขาจะเตรียมการไว้ เขาก็รู้สึกว่าการป้องกันของเขาอ่อนแอราวกับเศษกระดาษต่อพลังที่ใกล้เข้ามา
ในเวลาสั้นๆซือหยูขว้าสมบัติวิเศษนับไม่ถ้วยไปยังรอยแยกมิติ มันรวมถึงยันต์ต่างๆ สมบัติเทพหลายชิ้นและแม้แต่สมบัติกึ่งวิญญาณ ร่มวิเศษบัวแดง
เขาโยนทุกสิ่งที่มีพลังลงไปในรอยแยกมิติ
สิ่งของเหล่านั้นระเบิดอย่างต่อเนื่องในรอยแยกพวกมันปลอ่ยพลังออกมามหาศาล และแม้ว่ามันจะไม่มากพอที่จะทำลายรอยแยก แต่มันก็ขัดขวางไม่ได้รอยแยกขยายตัวได้ชั่วขณะหนึ่ง อย่างน้อยมันก็ทำให้จักรพรรดิโลหิตมาถึงช้าลง แม้ซือหยูจะรู้ว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ เขาก็ต้องพยายามด้วยทุกสิ่งที่มี
“เจ้าควรได้รับคำชมในความกล้าหาญ”
เสียงของจักรพรรดิโลหิตดังมาจากที่ห่างไกลไม่รู้ว่าเขากำลังกล่าวชมซือหยูหรือว่ากำลังเย้ยหยันกับการกระทำอันบ้าบิ่นของเขา
เมื่อเขาพูดสายตาไร้ลักษณ์ได้ผ่านรอยแยกของมิติออกมายังอีกฟาก ของวิเศษทุกอย่างและยันต์ที่เพิ่งโยนเข้าไปกลายเป็นความว่างเปล่าเพราะพลังดวงตานั้น พลังที่เกิดจากแรงระเบิดของสมบัติเทพเองก็หายไป
เพลิงพิโรธบัวแดงจากร่วมวิเศษบัวแดงก็ดับมอดลงไปเช่นกันราวกับว่ามันได้ผ่านคลื่นวารีอันแรงกล้า
ซือหยูรู้สึกราวกับถูกฟาดด้วยสายฟ้าเขากระเด็นลอยออกไปไม่ต่างกับตอนที่ผู้เฒ่าจิวเคยโดน!
ม่านเกราะของลำดับห้าธาตุและเกราะราชาศิลานิรันดร์แตกสลายจากนั้นพลังจากสายตาของเขาก็ได้ทะลวงเกราะตรงมายังซือหยู
แกร๊ง!
ในเวลาอันตรายไม้หกทิศได้ลอยเข้ามา
กรอด!
เส้นโลหิตทองของกายามังกรของเขาพยายามจะตอบโต้แต่ก็ล้มเหลวท้องของซือหยูถูกทะลวงผ่าน โลหิตพรั่งพรูออกมาเป็นสาย
“ซือหยู!”
ผู้เฒ่าจิวตะโกนด้วยความตื่นตกใจเขากัดฟันทนความเจ็บปวดและบินไปรับตัวซือหยู

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+