The Great Geneticist in Apocalypse 45 วิวัฒนาการครึ่งสีแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 45 วิวัฒนาการครึ่งสีแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่45 วิวัฒนาการครึ่งสีแล้วสิ

 

เบลซรู้สึกว่าโครงสร้างร่างกายของเขายังเหมือนเดิมแต่ว่า เซลล์ของเขาเปลี่ยนไปทั้งหมดมันเต็มไปด้วยพลังงานแล้วพลังชีวิตรวมถึงความแข็งแรงความยืดหยุ่นและคุณภาพของมัน

 

“ระบบ”

 

ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต218เหรียญ

 

ระดับ12

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน(51/100) บวกค่าสถานะ75%

 

พลังธาตุ <ไฟ น้ำ สายฟ้า พิษ>

 

อาชีพ ไม่มี

 

อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน

 

ฉายา

 

<นายแห่งอสูรอเวจี+5> <มนุษย์คนแรกผู้สังหารสัตว์อสูรสองธาตุ+2>

 

Strength(แรงกาย) : 38[(15)+11.5]

 

Agility(ความว่องไว) : 34.25[(13)+11.5]

 

Vitality(พละกําลัง) : 29[(10)+11.5]

 

Stamina(ความทรหด) : 35/36[(14)+11.5]

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 45/46.5[(20)+11.5]

 

ทักษะ

 

<อควาคัตเตอร์(ขาว)> <ประเมิน(ขาว)>

 

<พิษหัวใจขาว/เขียว> พิษหัวใจไร้สีไร้กลิ่นจะจะรู้สึกก็ต่อเมื่อถูกพิษแล้ว พิษหัวใจเชียวทําลายเลือดและหัวใจ พิษหัวใจขาวรักษาร่างกายและแก้พิษเขียว ใช้พิษได้จากของเหลวที่ในร่างกายเช่น เลือด

 

สัตว์อสูรสงคราม

 

ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)

 

ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก) ระดับ12

 

สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว

 

พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว

 

Strength(แรงกาย) : 22

 

Agility(ความว่องไว) : 24

 

Vitality (พละกําลัง) : 36

 

Stamina(ความทรหด) : 21/22

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 8/8

 

ทักษะ

 

<เพลิงอเวจี> ใช้เพลิงจากนรกได้เพลิงแรงขึ้น 75%)

 

พืชปรสิตดอกเถาพิษโลหิต ระดับ9

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน (สามธาตุ+สถานะ50%)

 

พลังธาตุ <พืช โลหิต พิษ> ระดับเขียวอ่อน

 

Strength(แรงกาย) : 1.5(1)

 

Agility(ความว่องไว) : 1.5(1)

 

Vitality(พละกําลัง) : 69(46)

 

Stamina(ความทรหด) : 1.5(1)

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1.5(1)

 

ทักษะ

 

<พึ่งพาอาศัย> +4.5(3×50%)ทุกสถานะของโฮสต์ เรียกเถาออกมาช่วยได้โดยมีค่าสถานะเท่ากับโฮสต์ ยกเว้นVitality

 

<แบ่งพลังธาตุพืช > แบ่งพลังธาตุพืชให้โฮสต์ใช้ชั่วขณะ ผ่านเถาวัลย์

 

<ดูดโลหิต> ดูดเลือดหรือพลังงานมาฟื้นฟูให้โฮสต์และตัวเอง

 

<พิษกัดกร่อน> สร้างพิษกรดสูงที่ทําลายอวัยวะต่างๆ

 

สังเกตได้ว่าเบลซฆ่าพวกหนูกลายพันธ์ไปเยอะมากแต่ระดับของเขาก็ยังอยู่12เหมือนเดิม

 

“นี้หนะหรอความแต่ต่างระหว่างสีแค่ครึ่งสีของสีธาตุมันมากมายมหาศาลมากเกินกว่าที่คาด” เบลซตะลึงด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมา75เปอร์เซ็นต์มันทําให้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากเรียกได้ว่าต่อให้เป็นหัวหน้าเขตสีขาวในระดับที่เท่ากันไม่สามารถทําอะไรเขาได้ แม้แต่น้อยตราบได้ที่เขาไม่ยืนนิ่งๆให้มันโจมตีซ้ำๆหลายๆที

 

“งั้นง้าวนี้ก็คงต้องเก็บไปก่อนนะ” เบลซหยิบง้าวกรีดนภาสีขาวระดับ6ขึ้นมาดูมันเดินทางมากับเขาตั้งแต่เริ่มยุคนี้แม้ว่าจะเป็นเพียงวันแรกก็ตามแต่เขาก็รู้สึกผูกพันกับมัน แต่ตอนนี้เขาเป็นสีเขียวอ่อนแล้วร่างกายของเขาในตอนนี้ต่อให้ใช้ง้าวกรีดนภาเพลิงอัสนีของเขาตอนยังเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาวโจมตีเต็มแรง ยังทําได้แค่แผลเล็กน้อยเลือดอาจไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หรือไม่ก็แผลเล็กๆเท่าแมวข่วน

 

“สหายไว้รอฉันอัพเกรดนายก่อนนะแล้วเรามาสู้ร่วมกันอีก” จากนั้นเบลซก็เก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของ

 

แน่นอนว่าความแตกต่างของมันไม่ใช่แค่เรื่องของสถานะแต่เป็นเรื่องของคุณภาพทางด้านร่างกายด้วยทั้งระยะการมองเห็น ความเร็วในการตอบสนอง ความยืดหยุ่นของร่างกาย ความใจเย็นหรือการคงสตินั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน

 

“เอาหละที่นี้ก็รอเพื่อนๆพักเสร็จแล้วก็จะยึดฐานแล้ว”

 

ถ้าตอนนี้ใครในโลกของจางหลงมาเห็นคงจะทิ้งและอิจฉาจนกระอักเลือดสบท “มารดามันเถอะ” กันหมดแน่มีใครที่ไหนเขาวิวัฒนาการได้ตั้งแต่วันแรกกันเขาใช้เวลากันเป็นเดือนๆกว่าจะวิวัฒนาการเป็นสีเขียวอ่อนได้

 

หลังจากเช็คค่าสถานะเรียบร้อยแล้วเบลซก็กลับไปนอนบนรถ

 

ผ่านไป15นาที

 

เพื่อนๆก็พักเสร็จตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่รถบัส

 

“พักกันเรียบร้อยแล้วนะทุกคน” เบลซถามเพื่อความแน่ใจเขาไม่ต้องการให้เพื่อนๆของเขาสู้ศึกใหญ่ครั้งนี้ทั้งๆ ที่staminaและspiritualityไม่เต็มแม้จะแค่แต้มสองแต้มก็ตามเพราะถ้าโชคร้ายใช้จนหน้ามืดหรือว่าปวดหัวพอดีมันจะส่งผลมากต่อการต่อสู้ถ้าเกิดถูกโจมตีตอนเกิดอาการนั้นโอกาสที่จะเสียชีวิตถือว่าสูงมาก ดังนั้นเขาเลยให้ไปพักจนฟื้นขึ้นมาเต็มก่อน

 

เพื่อนๆพยักหน้า แต่เบลซเห็นว่าสายตาของคนอื่นเปลี่ยนไปโดยเฉพาะสาวๆบางคนที่หน้ามีแต้มสีชมพูนิดๆผุดขึ้นมาบนหน้า เพื่อนๆของเขาก็ดูท่าจะแปลกเช่นกัน

 

“หน้าเรามีเรามีอะไรติดรึปล่าวเนี่ย” เบลซคิดพลางเอามือลูบหน้าตัวเอง

 

“เอ…ก็ไม่มีอะไรติดนะ” แล้วเบลซก็พูดต่อ “งั้นก็ทําตามแผน ก่อนอื่นทีมรถบัสจะไปตามทางนี้ นี้ นี้แล้วก็วนไปเรื่อยๆ” เบลซเอาแผนผังฐานที่จะยึดที่เขากับเรย์ลินช่วยกันเขียนขึ้นมาอธิบายจุดต่างๆ เขาจะให้รถบัสไปล่อพวกกิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันไปรอบๆฐานก่อนที่ทีมจู่โจมจะเข้าไปจัดการกับหัวหน้าเขตและยึดฐานซะ!

 

ส่วนกิ้งก่าเอลลิเกเตอร์ตัวอื่นเขาจะลองหาทางเลี้ยงมันดู ตราบใดที่พยายามหลอกล่อและสามารถเลี้ยงมันได้มันก็จะเป็นพาหนะหลักในการเดินทางและการสงครามของเขาในอนาคต

 

“เอาหละงั้นไปได้” เบลซขี่เจ้าดาบน้อย เรย์ลินขี่สเกีย แล้วเหมียนเหมียนก็กระโดดไปยืนบนหัวของเจ้าดาบน้อย

 

“กรู่ววววว” ซีฟอสดูท่าจะไม่พอใจเท่าไหรที่เหมียนเหมียนไปยืนบนหัวของมัน

 

“เหมียนเหมียน อย่าซนสิ!” เอมิเลียดุ

 

“ฮู่วว” เหมียนเหมียนหูตกทําหน้าจ๋อยๆ ลงจากหัวของซีฟอสแล้ว ลงยืนด้วยตัวเอง

“งั้นพวกนายฉันฝากเรื่องล่อด้วยนะ” เบลซพูดกับ เอลลี่ เอมิเลีย จางมู่ และ ชิน

 

“ไว้ใจได้เลย” ชินพูด

 

“โชคดีนะที่รัก” เซลินพูดก่อนที่จะหอมแก้มเรย์ลินอย่างเป็นอายท่ามกลางสาวๆก่อนที่จะกลับขึ้นรถบัสไป

 

“จะว่าไปไอบ้านายไปทําอะไรมาฮะ” เอลลี่พูดเสียงเบาๆ พอให้เบลซได้ยินคนเดียว

 

“ฉันทําอะไร?” เบลซตอบด้วยความงุนงงและสงสัย

 

“คือว่าผิวกับหน้านายดูดีขึ้นแข็งแกร่งขึ้นแล้วก็…นายดูหล่อขึ้นเยอะเลยหละ” เอลลี่หน้าแดงระเรื่อก่อนจะรีบไปขึ้นรถบัส

 

“อะไรของคุณเธอเนี่ย เดี๋ยวนะ!?” เบลซพึ่งนึกขึ้นได้พอวิวัฒนาการโครงสร้างบางส่วนคุณภาพของเซลล์มันดีขึ้นส่งผลต่อหน้าตา และผิวพรรณด้วย

 

“แสดงว่าที่แปลกใจกันเพราะว่าหน้าเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอะดิ!” เบลซคิดไปปั่นป่วนรู้สึกแปลกๆต่อหน้าของตัวเองที่เปลี่ยนไป

 

“ไม่สิ หน้าของเรามันหล่อขึ้นควรจะดีใจนะ ใช่แล้วเบลซนายต้องภูมิใจ” คิดแบบนั้นอารมณ์ของเบลซกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

 

“บรึ่น” รถบัสออกตัวไปโดยที่มีเบลซและเรย์ลินขึ้นําทางไปก่อน

 

“โฮกกกกก”

 

“โฮกกกก”

 

“โฮกกกกกก”

 

ด้วยเสียงดังของรถบัสและเสียงวิ่งของเหล่าสัตว์อสูรสงคราม พวกกิ้งก่ายักษ์เอลล์ลิเกเตอร์รู้ตัวได้ในทันทีและเริ่มวิ่งมาทางนี้

 

“ประเมิน”

 

“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันยักษ์ไร้ธาตุ (ขาว)ระดับ7”

 

“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันยักษ์ ไร้ธาตุ (ขาว)ระดับ9”

 

“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์ยักษ์เม็กซิกัน(ไร้ธาตุ (ขาว)ระดับ8”

 

“กิ้งก่าจรเข้แม็กซิกันคราม(วารี>(ขาว)ระดับ10”

 

“กิ้งก่าจรเข้พสุธาดิน> (ขาว)ระดับ11”

 

“กิ้งก่าแมกไม้ขจี พืช>(ขาว)ระดับ12”

 

“ระวังด้วยพวกนี้มันระดับสูงและมีเกล็ดแข็งไม่กระจอกเหมือนหนูกลายพันธ์นะ!”

 

เบลซตะโกนบอกก่อนจะส่งข้อมูลไปในจางมู่ที่เปิดหน้าต่างรถบัสคอยฟังแล้วจดอยู่

 

“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันธรรมดาระดับ7-8 23ตัว

 

ธาตุน้ำระดับ10 1ตัว ธาตุดินระดับ11 1ตัว ธาตุพืชระดับ12 1ตัว” จางมู่จดเสร็จแล้วถามเบลซกลับไป “แล้วหัวหน้าเขตหละ”

 

“ระยะยังไม่ถึงอีกอย่างมันเป็นงานพวกฉันอยู่แล้ว จําไว้ว่าพวกนายแค่ล่อพวกมันก็พอถ้าไม่จําเป็นก็ไม่ต้องฆ่าแค่ให้บาดเจ็บก็พอ”

 

“ได้ เดี๋ยวฉันจะใช้พิษอัมพาตแทน”

 

“อืม ขอบใจมากแยกไปละนะ” เบลซพูดแล้วสัตว์อสูรสามตัวกับคนสองคนก็แยกไปอย่างเงียบเชียบ

 

“โชคดีนะ ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัย” สาวๆพูดอวยพร พวกเธอพยายามสวดภาวนาให้เหล่าคนที่เสียสละประสบความสําเร็จ และกลับมาอย่างปลอดภัย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 45 วิวัฒนาการครึ่งสีแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 45 วิวัฒนาการครึ่งสีแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่45 วิวัฒนาการครึ่งสีแล้วสิ

 

เบลซรู้สึกว่าโครงสร้างร่างกายของเขายังเหมือนเดิมแต่ว่า เซลล์ของเขาเปลี่ยนไปทั้งหมดมันเต็มไปด้วยพลังงานแล้วพลังชีวิตรวมถึงความแข็งแรงความยืดหยุ่นและคุณภาพของมัน

 

“ระบบ”

 

ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต218เหรียญ

 

ระดับ12

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน(51/100) บวกค่าสถานะ75%

 

พลังธาตุ <ไฟ น้ำ สายฟ้า พิษ>

 

อาชีพ ไม่มี

 

อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน

 

ฉายา

 

<นายแห่งอสูรอเวจี+5> <มนุษย์คนแรกผู้สังหารสัตว์อสูรสองธาตุ+2>

 

Strength(แรงกาย) : 38[(15)+11.5]

 

Agility(ความว่องไว) : 34.25[(13)+11.5]

 

Vitality(พละกําลัง) : 29[(10)+11.5]

 

Stamina(ความทรหด) : 35/36[(14)+11.5]

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 45/46.5[(20)+11.5]

 

ทักษะ

 

<อควาคัตเตอร์(ขาว)> <ประเมิน(ขาว)>

 

<พิษหัวใจขาว/เขียว> พิษหัวใจไร้สีไร้กลิ่นจะจะรู้สึกก็ต่อเมื่อถูกพิษแล้ว พิษหัวใจเชียวทําลายเลือดและหัวใจ พิษหัวใจขาวรักษาร่างกายและแก้พิษเขียว ใช้พิษได้จากของเหลวที่ในร่างกายเช่น เลือด

 

สัตว์อสูรสงคราม

 

ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)

 

ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก) ระดับ12

 

สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว

 

พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว

 

Strength(แรงกาย) : 22

 

Agility(ความว่องไว) : 24

 

Vitality (พละกําลัง) : 36

 

Stamina(ความทรหด) : 21/22

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 8/8

 

ทักษะ

 

<เพลิงอเวจี> ใช้เพลิงจากนรกได้เพลิงแรงขึ้น 75%)

 

พืชปรสิตดอกเถาพิษโลหิต ระดับ9

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน (สามธาตุ+สถานะ50%)

 

พลังธาตุ <พืช โลหิต พิษ> ระดับเขียวอ่อน

 

Strength(แรงกาย) : 1.5(1)

 

Agility(ความว่องไว) : 1.5(1)

 

Vitality(พละกําลัง) : 69(46)

 

Stamina(ความทรหด) : 1.5(1)

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1.5(1)

 

ทักษะ

 

<พึ่งพาอาศัย> +4.5(3×50%)ทุกสถานะของโฮสต์ เรียกเถาออกมาช่วยได้โดยมีค่าสถานะเท่ากับโฮสต์ ยกเว้นVitality

 

<แบ่งพลังธาตุพืช > แบ่งพลังธาตุพืชให้โฮสต์ใช้ชั่วขณะ ผ่านเถาวัลย์

 

<ดูดโลหิต> ดูดเลือดหรือพลังงานมาฟื้นฟูให้โฮสต์และตัวเอง

 

<พิษกัดกร่อน> สร้างพิษกรดสูงที่ทําลายอวัยวะต่างๆ

 

สังเกตได้ว่าเบลซฆ่าพวกหนูกลายพันธ์ไปเยอะมากแต่ระดับของเขาก็ยังอยู่12เหมือนเดิม

 

“นี้หนะหรอความแต่ต่างระหว่างสีแค่ครึ่งสีของสีธาตุมันมากมายมหาศาลมากเกินกว่าที่คาด” เบลซตะลึงด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมา75เปอร์เซ็นต์มันทําให้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากเรียกได้ว่าต่อให้เป็นหัวหน้าเขตสีขาวในระดับที่เท่ากันไม่สามารถทําอะไรเขาได้ แม้แต่น้อยตราบได้ที่เขาไม่ยืนนิ่งๆให้มันโจมตีซ้ำๆหลายๆที

 

“งั้นง้าวนี้ก็คงต้องเก็บไปก่อนนะ” เบลซหยิบง้าวกรีดนภาสีขาวระดับ6ขึ้นมาดูมันเดินทางมากับเขาตั้งแต่เริ่มยุคนี้แม้ว่าจะเป็นเพียงวันแรกก็ตามแต่เขาก็รู้สึกผูกพันกับมัน แต่ตอนนี้เขาเป็นสีเขียวอ่อนแล้วร่างกายของเขาในตอนนี้ต่อให้ใช้ง้าวกรีดนภาเพลิงอัสนีของเขาตอนยังเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาวโจมตีเต็มแรง ยังทําได้แค่แผลเล็กน้อยเลือดอาจไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หรือไม่ก็แผลเล็กๆเท่าแมวข่วน

 

“สหายไว้รอฉันอัพเกรดนายก่อนนะแล้วเรามาสู้ร่วมกันอีก” จากนั้นเบลซก็เก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของ

 

แน่นอนว่าความแตกต่างของมันไม่ใช่แค่เรื่องของสถานะแต่เป็นเรื่องของคุณภาพทางด้านร่างกายด้วยทั้งระยะการมองเห็น ความเร็วในการตอบสนอง ความยืดหยุ่นของร่างกาย ความใจเย็นหรือการคงสตินั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน

 

“เอาหละที่นี้ก็รอเพื่อนๆพักเสร็จแล้วก็จะยึดฐานแล้ว”

 

ถ้าตอนนี้ใครในโลกของจางหลงมาเห็นคงจะทิ้งและอิจฉาจนกระอักเลือดสบท “มารดามันเถอะ” กันหมดแน่มีใครที่ไหนเขาวิวัฒนาการได้ตั้งแต่วันแรกกันเขาใช้เวลากันเป็นเดือนๆกว่าจะวิวัฒนาการเป็นสีเขียวอ่อนได้

 

หลังจากเช็คค่าสถานะเรียบร้อยแล้วเบลซก็กลับไปนอนบนรถ

 

ผ่านไป15นาที

 

เพื่อนๆก็พักเสร็จตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่รถบัส

 

“พักกันเรียบร้อยแล้วนะทุกคน” เบลซถามเพื่อความแน่ใจเขาไม่ต้องการให้เพื่อนๆของเขาสู้ศึกใหญ่ครั้งนี้ทั้งๆ ที่staminaและspiritualityไม่เต็มแม้จะแค่แต้มสองแต้มก็ตามเพราะถ้าโชคร้ายใช้จนหน้ามืดหรือว่าปวดหัวพอดีมันจะส่งผลมากต่อการต่อสู้ถ้าเกิดถูกโจมตีตอนเกิดอาการนั้นโอกาสที่จะเสียชีวิตถือว่าสูงมาก ดังนั้นเขาเลยให้ไปพักจนฟื้นขึ้นมาเต็มก่อน

 

เพื่อนๆพยักหน้า แต่เบลซเห็นว่าสายตาของคนอื่นเปลี่ยนไปโดยเฉพาะสาวๆบางคนที่หน้ามีแต้มสีชมพูนิดๆผุดขึ้นมาบนหน้า เพื่อนๆของเขาก็ดูท่าจะแปลกเช่นกัน

 

“หน้าเรามีเรามีอะไรติดรึปล่าวเนี่ย” เบลซคิดพลางเอามือลูบหน้าตัวเอง

 

“เอ…ก็ไม่มีอะไรติดนะ” แล้วเบลซก็พูดต่อ “งั้นก็ทําตามแผน ก่อนอื่นทีมรถบัสจะไปตามทางนี้ นี้ นี้แล้วก็วนไปเรื่อยๆ” เบลซเอาแผนผังฐานที่จะยึดที่เขากับเรย์ลินช่วยกันเขียนขึ้นมาอธิบายจุดต่างๆ เขาจะให้รถบัสไปล่อพวกกิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันไปรอบๆฐานก่อนที่ทีมจู่โจมจะเข้าไปจัดการกับหัวหน้าเขตและยึดฐานซะ!

 

ส่วนกิ้งก่าเอลลิเกเตอร์ตัวอื่นเขาจะลองหาทางเลี้ยงมันดู ตราบใดที่พยายามหลอกล่อและสามารถเลี้ยงมันได้มันก็จะเป็นพาหนะหลักในการเดินทางและการสงครามของเขาในอนาคต

 

“เอาหละงั้นไปได้” เบลซขี่เจ้าดาบน้อย เรย์ลินขี่สเกีย แล้วเหมียนเหมียนก็กระโดดไปยืนบนหัวของเจ้าดาบน้อย

 

“กรู่ววววว” ซีฟอสดูท่าจะไม่พอใจเท่าไหรที่เหมียนเหมียนไปยืนบนหัวของมัน

 

“เหมียนเหมียน อย่าซนสิ!” เอมิเลียดุ

 

“ฮู่วว” เหมียนเหมียนหูตกทําหน้าจ๋อยๆ ลงจากหัวของซีฟอสแล้ว ลงยืนด้วยตัวเอง

“งั้นพวกนายฉันฝากเรื่องล่อด้วยนะ” เบลซพูดกับ เอลลี่ เอมิเลีย จางมู่ และ ชิน

 

“ไว้ใจได้เลย” ชินพูด

 

“โชคดีนะที่รัก” เซลินพูดก่อนที่จะหอมแก้มเรย์ลินอย่างเป็นอายท่ามกลางสาวๆก่อนที่จะกลับขึ้นรถบัสไป

 

“จะว่าไปไอบ้านายไปทําอะไรมาฮะ” เอลลี่พูดเสียงเบาๆ พอให้เบลซได้ยินคนเดียว

 

“ฉันทําอะไร?” เบลซตอบด้วยความงุนงงและสงสัย

 

“คือว่าผิวกับหน้านายดูดีขึ้นแข็งแกร่งขึ้นแล้วก็…นายดูหล่อขึ้นเยอะเลยหละ” เอลลี่หน้าแดงระเรื่อก่อนจะรีบไปขึ้นรถบัส

 

“อะไรของคุณเธอเนี่ย เดี๋ยวนะ!?” เบลซพึ่งนึกขึ้นได้พอวิวัฒนาการโครงสร้างบางส่วนคุณภาพของเซลล์มันดีขึ้นส่งผลต่อหน้าตา และผิวพรรณด้วย

 

“แสดงว่าที่แปลกใจกันเพราะว่าหน้าเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอะดิ!” เบลซคิดไปปั่นป่วนรู้สึกแปลกๆต่อหน้าของตัวเองที่เปลี่ยนไป

 

“ไม่สิ หน้าของเรามันหล่อขึ้นควรจะดีใจนะ ใช่แล้วเบลซนายต้องภูมิใจ” คิดแบบนั้นอารมณ์ของเบลซกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

 

“บรึ่น” รถบัสออกตัวไปโดยที่มีเบลซและเรย์ลินขึ้นําทางไปก่อน

 

“โฮกกกกก”

 

“โฮกกกก”

 

“โฮกกกกกก”

 

ด้วยเสียงดังของรถบัสและเสียงวิ่งของเหล่าสัตว์อสูรสงคราม พวกกิ้งก่ายักษ์เอลล์ลิเกเตอร์รู้ตัวได้ในทันทีและเริ่มวิ่งมาทางนี้

 

“ประเมิน”

 

“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันยักษ์ไร้ธาตุ (ขาว)ระดับ7”

 

“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันยักษ์ ไร้ธาตุ (ขาว)ระดับ9”

 

“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์ยักษ์เม็กซิกัน(ไร้ธาตุ (ขาว)ระดับ8”

 

“กิ้งก่าจรเข้แม็กซิกันคราม(วารี>(ขาว)ระดับ10”

 

“กิ้งก่าจรเข้พสุธาดิน> (ขาว)ระดับ11”

 

“กิ้งก่าแมกไม้ขจี พืช>(ขาว)ระดับ12”

 

“ระวังด้วยพวกนี้มันระดับสูงและมีเกล็ดแข็งไม่กระจอกเหมือนหนูกลายพันธ์นะ!”

 

เบลซตะโกนบอกก่อนจะส่งข้อมูลไปในจางมู่ที่เปิดหน้าต่างรถบัสคอยฟังแล้วจดอยู่

 

“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันธรรมดาระดับ7-8 23ตัว

 

ธาตุน้ำระดับ10 1ตัว ธาตุดินระดับ11 1ตัว ธาตุพืชระดับ12 1ตัว” จางมู่จดเสร็จแล้วถามเบลซกลับไป “แล้วหัวหน้าเขตหละ”

 

“ระยะยังไม่ถึงอีกอย่างมันเป็นงานพวกฉันอยู่แล้ว จําไว้ว่าพวกนายแค่ล่อพวกมันก็พอถ้าไม่จําเป็นก็ไม่ต้องฆ่าแค่ให้บาดเจ็บก็พอ”

 

“ได้ เดี๋ยวฉันจะใช้พิษอัมพาตแทน”

 

“อืม ขอบใจมากแยกไปละนะ” เบลซพูดแล้วสัตว์อสูรสามตัวกับคนสองคนก็แยกไปอย่างเงียบเชียบ

 

“โชคดีนะ ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัย” สาวๆพูดอวยพร พวกเธอพยายามสวดภาวนาให้เหล่าคนที่เสียสละประสบความสําเร็จ และกลับมาอย่างปลอดภัย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+