The Great Geneticist in Apocalypse 40 เดินทางต่อไปแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 40 เดินทางต่อไปแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่40 เดินทางต่อไปแล้วสิ
เอลลี่เดินมาหาเบลซแล้วแบมือเล็กๆสีขาวกล่าวว่า
“น้ำ!”
เบลซหันมาด้วยรอยยิ้มแล้วขุดออกมาจากกระเป๋าเป้สะพายหลังและส่งกระป๋องโคล่าให้กับเอลลี่
“ตอนนี้เรากำลังไปไหน? นายมีที่ปลอดภัยใช่ไหมถ้าไม่มีแถวนี้มีวิลล่าที่เป็นบ้านของฉันไปใช่ก่อนก็ได้นะ?”
เอมิเลียลากรถมองที่เบลซและกล่าวว่า
“ไม่! ไปที่มินิมาร์ท(TL.ห้างเล็กๆ)นอกมหาลัยข้างหน้าเราจำเป็นต้องได้
รับอุปกรณ์ในการดำรงชีวิตเป็นอย่างแรก หากไม่มีวัสดุอุปกรณ์และอาหารเราไม่สามารถอยู่รอดได้”
“ไม่เป็นไรผมเก็บมาเยอะแล้วเหลือไว้อย่างนั้นแหละ” เบลซตอบตามแผนของเขา เค้าต้องการเหลือทรัพยากรในการดำรงชีวิตให้คนอื่นถึงมันอาจจะเป็นการช่วยพวกอันธพาลที่เป็นอิสระจากกฎหมายในยุคนี้ แต่ว่าอีกแง่มันก็อาจจะช่วยคนที่มีศักยภาพในการอยู่รอดเช่นกันซึ่งเบลซวางแผนว่าเค้าจะมาสมัครคนเหล่านี้เข้าฐานหลังจากยึดฐานเรียบร้อย แล้วเบลซก็กล่าวต่อว่า
“ส่วนสถานที่ ที่เราจะไปผมคิดเอาไว้แล้วถึงตำแหน่งจะไม่แน่นอนแต่ว่าเราจะรู้ในเร็วๆนี้ เอาหละถ้าไม่มีอะไรก็กลับที่ได้แล้วเดี๋ยวฉันจะชาร์จพลังงานแล้วก็ออกไปกันได้แล้ว” พูดจบเบลซก็หันกลับไปเปิดหัวชาร์จและอัดพลังธาตุไฟฟ้าเข้าไป
Spirituality32.5……30…..27…….25……24….23……19…18..17..16…15
“เอาหละเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว” เบลซพูดพลางเอามีปาดเหงื่อที่ผุดออกมาหน้าผาก
เบลซขึ้นไปบนรถก่อนที่จะถามว่า “หน้าปัดพลังงานเป็นอย่างไรบ้าง”
“10%” เอมิเลียตอบ
“วิ่งได้ประมาณกี่กิโลเมตร?”
“ประมาณ150แต่ว่าถ้าขับจริงๆคงได้แค่120-130กิโลเมตร”
“น่าจะพอไหวไว้ใกล้หมดเดี๋ยวชาร์จใหม่ได้” เบลซบอกแล้วนั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับ
“ทุกคนขึ้นรถแล้วใช่ไหม!?” เบลซตะโกนถาม
“ขึ้นหมดแล้ว” หลังจากมองไปรอบเช็คสมาชิกกันเองชินก็ตอบกลับมา
“งั้นไปละนะ” เอมิเลียพูดก่อนที่จะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
“บรึ่นนนนนนน”
รถบัสเร่งไปข้างหน้า เหยียบหนูกลายพันธ์จำนวนมากที่ขวางทางพวกเค้า
เบลซคิดในใจ “น่าเสียดายที่ไม่ได้รับการปรับระดับ ไม่สามารถยกระดับเมื่อใช้รถงั้นหรอ? ดูเหมือนว่าฉันจำเป็นที่จะต้องเข้าใจกฎระเบียบเกี่ยวกับวิธีการที่จะยกระดับขึ้นแต่ดูแล้วะไรที่ทันสมัยหรือว่าไม่ควรจะมีในระบบตั้งแต่แรกถึงจะใช้ได้แต่จะไม่ได้รับค่าในการเลื่อนระดับ”
เบลซมองหนูกลายพันธ์ที่ถูกชนจนปลิวออกไป จากการใช้รถบัสพุ่งชนด้วยความเร็ว เบลซขมวดคิ้วตลอดทางความจริงเขากำลังมองหายานพาหนะหนักที่แข็งแกร่งเช่นรถหุ้มเกราะ รถบดถนนและรถหนักอื่นๆ ที่สามารถสามารถทนต่อแรงกระแทกได้เพราะไม่ว่าตอนนี้หรือในอนาคตที่พวกสัตว์อสูรวิวัฒนาการขึ้น รถบัสแบบนี้ถ้าไปชนกับพวกมันคงจะบุบกันบ้าง แน่นอนว่าต้องเป็นรุ่นที่ใช้ไฟฟ้าคุณภาพต่ำเขาถึงจะชาร์จได้ ขนาดเวลานี้เบลซก็อยากจะเลี่ยงการปะทะเพื่อถนอมรถบัสคันนี้ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าแผนนี้จะไม่ได้ผล เค้าต้องการทั้งค่าประสบการณ์จากการฆ่าหนูกลายพันธ์ที่รวดเร็วและจำนวนมากๆและไม่ทำให้รถเสียหาย
รถบัสแล่นอออกไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดก็มาถึงหอพักหญิงเนื่องจากมีที่ว่างและเบลซก็ยังต้องการคนเพิ่ม “เอมิเลียคุณรอที่นี่พร้อมที่จะออกรถในทุกเวลา อิฟฟรา อิโนะคุณทั้งสองดำเนินการด้านโลจิสติก ถ้าขนพวกฟูกนอน หมอน ผ้าห่ม โต๊ะพักตัวเล็กหน่อยและพวกของใช้อื่นๆด้วยก็จะดี ให้คนที่ยังไม่ได้ปลุกพลังช่วยด้วยยกเว้นเมิ่งหยิงหยิงที่เจ็บอยู่ เอลลี่ ชินและผมจะรับผิดชอบในการบุกเข้าไปช่วยคน จางมู่ เรย์ลิน เจ้าดาบน้อย สเกีย เหมียนเหมียนคุ้มกันรถบัสและบริเวณรอบๆ”
เบลซสั่งการได้อย่างรวดเร็วเมื่อสั่งเสร็จเขาก็กระโดดออกจากรถบัส
เอลลี่คนสวยกระโดดลงจากรถบัสตามไปติดๆ
อิฟฟรา อิโนะสาวๆ รีบวิ่งลงจากรถบัสแบกเป้เตรียมไปค้นห้องต่างๆและขนของใช้ออกมา
เบลซมาถึงหน้าหอพักอดไม่ได้ที่จะต้องสบทขึ้นว่า “เหี้ย! แม่งล็อคได้ๆ เพลิงอัสนี”
“ตูมมมม” ประตูเหล็กปลิวกระเด็นกระดอนทันตาเห็น
เบลซ ชิน และ เอลลี่เข้าไปก่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีสัตว์อสูร
อิฟฟรา อิโนะและสาวๆ จึงตามเข้ามาและพบว่าสาเหตุที่มันล็อคเก็ดจากเฟอร์นิเจอร์ที่วางขวางจากข้างใน
“งั้นหาชิ้นที่พอใช้ได้ก็เริ่มขนเลยแล้วกัน” แล้วเบลซ ชินและเอลลี่ก็เดินขึ้นไปชั้นสี่ห้องที่มีคนส่งSOSก่อนหน้านี้
“ฉันเข้าไปหละนะเบลซพูดก่อนที่จะเหวี่ยงง้าวออกไปเสียงดัง “ปัง! โครม!!!”
เสียงดังมาก!ดังออกมา เศษไม้แตกนับไม่ถ้วนและฝุ่นฟุ้ง
เมื่อฝุ่นจาง เบลซ ชินและเอลลี่ก็เดินเข้ามาในห้องและพบกับผู้หญิงใส่ชุดสาวใช้สองคน
เบลซทำหน้าตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นหน้าหนึ่งในสองคนนั้น“โหยวโหยวเองหรอ?”
“ใช่สิฉันรู้อยู่แล้วว่านายรักษาคำพูดนี้เพื่อนของฉันเองอี้หนาน” เนี่ยนโหยวโหยวยิ้มก่อนที่จะเดินเข้ามารวมกลุ่มกับเบลซและแนะนำตัวกับชินและเอลลี่
หลังจากแนะนำตัวจับมือกันเสร็จพวกเขาก็ลงมาขึ้นรถทันที
“เบลซนั้นใครอะ?” เอลลี่ชี้ไปที่เนี่ยนโหยวโหยวถาม
“โหยวโหยวหรอ เป็นแม่บ้านที่ฉันชอบจ้างหนะนอกจากนี้เธอยังทำอาหารอร่อยด้วยเธอเรียนการโรงแรมที่นี่แล้วก็เป็นคนแนะนำฉันด้วยว่าที่นี้มีห้องแล็ปดีแล้วก็มีคนต่อสู้เก่งๆที่ฉันชอบที่สำคัญใกล้บ้านใหม่ฉันพอดีด้วย ตอนนั้นฉันพึ่งย้ายเข้ามาใหม่ๆหนะ ได้เธอช่วยเอาไว้เยอเลย”
“สนิทกันจังนะหึ!” เอลลี่พูดทำหน้าเหมือนจะไม่ค่อยชอบคำตอบเท่าไหร่ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปขึ้นรถ
“คุณเธอเป็นอะไรของคุณเธอเนี่ย” เบลซงงๆก่อนที่จะไม่ได้ใส่ใจอะไรและขึ้นรถเช่นกัน
ความจริงเบลซจะขนของมากกว่านี้ก็ได้แต่ว่าของตอนนี้ชั้นล่างถ้าไม่นับของก็มีเจ้าดาบน้อยและสเกียซึ่งเต็มแล้วและชั้นบนก็ปาเข้าไป12คนแล้วที่นั่งคนขับกลับข้างๆก็เต็ม รวมแล้วเหลือ14ที่นั่งเท่านั้นและยังเอาเป็นที่วางของอีก4เหลือเพียง10ที่นั่ง
หลังจากที่เบลซและคนอื่นๆขึ้นรถแล้วก็เดินทางไปต่อ
“เฮ่ พวกนายให้เราไปด้วยสิ” นักศึกษาชายคนหนึ่งวิ่งออกมาและพูดขึ้นตามมาด้วยอีกหลายๆเสียง
“เราต้องช่วยเหลือกันใช่ไหม?ช่วยฉันที”
“ช่วยฉันแล้วฉันจะให้เงินเป็นจำนวนมาก”
ตามมาด้วยเสียงของนักศึกษาคนอื่นๆทั้งชายและหญิง พวกเขาเหล่านี้เป็นทั้นผู้เช่าเดิมและที่หนีตายมาต่างพูดขอความช่วยเหลือกันอย่างวุ่นวาย
“ถ้าเกิดว่าคุณช่วยชั้น บางทีต่อจากนี้เราอาจจะมีความสำพันธ์ที่ลึกซึ้ง” นักศึกษาสาวคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ฉันจะยอมเป็นแฟนคุณถ้าเกิดให้ชั้นขึ้นไปบนรถ”
“พ่อฉันมีตำแหน่งใหญ่โตในบริษัทxxหลังจากผ่านเวลานี้ไปได้ฉันจะบอกให้เขาให้ตำแหน่งการงานให้คุณดีไหม?”
“…………….”
“……..”
“…”
“ชักจะวุ่นวายแล้วแฮะ” เบลซคิดตอนแรกเขาก็คิดว่ามันน่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นถ้าเกิดว่ากลับมาแต่เขาไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ดูเหมือนหลายๆคนเริ่มจะทนสภาพแบบนี่ไม่ไหวแล้วและอยากออกไปเร็ว
“แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ทำอะไรเลยเหมือนกันแล้วก็ไม่มีเหตุผลให้ฉันช่วยด้วย” เบลซพิจารณาอยู่ครู่นึงก่อนที่จะออกมาพร้อมกับเจ้าดาบน้อยซึ่งทำให้สถาณการณ์เงียบลงอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับพวกนาย พวกนายต้องการให้ฉันช่วยแต่ว่าพวกนายก็ไม่สามารถเป็นพลังให้ฉันได้เหมือนกัน เรื่องศีลธรรมจะพูดได้กับมนุษย์ที่ดีด้วยกันเท่านั้นการพูดอย่างเห็นแก่ตัวหรือไม่ก็พึ่งแต่อำนาจที่จับต้องไม่ได้ ทั้งไร้เกียรติ์และศักดิ์ศรีในความเป็นตัวเองแบบเมื่อกี้คนที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองฉันถือว่าพวกนายไม่มีค่าพอให้ฉันช่วย แต่ก็ได้ฉันจะถือว่าขอบคุณสำหรับให้อยู่ช่วยคราวก่อนหน้านี้”
พูดจบเบลซก็โยนคริสตัลไฟไปให้นักศึกษาสาวสวยผมสีเหลือทองตาสีส้มแกมแดงคนหนึ่งก่อนที่จะกลับเข้าไปในรถและบอกกับเอมิเลียว่า “ออกรถ”
“บรึ่นนนนน” เอมิเลียมองไปยังพวกนักศึกษาอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรก่อนที่จะละสายตาและออกรถไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด