The Great Geneticist in Apocalypse 31 เอมิเลียโชคดีเเล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 31 เอมิเลียโชคดีเเล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่31 เอมิเลียโชคดีแล้วสิ

เบลซเดินแหวกฝูงชนที่กำลังชะงักค้างและตัวสั้นงกๆ จากแรงกดดันของเจ้าดาบน้อย เดินตรงไปที่เอมิเลียที่กำลังสะอึกสะอื้น “ฮึก~ ฮึก~” อยู่

เบลซเห็นว่าเธอกำลังกอดกระต่ายอยู่ตัวนึงขนาดของมันเหมือนกระต่ายตัวเต็มวัยทั่วๆไปแต่ว่าร่างทั้งร่ายของมันเต็มไปด้วยขนสีฟ้าม่วงเหมือนกับขนมหวานลืมตาบ้องแบ๊วอยู่ที่สะดุดตาที่สุดคือเขาเล็กๆบนหัวของมัน กำลังซบ-อกของเอมิเลียอย่างอ่อนโยน

“ฮึก ฮึก เบลซช่วยเหมียนเหมียนด้วยสิ” เอมิเลียร้องไห้ด้วยเสียงสะอึกสะอื้น

“เกิดอะไรขึ้น?”

“คนพวกนี้ ฮึก คิดจะ ฮึก ฆ่าเหมียนเหมียน ฮึก หนะสิ” เอมิเลียตอบไปสะอึกสะอื้นไป

ตอนแรกเธอคิดแค่ว่าจะมาเอาเหมียนเหมียนเฉยๆเพราะว่าถึงที่นี้จะอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้แต่ว่าต้องเก็บในที่เฉพาะเท่านั้นแน่นอนว่าเธอเลยเหมามันทั้งห้องให้เหมียนเหมียนอยู่ตัวเดียวแล้วก็มีที่โล่งๆให้มันวิ่งไปวิ่งมาได้ แต่ที่ไหนได้ใครจะไปคิดว่าขณะที่เธอเขาไปกลับไม่เจอเหมียนเหมียน เธอเห็นกลุ่มคนกำลังล้อมกระต่ายสีประหลาดมีเขาตัวหนึ่งอยู่ และบางคนก็ยังพกอาวุธอีกด้วย เหมือนกับว่ากำลังจะรุมฆ่ามันเธอรู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก พอมันสบตากับเธอมันก็วิ่งกระโดดเขาสู่อ้อมอกของเธอทันที เธอรู้ได้เลยว่านี้คือเหมียนเหมียนเพราะว่าเธอเลี้ยงมันตั้งแต่เด็กและมันก็ชอบทำแบบนี้กับเธอประจำ

เบลซแบฝ่ามือออกไปทางเหมียนเหมียนก่อนที่จะพูดว่า “ประเมิน”

“เจ้าหญิงกระต่ายขนมปุยฝ้าย<ขนมหวาน>(ขาว)ระดับ1(ค่าสถานะปกปิดทักษะปกปิด)”

เบลซหันไปพูดกับเอมิเลียว่า “เอมิเลียนี่มันเป็นสัตว์อสูรสงครามขอเธอช่วยอนุญาตให้ฉันดูสถานะของมันหน่อยได้มั้ย ถึงแม้เอมิเลียจะยังไม่ได้ปลุกพลังแต่ว่าเนื่องจากมันน่าจะเป็นสัตว์อสูรสงครามนอกจากชื่อ ธาตุ และระดับ แล้วค่าสถานะอย่างอื่นหากเจ้าของไม่อนุญาตจะไม่สามารถดูได้คล้ายๆกับหน้าจอระบบของคนนั้นแหละ

“อื่อ” เอมิเลียพยักหน้ารับ

เบลซประเมินมันอีกครั้ง “ประเมิน”

เจ้าหญิงกระต่ายขนมปุยฝ้าย

ระดับ1

สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว

พลังธาตุ ขนมหวาน

Strength(แรงกาย) : 15

Agility(ความว่องไว) : 16

Vitality(พละกำลัง) : 20

Stamina(ความทรหด) : 14

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 8

ทักษะ

<ลำแสงขนมปุยฝ้าย> ยิงลำแสงเปลี่ยนสิ่งที่โดนให้กลายเป็นขนมปุยฝ้าย ใช่Spirituality 1 แต้มทุกๆการยิงหนึ่งครั้ง

“ตัวอะไรวะเนี่ย ไม่มีในข้อมูลซะด้วย ค่าสถานะทางกายเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของสัตว์อสูรทั่วๆไปนึดหน่อยแต่ค่าจิตวิญญาณสูงกว่าปกติฉลาดกว่าเจ้าดาบน้อยนึดนึงมั้ง ถึงสายเลือดจะไม่พิเศษมาก แต่ก็เป็นธาตุชั้นสูง เรียกได้ว่าค่อนข้างโดดเด่นเลย” เบลซคิดในใจดีใจไปเพราะว่าเขาได้กำลังเสริมชั้นยอดมาแบบดื้อๆ

“เอาหละทีนี้แล้วพวกนายมาทำอะไรกัน” เบลซโยนคำถามออกไปกลางฝูงชน

“ก็พวกมันเป็นปีศาจไม่ใช่หรอก็ต้องรีบฆ่ามันสิก่อนที่มันจะมาฆ่าเรา” ชายที่ถือมีดคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงหวาดๆ

“ใช่แล้ว พวกนี้หนะมันอันตรายจะตายต้องรีบจัดการมันซะ”

“ใช่แล้ว” “ใช่แล้ว” “ใช่แล้ว” เสียงฝูงชนเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

“โกร๊ววววว!” เจ้าดาบน้อยคำรามแล้วเสียงก็เงียบลงอีกครั้ง

“เอาหละถ้านายอยากจะฆ่าพวกมันมากก็ไปจัดการไอพวกหนูที่อยู่ข้างล่างสิ ทำไมถึงเล็งมาที่นี่ก่อน” เบลซตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาและถามกลับไป เพราะในความคิดของเขาถ้าคนปกติเห็นพวกหนูกลายพันธ์กำลังพังเข้ามา ถ้ามีใจอยากสู้ก็ต้องไปป้องกันประตูทางเข้า-ออกสิจะมาที่ห้องสัตว์เลี้ยงกันทำไม

“พระ- เพราะว่ามันอันตรายยังไงเล่าเห็นๆอยู่ว่ามันอยู่ในหอพักของเรา” ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงอ้ำๆอึ้งๆ

“โกหกงั้นหรอ” “ชิ้ง” เบลซชักง้าวออกมาทาบไปที่คอของชายคนนั้น

“อย่าทำข้าน้อยเลยนะนายท่าน ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว” ชายคนนั้นคุกเข่าลงทำมือขอความเมตตา

“เอาหละงั้นบอกความจริงมาได้แล้ว” เบลซเก็บหอกกลับแล้วแค้นถามต่อ

“คือว่า[email protected]#$€$#@!!#$”

สรุปได้ว่าพวกเขาตอนแรกก็หนีตายมาเหมือนกันและโชคดีที่อยู่ดีๆพวกหนูกลายพันธ์ก็ไม่เข้ามาในเขตนี้เพราะตอนนั้นยังเป็นอาณาเขตของจิ้งจกอสูรเกล็ดเขียวอยู่และระหว่างที่วิ่งหนีมาก็ได้ยินข่าวลือมาว่าในตัวของสัตว์มีคริสตัลถ้าเกิดดูดซับคริสตัลสัตว์อสูรได้แล้วก็จะสามารถมีพลังเพิ่มได้ จนพวกเขามาหลบพักในหอพักหญิงนี้แบบไม่สนใจกฎเพราะทั้งเหนื่อยและกลัว

แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าพอที่จะไปตีกับหนูกลายพันธ์ก็เลยลองมาดูที่ห้องเก็บสัตว์เลี้ยงเผื่อว่าจะเจอสัตว์กลายพันธ์อ่อนแอเพื่อที่จะได้คริสตัลมาง่ายๆ

“ความคิดพวกแกนี่มันบัดซบจริงๆ เจ้าดาบน้อยไปเช็คในห้องเลี้ยงสัตว์หน่อยซิว่ายังมีตัวอื่นอยู่รึปล่าว แล้วแกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

“หงึกๆ” เจ้าดาบน้อยพยักหน้าแล้วก็เข้าไปในห้องเก็บสัตว์เลี้ยง

“เราได้ยินมาจากคนๆนึงหนะ เป็นคนที่เราไม่รู้จัก” ชายคนนั้นตอบ

“ครุมเครือชะมัดยาด” เบลซคิดหนูกลายพันธ์มีค่าสถานะมากกว่าค่าเฉลี่ยของคนราวๆครึ่งเท่า ก็จริงอยู่ว่ามันอาจจะมีกลุ่มคนที่กล้าหาญซักสี่ห้าคนพร้อมไม้พลองในมือรุมก็จะสามารถฆ่าสัตว์อสูรได้หรือว่าคนที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ แต่ว่าต่อให้ฆ่าก็คงไม่มีใครคิดว่าในตัวมันจะคริสตัลแล้วก็ถึงจะอยากรู้อยากเห็นชำแหละเล่นแล้วดูดซับมาก็คงไม่มีใครใจกว้างไปป่าวประกาศซะทั่วแบบนี้ แล้วละแวกนี้คนที่รู้ก็น่าจะมีแค่กลุ่มพวกเขา

“อิฟฟรากับอิโนะก็อยู่กับพวกเราตลอดเป็นไปไม่ได้ เพื่อนๆคนอื่นก็ไม่น่าจะใช่หรือว่า….” ทันใดนั้นเขานึกถึงชื่อของคนๆหนึ่งขึ้น หยุนเฟย!

