The Great Geneticist in Apocalypse 43 เจอตำแหน่งฐานแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 43 เจอตำแหน่งฐานแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่43 เจอตำแหน่งฐานแล้วสิ

เมื่อก่อนคนมากมายเดินบนถนนเป็นเหมือนมดเดินผ่าน แต่ตอนนี้นอกเหนือจากหนูกลายพันธ์แล้วไม่มีอย่างอื่นเดินในบริเวณนี้เลย

“รู้สึกว่าจะยังไม่มีตำแหน่งของฐานที่มั่นปรากฏเลยแฮะ” เบลซคิดความจริงมันมีโอกาสที่จะรู้พิกัดของฐานตอนกลางคืนแต่เค้าไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นเพราะตอนกลางคืนในช่วงแรกๆของยุคนี้ค่อนข้างอันตรายมากกว่าช่วงกลางวัน

“ความจริงมันมีอีกวิธีที่จะรู้ได้แต่ว่าค่อนข้างจะยากทีเดียว” เบลซคิดจากชิพทำให้เขาได้ข้อมูลที่จำเป็นมาหลายอย่าง

พวกสัตว์อสูรไร้ธาตุจะมีบางตัวที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษและมีทักษะเสริมต่างๆ ที่ดีคือแม้ว่าจะเป็นผู้วิวัฒนาการพลังธาตุก็สามารถดูดซับทักษะของคริสตัลไร้ธาตุได้ มันมีอยู่ทักษะหนึ่ง “มินิแมพ” มันสามารถทำให้เราเห็นสภาพแวดล้อมจากมุมสูงได้ดีและช่วยหาตำแหน่งฐานได้ง่ายขึ้น “ความหายากของมันอยู่ระดับปานกลางแต่ว่าจะหาจากไหน?” เบลซคิดในใจสัตว์อสูรไร้ธาตุที่แข็งแกร่งมันหายากมากมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษ ไม่นานเบลซก็ตัดความคิดนี้ทิ้งไป

แต่ตอนนั้นเองเสียงระบบก็ได้ดังขึ้นดังสวรรค์เป็นใจ

“มีฐานที่ยังไม่มีเจ้าของห่างไปราวๆ50 กิโลเมตร”

“มาถูกเวลาพอดีจริงๆ” เบลซแทบจะยิ้มแก้มปริ เขาโชคดีมากที่เข้ามาในระยะเขตแจ้งเตือนของระบบพอดี

คนอื่นๆก็ได้ยินเหมือนกันแต่เบลซพูดตัดไปก่อน

“ฐานปรากฏแล้วทีนี้ต้องดูแผนที่แล้วสิ” เบลซหยิบแผนที่ออกมากางก่อนที่จะตีเส้น50กิโลเมตรแล้วมองดูรอบๆ

“จุดที่เป็นไปได้มีสองจุดหนึ่งคิดที่สวนขนาดใหญ่ตรงชาญเมืองแต่ว่าฉันคิดว่ามันอยู่ติดกับเมืองมากไป ปกติแล้วฐานจะชอบตั้งอยู่ที่โล่งกลางป่าไม่ก็ที่ราบหรือง่ายๆก็คือที่ๆสามารถขยายตัวออกไปได้ง่ายๆนั้นแหละ”

“มีอีกที่นึงคือที่นี่มันอยู่นอกตัวเมืองไปราวๆ25กิโลเมตรตรงนั้นถ้าจะไม่ผิดมีเป็นเนินต่ำผสมที่ราบแล้วก็ใกล้กับแม่น้ำด้วยหนินะ ฐานน่าจะอยู่ตรงนี้แหละ” เบลซพูด

“ว่าแต่นายรู้เรื่องฐานได้ยังไง?” เอลลี่สงสัยในใจเธอยิ่งรู้สึกว่าเบลซแปลกไปทุกทีทั้งเหมือนใช่เขาและไม่ใช่เขาที่เธอรู้จักถึงแม้ก่อนหน้านี้เบลซจะมีข้ออ้างอิงอธิบายเรื่องที่เขาสงสัยว่าวันหนึ่งสัตว์พวกนี้อาจจะวิวัฒนาการฉับพลันแต่ว่าเรื่องฐานนี่มันคนละเรื่องกันเขารู้ก่อนได้อย่างไร? ความจริงเพื่อนของเบลซอย่าง จางมู่ ชิน เรย์ลินก็สงสัยเหมือนกันแต่ที่ไม่ถามเพราะครึ่งหนึ่งพวกเขาไว้ใจส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือพวกเขายังไม่อยากสร้างประเด็นอะไรที่มันตะขิดตะขวงใจตอนนี้

“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” เอมิเลียพูดหลังจากเห็นตำแหน่งที่เบลซชี้และขับรถบัสไปทางที่เบลซบอกทันที

หลังจากขับรถไปพักนึงรู้สึกว่าจำนวนของหนูกลายพันธ์ลดลงถึงมันจะมีอยู่ทุกที่แต่ว่ามันดูกระจายๆมากขึ้นไม่แออัดเหมือนในมหาวิทยาลัย

รถบัสสามารถที่จะฝ่าฝูงหนูกลายพันธ์ที่ไม่แออัดนี้ได้

“นั้นไง” เบลซชี้บริเวณที่มีเสาแสงเสาหนึ่งมันเป็นเสาที่ออกมาจากใจกลางฐาน

“เราต้องยึดมันมาให้ได้เพื่อการอยู่รอดของพวกเรา” เบลซในใจตอนนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นก่อนที่จะกล่าว “พวกนายเห็นเสาแสงนั้นไหม ตราบใดที่เราสามารถจัดการสัตว์อสูรที่คุ้มครองมันได้เราก็จะมีที่ปลอดภัยอยู่อาศัยการเอาตัวรอดจะง่ายขึ้นมาก

พวกเราจะสามารถอยู่รอดด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพารัฐบาลที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะแจกจ่ายอาหารได้ทั่วถึงรึปล่าวฉันกล้าพูดได้เลยว่าวิกฤตขนาดนี้การผลิตเสบียงอาหารเป็นปัญหาแน่นอนและอย่างที่ทุกคนเห็นอาวุธและพาหนะในปัจจุบันไม่สามารถใช้ได้รัฐบาลไม่มีกำลังพอในการที่จะแก้ปัญหานี้ ฉันรู้ว่าพวกนายอาจจะไม่เข้าใจมันอย่างลึกซึ้งในตอนนี้แต่พวกนายจะเข้าใจเองเมื่อเวลาผ่านไป ฉันพูดได้แค่ว่าโลกนี้มันโหดร้ายและพวกเราทุกคนควรที่จะยอมรับความจริงและปรับตัวกับกฎของโลกใบใหม่ให้เร็วที่สุดและนี้จะเป็นก้าวแรกของการอยู่รอดในโลกใบนี้”

แน่นอนว่าคนอื่นๆเข้าใจในเหตุผลของเบลซแต่ก็ยังมีข้อขัดแย้งอะไรบางอย่างค้างคาอยู่ในใจแต่แน่นอนว่าในตอนนี้ปัญหามันใหญ่มากไม่รู้ว่าความช่วยเหลือจะมาเมื่อไหร่(TL.แอดมิน : ไม่มาหรอก)เพื่อที่จะได้ที่ๆปลอดภัยและไม่ต้องระแวงเวลาหลับว่าจะมีสัตว์อสูรบุกมาขย่ำพวกเธอมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น นั้นคือยึดฐานที่ระบบให้มาซะ!

“ถ้าเกิดว่าพวกเราเอารถบัสเข้าไปมันจะดึงดูดสัตว์อสูรที่เฝ้าอยู่ในฐานเกือบทั้งหมดแน่นอนว่าปกติมันไม่ควรแต่ว่าฉันต้องการแบบนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดคือแบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มรถบัสและกลุ่มยึดฐาน ต้องมีคนนึงเสียสละขับรถล่อพวกสัตว์อสูรธรรมดาไปรอบๆฐานแล้วกลุ่มโจมตีจะอาศัยช่วงเวลานั้นเขาไปจัดการจ่าฝูงหรือหัวหน้าเขตที่คุ้มครองแกนกลางฐานซะ แต่แน่นอนว่าคนที่อยู่บนรถบัสจะไม่ได้มีแค่คนขับแต่ว่าจะมีคนคอยคุ้มกันรถด้วย ครั้งนี้ฉันไม่อยากบังคับใคร ใครจะอาสาคุ้มกันรถบัส ใครจะบุกเลือกได้เลย! ถ้าจำนวนทั้งสองกลุ่มมันไม่เหมาะสมค่อยว่ากันอีกที”

หลังจากที่เบลซพูดจบนอกจากคนที่ยังไม่ได้ปลุกพลัง เอมิเลียขอเป็นคนขับรถเหมือนเดิมซึ่งเอลลี่ก็ขอเป็นคนคุ้มกันรถให้กับเพื่อนของเธอทุกๆคนที่อยู่บนรถ ชินก็บอกว่าเขาค่อนข้างช้าแผนนี้ความเร็วในการเข้าไปจัดการหัวหน้าเขตตัวเค้าเองไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้เลยขอป้องกันรถบัสอีกคน อีกอย่างเขามีทักษะสร้างศิลาซึ่งสามารถสร้างเกราะหนามให้กับรถได้นอกจากจะเพิ่มการป้องกันให้กับตัวรถแล้วยังมีประสิทธิภาพในการบดขยี่ดีขึ้นด้วย แน่นอนว่าอีกคนนึงที่อาสาป้องกันก็คือจางมู่พิษและการโจมตีจากระยะของเขาช่วยลดแรงกดดันจากการถูกไล่ล่าได้ดี

ส่วนที่เหลือเลือดที่จะโจมตีหลักๆก็จะมีผมกับเรย์ลินที่มีสัตว์อสูรสงครามที่ขี่ได้และต่อสู้ระยะประชิตได้ดี ความจริงเขาอยากจะได้เหมียนเหมียนมาช่วยโจมตีด้วยแต่ดูถ้ามันจะอยากอยู่กับเอมิเลียมากกว่าก็เลยจะลองชักชวนดูก่อนก็ไม่เสียหาย

“เอาหละเอาเป็นว่ามันก็ใช้ได้อะนะแต่ว่าความจริงฉันอยากได้เหมียนเหมียนมีอยู่ฝ่ายโจมตีหนะ ขอยืมเหมียนเหมียนแปปนึงนะเอมิเลีย”

“ฮู่!” เหมียนเหมียนทำท่ากอดเอมิเลียแล้วมองตาเธอด้วยความบ้องแบ๊ว “หนูอยากอยู่กับหม่าม้า”

“ได้สินายจะเอาเหมียนเหมียนไปชั่วคราวก็ได้แต่อย่าทำให้มันบาดเจ็บนะ!” เอมิเลียมองเบลซด้วยท่าทางเหี้ยมๆที่ ก่อนท่จะยอมส่งเหมียนเหมียนให้

“ม่ายยยยย หม่าม้าาา” เหมียนเหมียนสะบัดแขนขาไปมา

เบลซกระซิบบอกเหมียนเหมียนว่า “เอาน่าถ้าทำดีฉันจะยอมให้เอาเนื้อของหัวหน้าเขตครึ่งตัวไปทำเป็นขนมปุยฝ้ายนะ

“ฮู่! ขนมปุยฝ้าย” ด้วยพลังของเหมียนเหมียนมันจำเป็นต้องกินเนื้อของสัตว์อสูรจำนวนที่เยอะมากพอสมควรและยิ่งคุณภาพเนื้อดีเท่าไหร่ก็จะเสกเป็นขนมปุยฝ้ายได้อร่อยเท่านั้นและยังทำให้มันวิวัฒนาการได้เร็วขึ้นด้วย

“ปริบๆ” เหมียนเหมียนกระพริบตาใส่เบลซเหมือนเด็กต้องการขนมหวานประมาณว่า “สัญญาแล้วนะ”

“ตามนั้น”

“ดีล”

“เอาหละงั้นเราก็เอาสมาชิกตามนี้นะสู้ๆหละทุกคน เราจะต้องยึดฐานนี้มาให้ได้แบบไม่มีใครเสียชีวิต!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 43 เจอตำแหน่งฐานแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 43 เจอตำแหน่งฐานแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่43 เจอตำแหน่งฐานแล้วสิ

เมื่อก่อนคนมากมายเดินบนถนนเป็นเหมือนมดเดินผ่าน แต่ตอนนี้นอกเหนือจากหนูกลายพันธ์แล้วไม่มีอย่างอื่นเดินในบริเวณนี้เลย

“รู้สึกว่าจะยังไม่มีตำแหน่งของฐานที่มั่นปรากฏเลยแฮะ” เบลซคิดความจริงมันมีโอกาสที่จะรู้พิกัดของฐานตอนกลางคืนแต่เค้าไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นเพราะตอนกลางคืนในช่วงแรกๆของยุคนี้ค่อนข้างอันตรายมากกว่าช่วงกลางวัน

“ความจริงมันมีอีกวิธีที่จะรู้ได้แต่ว่าค่อนข้างจะยากทีเดียว” เบลซคิดจากชิพทำให้เขาได้ข้อมูลที่จำเป็นมาหลายอย่าง

พวกสัตว์อสูรไร้ธาตุจะมีบางตัวที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษและมีทักษะเสริมต่างๆ ที่ดีคือแม้ว่าจะเป็นผู้วิวัฒนาการพลังธาตุก็สามารถดูดซับทักษะของคริสตัลไร้ธาตุได้ มันมีอยู่ทักษะหนึ่ง “มินิแมพ” มันสามารถทำให้เราเห็นสภาพแวดล้อมจากมุมสูงได้ดีและช่วยหาตำแหน่งฐานได้ง่ายขึ้น “ความหายากของมันอยู่ระดับปานกลางแต่ว่าจะหาจากไหน?” เบลซคิดในใจสัตว์อสูรไร้ธาตุที่แข็งแกร่งมันหายากมากมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษ ไม่นานเบลซก็ตัดความคิดนี้ทิ้งไป

แต่ตอนนั้นเองเสียงระบบก็ได้ดังขึ้นดังสวรรค์เป็นใจ

“มีฐานที่ยังไม่มีเจ้าของห่างไปราวๆ50 กิโลเมตร”

“มาถูกเวลาพอดีจริงๆ” เบลซแทบจะยิ้มแก้มปริ เขาโชคดีมากที่เข้ามาในระยะเขตแจ้งเตือนของระบบพอดี

คนอื่นๆก็ได้ยินเหมือนกันแต่เบลซพูดตัดไปก่อน

“ฐานปรากฏแล้วทีนี้ต้องดูแผนที่แล้วสิ” เบลซหยิบแผนที่ออกมากางก่อนที่จะตีเส้น50กิโลเมตรแล้วมองดูรอบๆ

“จุดที่เป็นไปได้มีสองจุดหนึ่งคิดที่สวนขนาดใหญ่ตรงชาญเมืองแต่ว่าฉันคิดว่ามันอยู่ติดกับเมืองมากไป ปกติแล้วฐานจะชอบตั้งอยู่ที่โล่งกลางป่าไม่ก็ที่ราบหรือง่ายๆก็คือที่ๆสามารถขยายตัวออกไปได้ง่ายๆนั้นแหละ”

“มีอีกที่นึงคือที่นี่มันอยู่นอกตัวเมืองไปราวๆ25กิโลเมตรตรงนั้นถ้าจะไม่ผิดมีเป็นเนินต่ำผสมที่ราบแล้วก็ใกล้กับแม่น้ำด้วยหนินะ ฐานน่าจะอยู่ตรงนี้แหละ” เบลซพูด

“ว่าแต่นายรู้เรื่องฐานได้ยังไง?” เอลลี่สงสัยในใจเธอยิ่งรู้สึกว่าเบลซแปลกไปทุกทีทั้งเหมือนใช่เขาและไม่ใช่เขาที่เธอรู้จักถึงแม้ก่อนหน้านี้เบลซจะมีข้ออ้างอิงอธิบายเรื่องที่เขาสงสัยว่าวันหนึ่งสัตว์พวกนี้อาจจะวิวัฒนาการฉับพลันแต่ว่าเรื่องฐานนี่มันคนละเรื่องกันเขารู้ก่อนได้อย่างไร? ความจริงเพื่อนของเบลซอย่าง จางมู่ ชิน เรย์ลินก็สงสัยเหมือนกันแต่ที่ไม่ถามเพราะครึ่งหนึ่งพวกเขาไว้ใจส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือพวกเขายังไม่อยากสร้างประเด็นอะไรที่มันตะขิดตะขวงใจตอนนี้

“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” เอมิเลียพูดหลังจากเห็นตำแหน่งที่เบลซชี้และขับรถบัสไปทางที่เบลซบอกทันที

หลังจากขับรถไปพักนึงรู้สึกว่าจำนวนของหนูกลายพันธ์ลดลงถึงมันจะมีอยู่ทุกที่แต่ว่ามันดูกระจายๆมากขึ้นไม่แออัดเหมือนในมหาวิทยาลัย

รถบัสสามารถที่จะฝ่าฝูงหนูกลายพันธ์ที่ไม่แออัดนี้ได้

“นั้นไง” เบลซชี้บริเวณที่มีเสาแสงเสาหนึ่งมันเป็นเสาที่ออกมาจากใจกลางฐาน

“เราต้องยึดมันมาให้ได้เพื่อการอยู่รอดของพวกเรา” เบลซในใจตอนนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นก่อนที่จะกล่าว “พวกนายเห็นเสาแสงนั้นไหม ตราบใดที่เราสามารถจัดการสัตว์อสูรที่คุ้มครองมันได้เราก็จะมีที่ปลอดภัยอยู่อาศัยการเอาตัวรอดจะง่ายขึ้นมาก

พวกเราจะสามารถอยู่รอดด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพารัฐบาลที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะแจกจ่ายอาหารได้ทั่วถึงรึปล่าวฉันกล้าพูดได้เลยว่าวิกฤตขนาดนี้การผลิตเสบียงอาหารเป็นปัญหาแน่นอนและอย่างที่ทุกคนเห็นอาวุธและพาหนะในปัจจุบันไม่สามารถใช้ได้รัฐบาลไม่มีกำลังพอในการที่จะแก้ปัญหานี้ ฉันรู้ว่าพวกนายอาจจะไม่เข้าใจมันอย่างลึกซึ้งในตอนนี้แต่พวกนายจะเข้าใจเองเมื่อเวลาผ่านไป ฉันพูดได้แค่ว่าโลกนี้มันโหดร้ายและพวกเราทุกคนควรที่จะยอมรับความจริงและปรับตัวกับกฎของโลกใบใหม่ให้เร็วที่สุดและนี้จะเป็นก้าวแรกของการอยู่รอดในโลกใบนี้”

แน่นอนว่าคนอื่นๆเข้าใจในเหตุผลของเบลซแต่ก็ยังมีข้อขัดแย้งอะไรบางอย่างค้างคาอยู่ในใจแต่แน่นอนว่าในตอนนี้ปัญหามันใหญ่มากไม่รู้ว่าความช่วยเหลือจะมาเมื่อไหร่(TL.แอดมิน : ไม่มาหรอก)เพื่อที่จะได้ที่ๆปลอดภัยและไม่ต้องระแวงเวลาหลับว่าจะมีสัตว์อสูรบุกมาขย่ำพวกเธอมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น นั้นคือยึดฐานที่ระบบให้มาซะ!

“ถ้าเกิดว่าพวกเราเอารถบัสเข้าไปมันจะดึงดูดสัตว์อสูรที่เฝ้าอยู่ในฐานเกือบทั้งหมดแน่นอนว่าปกติมันไม่ควรแต่ว่าฉันต้องการแบบนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดคือแบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มรถบัสและกลุ่มยึดฐาน ต้องมีคนนึงเสียสละขับรถล่อพวกสัตว์อสูรธรรมดาไปรอบๆฐานแล้วกลุ่มโจมตีจะอาศัยช่วงเวลานั้นเขาไปจัดการจ่าฝูงหรือหัวหน้าเขตที่คุ้มครองแกนกลางฐานซะ แต่แน่นอนว่าคนที่อยู่บนรถบัสจะไม่ได้มีแค่คนขับแต่ว่าจะมีคนคอยคุ้มกันรถด้วย ครั้งนี้ฉันไม่อยากบังคับใคร ใครจะอาสาคุ้มกันรถบัส ใครจะบุกเลือกได้เลย! ถ้าจำนวนทั้งสองกลุ่มมันไม่เหมาะสมค่อยว่ากันอีกที”

หลังจากที่เบลซพูดจบนอกจากคนที่ยังไม่ได้ปลุกพลัง เอมิเลียขอเป็นคนขับรถเหมือนเดิมซึ่งเอลลี่ก็ขอเป็นคนคุ้มกันรถให้กับเพื่อนของเธอทุกๆคนที่อยู่บนรถ ชินก็บอกว่าเขาค่อนข้างช้าแผนนี้ความเร็วในการเข้าไปจัดการหัวหน้าเขตตัวเค้าเองไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้เลยขอป้องกันรถบัสอีกคน อีกอย่างเขามีทักษะสร้างศิลาซึ่งสามารถสร้างเกราะหนามให้กับรถได้นอกจากจะเพิ่มการป้องกันให้กับตัวรถแล้วยังมีประสิทธิภาพในการบดขยี่ดีขึ้นด้วย แน่นอนว่าอีกคนนึงที่อาสาป้องกันก็คือจางมู่พิษและการโจมตีจากระยะของเขาช่วยลดแรงกดดันจากการถูกไล่ล่าได้ดี

ส่วนที่เหลือเลือดที่จะโจมตีหลักๆก็จะมีผมกับเรย์ลินที่มีสัตว์อสูรสงครามที่ขี่ได้และต่อสู้ระยะประชิตได้ดี ความจริงเขาอยากจะได้เหมียนเหมียนมาช่วยโจมตีด้วยแต่ดูถ้ามันจะอยากอยู่กับเอมิเลียมากกว่าก็เลยจะลองชักชวนดูก่อนก็ไม่เสียหาย

“เอาหละเอาเป็นว่ามันก็ใช้ได้อะนะแต่ว่าความจริงฉันอยากได้เหมียนเหมียนมีอยู่ฝ่ายโจมตีหนะ ขอยืมเหมียนเหมียนแปปนึงนะเอมิเลีย”

“ฮู่!” เหมียนเหมียนทำท่ากอดเอมิเลียแล้วมองตาเธอด้วยความบ้องแบ๊ว “หนูอยากอยู่กับหม่าม้า”

“ได้สินายจะเอาเหมียนเหมียนไปชั่วคราวก็ได้แต่อย่าทำให้มันบาดเจ็บนะ!” เอมิเลียมองเบลซด้วยท่าทางเหี้ยมๆที่ ก่อนท่จะยอมส่งเหมียนเหมียนให้

“ม่ายยยยย หม่าม้าาา” เหมียนเหมียนสะบัดแขนขาไปมา

เบลซกระซิบบอกเหมียนเหมียนว่า “เอาน่าถ้าทำดีฉันจะยอมให้เอาเนื้อของหัวหน้าเขตครึ่งตัวไปทำเป็นขนมปุยฝ้ายนะ

“ฮู่! ขนมปุยฝ้าย” ด้วยพลังของเหมียนเหมียนมันจำเป็นต้องกินเนื้อของสัตว์อสูรจำนวนที่เยอะมากพอสมควรและยิ่งคุณภาพเนื้อดีเท่าไหร่ก็จะเสกเป็นขนมปุยฝ้ายได้อร่อยเท่านั้นและยังทำให้มันวิวัฒนาการได้เร็วขึ้นด้วย

“ปริบๆ” เหมียนเหมียนกระพริบตาใส่เบลซเหมือนเด็กต้องการขนมหวานประมาณว่า “สัญญาแล้วนะ”

“ตามนั้น”

“ดีล”

“เอาหละงั้นเราก็เอาสมาชิกตามนี้นะสู้ๆหละทุกคน เราจะต้องยึดฐานนี้มาให้ได้แบบไม่มีใครเสียชีวิต!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+