The Divine Nine Dragon Cauldron 716 – สังหารธุ์ไทซู

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 716 - สังหารธุ์ไทซู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.716 – สังหารธุ์ไทซู   “ซือหยูจงตายไปก่อนซะเถอะ”    มีบ้างที่โศกเศร้าแต่ก็มีคนอื่นที่กำลังคลั่ง    กู้ไทซูที่บาดเจ็บสาหัสนั้นกำลังจะตายเขาหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม    “เจ้าจงตายอย่างสงบไปซะเถอะเดี๋ยวข้าจะส่งผู้หญิงสองคนนี้ไปกับเจ้าด้วย เจ้าจะได้ไม่ต้องเหงาในนรก”    ซือหยูเกือบต้องตายเมื่อเจอกับกู้ไทซูที่กระโจมเทพสวรรค์และตอนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน    ซือหยูพ่ายแพ้ในการเผชิญหน้าทั้งสองครั้งและครั้งนี้เขาสูญเสียไปอย่างอเนจอนาถ    “งั้นเรอะ?”    ซือหยูมองเยาะกลับไปเมื่อซือหยูพูดจบ วงเวทใหญ่เท่าฝ่ามือก็ลอยขึ้นมาจากพื้นทะเลใต้กู้ไทซู    วงเวทเปล่งแสงสีดำสิ่งรอบข้างกู้ไทซูเปลี่ยนไปในทันที เขาได้พบกับทุ่งหิมะที่เยือกเย็นไปถึงกระดูก    กู้ไทซูสูญเสียฐานพลังทั้งหมดในทุ่งหิมะแห่งนี้เขากลายเป็นแค่มนุษย์อ่อนแอที่หนาวสั่นเมื่อสายลมพัดผ่าน    “เวทความฝันวิญญาณเทวะเยือกแข็ง?”    กู้ไทซูตกตะลึงเขาที่เป็นคนจากดินแดนพรสวรรค์จะไม่รู้เรื่องลำดับเวทนี้ได้อย่างไร? มันคือลำดับเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนพรสวรค์ทั้งสิบแปด    เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าซือหยูที่กำลังจะตายจะยังมีกระบวนท่าลับซ่อนเอาไว้อยู่อีก    เขาวางลำดับไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ เขากับซือหยูต่อสู้กันมาโดยตลอด ซือหยูไม่มีเวลาใช้มันแน่    สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือเวทความฝันนั้นถูกวางเอาไว้มานานแล้วและมันถูกทิ้งให้เป็นกระบวนท่าสุดท้าย    กู้ไทซูหยุดให้หัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อคิดถึงอุบายทั้งหมดเขาเป็นกังวลเมื่อมองหาจุดอ่อนของลำดับและออกจากมัน มิเช่นนั้นเขาจะต้องโดนฆ่าแน่    เขามองหาจุดอ่อนของทุ่งหิมะอย่างรวดเร็ว    แม้ว่าเขาจะอยู่ในทุ่งหิมะแต่ในสายตาของคนรอบๆจะเห็นว่ากู้ไทซูนั้นเพียงยืนอยู่กับที่ไม่ไหวติงราวกับต้นเสา    “ตอนนี้แหละ…ฆ่ามันเลย…”    ซือหยูพูดด้วยความยากลำบาก    นี่คือโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้กำจัดกู้ไทซู    เซี่ยนเอ๋อเงยหน้าเช็ดน้ำตาดวงตาของนางมีทั้งความเศร้าและความชิงชัง    “ทำไมกัน?ทำไมแกต้องมายุ่งกับชีวิตพวกเรา?”    เซี่ยนเอ๋อกำหมัดแน่นดวงตาของนางเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง    “พี่ซือหยูต้องเจอกับความยากลำบากและแทบจะไม่รอดตายแต่พี่ซือหยูก็ยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์และจะไม่ยอมติดค้างกับผู้ใด หรือทำให้ใครผิดหวัง”    “แกมีปัญหาอะไรกับพวกเรานัก?ทำไมแกต้องพยายามจะกำจัดพวกเราทุกคนด้วย?”    นางดูเหมือนกำลังตะโกนอ้อนวอน และบอกถึงความอยุติธรรมที่ซือหยูพบเจอมาตลอดชีวิต    “ถ้าโลกนั้นอยากจะฆ่าพี่ซือหยูข้าก็จะใช้ทั้งชีวิตของข้าทำลายโลกของพวกแกซะ”    เซี่ยนเอ๋อดูราวกับเป็นเทพแห่งความตายนางทั้งไร้หัวใจและเยือกเย็น แววตาของนางมีพลังแห่งความตายแผ่ออกมา    “ตาย!พวกเจ้าทุกคนต้องตาย…”    เซี่ยนเอ๋อปลดปล่อยความชิงชังทั้งหมดในใจและตะโกนลั่น    พลังแห่งความตายได้แผ่ออกมาล้อมรอบตัวกู้ไทซูและจะพาเขาไปยังหุบเหวนรก    กู้ไทซูที่ไม่มีกระบี่ปราบมังกรคงต้องตายเท่านั้นเมื่อพบกับพลังระดับนี้    ปั้ง!    เสียงเบาๆดังขึ้นมาวิหคเพลิงทมิฬปรากฏเหนือหัวกู้ไทซู    แต่ก็มีพลังแปลกๆปรากฏออกมาล้อมวิหคเพลิงทมิฬเอาไว้พร้อมกับสลายมันไป    “หึหึข้าไปไม่นานแต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเช่นนี้ เกินคาดจริงๆ”    ชายชุดสีอำพันปรากฏตัวจากความว่างเปล่าร่างของเขาปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา    เขาคือฟู่กุยที่กลับมาทันเวลาพอดี    เซี่ยนเอ๋อเจอกับพลังสะท้อนกลับอีกครั้งนางร้องเบาๆด้วยความเจ็บปวดและกระเด็นกลับมาที่ข้างซือหยู    ความหวาดกลัวมิได้ปรากฏในแววตาเซี่ยนเอ๋อเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะดวงตาของนางสงบนิ่งราวกับวารี    “ร่างวิหคเพลิงแห่งความตายรึหึหึ ไม่คิดเลยว่าร่างยมทูตที่ไม่เคยปรากฏในจิวโจวจะมาอยู่ที่เฉินหลง!”    ฟู่กุยมองเซี่ยนเอ๋อด้วยความสนใจเขาตาเป็นประกายความโลภ    “ร่างเทวะเช่นนี้คงสูญเปล่ากับอสูรน้อยอย่างเจ้าข้าจะดูแลมันแทนเจ้าเอง”    ฟู่กุยพูดอย่างโหดร้ายเขาเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น    “บังเอิญนักที่ข้าบ่มเพาะวิชากลืนกินพลังสายโลหิตแม่สาวน้อย เจ้าเป็นของขวัญของข้าจริงๆ”    ฟู่กุยเลือกเส้นทางบ่มเพาะในวิชาอสูรเขาบ่มเพาะวิชาโลหิตเหนือกว่าคนอื่นใด เขายังมีพลังวิเศษที่น่าตกตะลึงที่จะกลืนกินพลังสายโลหิตของคนอื่นได้    เซี่ยนเอ๋อแววตาแน่วแน่ฟันของนางแทรกไปด้วยโลหิต นางมองเขาอย่างเยือกเย็น    “ให้สุนัขกินเนื้อข้ายังดีกว่าให้คนต่างโลกอย่างเจ้ามาเอาไป”    ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย    “มันไม่ได้แล้วแต่เจ้าหรอกนะ”    เขาโบกมือไปทางเซี่ยนเอ๋อหัวภูติผีห้าหัวที่น่าเกลียดพุ่งออกมาจากแขนเสื้อและพุ่งเข้าใส่นาง    เหล่าหัวผีนั้นมีใบหน้าที่อัปลักษณ์พลังภูติของมันมีกลิ่นเหม็นเน่าและยังมีพลังที่แข็งแกร่งพอจะคร่าชีวิตภูติ    แต่ละหัวมีพลังภูติระดับเก้าแค่ภูติระดับเก้าคนเดียวอย่างกู้ไทซูก็เกือบจะส่งซือหยูไปตายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงห้าหัวเลย    ทุกคนรวมถึงคนในก้นบึ้งมังกรตื่นตกใจแม้ว่าจ้าวเทวะจะไม่ได้จู่โจมพวกเขา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชนะ    หัวผีอ้าปากและพุ่งไปที่นางอย่างรวดเร็วมันคิดจะฉีกนางเป็นชิ้นๆและกลืนกินเลือดเนื้อเพื่อดูดซับแก่นโลหิต    เซี่ยนเอ๋อมิได้หวาดกลัวพลังแห่งความตายแผ่ออกมาจากดวงตา นางจ้องมองหัวผีอย่างไม่ลดละ แต่แม้นางจะพูดคำว่า ‘ตาย’ เหล่าหัวผีก็ไม่สะทกสะท้านอะไร มันยังคงพุ่งเข้าใส่นาง    “วิหคเพลิงแห่งความตายคร่าชีวิตได้แต่เจ้าจะเอาชีวิตใดไปจากผีเล่า? แม่สาวน้อย เจ้าได้เจอกับหายนะแล้ว”    ฟู่กุยหัวเราะ    เซี่ยนเอ๋อตกตะลึงนางยิ้มอย่างขมขื่น    “พี่ซือหยูข้าขอโทษ ข้าคงต้องไปก่อน ข้าต้องไปรอพี่ที่โลกหน้าก่อน”    เซี่ยนเอ๋อจิตใจกล้าแกร่งและหนักแน่นมาก    นางยินดีจะจบชีวิตตัวเองมากกว่าที่จะให้หัวผีกลืนกินไปและปล่อยให้สายโลหิตถูกแย่งชิงโดยคนอื่น    แต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไรหัวผีทั้งห้าก็กรีดร้องเสียงแหลม มันหนีไปคนละทิศละทางราวกับเจอสิ่งที่น่ากลัว    แต่ก่อนที่จะได้หนีเสียงกรีดร้องของพวกมันก็หยุดลงไปดื้อๆ พลังกระบี่สีเทาได้ทะลวงหัวทั้งห้าในพริบตาเดียว    สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยที่ฟู่กุยไม่ทันระวังเขาร้องครางเบาๆ โลหิตไหลออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง เขาได้รับผลสะท้อนกลับจากหัวผีที่ถูกกำจัด    “เกิดอะไรขึ้น?”    ฟู่กุยเบิกตากว้างเขาอึดอัดใจเมื่อเห็นพลังกระบี่สีเทา    “พลังปีศาจรึ?มันคือพลังอะไรกัน?”    รอยยิ้มของฟู่กุยหายไปโดยสิ้นเชิง    เขาเริ่มถอยกลับและมองหาพลังกระบี่สีเทาที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนในพลังของเขา    ซือหยูร่างมืดได้ทิ้งพลังปีศาจเอาไว้ในเวทความฝันพลังปีศาจนี้เป็นพลังที่แม้แต่จักรพรรดิโลหิตยังหวาดกลัว แล้วจ้าวเทวะแค่คนเดียวจะไม่รู้สึกอะไรรึ?    “เจ้าหนู?นั่นมันท่าสังหารของเจ้าจริงๆสินะ?”    ฟู่กุยรู้สึกราวกับถูกกับดักของซือหยู    มันจะบังเอิญสักเพียงใดกันที่เขาจะกลับมาในทันทีที่ชีวิตของกู้ไทซูตกอยู่ในอันตราย?    เขาซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่ที่กู้ไทซูใช้กระบี่และต่อสู้กับซือหยูอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว    เขายังหวาดกลัววิชาของซือหยูและรอจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บหนักก่อนจะปรากฏตัวออกมาจัดการกับเรื่องที่เหลือ    สถานการณ์เป็นไปอย่างที่เขาคิดแต่ซือหยูที่เกือบตายกลับยังมีลูกไม้ที่น่ากลัวทิ้งเอาไว้และทำให้กู้ไทซูขยับตัวไม่ได้    จากนั้นฟู่กุยจึงปรากฏตัวออกมาด้วยสองเหตุผลเหตุแรกคือการช่วยชีวิตกู้ไทซู ส่วนอีกเหตุก็คือการสังหารซือหยูที่หมดภัยคุกคามและรับความดีความชิบ    แต่เขาไม่คิดเลยว่าซือหยูจะยังมีพลังปีศาจที่น่ากลัวเหลือเอาไว้เผื่อเขาด้วย    ฟู่กุยรู้ว่าพลังนี้ถูกเก็บไว้รับมือกับเขาเขารู้สึกว่าซือหยูได้วางแผนรับมือเขาเอาไว้ล่วงหน้า    แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆซือหยูจะมองข้ามกู้ไทซูได้อย่างไรในเมื่อยังมีจ้าวเทวะอย่างฟู่กุยอยู่ด้วย?    พลังปีศาจจากเวทความฝันนั้นถูกจัดแจงให้กับฟู่กุยโดยเฉพาะ    เมื่อพลังปีศาจสังหารหัวผีทั้งห้าพลังนั้นก็อ่อนแอลง แต่มันก็ยังมีพลังอีกมากที่ทำให้ฟู่กุยต้องระวังตัว    ฟึ่บ!    พลังปีศาจพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยด้วยความเร็วสูงที่แม้แต่จ้าวเทวะก็มิอาจหลบได้    ฟู่กุยใจเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อต้องเจอกับวิกฤติและประสบการณ์ในการบ่มเพาะมาหลายร้อยปีก็บอกเขาว่าพลังนี้มากพอที่จะเอาชีวิตของเขาไปด้วย    เขาหลบไม่ได้และเขาก็ยังเผชิญหน้ากับมันไม่ได้อีก    เขามองรอบๆและจ้องมองกู้ไทซูที่หยุดนิ่งในเวทความฝัน    เขาลังเลอยู่บ้างก่อนจะกัดฟันและบินไปยังกู้ไทซู    “ท่านกู้ขออภัย แต่มันก็แค่ร่างเงาของท่าน โปรดอภัยให้ข้าเถอะ”    ฟู่กุยเอื้อมมือไปทางกู้ไทซูและดูดร่างของเขาเข้ามาที่ด้านหน้า    กู้ไทซูที่เพิ่งจะเป็นอิสระจากเวทความฝันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขางุนงงไปหมด    เขาโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพลังของฟู่กุยอยู่ด้านหลังเพราะมีคนมาช่วยเขาแล้ว    เขามองซือหยูที่อยู่ไกลออกไปและยิ้มอย่างเยือกเย็น    “ซือหยูทุกอย่างจบลงแล้ว เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ส่วนข้าน่ะรึ? ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งญาติสนิทมิตรสหาย!”    และเมื่อเขาได้พูดออกไปเขาก็พบว่ามีบางอย่างที่ประหลาด พอถึงตอนนั้นพลังปีศาจก็ได้ทะลวงร่างของเขาอย่างเงียบเชียบ    เขาไม่ได้มองพลังปีศาจก่อนที่มันจะเข้ามาที่ร่างของเขาด้วยซ้ำเขาสลายไปราวกับต้นไม้ตายที่ถูกเผา    ตราบจนสติถูกลบล้างเขาก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งใดที่ฆ่าเขา    เมื่อพลังปีศาจฆ่ากู้ไทซูมันก็อ่อนแอลงไปมากมันยังพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยต่อไป    และแม้ว่าฟู่กุยจะกู้สถานการณ์มาได้เขาก็ยังไม่คลายใจ เขาใช้พลังทั้งหมดในการรับมือกับมัน    ปั้ง!    เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้นฟู่กุยกระเด็นไปสิบลี้ เกิดบาดแผลใหญ่บนอกของเขา มันดูค่อนข้างร้ายแรง    เขาบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ตาย    ฟู่กุยรอดมาได้หวุดหวิดเขายังคงตัวสั่นเพราะความกลัว    มันน่ากลัวเกินไป!พลังปีศาจเสี้ยวเดียวเกือบจะทำให้เขาตาย    ถ้าหากกู้ไทซูไม่รับพลังส่วนมากไปจ้าวเทวะอย่างเขาก็คงไม่มีโอกาสรอดชีวิต    เขาใจสั่นไปนานและหันไปมองซือหยูอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวและจิตสังหารที่พวยพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำหลาก    “เจ้าจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!ตายซะ!”    ความโกรธของจ้าวเทวะสามารถสร้างซากศพได้หลายล้านคนแต่ก่อนที่เขาจะได้จู่โจม ใบไผ่สีทองที่ทางเข้าก้นบึ้งมังกรก็ได้เปิดออก มีหญิงสาวงดงามบินออกมาด้วยความกังวลใจ    แย่แล้ว!ฟู่กุยใจหายเพราะถ้าเขาใช้พลังทั้งหมด เขาก็ทำอะไรกับใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่แข็งแกร่งไม่ได้    และเขายังหวาดกลัวที่เซี่ยจิงหยูบินมาที่ข้างซือหยูนางคิดจะพาเขาหนีไปด้วยกัน  

DND.716 – สังหารธุ์ไทซู

 

“ซือหยูจงตายไปก่อนซะเถอะ”

  

มีบ้างที่โศกเศร้าแต่ก็มีคนอื่นที่กำลังคลั่ง

  

กู้ไทซูที่บาดเจ็บสาหัสนั้นกำลังจะตายเขาหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม

  

“เจ้าจงตายอย่างสงบไปซะเถอะเดี๋ยวข้าจะส่งผู้หญิงสองคนนี้ไปกับเจ้าด้วย เจ้าจะได้ไม่ต้องเหงาในนรก”

  

ซือหยูเกือบต้องตายเมื่อเจอกับกู้ไทซูที่กระโจมเทพสวรรค์และตอนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน

  

ซือหยูพ่ายแพ้ในการเผชิญหน้าทั้งสองครั้งและครั้งนี้เขาสูญเสียไปอย่างอเนจอนาถ

  

“งั้นเรอะ?”

  

ซือหยูมองเยาะกลับไปเมื่อซือหยูพูดจบ วงเวทใหญ่เท่าฝ่ามือก็ลอยขึ้นมาจากพื้นทะเลใต้กู้ไทซู

  

วงเวทเปล่งแสงสีดำสิ่งรอบข้างกู้ไทซูเปลี่ยนไปในทันที เขาได้พบกับทุ่งหิมะที่เยือกเย็นไปถึงกระดูก

  

กู้ไทซูสูญเสียฐานพลังทั้งหมดในทุ่งหิมะแห่งนี้เขากลายเป็นแค่มนุษย์อ่อนแอที่หนาวสั่นเมื่อสายลมพัดผ่าน

  

“เวทความฝันวิญญาณเทวะเยือกแข็ง?”

  

กู้ไทซูตกตะลึงเขาที่เป็นคนจากดินแดนพรสวรรค์จะไม่รู้เรื่องลำดับเวทนี้ได้อย่างไร? มันคือลำดับเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนพรสวรค์ทั้งสิบแปด

  

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าซือหยูที่กำลังจะตายจะยังมีกระบวนท่าลับซ่อนเอาไว้อยู่อีก

  

เขาวางลำดับไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ เขากับซือหยูต่อสู้กันมาโดยตลอด ซือหยูไม่มีเวลาใช้มันแน่

  

สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือเวทความฝันนั้นถูกวางเอาไว้มานานแล้วและมันถูกทิ้งให้เป็นกระบวนท่าสุดท้าย

  

กู้ไทซูหยุดให้หัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อคิดถึงอุบายทั้งหมดเขาเป็นกังวลเมื่อมองหาจุดอ่อนของลำดับและออกจากมัน มิเช่นนั้นเขาจะต้องโดนฆ่าแน่

  

เขามองหาจุดอ่อนของทุ่งหิมะอย่างรวดเร็ว

  

แม้ว่าเขาจะอยู่ในทุ่งหิมะแต่ในสายตาของคนรอบๆจะเห็นว่ากู้ไทซูนั้นเพียงยืนอยู่กับที่ไม่ไหวติงราวกับต้นเสา

  

“ตอนนี้แหละ…ฆ่ามันเลย…”

  

ซือหยูพูดด้วยความยากลำบาก

  

นี่คือโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้กำจัดกู้ไทซู

  

เซี่ยนเอ๋อเงยหน้าเช็ดน้ำตาดวงตาของนางมีทั้งความเศร้าและความชิงชัง

  

“ทำไมกัน?ทำไมแกต้องมายุ่งกับชีวิตพวกเรา?”

  

เซี่ยนเอ๋อกำหมัดแน่นดวงตาของนางเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

  

“พี่ซือหยูต้องเจอกับความยากลำบากและแทบจะไม่รอดตายแต่พี่ซือหยูก็ยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์และจะไม่ยอมติดค้างกับผู้ใด หรือทำให้ใครผิดหวัง”

  

“แกมีปัญหาอะไรกับพวกเรานัก?ทำไมแกต้องพยายามจะกำจัดพวกเราทุกคนด้วย?”

  

นางดูเหมือนกำลังตะโกนอ้อนวอน และบอกถึงความอยุติธรรมที่ซือหยูพบเจอมาตลอดชีวิต

  

“ถ้าโลกนั้นอยากจะฆ่าพี่ซือหยูข้าก็จะใช้ทั้งชีวิตของข้าทำลายโลกของพวกแกซะ”

  

เซี่ยนเอ๋อดูราวกับเป็นเทพแห่งความตายนางทั้งไร้หัวใจและเยือกเย็น แววตาของนางมีพลังแห่งความตายแผ่ออกมา

  

“ตาย!พวกเจ้าทุกคนต้องตาย…”

  

เซี่ยนเอ๋อปลดปล่อยความชิงชังทั้งหมดในใจและตะโกนลั่น

  

พลังแห่งความตายได้แผ่ออกมาล้อมรอบตัวกู้ไทซูและจะพาเขาไปยังหุบเหวนรก

  

กู้ไทซูที่ไม่มีกระบี่ปราบมังกรคงต้องตายเท่านั้นเมื่อพบกับพลังระดับนี้

  

ปั้ง!

  

เสียงเบาๆดังขึ้นมาวิหคเพลิงทมิฬปรากฏเหนือหัวกู้ไทซู

  

แต่ก็มีพลังแปลกๆปรากฏออกมาล้อมวิหคเพลิงทมิฬเอาไว้พร้อมกับสลายมันไป

  

“หึหึข้าไปไม่นานแต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเช่นนี้ เกินคาดจริงๆ”

  

ชายชุดสีอำพันปรากฏตัวจากความว่างเปล่าร่างของเขาปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา

  

เขาคือฟู่กุยที่กลับมาทันเวลาพอดี

  

เซี่ยนเอ๋อเจอกับพลังสะท้อนกลับอีกครั้งนางร้องเบาๆด้วยความเจ็บปวดและกระเด็นกลับมาที่ข้างซือหยู

  

ความหวาดกลัวมิได้ปรากฏในแววตาเซี่ยนเอ๋อเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะดวงตาของนางสงบนิ่งราวกับวารี

  

“ร่างวิหคเพลิงแห่งความตายรึหึหึ ไม่คิดเลยว่าร่างยมทูตที่ไม่เคยปรากฏในจิวโจวจะมาอยู่ที่เฉินหลง!”

  

ฟู่กุยมองเซี่ยนเอ๋อด้วยความสนใจเขาตาเป็นประกายความโลภ

  

“ร่างเทวะเช่นนี้คงสูญเปล่ากับอสูรน้อยอย่างเจ้าข้าจะดูแลมันแทนเจ้าเอง”

  

ฟู่กุยพูดอย่างโหดร้ายเขาเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น

  

“บังเอิญนักที่ข้าบ่มเพาะวิชากลืนกินพลังสายโลหิตแม่สาวน้อย เจ้าเป็นของขวัญของข้าจริงๆ”

  

ฟู่กุยเลือกเส้นทางบ่มเพาะในวิชาอสูรเขาบ่มเพาะวิชาโลหิตเหนือกว่าคนอื่นใด เขายังมีพลังวิเศษที่น่าตกตะลึงที่จะกลืนกินพลังสายโลหิตของคนอื่นได้

  

เซี่ยนเอ๋อแววตาแน่วแน่ฟันของนางแทรกไปด้วยโลหิต นางมองเขาอย่างเยือกเย็น

  

“ให้สุนัขกินเนื้อข้ายังดีกว่าให้คนต่างโลกอย่างเจ้ามาเอาไป”

  

ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย

  

“มันไม่ได้แล้วแต่เจ้าหรอกนะ”

  

เขาโบกมือไปทางเซี่ยนเอ๋อหัวภูติผีห้าหัวที่น่าเกลียดพุ่งออกมาจากแขนเสื้อและพุ่งเข้าใส่นาง

  

เหล่าหัวผีนั้นมีใบหน้าที่อัปลักษณ์พลังภูติของมันมีกลิ่นเหม็นเน่าและยังมีพลังที่แข็งแกร่งพอจะคร่าชีวิตภูติ

  

แต่ละหัวมีพลังภูติระดับเก้าแค่ภูติระดับเก้าคนเดียวอย่างกู้ไทซูก็เกือบจะส่งซือหยูไปตายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงห้าหัวเลย

  

ทุกคนรวมถึงคนในก้นบึ้งมังกรตื่นตกใจแม้ว่าจ้าวเทวะจะไม่ได้จู่โจมพวกเขา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชนะ

  

หัวผีอ้าปากและพุ่งไปที่นางอย่างรวดเร็วมันคิดจะฉีกนางเป็นชิ้นๆและกลืนกินเลือดเนื้อเพื่อดูดซับแก่นโลหิต

  

เซี่ยนเอ๋อมิได้หวาดกลัวพลังแห่งความตายแผ่ออกมาจากดวงตา นางจ้องมองหัวผีอย่างไม่ลดละ แต่แม้นางจะพูดคำว่า ‘ตาย’ เหล่าหัวผีก็ไม่สะทกสะท้านอะไร มันยังคงพุ่งเข้าใส่นาง

  

“วิหคเพลิงแห่งความตายคร่าชีวิตได้แต่เจ้าจะเอาชีวิตใดไปจากผีเล่า? แม่สาวน้อย เจ้าได้เจอกับหายนะแล้ว”

  

ฟู่กุยหัวเราะ

  

เซี่ยนเอ๋อตกตะลึงนางยิ้มอย่างขมขื่น

  

“พี่ซือหยูข้าขอโทษ ข้าคงต้องไปก่อน ข้าต้องไปรอพี่ที่โลกหน้าก่อน”

  

เซี่ยนเอ๋อจิตใจกล้าแกร่งและหนักแน่นมาก

  

นางยินดีจะจบชีวิตตัวเองมากกว่าที่จะให้หัวผีกลืนกินไปและปล่อยให้สายโลหิตถูกแย่งชิงโดยคนอื่น

  

แต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไรหัวผีทั้งห้าก็กรีดร้องเสียงแหลม มันหนีไปคนละทิศละทางราวกับเจอสิ่งที่น่ากลัว

  

แต่ก่อนที่จะได้หนีเสียงกรีดร้องของพวกมันก็หยุดลงไปดื้อๆ พลังกระบี่สีเทาได้ทะลวงหัวทั้งห้าในพริบตาเดียว

  

สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยที่ฟู่กุยไม่ทันระวังเขาร้องครางเบาๆ โลหิตไหลออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง เขาได้รับผลสะท้อนกลับจากหัวผีที่ถูกกำจัด

  

“เกิดอะไรขึ้น?”

  

ฟู่กุยเบิกตากว้างเขาอึดอัดใจเมื่อเห็นพลังกระบี่สีเทา

  

“พลังปีศาจรึ?มันคือพลังอะไรกัน?”

  

รอยยิ้มของฟู่กุยหายไปโดยสิ้นเชิง

  

เขาเริ่มถอยกลับและมองหาพลังกระบี่สีเทาที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนในพลังของเขา

  

ซือหยูร่างมืดได้ทิ้งพลังปีศาจเอาไว้ในเวทความฝันพลังปีศาจนี้เป็นพลังที่แม้แต่จักรพรรดิโลหิตยังหวาดกลัว แล้วจ้าวเทวะแค่คนเดียวจะไม่รู้สึกอะไรรึ?

  

“เจ้าหนู?นั่นมันท่าสังหารของเจ้าจริงๆสินะ?”

  

ฟู่กุยรู้สึกราวกับถูกกับดักของซือหยู

  

มันจะบังเอิญสักเพียงใดกันที่เขาจะกลับมาในทันทีที่ชีวิตของกู้ไทซูตกอยู่ในอันตราย?

  

เขาซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่ที่กู้ไทซูใช้กระบี่และต่อสู้กับซือหยูอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว

  

เขายังหวาดกลัววิชาของซือหยูและรอจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บหนักก่อนจะปรากฏตัวออกมาจัดการกับเรื่องที่เหลือ

  

สถานการณ์เป็นไปอย่างที่เขาคิดแต่ซือหยูที่เกือบตายกลับยังมีลูกไม้ที่น่ากลัวทิ้งเอาไว้และทำให้กู้ไทซูขยับตัวไม่ได้

  

จากนั้นฟู่กุยจึงปรากฏตัวออกมาด้วยสองเหตุผลเหตุแรกคือการช่วยชีวิตกู้ไทซู ส่วนอีกเหตุก็คือการสังหารซือหยูที่หมดภัยคุกคามและรับความดีความชิบ

  

แต่เขาไม่คิดเลยว่าซือหยูจะยังมีพลังปีศาจที่น่ากลัวเหลือเอาไว้เผื่อเขาด้วย

  

ฟู่กุยรู้ว่าพลังนี้ถูกเก็บไว้รับมือกับเขาเขารู้สึกว่าซือหยูได้วางแผนรับมือเขาเอาไว้ล่วงหน้า

  

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆซือหยูจะมองข้ามกู้ไทซูได้อย่างไรในเมื่อยังมีจ้าวเทวะอย่างฟู่กุยอยู่ด้วย?

  

พลังปีศาจจากเวทความฝันนั้นถูกจัดแจงให้กับฟู่กุยโดยเฉพาะ

  

เมื่อพลังปีศาจสังหารหัวผีทั้งห้าพลังนั้นก็อ่อนแอลง แต่มันก็ยังมีพลังอีกมากที่ทำให้ฟู่กุยต้องระวังตัว

  

ฟึ่บ!

  

พลังปีศาจพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยด้วยความเร็วสูงที่แม้แต่จ้าวเทวะก็มิอาจหลบได้

  

ฟู่กุยใจเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อต้องเจอกับวิกฤติและประสบการณ์ในการบ่มเพาะมาหลายร้อยปีก็บอกเขาว่าพลังนี้มากพอที่จะเอาชีวิตของเขาไปด้วย

  

เขาหลบไม่ได้และเขาก็ยังเผชิญหน้ากับมันไม่ได้อีก

  

เขามองรอบๆและจ้องมองกู้ไทซูที่หยุดนิ่งในเวทความฝัน

  

เขาลังเลอยู่บ้างก่อนจะกัดฟันและบินไปยังกู้ไทซู

  

“ท่านกู้ขออภัย แต่มันก็แค่ร่างเงาของท่าน โปรดอภัยให้ข้าเถอะ”

  

ฟู่กุยเอื้อมมือไปทางกู้ไทซูและดูดร่างของเขาเข้ามาที่ด้านหน้า

  

กู้ไทซูที่เพิ่งจะเป็นอิสระจากเวทความฝันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขางุนงงไปหมด

  

เขาโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพลังของฟู่กุยอยู่ด้านหลังเพราะมีคนมาช่วยเขาแล้ว

  

เขามองซือหยูที่อยู่ไกลออกไปและยิ้มอย่างเยือกเย็น

  

“ซือหยูทุกอย่างจบลงแล้ว เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ส่วนข้าน่ะรึ? ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งญาติสนิทมิตรสหาย!”

  

และเมื่อเขาได้พูดออกไปเขาก็พบว่ามีบางอย่างที่ประหลาด พอถึงตอนนั้นพลังปีศาจก็ได้ทะลวงร่างของเขาอย่างเงียบเชียบ

  

เขาไม่ได้มองพลังปีศาจก่อนที่มันจะเข้ามาที่ร่างของเขาด้วยซ้ำเขาสลายไปราวกับต้นไม้ตายที่ถูกเผา

  

ตราบจนสติถูกลบล้างเขาก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งใดที่ฆ่าเขา

  

เมื่อพลังปีศาจฆ่ากู้ไทซูมันก็อ่อนแอลงไปมากมันยังพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยต่อไป

  

และแม้ว่าฟู่กุยจะกู้สถานการณ์มาได้เขาก็ยังไม่คลายใจ เขาใช้พลังทั้งหมดในการรับมือกับมัน

  

ปั้ง!

  

เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้นฟู่กุยกระเด็นไปสิบลี้ เกิดบาดแผลใหญ่บนอกของเขา มันดูค่อนข้างร้ายแรง

  

เขาบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ตาย

  

ฟู่กุยรอดมาได้หวุดหวิดเขายังคงตัวสั่นเพราะความกลัว

  

มันน่ากลัวเกินไป!พลังปีศาจเสี้ยวเดียวเกือบจะทำให้เขาตาย

  

ถ้าหากกู้ไทซูไม่รับพลังส่วนมากไปจ้าวเทวะอย่างเขาก็คงไม่มีโอกาสรอดชีวิต

  

เขาใจสั่นไปนานและหันไปมองซือหยูอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวและจิตสังหารที่พวยพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำหลาก

  

“เจ้าจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!ตายซะ!”

  

ความโกรธของจ้าวเทวะสามารถสร้างซากศพได้หลายล้านคนแต่ก่อนที่เขาจะได้จู่โจม ใบไผ่สีทองที่ทางเข้าก้นบึ้งมังกรก็ได้เปิดออก มีหญิงสาวงดงามบินออกมาด้วยความกังวลใจ

  

แย่แล้ว!ฟู่กุยใจหายเพราะถ้าเขาใช้พลังทั้งหมด เขาก็ทำอะไรกับใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่แข็งแกร่งไม่ได้

  

และเขายังหวาดกลัวที่เซี่ยจิงหยูบินมาที่ข้างซือหยูนางคิดจะพาเขาหนีไปด้วยกัน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Divine Nine Dragon Cauldron 716 – สังหารธุ์ไทซู

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 716 - สังหารธุ์ไทซู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.716 – สังหารธุ์ไทซู   “ซือหยูจงตายไปก่อนซะเถอะ”    มีบ้างที่โศกเศร้าแต่ก็มีคนอื่นที่กำลังคลั่ง    กู้ไทซูที่บาดเจ็บสาหัสนั้นกำลังจะตายเขาหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม    “เจ้าจงตายอย่างสงบไปซะเถอะเดี๋ยวข้าจะส่งผู้หญิงสองคนนี้ไปกับเจ้าด้วย เจ้าจะได้ไม่ต้องเหงาในนรก”    ซือหยูเกือบต้องตายเมื่อเจอกับกู้ไทซูที่กระโจมเทพสวรรค์และตอนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน    ซือหยูพ่ายแพ้ในการเผชิญหน้าทั้งสองครั้งและครั้งนี้เขาสูญเสียไปอย่างอเนจอนาถ    “งั้นเรอะ?”    ซือหยูมองเยาะกลับไปเมื่อซือหยูพูดจบ วงเวทใหญ่เท่าฝ่ามือก็ลอยขึ้นมาจากพื้นทะเลใต้กู้ไทซู    วงเวทเปล่งแสงสีดำสิ่งรอบข้างกู้ไทซูเปลี่ยนไปในทันที เขาได้พบกับทุ่งหิมะที่เยือกเย็นไปถึงกระดูก    กู้ไทซูสูญเสียฐานพลังทั้งหมดในทุ่งหิมะแห่งนี้เขากลายเป็นแค่มนุษย์อ่อนแอที่หนาวสั่นเมื่อสายลมพัดผ่าน    “เวทความฝันวิญญาณเทวะเยือกแข็ง?”    กู้ไทซูตกตะลึงเขาที่เป็นคนจากดินแดนพรสวรรค์จะไม่รู้เรื่องลำดับเวทนี้ได้อย่างไร? มันคือลำดับเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนพรสวรค์ทั้งสิบแปด    เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าซือหยูที่กำลังจะตายจะยังมีกระบวนท่าลับซ่อนเอาไว้อยู่อีก    เขาวางลำดับไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ เขากับซือหยูต่อสู้กันมาโดยตลอด ซือหยูไม่มีเวลาใช้มันแน่    สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือเวทความฝันนั้นถูกวางเอาไว้มานานแล้วและมันถูกทิ้งให้เป็นกระบวนท่าสุดท้าย    กู้ไทซูหยุดให้หัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อคิดถึงอุบายทั้งหมดเขาเป็นกังวลเมื่อมองหาจุดอ่อนของลำดับและออกจากมัน มิเช่นนั้นเขาจะต้องโดนฆ่าแน่    เขามองหาจุดอ่อนของทุ่งหิมะอย่างรวดเร็ว    แม้ว่าเขาจะอยู่ในทุ่งหิมะแต่ในสายตาของคนรอบๆจะเห็นว่ากู้ไทซูนั้นเพียงยืนอยู่กับที่ไม่ไหวติงราวกับต้นเสา    “ตอนนี้แหละ…ฆ่ามันเลย…”    ซือหยูพูดด้วยความยากลำบาก    นี่คือโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้กำจัดกู้ไทซู    เซี่ยนเอ๋อเงยหน้าเช็ดน้ำตาดวงตาของนางมีทั้งความเศร้าและความชิงชัง    “ทำไมกัน?ทำไมแกต้องมายุ่งกับชีวิตพวกเรา?”    เซี่ยนเอ๋อกำหมัดแน่นดวงตาของนางเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง    “พี่ซือหยูต้องเจอกับความยากลำบากและแทบจะไม่รอดตายแต่พี่ซือหยูก็ยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์และจะไม่ยอมติดค้างกับผู้ใด หรือทำให้ใครผิดหวัง”    “แกมีปัญหาอะไรกับพวกเรานัก?ทำไมแกต้องพยายามจะกำจัดพวกเราทุกคนด้วย?”    นางดูเหมือนกำลังตะโกนอ้อนวอน และบอกถึงความอยุติธรรมที่ซือหยูพบเจอมาตลอดชีวิต    “ถ้าโลกนั้นอยากจะฆ่าพี่ซือหยูข้าก็จะใช้ทั้งชีวิตของข้าทำลายโลกของพวกแกซะ”    เซี่ยนเอ๋อดูราวกับเป็นเทพแห่งความตายนางทั้งไร้หัวใจและเยือกเย็น แววตาของนางมีพลังแห่งความตายแผ่ออกมา    “ตาย!พวกเจ้าทุกคนต้องตาย…”    เซี่ยนเอ๋อปลดปล่อยความชิงชังทั้งหมดในใจและตะโกนลั่น    พลังแห่งความตายได้แผ่ออกมาล้อมรอบตัวกู้ไทซูและจะพาเขาไปยังหุบเหวนรก    กู้ไทซูที่ไม่มีกระบี่ปราบมังกรคงต้องตายเท่านั้นเมื่อพบกับพลังระดับนี้    ปั้ง!    เสียงเบาๆดังขึ้นมาวิหคเพลิงทมิฬปรากฏเหนือหัวกู้ไทซู    แต่ก็มีพลังแปลกๆปรากฏออกมาล้อมวิหคเพลิงทมิฬเอาไว้พร้อมกับสลายมันไป    “หึหึข้าไปไม่นานแต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเช่นนี้ เกินคาดจริงๆ”    ชายชุดสีอำพันปรากฏตัวจากความว่างเปล่าร่างของเขาปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา    เขาคือฟู่กุยที่กลับมาทันเวลาพอดี    เซี่ยนเอ๋อเจอกับพลังสะท้อนกลับอีกครั้งนางร้องเบาๆด้วยความเจ็บปวดและกระเด็นกลับมาที่ข้างซือหยู    ความหวาดกลัวมิได้ปรากฏในแววตาเซี่ยนเอ๋อเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะดวงตาของนางสงบนิ่งราวกับวารี    “ร่างวิหคเพลิงแห่งความตายรึหึหึ ไม่คิดเลยว่าร่างยมทูตที่ไม่เคยปรากฏในจิวโจวจะมาอยู่ที่เฉินหลง!”    ฟู่กุยมองเซี่ยนเอ๋อด้วยความสนใจเขาตาเป็นประกายความโลภ    “ร่างเทวะเช่นนี้คงสูญเปล่ากับอสูรน้อยอย่างเจ้าข้าจะดูแลมันแทนเจ้าเอง”    ฟู่กุยพูดอย่างโหดร้ายเขาเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น    “บังเอิญนักที่ข้าบ่มเพาะวิชากลืนกินพลังสายโลหิตแม่สาวน้อย เจ้าเป็นของขวัญของข้าจริงๆ”    ฟู่กุยเลือกเส้นทางบ่มเพาะในวิชาอสูรเขาบ่มเพาะวิชาโลหิตเหนือกว่าคนอื่นใด เขายังมีพลังวิเศษที่น่าตกตะลึงที่จะกลืนกินพลังสายโลหิตของคนอื่นได้    เซี่ยนเอ๋อแววตาแน่วแน่ฟันของนางแทรกไปด้วยโลหิต นางมองเขาอย่างเยือกเย็น    “ให้สุนัขกินเนื้อข้ายังดีกว่าให้คนต่างโลกอย่างเจ้ามาเอาไป”    ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย    “มันไม่ได้แล้วแต่เจ้าหรอกนะ”    เขาโบกมือไปทางเซี่ยนเอ๋อหัวภูติผีห้าหัวที่น่าเกลียดพุ่งออกมาจากแขนเสื้อและพุ่งเข้าใส่นาง    เหล่าหัวผีนั้นมีใบหน้าที่อัปลักษณ์พลังภูติของมันมีกลิ่นเหม็นเน่าและยังมีพลังที่แข็งแกร่งพอจะคร่าชีวิตภูติ    แต่ละหัวมีพลังภูติระดับเก้าแค่ภูติระดับเก้าคนเดียวอย่างกู้ไทซูก็เกือบจะส่งซือหยูไปตายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงห้าหัวเลย    ทุกคนรวมถึงคนในก้นบึ้งมังกรตื่นตกใจแม้ว่าจ้าวเทวะจะไม่ได้จู่โจมพวกเขา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชนะ    หัวผีอ้าปากและพุ่งไปที่นางอย่างรวดเร็วมันคิดจะฉีกนางเป็นชิ้นๆและกลืนกินเลือดเนื้อเพื่อดูดซับแก่นโลหิต    เซี่ยนเอ๋อมิได้หวาดกลัวพลังแห่งความตายแผ่ออกมาจากดวงตา นางจ้องมองหัวผีอย่างไม่ลดละ แต่แม้นางจะพูดคำว่า ‘ตาย’ เหล่าหัวผีก็ไม่สะทกสะท้านอะไร มันยังคงพุ่งเข้าใส่นาง    “วิหคเพลิงแห่งความตายคร่าชีวิตได้แต่เจ้าจะเอาชีวิตใดไปจากผีเล่า? แม่สาวน้อย เจ้าได้เจอกับหายนะแล้ว”    ฟู่กุยหัวเราะ    เซี่ยนเอ๋อตกตะลึงนางยิ้มอย่างขมขื่น    “พี่ซือหยูข้าขอโทษ ข้าคงต้องไปก่อน ข้าต้องไปรอพี่ที่โลกหน้าก่อน”    เซี่ยนเอ๋อจิตใจกล้าแกร่งและหนักแน่นมาก    นางยินดีจะจบชีวิตตัวเองมากกว่าที่จะให้หัวผีกลืนกินไปและปล่อยให้สายโลหิตถูกแย่งชิงโดยคนอื่น    แต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไรหัวผีทั้งห้าก็กรีดร้องเสียงแหลม มันหนีไปคนละทิศละทางราวกับเจอสิ่งที่น่ากลัว    แต่ก่อนที่จะได้หนีเสียงกรีดร้องของพวกมันก็หยุดลงไปดื้อๆ พลังกระบี่สีเทาได้ทะลวงหัวทั้งห้าในพริบตาเดียว    สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยที่ฟู่กุยไม่ทันระวังเขาร้องครางเบาๆ โลหิตไหลออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง เขาได้รับผลสะท้อนกลับจากหัวผีที่ถูกกำจัด    “เกิดอะไรขึ้น?”    ฟู่กุยเบิกตากว้างเขาอึดอัดใจเมื่อเห็นพลังกระบี่สีเทา    “พลังปีศาจรึ?มันคือพลังอะไรกัน?”    รอยยิ้มของฟู่กุยหายไปโดยสิ้นเชิง    เขาเริ่มถอยกลับและมองหาพลังกระบี่สีเทาที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนในพลังของเขา    ซือหยูร่างมืดได้ทิ้งพลังปีศาจเอาไว้ในเวทความฝันพลังปีศาจนี้เป็นพลังที่แม้แต่จักรพรรดิโลหิตยังหวาดกลัว แล้วจ้าวเทวะแค่คนเดียวจะไม่รู้สึกอะไรรึ?    “เจ้าหนู?นั่นมันท่าสังหารของเจ้าจริงๆสินะ?”    ฟู่กุยรู้สึกราวกับถูกกับดักของซือหยู    มันจะบังเอิญสักเพียงใดกันที่เขาจะกลับมาในทันทีที่ชีวิตของกู้ไทซูตกอยู่ในอันตราย?    เขาซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่ที่กู้ไทซูใช้กระบี่และต่อสู้กับซือหยูอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว    เขายังหวาดกลัววิชาของซือหยูและรอจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บหนักก่อนจะปรากฏตัวออกมาจัดการกับเรื่องที่เหลือ    สถานการณ์เป็นไปอย่างที่เขาคิดแต่ซือหยูที่เกือบตายกลับยังมีลูกไม้ที่น่ากลัวทิ้งเอาไว้และทำให้กู้ไทซูขยับตัวไม่ได้    จากนั้นฟู่กุยจึงปรากฏตัวออกมาด้วยสองเหตุผลเหตุแรกคือการช่วยชีวิตกู้ไทซู ส่วนอีกเหตุก็คือการสังหารซือหยูที่หมดภัยคุกคามและรับความดีความชิบ    แต่เขาไม่คิดเลยว่าซือหยูจะยังมีพลังปีศาจที่น่ากลัวเหลือเอาไว้เผื่อเขาด้วย    ฟู่กุยรู้ว่าพลังนี้ถูกเก็บไว้รับมือกับเขาเขารู้สึกว่าซือหยูได้วางแผนรับมือเขาเอาไว้ล่วงหน้า    แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆซือหยูจะมองข้ามกู้ไทซูได้อย่างไรในเมื่อยังมีจ้าวเทวะอย่างฟู่กุยอยู่ด้วย?    พลังปีศาจจากเวทความฝันนั้นถูกจัดแจงให้กับฟู่กุยโดยเฉพาะ    เมื่อพลังปีศาจสังหารหัวผีทั้งห้าพลังนั้นก็อ่อนแอลง แต่มันก็ยังมีพลังอีกมากที่ทำให้ฟู่กุยต้องระวังตัว    ฟึ่บ!    พลังปีศาจพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยด้วยความเร็วสูงที่แม้แต่จ้าวเทวะก็มิอาจหลบได้    ฟู่กุยใจเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อต้องเจอกับวิกฤติและประสบการณ์ในการบ่มเพาะมาหลายร้อยปีก็บอกเขาว่าพลังนี้มากพอที่จะเอาชีวิตของเขาไปด้วย    เขาหลบไม่ได้และเขาก็ยังเผชิญหน้ากับมันไม่ได้อีก    เขามองรอบๆและจ้องมองกู้ไทซูที่หยุดนิ่งในเวทความฝัน    เขาลังเลอยู่บ้างก่อนจะกัดฟันและบินไปยังกู้ไทซู    “ท่านกู้ขออภัย แต่มันก็แค่ร่างเงาของท่าน โปรดอภัยให้ข้าเถอะ”    ฟู่กุยเอื้อมมือไปทางกู้ไทซูและดูดร่างของเขาเข้ามาที่ด้านหน้า    กู้ไทซูที่เพิ่งจะเป็นอิสระจากเวทความฝันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขางุนงงไปหมด    เขาโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพลังของฟู่กุยอยู่ด้านหลังเพราะมีคนมาช่วยเขาแล้ว    เขามองซือหยูที่อยู่ไกลออกไปและยิ้มอย่างเยือกเย็น    “ซือหยูทุกอย่างจบลงแล้ว เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ส่วนข้าน่ะรึ? ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งญาติสนิทมิตรสหาย!”    และเมื่อเขาได้พูดออกไปเขาก็พบว่ามีบางอย่างที่ประหลาด พอถึงตอนนั้นพลังปีศาจก็ได้ทะลวงร่างของเขาอย่างเงียบเชียบ    เขาไม่ได้มองพลังปีศาจก่อนที่มันจะเข้ามาที่ร่างของเขาด้วยซ้ำเขาสลายไปราวกับต้นไม้ตายที่ถูกเผา    ตราบจนสติถูกลบล้างเขาก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งใดที่ฆ่าเขา    เมื่อพลังปีศาจฆ่ากู้ไทซูมันก็อ่อนแอลงไปมากมันยังพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยต่อไป    และแม้ว่าฟู่กุยจะกู้สถานการณ์มาได้เขาก็ยังไม่คลายใจ เขาใช้พลังทั้งหมดในการรับมือกับมัน    ปั้ง!    เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้นฟู่กุยกระเด็นไปสิบลี้ เกิดบาดแผลใหญ่บนอกของเขา มันดูค่อนข้างร้ายแรง    เขาบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ตาย    ฟู่กุยรอดมาได้หวุดหวิดเขายังคงตัวสั่นเพราะความกลัว    มันน่ากลัวเกินไป!พลังปีศาจเสี้ยวเดียวเกือบจะทำให้เขาตาย    ถ้าหากกู้ไทซูไม่รับพลังส่วนมากไปจ้าวเทวะอย่างเขาก็คงไม่มีโอกาสรอดชีวิต    เขาใจสั่นไปนานและหันไปมองซือหยูอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวและจิตสังหารที่พวยพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำหลาก    “เจ้าจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!ตายซะ!”    ความโกรธของจ้าวเทวะสามารถสร้างซากศพได้หลายล้านคนแต่ก่อนที่เขาจะได้จู่โจม ใบไผ่สีทองที่ทางเข้าก้นบึ้งมังกรก็ได้เปิดออก มีหญิงสาวงดงามบินออกมาด้วยความกังวลใจ    แย่แล้ว!ฟู่กุยใจหายเพราะถ้าเขาใช้พลังทั้งหมด เขาก็ทำอะไรกับใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่แข็งแกร่งไม่ได้    และเขายังหวาดกลัวที่เซี่ยจิงหยูบินมาที่ข้างซือหยูนางคิดจะพาเขาหนีไปด้วยกัน  

DND.716 – สังหารธุ์ไทซู

 

“ซือหยูจงตายไปก่อนซะเถอะ”

  

มีบ้างที่โศกเศร้าแต่ก็มีคนอื่นที่กำลังคลั่ง

  

กู้ไทซูที่บาดเจ็บสาหัสนั้นกำลังจะตายเขาหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม

  

“เจ้าจงตายอย่างสงบไปซะเถอะเดี๋ยวข้าจะส่งผู้หญิงสองคนนี้ไปกับเจ้าด้วย เจ้าจะได้ไม่ต้องเหงาในนรก”

  

ซือหยูเกือบต้องตายเมื่อเจอกับกู้ไทซูที่กระโจมเทพสวรรค์และตอนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน

  

ซือหยูพ่ายแพ้ในการเผชิญหน้าทั้งสองครั้งและครั้งนี้เขาสูญเสียไปอย่างอเนจอนาถ

  

“งั้นเรอะ?”

  

ซือหยูมองเยาะกลับไปเมื่อซือหยูพูดจบ วงเวทใหญ่เท่าฝ่ามือก็ลอยขึ้นมาจากพื้นทะเลใต้กู้ไทซู

  

วงเวทเปล่งแสงสีดำสิ่งรอบข้างกู้ไทซูเปลี่ยนไปในทันที เขาได้พบกับทุ่งหิมะที่เยือกเย็นไปถึงกระดูก

  

กู้ไทซูสูญเสียฐานพลังทั้งหมดในทุ่งหิมะแห่งนี้เขากลายเป็นแค่มนุษย์อ่อนแอที่หนาวสั่นเมื่อสายลมพัดผ่าน

  

“เวทความฝันวิญญาณเทวะเยือกแข็ง?”

  

กู้ไทซูตกตะลึงเขาที่เป็นคนจากดินแดนพรสวรรค์จะไม่รู้เรื่องลำดับเวทนี้ได้อย่างไร? มันคือลำดับเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนพรสวรค์ทั้งสิบแปด

  

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าซือหยูที่กำลังจะตายจะยังมีกระบวนท่าลับซ่อนเอาไว้อยู่อีก

  

เขาวางลำดับไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ เขากับซือหยูต่อสู้กันมาโดยตลอด ซือหยูไม่มีเวลาใช้มันแน่

  

สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือเวทความฝันนั้นถูกวางเอาไว้มานานแล้วและมันถูกทิ้งให้เป็นกระบวนท่าสุดท้าย

  

กู้ไทซูหยุดให้หัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อคิดถึงอุบายทั้งหมดเขาเป็นกังวลเมื่อมองหาจุดอ่อนของลำดับและออกจากมัน มิเช่นนั้นเขาจะต้องโดนฆ่าแน่

  

เขามองหาจุดอ่อนของทุ่งหิมะอย่างรวดเร็ว

  

แม้ว่าเขาจะอยู่ในทุ่งหิมะแต่ในสายตาของคนรอบๆจะเห็นว่ากู้ไทซูนั้นเพียงยืนอยู่กับที่ไม่ไหวติงราวกับต้นเสา

  

“ตอนนี้แหละ…ฆ่ามันเลย…”

  

ซือหยูพูดด้วยความยากลำบาก

  

นี่คือโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้กำจัดกู้ไทซู

  

เซี่ยนเอ๋อเงยหน้าเช็ดน้ำตาดวงตาของนางมีทั้งความเศร้าและความชิงชัง

  

“ทำไมกัน?ทำไมแกต้องมายุ่งกับชีวิตพวกเรา?”

  

เซี่ยนเอ๋อกำหมัดแน่นดวงตาของนางเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

  

“พี่ซือหยูต้องเจอกับความยากลำบากและแทบจะไม่รอดตายแต่พี่ซือหยูก็ยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์และจะไม่ยอมติดค้างกับผู้ใด หรือทำให้ใครผิดหวัง”

  

“แกมีปัญหาอะไรกับพวกเรานัก?ทำไมแกต้องพยายามจะกำจัดพวกเราทุกคนด้วย?”

  

นางดูเหมือนกำลังตะโกนอ้อนวอน และบอกถึงความอยุติธรรมที่ซือหยูพบเจอมาตลอดชีวิต

  

“ถ้าโลกนั้นอยากจะฆ่าพี่ซือหยูข้าก็จะใช้ทั้งชีวิตของข้าทำลายโลกของพวกแกซะ”

  

เซี่ยนเอ๋อดูราวกับเป็นเทพแห่งความตายนางทั้งไร้หัวใจและเยือกเย็น แววตาของนางมีพลังแห่งความตายแผ่ออกมา

  

“ตาย!พวกเจ้าทุกคนต้องตาย…”

  

เซี่ยนเอ๋อปลดปล่อยความชิงชังทั้งหมดในใจและตะโกนลั่น

  

พลังแห่งความตายได้แผ่ออกมาล้อมรอบตัวกู้ไทซูและจะพาเขาไปยังหุบเหวนรก

  

กู้ไทซูที่ไม่มีกระบี่ปราบมังกรคงต้องตายเท่านั้นเมื่อพบกับพลังระดับนี้

  

ปั้ง!

  

เสียงเบาๆดังขึ้นมาวิหคเพลิงทมิฬปรากฏเหนือหัวกู้ไทซู

  

แต่ก็มีพลังแปลกๆปรากฏออกมาล้อมวิหคเพลิงทมิฬเอาไว้พร้อมกับสลายมันไป

  

“หึหึข้าไปไม่นานแต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเช่นนี้ เกินคาดจริงๆ”

  

ชายชุดสีอำพันปรากฏตัวจากความว่างเปล่าร่างของเขาปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา

  

เขาคือฟู่กุยที่กลับมาทันเวลาพอดี

  

เซี่ยนเอ๋อเจอกับพลังสะท้อนกลับอีกครั้งนางร้องเบาๆด้วยความเจ็บปวดและกระเด็นกลับมาที่ข้างซือหยู

  

ความหวาดกลัวมิได้ปรากฏในแววตาเซี่ยนเอ๋อเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะดวงตาของนางสงบนิ่งราวกับวารี

  

“ร่างวิหคเพลิงแห่งความตายรึหึหึ ไม่คิดเลยว่าร่างยมทูตที่ไม่เคยปรากฏในจิวโจวจะมาอยู่ที่เฉินหลง!”

  

ฟู่กุยมองเซี่ยนเอ๋อด้วยความสนใจเขาตาเป็นประกายความโลภ

  

“ร่างเทวะเช่นนี้คงสูญเปล่ากับอสูรน้อยอย่างเจ้าข้าจะดูแลมันแทนเจ้าเอง”

  

ฟู่กุยพูดอย่างโหดร้ายเขาเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น

  

“บังเอิญนักที่ข้าบ่มเพาะวิชากลืนกินพลังสายโลหิตแม่สาวน้อย เจ้าเป็นของขวัญของข้าจริงๆ”

  

ฟู่กุยเลือกเส้นทางบ่มเพาะในวิชาอสูรเขาบ่มเพาะวิชาโลหิตเหนือกว่าคนอื่นใด เขายังมีพลังวิเศษที่น่าตกตะลึงที่จะกลืนกินพลังสายโลหิตของคนอื่นได้

  

เซี่ยนเอ๋อแววตาแน่วแน่ฟันของนางแทรกไปด้วยโลหิต นางมองเขาอย่างเยือกเย็น

  

“ให้สุนัขกินเนื้อข้ายังดีกว่าให้คนต่างโลกอย่างเจ้ามาเอาไป”

  

ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย

  

“มันไม่ได้แล้วแต่เจ้าหรอกนะ”

  

เขาโบกมือไปทางเซี่ยนเอ๋อหัวภูติผีห้าหัวที่น่าเกลียดพุ่งออกมาจากแขนเสื้อและพุ่งเข้าใส่นาง

  

เหล่าหัวผีนั้นมีใบหน้าที่อัปลักษณ์พลังภูติของมันมีกลิ่นเหม็นเน่าและยังมีพลังที่แข็งแกร่งพอจะคร่าชีวิตภูติ

  

แต่ละหัวมีพลังภูติระดับเก้าแค่ภูติระดับเก้าคนเดียวอย่างกู้ไทซูก็เกือบจะส่งซือหยูไปตายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงห้าหัวเลย

  

ทุกคนรวมถึงคนในก้นบึ้งมังกรตื่นตกใจแม้ว่าจ้าวเทวะจะไม่ได้จู่โจมพวกเขา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชนะ

  

หัวผีอ้าปากและพุ่งไปที่นางอย่างรวดเร็วมันคิดจะฉีกนางเป็นชิ้นๆและกลืนกินเลือดเนื้อเพื่อดูดซับแก่นโลหิต

  

เซี่ยนเอ๋อมิได้หวาดกลัวพลังแห่งความตายแผ่ออกมาจากดวงตา นางจ้องมองหัวผีอย่างไม่ลดละ แต่แม้นางจะพูดคำว่า ‘ตาย’ เหล่าหัวผีก็ไม่สะทกสะท้านอะไร มันยังคงพุ่งเข้าใส่นาง

  

“วิหคเพลิงแห่งความตายคร่าชีวิตได้แต่เจ้าจะเอาชีวิตใดไปจากผีเล่า? แม่สาวน้อย เจ้าได้เจอกับหายนะแล้ว”

  

ฟู่กุยหัวเราะ

  

เซี่ยนเอ๋อตกตะลึงนางยิ้มอย่างขมขื่น

  

“พี่ซือหยูข้าขอโทษ ข้าคงต้องไปก่อน ข้าต้องไปรอพี่ที่โลกหน้าก่อน”

  

เซี่ยนเอ๋อจิตใจกล้าแกร่งและหนักแน่นมาก

  

นางยินดีจะจบชีวิตตัวเองมากกว่าที่จะให้หัวผีกลืนกินไปและปล่อยให้สายโลหิตถูกแย่งชิงโดยคนอื่น

  

แต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไรหัวผีทั้งห้าก็กรีดร้องเสียงแหลม มันหนีไปคนละทิศละทางราวกับเจอสิ่งที่น่ากลัว

  

แต่ก่อนที่จะได้หนีเสียงกรีดร้องของพวกมันก็หยุดลงไปดื้อๆ พลังกระบี่สีเทาได้ทะลวงหัวทั้งห้าในพริบตาเดียว

  

สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยที่ฟู่กุยไม่ทันระวังเขาร้องครางเบาๆ โลหิตไหลออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง เขาได้รับผลสะท้อนกลับจากหัวผีที่ถูกกำจัด

  

“เกิดอะไรขึ้น?”

  

ฟู่กุยเบิกตากว้างเขาอึดอัดใจเมื่อเห็นพลังกระบี่สีเทา

  

“พลังปีศาจรึ?มันคือพลังอะไรกัน?”

  

รอยยิ้มของฟู่กุยหายไปโดยสิ้นเชิง

  

เขาเริ่มถอยกลับและมองหาพลังกระบี่สีเทาที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนในพลังของเขา

  

ซือหยูร่างมืดได้ทิ้งพลังปีศาจเอาไว้ในเวทความฝันพลังปีศาจนี้เป็นพลังที่แม้แต่จักรพรรดิโลหิตยังหวาดกลัว แล้วจ้าวเทวะแค่คนเดียวจะไม่รู้สึกอะไรรึ?

  

“เจ้าหนู?นั่นมันท่าสังหารของเจ้าจริงๆสินะ?”

  

ฟู่กุยรู้สึกราวกับถูกกับดักของซือหยู

  

มันจะบังเอิญสักเพียงใดกันที่เขาจะกลับมาในทันทีที่ชีวิตของกู้ไทซูตกอยู่ในอันตราย?

  

เขาซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่ที่กู้ไทซูใช้กระบี่และต่อสู้กับซือหยูอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว

  

เขายังหวาดกลัววิชาของซือหยูและรอจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บหนักก่อนจะปรากฏตัวออกมาจัดการกับเรื่องที่เหลือ

  

สถานการณ์เป็นไปอย่างที่เขาคิดแต่ซือหยูที่เกือบตายกลับยังมีลูกไม้ที่น่ากลัวทิ้งเอาไว้และทำให้กู้ไทซูขยับตัวไม่ได้

  

จากนั้นฟู่กุยจึงปรากฏตัวออกมาด้วยสองเหตุผลเหตุแรกคือการช่วยชีวิตกู้ไทซู ส่วนอีกเหตุก็คือการสังหารซือหยูที่หมดภัยคุกคามและรับความดีความชิบ

  

แต่เขาไม่คิดเลยว่าซือหยูจะยังมีพลังปีศาจที่น่ากลัวเหลือเอาไว้เผื่อเขาด้วย

  

ฟู่กุยรู้ว่าพลังนี้ถูกเก็บไว้รับมือกับเขาเขารู้สึกว่าซือหยูได้วางแผนรับมือเขาเอาไว้ล่วงหน้า

  

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆซือหยูจะมองข้ามกู้ไทซูได้อย่างไรในเมื่อยังมีจ้าวเทวะอย่างฟู่กุยอยู่ด้วย?

  

พลังปีศาจจากเวทความฝันนั้นถูกจัดแจงให้กับฟู่กุยโดยเฉพาะ

  

เมื่อพลังปีศาจสังหารหัวผีทั้งห้าพลังนั้นก็อ่อนแอลง แต่มันก็ยังมีพลังอีกมากที่ทำให้ฟู่กุยต้องระวังตัว

  

ฟึ่บ!

  

พลังปีศาจพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยด้วยความเร็วสูงที่แม้แต่จ้าวเทวะก็มิอาจหลบได้

  

ฟู่กุยใจเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อต้องเจอกับวิกฤติและประสบการณ์ในการบ่มเพาะมาหลายร้อยปีก็บอกเขาว่าพลังนี้มากพอที่จะเอาชีวิตของเขาไปด้วย

  

เขาหลบไม่ได้และเขาก็ยังเผชิญหน้ากับมันไม่ได้อีก

  

เขามองรอบๆและจ้องมองกู้ไทซูที่หยุดนิ่งในเวทความฝัน

  

เขาลังเลอยู่บ้างก่อนจะกัดฟันและบินไปยังกู้ไทซู

  

“ท่านกู้ขออภัย แต่มันก็แค่ร่างเงาของท่าน โปรดอภัยให้ข้าเถอะ”

  

ฟู่กุยเอื้อมมือไปทางกู้ไทซูและดูดร่างของเขาเข้ามาที่ด้านหน้า

  

กู้ไทซูที่เพิ่งจะเป็นอิสระจากเวทความฝันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขางุนงงไปหมด

  

เขาโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพลังของฟู่กุยอยู่ด้านหลังเพราะมีคนมาช่วยเขาแล้ว

  

เขามองซือหยูที่อยู่ไกลออกไปและยิ้มอย่างเยือกเย็น

  

“ซือหยูทุกอย่างจบลงแล้ว เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ส่วนข้าน่ะรึ? ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งญาติสนิทมิตรสหาย!”

  

และเมื่อเขาได้พูดออกไปเขาก็พบว่ามีบางอย่างที่ประหลาด พอถึงตอนนั้นพลังปีศาจก็ได้ทะลวงร่างของเขาอย่างเงียบเชียบ

  

เขาไม่ได้มองพลังปีศาจก่อนที่มันจะเข้ามาที่ร่างของเขาด้วยซ้ำเขาสลายไปราวกับต้นไม้ตายที่ถูกเผา

  

ตราบจนสติถูกลบล้างเขาก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งใดที่ฆ่าเขา

  

เมื่อพลังปีศาจฆ่ากู้ไทซูมันก็อ่อนแอลงไปมากมันยังพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยต่อไป

  

และแม้ว่าฟู่กุยจะกู้สถานการณ์มาได้เขาก็ยังไม่คลายใจ เขาใช้พลังทั้งหมดในการรับมือกับมัน

  

ปั้ง!

  

เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้นฟู่กุยกระเด็นไปสิบลี้ เกิดบาดแผลใหญ่บนอกของเขา มันดูค่อนข้างร้ายแรง

  

เขาบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ตาย

  

ฟู่กุยรอดมาได้หวุดหวิดเขายังคงตัวสั่นเพราะความกลัว

  

มันน่ากลัวเกินไป!พลังปีศาจเสี้ยวเดียวเกือบจะทำให้เขาตาย

  

ถ้าหากกู้ไทซูไม่รับพลังส่วนมากไปจ้าวเทวะอย่างเขาก็คงไม่มีโอกาสรอดชีวิต

  

เขาใจสั่นไปนานและหันไปมองซือหยูอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวและจิตสังหารที่พวยพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำหลาก

  

“เจ้าจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!ตายซะ!”

  

ความโกรธของจ้าวเทวะสามารถสร้างซากศพได้หลายล้านคนแต่ก่อนที่เขาจะได้จู่โจม ใบไผ่สีทองที่ทางเข้าก้นบึ้งมังกรก็ได้เปิดออก มีหญิงสาวงดงามบินออกมาด้วยความกังวลใจ

  

แย่แล้ว!ฟู่กุยใจหายเพราะถ้าเขาใช้พลังทั้งหมด เขาก็ทำอะไรกับใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่แข็งแกร่งไม่ได้

  

และเขายังหวาดกลัวที่เซี่ยจิงหยูบินมาที่ข้างซือหยูนางคิดจะพาเขาหนีไปด้วยกัน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+