“แต่ก็เอาเถอะยังไงข้อมูลนี้ก็ต้องรับรู้กันในเวลาอันสั้นอยู่แล้วปล่อยไปก็ดีเหมือนกันเราจะได้แยกคนที่มีศักยภาพออกจากคนกลุ่มมากได้” เบลซคิดในใจดูเหมือนว่าเขาต้องปรับเปลี่ยนแผนของเขาอีกครั้ง

เอาหละพวกนายไปได้แล้วจำไว้ว่าอยู่ได้แต่อย่าสร้างปัญหาหละ” เบลซโบกมือให้พวกเขาไป

ฝูงคนที่รวมกลุ่มกันมาตอนแรกก็รีบแยกย้ายกลับห้องที่ไม่มีคนอยู่โดยที่สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“กรู๊ววว” เจ้าดาบน้อยเดินออกมาก่อนจะส่ายหัวว่าไม่มีตัวอะไรเหลืออยู่

เอมิเลียตอนนี้ที่หยุดร้องไห้แล้วได้พูดว่าในนั้นไม่มีตัวอะไรหรอกเพราะว่าฉันเหมาทั้งห้องให้

“เออคือว่าฉันเหมามันทั้งห้องให้เหมียนเหมียนหนะไม่มีตัวอะไรอยู่แล้วหละ”

เบลซพยักหน้าแล้วก็พูดกับเพื่อนๆว่า “เอ้าลงไปได้แล้ว”

เพื่อนๆทยอยกันลงไปขณะที่เบลซกำลังจะเดินไปนั้นมือของเอมิเลียก็จับที่ปลายเสื้อของเขาก่อนจะพูดเบาๆว่าด้วยแก้มสีชมพูอย่างอายๆว่า “ขอบคุณนะค่ะ ทะ- เท่ห์ที่สุดเลย” เป็นครั้งแรกเอมิเลียรู้สึกถึงความอบอุ่นจากการปกป้องของใครซักคนถึงแม้ตอนนี้มันจะไม่เหมาะเท่าไหร่ก็ตาม

แน่นอนว่าเบลซไม่ได้เห็นหน้าของเธอแต่ก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาแล้วตอบกลับไปว่า “ขอบคุณนะ” แล้วก็เดินลงไปข้างล่าง

“ฮู่!” อยู่ดีๆเหมียนเหมียนก็กระโดดออกจากอ้อมอกของเอมิเลียแล้วก็ร้องเรียกเบลซ

“แกอยากไปด้วยหรอ?” เบลซรู้ถึงความต้องการของมันทันทีหลังจากมองผ่านสายตา

“หงึกๆ” เจ้ากระต่ายน้อยเหมียนๆพยักหน้ารับ ตัวมันเองคิดว่าเพราะระดับน้อยไปก็เลยไม่สามารถจัดการกับคนที่มาแกล้งหม่าม้าได้

“เอาหละงั้นตามมา” เบลซพูดจากนั้นจากนั้นเขาก็เห็ฯถึงความกังวลในสายตาของเอมิเลีย เขาเลยยิ้มที่มุมปากก่อนจะบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกการต่อสู้เป็นเรื่องทั่วไปของสัตว์อสูร ฉันอยู่ด้วยปลอดภัยแน่นอนแล้วก็ยังไงสัตว์อสูรก็ต้องสามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวเองการที่จะให้มันอยู่อย่างนี้เป็นการทำร้ายมันทางอ้อมเปล่าๆ”

“ปึก ปึก” เหมียนเหมียนหันไปทางเอมิเลียแล้วตบ-อกตัวเองประมาณว่า “ไว้ใจหนูได้เลยหม่าม้า”

“งั้นฉันไปด้วย” เอมิเลียพูดด้วยความแน่วแน่

 

เอาหละสิ่งทุกคนต้องการรูปเหมียนเหมียนสุดน่ารัก โทษทีนะเเอดว่างวันนี้จำวันผิด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด