The Divine Nine Dragon Cauldron 901

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 901 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.
ฟึ่บ!
เหล่ามู่สะบัดแขนซือหยูรู้สึกถึงคลื่นลมรุนแรง จากนั้นทั้งคู่ก็ถูกพามายังที่แห่งหนึ่ง
นี่เป็นพลังของอสูรเนรมิตร…ซือหยูทึ่ง
เขามาถึงบ้านไม้ในสภาพสมบูรณ์แบบในสวนมีแต่ความเขียวขจี มันเป็นบ้านที่ได้รับการดูแลดีมาก ในสวนนั้นมีหลุมศพโดดเดี่ยวตั้งอยู่ คำว่า “เหยามู่” ถูกสลักเอาไว้
ซือหยูมองหลุมศพด้วยความเศร้าปรมาจารย์แห่งยุคสมัยสิ้นชีวิตในสถานที่แห่งนี้แต่ก็ไม่มีคนเผ่ามนุษย์เลยสักคนที่สวดอธิษฐานให้เขาก่อนหมดลมหายใจ
เขาก้าวไปโค้งคำนับเพื่อแสดงความนับถือและกล่าว
“ผู้เฒ่าหยินมู่ก่อนเหยามู่จะตาย เขาตายอย่างเจ็บปวดหรือไม่?”
หยินมู่ส่ายหน้า
“เขาหมดอายุขัยตายไปตามธรรมชาติเจ้าไม่ต้องเสียใจหรอก”
ซือหยูพยักหน้าและเดินเข้าบ้านด้านในบ้านนั้นเรียบง่าย เขาไม่เห็นสิ่งอื่นอยู่ภายใน ไม่แน่ใจว่าสิ่งของอื่นๆถูกฝังไปพร้อมกับเหยามู่เต๋าเหรินหรือสลายหายไปตามกาลเวลา ในบ้านไม่มีอะไรอยู่เลย
สิ่งเดียวที่มีในบ้านคือม้วนคัมภีร์สองชิ้นที่เก็บรักษาไว้อย่างดีโดยชาวเผ่าไม้ทองแดงม้วนคัมภีร์ด้านซ้ายค่อนข้างบาง ส่วนด้านขวาหนาและหนักกว่ามาก ไม่นานซือหยูก็พบทรายสีทองที่เขาเสียไปขณะที่ไล่ตามมันในป่าปีศาจร้าง ทรายเหล่านั้นได้เข้ามาอยู่ในม้วนคัมภีร์ที่ด้านขวา
“ภาษาไม้โบราณทั้งหมดในผนึกถูกบันทึกอยู่ในม้วนคัมภีร์ทั้งสองม้วนด้านซ้ายเป็นภาษาที่เหยามู่เต๋าเหรินแปลความ เจ้าไม่ต้องเสียเวลามากนัก ม้วนขวาคือคำที่ยังมิได้แปลความ…”
หยินมู่กล่าว
ซือหยูพยักหน้าและก้าวไปคลี่ม้วนด้านขวาข้อความอัดกันแน่นอยู่ในม้วนคัมภีร์นี้ มีบันทึกหมึกแดงเขียนไว้ทุกคำ มันคือรายละเอียดที่เหยามู่เต๋าเหรินศึกษาเอาไว้
บันทึกของเขาเขียนอยู่หนึ่งในสิบและจู่ๆก็หายไปนั่นจะต้องเป็นเวลาที่เขาเสียชีวิต
ซือหยูเสียใจเล็กน้อยเมื่อมองรายละเอียดในบันทึกเขาเปรียบเทียบมันกับภาษาไม้โบราณ ซือหยูทั้งพยักหน้าและส่ายหน้าเป็นระยะๆ
สักพักหยินมู่ถาม
“เจ้าคิดอย่างไรกับบันทึกของเขา?”
ซือหยูเห็นความเชี่ยวชาญภาษาไม้ของเหยามู่เต๋าเหรินได้เด่นชัด
“ยอดเยี่ยมแต่ก็มีขีดจำกัด”
ซือหยูพูดความเห็น
“ในฐานะมนุษย์การศึกษามาถึงระดับนี้โดยใช้ความรู้ที่มีจำกัดย่อมเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ น่าเศร้าที่เขามิอาจไประดับต่อไปได้ด้วยสภาพเช่นนี้”
หยินมู่ยินดี
“แสดงว่าเจ้าเชี่ยวชาญภาษาไม้โบราณยิ่งกว่าเหยามู่งั้นรึ?”
ซือหยูตอบ
“จะว่าอย่างนั้นก็ย่อมได้แต่ขอเวลาข้าศึกษาม้วนคัมภีร์สักครึ่งวัน อย่ารบกวนข้า”
“ดีตราบเท่าที่เจ้าช่วยเทพไม้ได้ ข้าพร้อมแลกกับทุกสิ่ง!”
หยินมู่ตอบและสั่งชาวเผ่าไม้สองต้นป้องกันทางเข้าสวนเพื่อไม่ให้มีสิ่งใดรบกวน
ก่อนจะเดินออกไปหยินมู่เหลือบเห็นทรายสองคำที่ม้วนคัมภีร์ด้านขวาและถาม
“สิ่งนั้นคืออะไรรึ?”
ซือหยูแอบปิดทรายสีทองและตอบ
“บางทีอาจจะเป็นของของเหยามู่เต๋าเหรินขอข้าศึกษามันสักหน่อย”
หยินมู่ลังเลก่อนจะพยักหน้าเขาทิ้งซือหยูตามลำพังในสวน
ซือหยูปิดประตูและนั่งลงเขาเปิดม้วนคัมภีร์หนาอีกครั้งและเปิดไปยังบันทึกสีแดงสุดท้ายที่เหยามู่เต๋าเหรินบันทึกเอาไว้
ขณะนั้นเขาก็รวบรวมทรายสีทองในฝ่ามือและเทที่เหลือในขวดใส่มือเมื่อทรายทองคำเหล่านี้กระทบหมีกแดง มันก็มีชีวิตขึ้นมา มันเดินไปทั่วม้วนคัมภีร์ราวกับฝูงมด!
สุดท้ายทั้งหมดก็สงบนิ่งซือหยูหรี่ตามองทรายก่อนจะพบความลับ เขาแปลความทั้งหมดในทรายทองคำแต่ก็ล้มเหลวในการจัดเรียงให้เป็นประโยคสมบูรณ์.Aileen-novel.
ตอนนี้เมื่อทรายทองคำแบ่งเป็นสิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็ได้รายล้อมคำโบราณ ทรายทองสิบส่วนผสมเข้ากับหนึ่งคำโบราณ จากนั้นมันก็ถูกแปลเป็นประโยค เช่นเดียวกับอีกสิบเก้ากลุ่มคำ!
เมื่อรวมทุกคำพูดเข้าด้วยกันมันก็กลายเป็นรหัสลับ เหยามู่เต๋าเหรินพยายามจะส่งข้อความนี้กับซือหยู!
ซือหยูใจเต้นแรงเขาแปลประโยคคำโบราณในภาษามนุษย์และจัดเรียงทั้งหมด มันกลายเป็นคำสั่งเสียที่เหยามู่เต๋าเหรินส่งผ่านมา
ต่อมาซือหยูก็ชักสีหน้า เหยามู่เต๋าเหรินบอกซือหยูในสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก มันน่ากลัวจนเหยามู่เต๋าเหรินต้องเร้นข้อความในทรายสีทองในคู่มือเพื่อให้มีคนเปิดมาเจอในเวลาต่อมา!
เมื่อซือหยูนั่งเงียบในบ้านเขาก็คิดว่าจะทำสิ่งใดต่ออยู่นาน ใบหน้าเขาคืนความเยือกเย็นมามากแล้ว เขาเข้าสู่ภาวะเร่งเวลาและศึกษาสิ่งที่หยุนย่าสีทิ้งไว้ให้ต่อไป ครึ่งวันต่อมา หยินมู่ก็กลับมาเรียกเขาอย่างที่คาดไว้
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ซือหยูยิ้ม
“ข้าแปลคำโบราณพวกนี้เสร็จแล้วมันคือคำที่เหมือนกับแท่นบูชา และข้าก็เข้าใจทั้งหมดแล้วในครึ่งวัน!”
“ว้าว!แปดในสิบของคำทั้งหมด เจ้าใช้เวลาแค่ครึ่งวันเองรึ? เจ้ายอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่าเหยามู่เต๋าเหรินเสียอีก! ถ้าเทพไม้ตื่นขึ้นมา เจ้าจะต้องได้รางวัลอย่างงามแน่!”
หยินมู่พูดด้วยความตกใจ
“เจ้าแปลคำพวกนี้เป็นภาษาไม้ปัจจุบันได้หรือไม่ข้าจะไปบอกเทพไม้”
ซือหยูตอบ
“เกรงว่าข้าจะยังทำไม่ได้มีมากกว่าสิบคำที่ข้าไม่แน่ใจ มันกระจัดกระจายในความทรงจำข้า ข้าไม่แน่ใจว่าจะแปลได้ตรงนัก ข้าอยากจะเห็นข้อความในผนึกด้วยตัวเอง”
หยินมู่ขมวดคิ้ว
“เทพไม้คือเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์ข้าและเขาก็อ่อนแอมาก ข้าเกรงว่าจะให้คนนอกเข้าไปไม่ได้”
ซือหยูตอบ
“ย่อมได้แต่ข้าจะแปลตามคัมภีร์ หากมีสิ่งใดผิดพลาดก็อย่ามาโทษข้า”
หยินมู่ลังเลเขาจ้องซือหยูและถาม
“เจ้าแน่ใจจะว่าจะไม่ทำร้ายเทพไม้?”
ซือหยูชี้หน้าตัวเอง
“ข้าก็แค่ภูติระดับห้าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเทพไม้หรอก!”
“ก็ได้เราจะแหกกฎสักครั้งและให้เจ้าได้เจอกับเสพไม้ จงอย่าสัมผัสผนึก การสัมผัสผนึกจะทำให้เจ้าตาย อีกยังทำให้เทพไม้ลำบากอีกด้วย!”
หยินมู่เป็นห่วงเทพไม้อย่างมาก
“ข้ารู้แล้ว”
ซือหยูพยักหน้า
ไม่นานณ ที่แห่งหนึ่งลึกลงไปใต้ดิน ไม่รู้ว่าลึกเท่าใด ซือหยูรู้สึกว่าเขาเกือบจะทะลุทวีปจิวโจวลงไปแล้ว กำแพงไม้แข็งแกร่งทอดยาวในทุกทิศทางของความลึกใต้ดินนี้ มันกลายเป็นเขาวงกตที่ยากจะหลุดออกไป
“เพื่อซ่อนร่องรอยและเลี่ยงการถูกศัตรูตามล่าเทพไม้จมตัวเองลงสู่ส่วนลึกของทวีป กำแพงไม้ที่เจ้าเห็นก็คือปลายรากที่ขยายจากเทพไม้ มันคือส่วนที่บางที่สุด…”
หยินมู่กล่าว
ซือหยูตกตะลึง
“เทพไม้มีรากเท่าไหร่กันแน่?”
“นับไม่ถ้วน!มันปกคลุมทั่วใต้ดินทวีปจิวโจว! มันมีอยู่ทุกที่…”
หยินมู่กล่าว
ร่างกายของเทพไม้นั้นใหญ่จนน่ากลัวความกว้างขวางของทวีปจิวโจวเป็นแค่แผ่นดินเท่านั้น
ต่อมาความร้อนสูงของใต้ดินก็ปะทุ มันร้อนถึงขีดสุด ซือหยูต้องใช้พลังของแก่นเพลิงในการต้านความร้อนระดับนี้
หยินมู่แสบร้อนเล็กน้อยวงแสงสีเงินปรากฏรอบผิว มันเป็นพลังที่มีแต่อสูรเนรมิตรเท่านั้นที่จะปล่อยออกมาได้
“เจ้าไฟน่ารังเกียจ…”
หยินมู่พูดเบาๆเพราะไฟนั้นไหม้ไม้ ชาวเผ่าไม้ย่อมรังเกียจไฟอยู่แล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามซือหยูก็มาถึงชั้นใต้ดินที่เป็นโลกแห่งเพลิง เมื่อมองครั้งแรก เขาไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากทะเลเพลิง
เพลิงนี้มีความร้อนจนน่าขนลุกพลังนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าวิบัติสวรรค์! แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ไม่มีทางรอดหากตกลงไป!
“นี่คือส่วนลึกสุดของทวีปจิวโจวเงาสมุทรแห่งเพลิง มันคือแห่งกำเนิดพลังของทวีปด้วยเช่นกัน…”
หยินมู่อธิบาย
เพลิงใต้พิภพนี้เป็นแหล่งพลังงานของทวีปมันทำให้ทุกสิ่งได้เติบโต ถ้าหากเงาสมุทรแห่งเพลิงดับลง ทั้งทวีปจะเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็วและกลายเป็นดินแดนที่ถูกแช่แข็ง จมลงสู่ความเงียบเพราะความตาย
“เทพไม้อยู่ที่นั่น”
หยินมู่ชี้ไปยังส่วนลึกของทะเลเพลิงที่นั่นมีต้นไม้ทองคำหนาสามสิกศอกที่จมเงาสมุทรแห่งเพลิงอยู่ ต้นไม้ทองคำนี้ตั้งตระหง่านไร้การเคลื่อนไหว มิได้รับผลกระทบจากความร้อนโดยสิ้นเชิง
“นี่น่ะรึเทพไม้?”
มันแตกต่างจากต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ซือหยูจินตนาการไว้
หยินมู่ตอบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Divine Nine Dragon Cauldron 901

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 901 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.
ฟึ่บ!
เหล่ามู่สะบัดแขนซือหยูรู้สึกถึงคลื่นลมรุนแรง จากนั้นทั้งคู่ก็ถูกพามายังที่แห่งหนึ่ง
นี่เป็นพลังของอสูรเนรมิตร…ซือหยูทึ่ง
เขามาถึงบ้านไม้ในสภาพสมบูรณ์แบบในสวนมีแต่ความเขียวขจี มันเป็นบ้านที่ได้รับการดูแลดีมาก ในสวนนั้นมีหลุมศพโดดเดี่ยวตั้งอยู่ คำว่า “เหยามู่” ถูกสลักเอาไว้
ซือหยูมองหลุมศพด้วยความเศร้าปรมาจารย์แห่งยุคสมัยสิ้นชีวิตในสถานที่แห่งนี้แต่ก็ไม่มีคนเผ่ามนุษย์เลยสักคนที่สวดอธิษฐานให้เขาก่อนหมดลมหายใจ
เขาก้าวไปโค้งคำนับเพื่อแสดงความนับถือและกล่าว
“ผู้เฒ่าหยินมู่ก่อนเหยามู่จะตาย เขาตายอย่างเจ็บปวดหรือไม่?”
หยินมู่ส่ายหน้า
“เขาหมดอายุขัยตายไปตามธรรมชาติเจ้าไม่ต้องเสียใจหรอก”
ซือหยูพยักหน้าและเดินเข้าบ้านด้านในบ้านนั้นเรียบง่าย เขาไม่เห็นสิ่งอื่นอยู่ภายใน ไม่แน่ใจว่าสิ่งของอื่นๆถูกฝังไปพร้อมกับเหยามู่เต๋าเหรินหรือสลายหายไปตามกาลเวลา ในบ้านไม่มีอะไรอยู่เลย
สิ่งเดียวที่มีในบ้านคือม้วนคัมภีร์สองชิ้นที่เก็บรักษาไว้อย่างดีโดยชาวเผ่าไม้ทองแดงม้วนคัมภีร์ด้านซ้ายค่อนข้างบาง ส่วนด้านขวาหนาและหนักกว่ามาก ไม่นานซือหยูก็พบทรายสีทองที่เขาเสียไปขณะที่ไล่ตามมันในป่าปีศาจร้าง ทรายเหล่านั้นได้เข้ามาอยู่ในม้วนคัมภีร์ที่ด้านขวา
“ภาษาไม้โบราณทั้งหมดในผนึกถูกบันทึกอยู่ในม้วนคัมภีร์ทั้งสองม้วนด้านซ้ายเป็นภาษาที่เหยามู่เต๋าเหรินแปลความ เจ้าไม่ต้องเสียเวลามากนัก ม้วนขวาคือคำที่ยังมิได้แปลความ…”
หยินมู่กล่าว
ซือหยูพยักหน้าและก้าวไปคลี่ม้วนด้านขวาข้อความอัดกันแน่นอยู่ในม้วนคัมภีร์นี้ มีบันทึกหมึกแดงเขียนไว้ทุกคำ มันคือรายละเอียดที่เหยามู่เต๋าเหรินศึกษาเอาไว้
บันทึกของเขาเขียนอยู่หนึ่งในสิบและจู่ๆก็หายไปนั่นจะต้องเป็นเวลาที่เขาเสียชีวิต
ซือหยูเสียใจเล็กน้อยเมื่อมองรายละเอียดในบันทึกเขาเปรียบเทียบมันกับภาษาไม้โบราณ ซือหยูทั้งพยักหน้าและส่ายหน้าเป็นระยะๆ
สักพักหยินมู่ถาม
“เจ้าคิดอย่างไรกับบันทึกของเขา?”
ซือหยูเห็นความเชี่ยวชาญภาษาไม้ของเหยามู่เต๋าเหรินได้เด่นชัด
“ยอดเยี่ยมแต่ก็มีขีดจำกัด”
ซือหยูพูดความเห็น
“ในฐานะมนุษย์การศึกษามาถึงระดับนี้โดยใช้ความรู้ที่มีจำกัดย่อมเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ น่าเศร้าที่เขามิอาจไประดับต่อไปได้ด้วยสภาพเช่นนี้”
หยินมู่ยินดี
“แสดงว่าเจ้าเชี่ยวชาญภาษาไม้โบราณยิ่งกว่าเหยามู่งั้นรึ?”
ซือหยูตอบ
“จะว่าอย่างนั้นก็ย่อมได้แต่ขอเวลาข้าศึกษาม้วนคัมภีร์สักครึ่งวัน อย่ารบกวนข้า”
“ดีตราบเท่าที่เจ้าช่วยเทพไม้ได้ ข้าพร้อมแลกกับทุกสิ่ง!”
หยินมู่ตอบและสั่งชาวเผ่าไม้สองต้นป้องกันทางเข้าสวนเพื่อไม่ให้มีสิ่งใดรบกวน
ก่อนจะเดินออกไปหยินมู่เหลือบเห็นทรายสองคำที่ม้วนคัมภีร์ด้านขวาและถาม
“สิ่งนั้นคืออะไรรึ?”
ซือหยูแอบปิดทรายสีทองและตอบ
“บางทีอาจจะเป็นของของเหยามู่เต๋าเหรินขอข้าศึกษามันสักหน่อย”
หยินมู่ลังเลก่อนจะพยักหน้าเขาทิ้งซือหยูตามลำพังในสวน
ซือหยูปิดประตูและนั่งลงเขาเปิดม้วนคัมภีร์หนาอีกครั้งและเปิดไปยังบันทึกสีแดงสุดท้ายที่เหยามู่เต๋าเหรินบันทึกเอาไว้
ขณะนั้นเขาก็รวบรวมทรายสีทองในฝ่ามือและเทที่เหลือในขวดใส่มือเมื่อทรายทองคำเหล่านี้กระทบหมีกแดง มันก็มีชีวิตขึ้นมา มันเดินไปทั่วม้วนคัมภีร์ราวกับฝูงมด!
สุดท้ายทั้งหมดก็สงบนิ่งซือหยูหรี่ตามองทรายก่อนจะพบความลับ เขาแปลความทั้งหมดในทรายทองคำแต่ก็ล้มเหลวในการจัดเรียงให้เป็นประโยคสมบูรณ์.Aileen-novel.
ตอนนี้เมื่อทรายทองคำแบ่งเป็นสิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็ได้รายล้อมคำโบราณ ทรายทองสิบส่วนผสมเข้ากับหนึ่งคำโบราณ จากนั้นมันก็ถูกแปลเป็นประโยค เช่นเดียวกับอีกสิบเก้ากลุ่มคำ!
เมื่อรวมทุกคำพูดเข้าด้วยกันมันก็กลายเป็นรหัสลับ เหยามู่เต๋าเหรินพยายามจะส่งข้อความนี้กับซือหยู!
ซือหยูใจเต้นแรงเขาแปลประโยคคำโบราณในภาษามนุษย์และจัดเรียงทั้งหมด มันกลายเป็นคำสั่งเสียที่เหยามู่เต๋าเหรินส่งผ่านมา
ต่อมาซือหยูก็ชักสีหน้า เหยามู่เต๋าเหรินบอกซือหยูในสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก มันน่ากลัวจนเหยามู่เต๋าเหรินต้องเร้นข้อความในทรายสีทองในคู่มือเพื่อให้มีคนเปิดมาเจอในเวลาต่อมา!
เมื่อซือหยูนั่งเงียบในบ้านเขาก็คิดว่าจะทำสิ่งใดต่ออยู่นาน ใบหน้าเขาคืนความเยือกเย็นมามากแล้ว เขาเข้าสู่ภาวะเร่งเวลาและศึกษาสิ่งที่หยุนย่าสีทิ้งไว้ให้ต่อไป ครึ่งวันต่อมา หยินมู่ก็กลับมาเรียกเขาอย่างที่คาดไว้
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ซือหยูยิ้ม
“ข้าแปลคำโบราณพวกนี้เสร็จแล้วมันคือคำที่เหมือนกับแท่นบูชา และข้าก็เข้าใจทั้งหมดแล้วในครึ่งวัน!”
“ว้าว!แปดในสิบของคำทั้งหมด เจ้าใช้เวลาแค่ครึ่งวันเองรึ? เจ้ายอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่าเหยามู่เต๋าเหรินเสียอีก! ถ้าเทพไม้ตื่นขึ้นมา เจ้าจะต้องได้รางวัลอย่างงามแน่!”
หยินมู่พูดด้วยความตกใจ
“เจ้าแปลคำพวกนี้เป็นภาษาไม้ปัจจุบันได้หรือไม่ข้าจะไปบอกเทพไม้”
ซือหยูตอบ
“เกรงว่าข้าจะยังทำไม่ได้มีมากกว่าสิบคำที่ข้าไม่แน่ใจ มันกระจัดกระจายในความทรงจำข้า ข้าไม่แน่ใจว่าจะแปลได้ตรงนัก ข้าอยากจะเห็นข้อความในผนึกด้วยตัวเอง”
หยินมู่ขมวดคิ้ว
“เทพไม้คือเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์ข้าและเขาก็อ่อนแอมาก ข้าเกรงว่าจะให้คนนอกเข้าไปไม่ได้”
ซือหยูตอบ
“ย่อมได้แต่ข้าจะแปลตามคัมภีร์ หากมีสิ่งใดผิดพลาดก็อย่ามาโทษข้า”
หยินมู่ลังเลเขาจ้องซือหยูและถาม
“เจ้าแน่ใจจะว่าจะไม่ทำร้ายเทพไม้?”
ซือหยูชี้หน้าตัวเอง
“ข้าก็แค่ภูติระดับห้าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเทพไม้หรอก!”
“ก็ได้เราจะแหกกฎสักครั้งและให้เจ้าได้เจอกับเสพไม้ จงอย่าสัมผัสผนึก การสัมผัสผนึกจะทำให้เจ้าตาย อีกยังทำให้เทพไม้ลำบากอีกด้วย!”
หยินมู่เป็นห่วงเทพไม้อย่างมาก
“ข้ารู้แล้ว”
ซือหยูพยักหน้า
ไม่นานณ ที่แห่งหนึ่งลึกลงไปใต้ดิน ไม่รู้ว่าลึกเท่าใด ซือหยูรู้สึกว่าเขาเกือบจะทะลุทวีปจิวโจวลงไปแล้ว กำแพงไม้แข็งแกร่งทอดยาวในทุกทิศทางของความลึกใต้ดินนี้ มันกลายเป็นเขาวงกตที่ยากจะหลุดออกไป
“เพื่อซ่อนร่องรอยและเลี่ยงการถูกศัตรูตามล่าเทพไม้จมตัวเองลงสู่ส่วนลึกของทวีป กำแพงไม้ที่เจ้าเห็นก็คือปลายรากที่ขยายจากเทพไม้ มันคือส่วนที่บางที่สุด…”
หยินมู่กล่าว
ซือหยูตกตะลึง
“เทพไม้มีรากเท่าไหร่กันแน่?”
“นับไม่ถ้วน!มันปกคลุมทั่วใต้ดินทวีปจิวโจว! มันมีอยู่ทุกที่…”
หยินมู่กล่าว
ร่างกายของเทพไม้นั้นใหญ่จนน่ากลัวความกว้างขวางของทวีปจิวโจวเป็นแค่แผ่นดินเท่านั้น
ต่อมาความร้อนสูงของใต้ดินก็ปะทุ มันร้อนถึงขีดสุด ซือหยูต้องใช้พลังของแก่นเพลิงในการต้านความร้อนระดับนี้
หยินมู่แสบร้อนเล็กน้อยวงแสงสีเงินปรากฏรอบผิว มันเป็นพลังที่มีแต่อสูรเนรมิตรเท่านั้นที่จะปล่อยออกมาได้
“เจ้าไฟน่ารังเกียจ…”
หยินมู่พูดเบาๆเพราะไฟนั้นไหม้ไม้ ชาวเผ่าไม้ย่อมรังเกียจไฟอยู่แล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามซือหยูก็มาถึงชั้นใต้ดินที่เป็นโลกแห่งเพลิง เมื่อมองครั้งแรก เขาไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากทะเลเพลิง
เพลิงนี้มีความร้อนจนน่าขนลุกพลังนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าวิบัติสวรรค์! แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ไม่มีทางรอดหากตกลงไป!
“นี่คือส่วนลึกสุดของทวีปจิวโจวเงาสมุทรแห่งเพลิง มันคือแห่งกำเนิดพลังของทวีปด้วยเช่นกัน…”
หยินมู่อธิบาย
เพลิงใต้พิภพนี้เป็นแหล่งพลังงานของทวีปมันทำให้ทุกสิ่งได้เติบโต ถ้าหากเงาสมุทรแห่งเพลิงดับลง ทั้งทวีปจะเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็วและกลายเป็นดินแดนที่ถูกแช่แข็ง จมลงสู่ความเงียบเพราะความตาย
“เทพไม้อยู่ที่นั่น”
หยินมู่ชี้ไปยังส่วนลึกของทะเลเพลิงที่นั่นมีต้นไม้ทองคำหนาสามสิกศอกที่จมเงาสมุทรแห่งเพลิงอยู่ ต้นไม้ทองคำนี้ตั้งตระหง่านไร้การเคลื่อนไหว มิได้รับผลกระทบจากความร้อนโดยสิ้นเชิง
“นี่น่ะรึเทพไม้?”
มันแตกต่างจากต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ซือหยูจินตนาการไว้
หยินมู่ตอบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+