The Great Geneticist in Apocalypse 41 อ้างอะไรที่ตัวเองไม่มีส่วนแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 41 อ้างอะไรที่ตัวเองไม่มีส่วนแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่41 อ้างอะไรที่ตัวเองไม่มีส่วนแล้วสิ
“ไม่! พวกนายจะทิ้งพวกเราอย่างนี้ไม่ได้นะ”
“พวกนายไม่ไร้ศีลธรรม”
“ไอพวกเห็นแก่ตัว”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ อย่าพึ่งไป”
“ที่จริงก็แค่ไม่อยากช่วยซะมากกว่า”
“นี่แถวๆนี้ก็มีรถนี่ทำไมเราถึงไม่ลองขับดูหละ” นักศึกษาคนหนึ่งพูดหลังจากเห็นรถสภาพดีอยู่ริมถนนมากมาย
“แต่เราไม่มีกุญแจนะ”
“แต่รถของฉันจอดอยู่ตรงนั้นฉันมีกุญแจ” นักศึกษาสาวผมเหลืองทองตาสีแดงแกมส้มคนนั้นพูด
“ส่งมันมาซะ” กลุ่มนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งไปทำร้ายเธอก่อนที่จะแย่งกุญแจรถไป
“อัก! ไอพวกเลว”
“ว่าแต่เราหัวหน้าเธอสวยใช่ได้เลยนะทำอะไรกับเธอดี?” นักศึกษาชายคนหนึ่งพูดกับอีกคนพลางน้ำลายไหล
“นั้นสิหัวหน้า” ลูกน้องอีกคนพูดด้วยท่าทางหื่นกาม
“เดี๋ยวก่อนเลย! มาดูที่รถนี้ก่อน”
“นั้นสินะ” นักศึกษาคนหนึ่งเห็นด้วยก่อนหยิบกุญแจสำรองเปิดประตูรถ จากนั้นเขาก็ลองขับดู
“ไม่สามารถชาร์จไฟได้เนื่องจากไม่มีพลังงานธาตุสายฟ้า พลังงาน0%”
“บ้าอะไรวะเนี่ย”
“หนีเร็วหนูกลายพันธ์พวกนั้นกลับมาแล้ว!”
นักศึกษาชายคนหนึ่งพูด
“อะไรวะเนี่ย กลับหอพักหญิงสิรออะไร” นักศึกษาที่เป็นหัวโจกพูด
“แกร๊กๆ แกร๊กๆ” หัวหน้ามันล็อค!” นักศึกษาคนหนึ่งที่ลุกลี้ลุกลนพูดพลางพยายามเปิดประตู
“เฮ่เธอหนะเปิดประตูเร็วเข้า!”
“ทำร้ายฉันซะขนาดนั้นคิดว่าพวกเราจะปล่อยให้พวกนายเข้ามาอีกหรอ!” นักศึกษาหญิงคนก่อนที่ถูกทำร้ายพูดขึ้นก่อนที่จะเอาเฟอร์นิเจอร์มาขว้างไว้ประตูทางออกไว้อีกชั้น
“ไม่อ้ากกกกกกกกก”
“ขอร้องหละเมื่อกี้พวกเราแค่หน้ามือตามัว อ้ากกกกก”
“อ้ากกกกก”
“คิร่าแล้วเราจะเอายังไงกันต่อ” นักศึกษาหญิงคนหนึ่งพูด
“อย่างแรกเช็คอะไรที่กินได้ก่อนแล้วก็ลองหาเอาตัวรอดกัน” การโดนรุมทำร้ายกับคำพูดของเบลซเมื่อกี้นี้ทำให้คิร่า ทาเนทคิดได้ว่าโลกไม่เหมือนเดิมแล้วโดยเฉพาะผู้หญิงอย่างพวกเธอถ้าจะอยู่รอดก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น!
“แล้วนั้นมันอะไรหนะ” เพื่อนของคิร่าพูดขณะที่ชี้ไปที่คริสตัลไฟที่เบลซโยนออกมาให้
“มันคือ?” ในขณะที่คิร่าคิดอย่างสงสัยก่อนที่คริสตัลจะเปล่งแสงเหมือนกับเปลวไฟออกมาเป็นสายและไหลเข้าไปในร่างกายของเธอ
.
.
ไม่นานหลับจากที่ออกรถ อิฟฟรากับอิโนะก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางเกรงใจ
“เบลซคือว่าไหนๆยังไงเราก็ผ่านร้านสะดวกซื้อหนะคุณช่วยรับหยุนเฟยด้วยได้ไหมยังไงก็เป็นเพื่อนของพวกเราหนะ”
เบลซนิ่งบางที่ก็ควรจะให้โอกาสก่อนที่จะถอนหายใจทีนึง “ก็ได้”
ในขณะเดียวกันมีการเสียงของความประหลาดใจและขอบคุณของอิโนะและอิฟฟรา
ไม่นานรถบัสก็ขับมาถึงร้านสะดวกซื้อเมื่อสังเกตุรอบๆว่าไม่มีพวกหนูกลายพันธ์อิฟฟรากับอิโนะจึงลงไปและตะโกน “หยุนเฟย ออกมาเถอะพวกเรามารับแล้ว”
หยุนเฟยเดินออกมาก่อนที่จะมองไปยังรถบัสด้วยความตกใจจนต้องอุทานว่า “มหัศจรรย์ยิ่งนัก” แล้วขึ้นรถบัสไปอย่างรวดเร็ว
หยุนเฟยขึ้นมาแล้วกล่าว “เอลลี่ ชาล็อตเต้! สวัสดีผมชื่อหยุนเฟย ขอแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ”
เห็นเอลลี่ หยุนเฟยตาสดใสสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวไปข้างหน้าเพื่อแนะนำตัวเอง
เอลลี่มองหยุนเฟยด้วยหางตาแล้วพูดเบาๆ “สวัสดีค่ะ!”
อิฟฟราและอิโนะในขณะนี้มายังที่นั่งข้างคนขับของเบลซมอง ไปที่รถบัสแล้วถอนหายใจ
“คุณนี่เก่งจริงๆคุณเป็นคนที่น่าอัศจรรย์จริงๆ ที่สามารถนำรถบัสมาที่นี่ได้ด้วย ขนาดผมไปด้วยยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลย วิธีนี้เราสามารถแน่ใจได้ว่าจะหลบหนีออกจาก มหาลัยแห่งนี้ได้”
เบลซมองไปยังร้านสะดวกซื้อช่วยไม่ได้เขาเห็นทรัพยากรที่ยังไม่ได้ขนมากมายถึงจะคิดเหลือไว้แต่ว่าเยอะขนาดนี้เอาไปหน่อยก็ดี
“ขนอุปกรณ์ขึ้นรถให้ความสำคัญกับน้ำและอาหารไม่จำเป็นต้องขนหมดเหลือไว้ซักสองสามส่วนก็ได้”
สาวๆ อิฟฟราและอิโนะวิ่งไปอย่างรวดเร็วเข้าไปในร้านสะดวกซื้อและเริ่มที่จะดำเนินการหาวัสดุประทังชีวิตและอาหาร
หยุนเฟยเห็นเบลซสั่งสาวๆด้วย เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วต่อว่า
“เบลซคุณไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษ! แทนที่คุณจะช่วยสาวๆ แต่คุณกับใช้แรงงานพวกเธอ อย่างหนัก คุณเป็นคนที่ควรจะไปขนวัสดุเครื่องยังชีพไม่ใช่รึยังไง คุณให้สาวๆ ใช้แรงงานหนัก ในขณะที่คุณยืนดู คุณไม่อับอายบ้างรึยังไง?”
สาวๆหยุดทันทีและมองไปที่เบลซพวกเธอไม่ได้คิดว่าเขาผิดแต่สนใจว่าเขาจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรเพราะที่ผ่านมาพวกเธอรู้แล้วว่าเขาเป็นคนที่ดีและพึ่งพาได้แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถจัดการกับคนเหล่านี้ได้ดี
เบลซเหลือบมองไปที่หยุนเฟยพูดว่า
“นี่คือการทำงานของกลุ่มเราคุณเป็นคนนอกและควรที่จะหุบปากไปซะ ถ้าพวกเขา คิดว่าสิ่งที่ฉันทำไม่เหมาะสม พวกเขาสามารถออกตอนนี้ได้เลย ผมจะไม่หยุดพวกเขา ริน เอลลี่ แล้วก็คนอื่นๆ ถ้าพวกคุณคิดว่าฉันทำไม่ถูกต้องคุณสามารถอยู่ที่นี่กับ คนเหล่านี้ได้เลย ฉันจะไม่หยุดคุณและผมจะเหลือเครื่องยังชีพอาหารให้พวกคุณ ในอัตราส่วนเท่ากันทุกคน”
เมิ่งหยิงหยิงมองอย่างดูถูกที่หยุนเฟยแล้วพูดว่า
“หยุนเฟยคุณควรหุบปากซะเบลซเพื่อที่จะพาเราออกไปจากพวกหนูนั้นไม่รู้จำนวนเท่าไหร่ที่เขาจะต้องฆ่า นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ได้รับความเหน็ดเหนื่อยมาตลอด เราไม่สามารถ ต่อสู้กับพวกมันได้ตรงๆ แต่เรายังคงสามารถทำงานใช้แรงเล็กๆน้อยๆพวกนี้ได้ หากคุณมีความสามารถก็ควรออกไปฆ่าหนูกลายพันธ์ซะสิ ไม่ใช่ ขังตัวเองอยู่ในรู”
พูดเสร็จ เมิ่งหยิงหยิงจะก้าวเข้าไปในร้านสะดวกซื้อแต่เบลซห้ามไว้เพราะเธอเจ็บข้อเท้าอยู่ ส่วนคนอื่นๆยังคงแบกเสบียงออกมา
รินมองดูที่หยุนเฟยแล้วเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อในมุมมองของเธอต่อหยุนเฟย ในโลกนี้ ถ้าเขาไม่เปลี่ยนนิสัยเด็กๆนี้เสียเค้าคงอยู่รอดได้ไม่นาน
อิฟฟราหน้าเสียจ้องมองมาที่เบลซเชิงขอโทษ
เบลซพูดเย็นชาว่า “ผมเคยให้คุณเลือก ตามมาช่วยหรืออยู่ที่นี่รอความช่วยเหลือ คุณไม่ต้องการที่จะออกไปกับผมแต่เลือกที่จะรอที่นี่รอทหารที่จะช่วยเหลือ มันคุณไม่ใช่รึยังไงแล้วคุณก็สามารถรอได้(ถึงจริงๆจะรู้ว่าไม่) ผมคิดว่ารัฐบาลคงจะส่งคนมาช่วยให้คุณรอด ชีวิตยานพาหนะของผมนี้มีขนาดเล็กเกินไปมันเหมาะสำหรับคนกลุ่มนึงเท่านั้น”
ไม่ต้องการที่จะเสี่ยง แต่ต้องการที่จะแบ่งปันผลประโยชน์จากน้ำพักน้ำแรงของคนอื่น คนเหล่า นี้เป็นบุคคลที่เบลซเกลียดมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยุนเฟย เด็กนิสัยเสียที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้
หยุนเฟยใบหน้าบิดเบี้ยวแล้วตะโกนเสียงดัง
“มีใครบางคนที่เห็นแก่ตัวไม่ยอมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้าผมต้องการที่จะขึ้นรถแล้วคุณจะทำยังไง รถบัสไม่ได้เป็นของของคุณมันเป็นสมบัติของมหาลัยใครก็ใช้ได้”
“อ้างความเป็นธรรมปัญญาอ่อน งี่เง่า!”
เบลซพุ่งมาข้างหน้าทันทีและตบที่ใบหน้าของหยุนเฟย เขาล้มลงกับพื้นด้วยใบหน้าที่บวม
เบลซมองไปที่หยุนเฟยอย่างรังเกียจแล้วตะโกนเสียงลึก
“ใช่รถบัสไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าคุณต้องการรถบัสก็ไป รับมันมาจากดงของหนูกลายพันธ์เหล่านั้น ฉันเอารถบัสนี้ออกมาจากดงของหนูกลายพันธ์ที่คุณ ไม่ได้มีส่วนช่วยอะไร ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณได้ขึ้นบนรถบัสคันนี้เด็ดขาด!”
พร้อมกับคำพูดของเบลซเจ้าดาบน้อยก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางหงุดหงิด “ใครให้เถียวป๊าป๋าฟร่ะ!” หน้าของหยุนเฟยแค่แรงกดดันที่ปะทะเข้ามาก็กลัวจนหน้าขาวซีดแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด