The Great Geneticist in Apocalypse 54 เจออาชีพลับแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 54 เจออาชีพลับแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Great Geneticist in Apocalypse

 

ตอนที่ 54 เจออาชีพลับแล้วสิ

 

เปลี่ยนจากอาคารผู้ฝึกสอนเป็นโรงฝึกนะครับ

 

หลังจากเบลซเอาง่าวไปให้ช่างตีเหล็กช่วยอัพเกรดเขาก็เดินออกมาข้างนอกเห็นจางม่ออกมาจากอาคารผู้ฝึกสอนพอ

ดี

 

“ไง พึ่งซ้อมเสร็จหรอ”

 

“npcนักธนตั้งเงื่อนไขหินมากต้องยิงพร้อมกับสามดอกเข้ากลางเป้าทั้งหมดติดกันห้าครั้งฉันถึงจะได้เรียนทักษะคงอีกนาน” จางมู่พูดด้วยท่าทางอารมณ์ร้อน

 

“ไม่หรอกเดี๋ยวนายก็ทําได้เอง” เบลซให้กําลังใจ

 

“งั้นฉันไปละนะ” จางมูโบกมือลาแล้วก็ จากไปแล้วเบลซก็เดินไปโรงฝึกต่อ

 

“ขั้วะๆ ขั้วะๆ” ทันทีที่เบลซเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงหวดกับหุ้นซ้อมอย่างรุนแรงเหมือนว่าจะมีคนซ้อมอยู่ในโรงฝึก

 

เบลซชะเง้อดูเข้าเห็นเอลลี่กับเซลินกําลังซ้อมดาบกันอยู่แต่ดูแล้วเอลลีกําลังสอนเธอมากกว่า

 

“เฮ เจ้าหนุ่มมาทําอะไรรี” โฮมุนครูสนักดาบเดินมาถามและทําลายความเงียบงัน

 

“ผมแค่มาดูเพื่อนๆหนะครับ”

 

“อ๋อหรอ จะว่าไปเจ้าก็ดูแข็งแกร่งไม่เบานะสนใจจะทดสอบเป็นอชูร่าไหม?” โฮมุนครูสนักดาบเชิญชวน

 

“อาชูร่าหรอ? มันคืออาชีพอะไรครับ” เบลซถามตามปกติแต่ในใจกลับตื่นเต้าสุดขีดปกติแล้วในโรงฝึกจะมีอาชีพทั่วๆไปแค่นักดาบ พลหอก พลขวาน นักธนู นักฆ่าส่วนอาชีพอื่นๆมักจะได้มาจากเงื่อนไขพิเศษแต่ว่านี้มันเป็นในโรงฝึกแล้วนี้มันอาชีพอะไรกัน

 

“อาชูร่าคือสุดยอดผู้เชี่ยวชาญสาสตราในศาสตร์สังหารเรียกได้ว่าเป็นอสูรสงครามก็ว่าได้ข้าเห็นว่าเจ้าดูแข็งแกร่งไม่เบามีแววสอบผ่าน แต่ที่สําคัญคือเจ้าผ่านเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะเข้ารับการทดสอบ

 

“เงื่อนไขอะไรครับ”

 

“ข้อแรกวิวัฒนาการเป็นขั้นสีเขียวอ่อนโดยแทบไม่ให้คนอื่นช่วยใน3วันหนะ ส่วนข้อสองเป็นผู้วิวัฒนาการสองธาตุในห้า

วัน”

 

“หือ!?” เบลซอดไม่ได้ที่จะตาเบิกโพลงด้วยความตะลึงเงื่อนไขนรกอะไรนะ? วิวัฒนาการเป็นขั้นสีเขียวอ่อนโดยแทบไม่ให้คนอื่นช่วยใน3วัน! มารดามันเถอะใครจะไปทําได้ในโลกของจางหลงคนแรกที่วิวัฒนาการเป็นขั้นสีเขียวอ่อนปาเข้าไปครึ่งเดือนกว่านั้นไม่แปลกใจที่ไม่มีข้อมูลเลยแบบนี้แสดงว่ามันต้องโหดมากแน่ๆ

 

ส่วนข้อที่สองหนะหรอ? ไปทําเองเถอะ! โลกของจางหลงคนแรกที่เป็นผู้วิวัฒนาการสองธาตุก็ปาเข้าไปเป็นเดือน จริงๆตามหลักแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ํานี้ขนาดตัวเขาเองต้องอาศัยช่องว่างโกงแล้วโกงอีกถึงจะทําได้เบลซเชื่อเลยว่าในโลกนี้นอกจากเขาไม่มีใครทําไอเงื่อนไขนรกสองข้อนี้ได้หรอก

 

“ว่าไงสนใจไหม?” โฮมุนครูสนักดาบถาม

 

“มีค่าใช้จ่ายอะไรรึปล่าวครับแล้วก็มีบทลงโทษรึปล่าวถ้าพลาด” เบลซถามปกติแล้วเมื่อทดสอบอาชีพหรือเลื่อนขั้นอาชีพจะมีสองแบบคือ อันตรายกับไม่อันตราย

แบบอันตรายก็คือจะต้องไปทดสอบโดยจะมีบทลงโทษถ้าหากไม่สําเร็จเช่นถูกปรับ ถูกริบพลังธาตุถูกลดระดับและหนักสุดคือมีชีวิตเป็นเดิมพันหรือตายระหว่างทดสอบนั้นเอง

 

ส่วนแบบไม่อันตรายก็คือจะไม่มีบทลงโทษแต่ว่าจะต้องเสียค่าทดสอบซึ่งส่วนใหญ่จะแพงมาก

 

“ไม่มีทั้งค่าใช่จ่ายและบทลงโทษเพราะว่านี้เป็นอาชีพที่พิเศษมากแต่ว่านายมีโอกาสแค่ครั้งเดียวถ้าหากว่าไม่สําเร็จเจ้าจะไม่สามารถทดสอบได้อีก” โฮมุนครูสนักดาบเตือน

 

“งั้นขอยังละกันครับ”

 

“อิ่ม แต่ว่าถ้าอยากจะทดสอบหละก็มาภายในสามวันนี้

นะ

 

“ขอบคุณครับ” แล้วเบลซก็เดินออกไปเขาคิดว่ารอให้ได้ง้าวใหม่ก่อนแล้วค่อยมาทดสอบก็ยังไม่สายแล้วก็เดินกลับไปนอนที่บ้านพัก

 

ณ ที่แห่งหนึ่ง

 

บนโลกใบนี้มีรัฐบาลเพียงรัฐบาลเดียวและมีเพียงประเทศเดียวซึ่งครอบครองพื้นที่ทั้งหมดบนโลกมีอยู่ทั้งหมด7แผ่นดินใหญ่แต่ละผืนมี100รัฐแต่ละรัฐมีเมืองราวๆ 120เมืองและแต่ละเมืองก็จะแยกย่อยไปอีกจริงๆแล้วแต่ละที่ก็มีชื่อแต่นิยมเรียกเป็นตัวเลขมากกว่า อย่างเช่นที่ๆเบลซอยู่คือแผ่นดินที่เชื่อทวีปแสงอาทิตย์ รัฐที่40 ชื่อรัฐนทีมรกต เมืองลําดับที่56 เมืองออโรร่า

 

ในขณะเดียวกัน ทวีปแสงอาทิตย์ รัฐนทีมรกตเมืองออโร

 

ณ ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองลําดับที่56และ57ที่มืดมิดมีเพียงแสงสว่างจากเทียนและตะเกียงน้ํามันนายทหารคนหนึ่งเข้ามาในห้อง ภายในห้องมีทหารระดับสูงอยู่3คน

 

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้างเกิดมันอะไรขึ้นกันแน่?” ทหารอาวุโสพูดที่เครื่องแบบเต็มไปด้วยเหรียญและยศ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้บัญชาการ

 

“ไม่ได้ครับพวกเราไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้เลยครับ ตอนนี้ข้างนอกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เครื่องผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานลม น้ํา แสงอาทิตย์หรือแม้แต่แรงปั่นก็ไม่สามารถใช้ ได้ครับอาวุธของเราก็เหมือนกัน พลังงานสํารองที่เหลือเพียงเล็กน้อยด้วยหลังจากประกาศฉุกเฉินและแนะนําให้ประชาชนซ่อนตัวอยู่ในบ้านพลังงานก็หมดแล้วครับ”

 

“เรื่องนั้นไม่ต้องแล้วพวกเราก็รู้ๆกันอยู่แล้วข้างนอกหละเป็นยังไงบ้าง?” ผู้บัญชาการถามด้วยสีหน้า เคร่งเครียด

 

“เลวร้ายเอามากๆครับ ตอนนี้แนวป้องกันที่3กําลังทําการต้านทานอยู่เป็นระยะๆ ส่วนภายในฐานเราได้ปิดทางท่าระบายน้ําทั้งหมดแล้วครับ”

 

“แล้วเสบียงหละ?”

 

ทหารที่เข้ามารายงานสีหน้าไม่ค่อยดีนักก่อนจะกล่าวไป

 

“เสบียงตอนนี้เหลือแค่ภายในฐานแล้วครับ โกดังเก็บเสบียงภายนอกตอนนี้เต็มไปด้วยพวกสัตว์อสูร พวกเราไม่สามารถขนย้ายมันมาได้”

 

“มีอะไรที่พิเศษ รึปล่าว”

 

“ครับจากหน่วยพิเศษนอกเครื่องแบบที่พึ่งกลับมามีรายงานว่ามีผู้คนเห็นรถบัสที่ใช้พลังไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ แต่ยังมีคนที่แข็งแกร่งและมีพลังเหนือมนุษย์ด้วยครับ”

 

“มีหลักฐานไหม?”

 

“ไม่ครับเนื่องจากไม่สามารถใช้กล้องได้ แต่ว่ามีหลายคนที่พูดตรงกัน”

 

“อืม ไปได้แล้ว”

 

“ครับ” นายทหารออกไปจากห้อง

 

“เราจะเอายังไงกันดี” ผู้บัญชาการถาม

 

“ผู้บัญชาการไพัน ฉันคิดว่าก่อนอื่นเราควรจะเปลี่ยนที่นี่เป็นที่มั่นในการช่วยเหลือประชาชนก่อนแล้วค่อยหาทางดพื้นที่คืนมา” รองผบ.คนซ้ายมือเสนอ

 

“ไม่ๆตอนนี้เสบียงของเราเหลืออยู่น้อยทรัพยากรอื่นๆก็มีจํากัดเราไม่สามารถรับพวกเขาเข้ามาได้” รองผบ.คนขวาทวงติง

 

“แต่ยังไงในอนาคตเสบียงก็ต้องหมด เราต้องมีแรงงานไว้ ใช้ในอนาคตเราไม่สามารถอยู่ทั้งๆแบบนี้ได้”

 

ผู้บัญชาการคิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพูด “ฉันคิดว่าปัญหาหลักของเราตอนนี้คือการไม่มีไฟฟ้าและประปาที่กําลังจะขาดแคลนในอนาคตหากเป็นแบบนี้ต่อไป เราควรเช็คอาวุธที่จะได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าก่อน”

“อืม ฉันเห็นด้วยแต่ว่าเราจะไปเอามาจากไหน”

 

“ที่กองกําลังสํารองยังไงหละ เนื่องจากเป็นการฝึกยิงจึงใช้ปืนรุ่นเก่าเมื่อ1000กว่าปีที่แล้วเพราะว่ามันหนักแล้วก็ใช้ยากกว่าปืนรุ่นปัจจุบันแน่นอนว่าเป็นปืนที่ใช้ฝึกที่ดีไม่คิดเลยว่าจะได้เอากลับมาใช้ทําสงครามอีก”

 

“ใช้จริงด้วยเราลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย!” รองผบ.กล่าวออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นก่อนที่จะสั่งออกไปข้างนอก “ไปที่กองกําลังสํารองแล้วไปตรวจสอบอาวุธทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่

 

“ครับ!” ทหารที่เฝ้าอยู่นอกห้องก็เดินออกไปจากอาคาร

 

“จะว่าไปแล้วรายงานพิเศษคิดว่าเชื่อได้ไหม?” รองผบอีกคนถาม

 

“ฉันว่ามันเป็นไปได้ยาก ถ้ามันใช้ได้จริงเราคงไม่ต้องเจอปัญหาแบบนี้หรอก” ผู้บัญชาการไพันพูดพลางถอนหายใจ“นั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์ไปดูที่แนวป้องกัน กันก่อน”

 

“ครับ!” แล้วนายทหารระดับสูงทั้งสามคนก็เดินออกจากห้องไป

 

เมื่อทั้งสามเดินมาถึงบริเวณรอบนอกของค่ายพวกเขาก็เห็นกระสอบทรายและรั้วลวดหนาม

 

นายร้อยที่อยู่ใกล้ได้วิ่งเข้ามาก่อนจะทําความเคารพ “ท่านผู้บัญชาการ!”

 

“อืม” ผบ.พยักหน้ารับเขามองไปที่รั้วลวดหนามที่มี “หนูยักษ์”กําลังตะกุยตะกายฝ่าเข้ามาแต่ก็โดนท่อนไม้ติดไฟของทหารฟาดไล่ไป พวกมันดูบาดเจ็บนิดหน่อยแต่ก็ไม่ตาย

 

“พวกมันเป็นยังไงบ้าง?มาบ่อยรึปล่าว?”

 

“พวกมันมีแรงที่เยอะมากครับ เราทําได้แค่ไล่มันไปเท่านั้นส่วนความถี่พวกมันมาทีละ2-5ตัว มาทุกราวๆ10-15นาที”

 

“อิ่ม พยายามตั้งเวรยามให้รัดกุมอย่าให้พวกมันเข้ามาได้”

 

“ครับผม!”

 

“เอาหละพวกเราไปดูคลังแสงของกองกําลังสํารองกัน” แล้วผบ.กับสองรองผบ.ก็ไปยังคลังแสง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 54 เจออาชีพลับแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 54 เจออาชีพลับแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Great Geneticist in Apocalypse

 

ตอนที่ 54 เจออาชีพลับแล้วสิ

 

เปลี่ยนจากอาคารผู้ฝึกสอนเป็นโรงฝึกนะครับ

 

หลังจากเบลซเอาง่าวไปให้ช่างตีเหล็กช่วยอัพเกรดเขาก็เดินออกมาข้างนอกเห็นจางม่ออกมาจากอาคารผู้ฝึกสอนพอ

ดี

 

“ไง พึ่งซ้อมเสร็จหรอ”

 

“npcนักธนตั้งเงื่อนไขหินมากต้องยิงพร้อมกับสามดอกเข้ากลางเป้าทั้งหมดติดกันห้าครั้งฉันถึงจะได้เรียนทักษะคงอีกนาน” จางมู่พูดด้วยท่าทางอารมณ์ร้อน

 

“ไม่หรอกเดี๋ยวนายก็ทําได้เอง” เบลซให้กําลังใจ

 

“งั้นฉันไปละนะ” จางมูโบกมือลาแล้วก็ จากไปแล้วเบลซก็เดินไปโรงฝึกต่อ

 

“ขั้วะๆ ขั้วะๆ” ทันทีที่เบลซเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงหวดกับหุ้นซ้อมอย่างรุนแรงเหมือนว่าจะมีคนซ้อมอยู่ในโรงฝึก

 

เบลซชะเง้อดูเข้าเห็นเอลลี่กับเซลินกําลังซ้อมดาบกันอยู่แต่ดูแล้วเอลลีกําลังสอนเธอมากกว่า

 

“เฮ เจ้าหนุ่มมาทําอะไรรี” โฮมุนครูสนักดาบเดินมาถามและทําลายความเงียบงัน

 

“ผมแค่มาดูเพื่อนๆหนะครับ”

 

“อ๋อหรอ จะว่าไปเจ้าก็ดูแข็งแกร่งไม่เบานะสนใจจะทดสอบเป็นอชูร่าไหม?” โฮมุนครูสนักดาบเชิญชวน

 

“อาชูร่าหรอ? มันคืออาชีพอะไรครับ” เบลซถามตามปกติแต่ในใจกลับตื่นเต้าสุดขีดปกติแล้วในโรงฝึกจะมีอาชีพทั่วๆไปแค่นักดาบ พลหอก พลขวาน นักธนู นักฆ่าส่วนอาชีพอื่นๆมักจะได้มาจากเงื่อนไขพิเศษแต่ว่านี้มันเป็นในโรงฝึกแล้วนี้มันอาชีพอะไรกัน

 

“อาชูร่าคือสุดยอดผู้เชี่ยวชาญสาสตราในศาสตร์สังหารเรียกได้ว่าเป็นอสูรสงครามก็ว่าได้ข้าเห็นว่าเจ้าดูแข็งแกร่งไม่เบามีแววสอบผ่าน แต่ที่สําคัญคือเจ้าผ่านเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะเข้ารับการทดสอบ

 

“เงื่อนไขอะไรครับ”

 

“ข้อแรกวิวัฒนาการเป็นขั้นสีเขียวอ่อนโดยแทบไม่ให้คนอื่นช่วยใน3วันหนะ ส่วนข้อสองเป็นผู้วิวัฒนาการสองธาตุในห้า

วัน”

 

“หือ!?” เบลซอดไม่ได้ที่จะตาเบิกโพลงด้วยความตะลึงเงื่อนไขนรกอะไรนะ? วิวัฒนาการเป็นขั้นสีเขียวอ่อนโดยแทบไม่ให้คนอื่นช่วยใน3วัน! มารดามันเถอะใครจะไปทําได้ในโลกของจางหลงคนแรกที่วิวัฒนาการเป็นขั้นสีเขียวอ่อนปาเข้าไปครึ่งเดือนกว่านั้นไม่แปลกใจที่ไม่มีข้อมูลเลยแบบนี้แสดงว่ามันต้องโหดมากแน่ๆ

 

ส่วนข้อที่สองหนะหรอ? ไปทําเองเถอะ! โลกของจางหลงคนแรกที่เป็นผู้วิวัฒนาการสองธาตุก็ปาเข้าไปเป็นเดือน จริงๆตามหลักแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ํานี้ขนาดตัวเขาเองต้องอาศัยช่องว่างโกงแล้วโกงอีกถึงจะทําได้เบลซเชื่อเลยว่าในโลกนี้นอกจากเขาไม่มีใครทําไอเงื่อนไขนรกสองข้อนี้ได้หรอก

 

“ว่าไงสนใจไหม?” โฮมุนครูสนักดาบถาม

 

“มีค่าใช้จ่ายอะไรรึปล่าวครับแล้วก็มีบทลงโทษรึปล่าวถ้าพลาด” เบลซถามปกติแล้วเมื่อทดสอบอาชีพหรือเลื่อนขั้นอาชีพจะมีสองแบบคือ อันตรายกับไม่อันตราย

แบบอันตรายก็คือจะต้องไปทดสอบโดยจะมีบทลงโทษถ้าหากไม่สําเร็จเช่นถูกปรับ ถูกริบพลังธาตุถูกลดระดับและหนักสุดคือมีชีวิตเป็นเดิมพันหรือตายระหว่างทดสอบนั้นเอง

 

ส่วนแบบไม่อันตรายก็คือจะไม่มีบทลงโทษแต่ว่าจะต้องเสียค่าทดสอบซึ่งส่วนใหญ่จะแพงมาก

 

“ไม่มีทั้งค่าใช่จ่ายและบทลงโทษเพราะว่านี้เป็นอาชีพที่พิเศษมากแต่ว่านายมีโอกาสแค่ครั้งเดียวถ้าหากว่าไม่สําเร็จเจ้าจะไม่สามารถทดสอบได้อีก” โฮมุนครูสนักดาบเตือน

 

“งั้นขอยังละกันครับ”

 

“อิ่ม แต่ว่าถ้าอยากจะทดสอบหละก็มาภายในสามวันนี้

นะ

 

“ขอบคุณครับ” แล้วเบลซก็เดินออกไปเขาคิดว่ารอให้ได้ง้าวใหม่ก่อนแล้วค่อยมาทดสอบก็ยังไม่สายแล้วก็เดินกลับไปนอนที่บ้านพัก

 

ณ ที่แห่งหนึ่ง

 

บนโลกใบนี้มีรัฐบาลเพียงรัฐบาลเดียวและมีเพียงประเทศเดียวซึ่งครอบครองพื้นที่ทั้งหมดบนโลกมีอยู่ทั้งหมด7แผ่นดินใหญ่แต่ละผืนมี100รัฐแต่ละรัฐมีเมืองราวๆ 120เมืองและแต่ละเมืองก็จะแยกย่อยไปอีกจริงๆแล้วแต่ละที่ก็มีชื่อแต่นิยมเรียกเป็นตัวเลขมากกว่า อย่างเช่นที่ๆเบลซอยู่คือแผ่นดินที่เชื่อทวีปแสงอาทิตย์ รัฐที่40 ชื่อรัฐนทีมรกต เมืองลําดับที่56 เมืองออโรร่า

 

ในขณะเดียวกัน ทวีปแสงอาทิตย์ รัฐนทีมรกตเมืองออโร

 

ณ ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองลําดับที่56และ57ที่มืดมิดมีเพียงแสงสว่างจากเทียนและตะเกียงน้ํามันนายทหารคนหนึ่งเข้ามาในห้อง ภายในห้องมีทหารระดับสูงอยู่3คน

 

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้างเกิดมันอะไรขึ้นกันแน่?” ทหารอาวุโสพูดที่เครื่องแบบเต็มไปด้วยเหรียญและยศ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้บัญชาการ

 

“ไม่ได้ครับพวกเราไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้เลยครับ ตอนนี้ข้างนอกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เครื่องผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานลม น้ํา แสงอาทิตย์หรือแม้แต่แรงปั่นก็ไม่สามารถใช้ ได้ครับอาวุธของเราก็เหมือนกัน พลังงานสํารองที่เหลือเพียงเล็กน้อยด้วยหลังจากประกาศฉุกเฉินและแนะนําให้ประชาชนซ่อนตัวอยู่ในบ้านพลังงานก็หมดแล้วครับ”

 

“เรื่องนั้นไม่ต้องแล้วพวกเราก็รู้ๆกันอยู่แล้วข้างนอกหละเป็นยังไงบ้าง?” ผู้บัญชาการถามด้วยสีหน้า เคร่งเครียด

 

“เลวร้ายเอามากๆครับ ตอนนี้แนวป้องกันที่3กําลังทําการต้านทานอยู่เป็นระยะๆ ส่วนภายในฐานเราได้ปิดทางท่าระบายน้ําทั้งหมดแล้วครับ”

 

“แล้วเสบียงหละ?”

 

ทหารที่เข้ามารายงานสีหน้าไม่ค่อยดีนักก่อนจะกล่าวไป

 

“เสบียงตอนนี้เหลือแค่ภายในฐานแล้วครับ โกดังเก็บเสบียงภายนอกตอนนี้เต็มไปด้วยพวกสัตว์อสูร พวกเราไม่สามารถขนย้ายมันมาได้”

 

“มีอะไรที่พิเศษ รึปล่าว”

 

“ครับจากหน่วยพิเศษนอกเครื่องแบบที่พึ่งกลับมามีรายงานว่ามีผู้คนเห็นรถบัสที่ใช้พลังไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ แต่ยังมีคนที่แข็งแกร่งและมีพลังเหนือมนุษย์ด้วยครับ”

 

“มีหลักฐานไหม?”

 

“ไม่ครับเนื่องจากไม่สามารถใช้กล้องได้ แต่ว่ามีหลายคนที่พูดตรงกัน”

 

“อืม ไปได้แล้ว”

 

“ครับ” นายทหารออกไปจากห้อง

 

“เราจะเอายังไงกันดี” ผู้บัญชาการถาม

 

“ผู้บัญชาการไพัน ฉันคิดว่าก่อนอื่นเราควรจะเปลี่ยนที่นี่เป็นที่มั่นในการช่วยเหลือประชาชนก่อนแล้วค่อยหาทางดพื้นที่คืนมา” รองผบ.คนซ้ายมือเสนอ

 

“ไม่ๆตอนนี้เสบียงของเราเหลืออยู่น้อยทรัพยากรอื่นๆก็มีจํากัดเราไม่สามารถรับพวกเขาเข้ามาได้” รองผบ.คนขวาทวงติง

 

“แต่ยังไงในอนาคตเสบียงก็ต้องหมด เราต้องมีแรงงานไว้ ใช้ในอนาคตเราไม่สามารถอยู่ทั้งๆแบบนี้ได้”

 

ผู้บัญชาการคิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพูด “ฉันคิดว่าปัญหาหลักของเราตอนนี้คือการไม่มีไฟฟ้าและประปาที่กําลังจะขาดแคลนในอนาคตหากเป็นแบบนี้ต่อไป เราควรเช็คอาวุธที่จะได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าก่อน”

“อืม ฉันเห็นด้วยแต่ว่าเราจะไปเอามาจากไหน”

 

“ที่กองกําลังสํารองยังไงหละ เนื่องจากเป็นการฝึกยิงจึงใช้ปืนรุ่นเก่าเมื่อ1000กว่าปีที่แล้วเพราะว่ามันหนักแล้วก็ใช้ยากกว่าปืนรุ่นปัจจุบันแน่นอนว่าเป็นปืนที่ใช้ฝึกที่ดีไม่คิดเลยว่าจะได้เอากลับมาใช้ทําสงครามอีก”

 

“ใช้จริงด้วยเราลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย!” รองผบ.กล่าวออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นก่อนที่จะสั่งออกไปข้างนอก “ไปที่กองกําลังสํารองแล้วไปตรวจสอบอาวุธทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่

 

“ครับ!” ทหารที่เฝ้าอยู่นอกห้องก็เดินออกไปจากอาคาร

 

“จะว่าไปแล้วรายงานพิเศษคิดว่าเชื่อได้ไหม?” รองผบอีกคนถาม

 

“ฉันว่ามันเป็นไปได้ยาก ถ้ามันใช้ได้จริงเราคงไม่ต้องเจอปัญหาแบบนี้หรอก” ผู้บัญชาการไพันพูดพลางถอนหายใจ“นั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์ไปดูที่แนวป้องกัน กันก่อน”

 

“ครับ!” แล้วนายทหารระดับสูงทั้งสามคนก็เดินออกจากห้องไป

 

เมื่อทั้งสามเดินมาถึงบริเวณรอบนอกของค่ายพวกเขาก็เห็นกระสอบทรายและรั้วลวดหนาม

 

นายร้อยที่อยู่ใกล้ได้วิ่งเข้ามาก่อนจะทําความเคารพ “ท่านผู้บัญชาการ!”

 

“อืม” ผบ.พยักหน้ารับเขามองไปที่รั้วลวดหนามที่มี “หนูยักษ์”กําลังตะกุยตะกายฝ่าเข้ามาแต่ก็โดนท่อนไม้ติดไฟของทหารฟาดไล่ไป พวกมันดูบาดเจ็บนิดหน่อยแต่ก็ไม่ตาย

 

“พวกมันเป็นยังไงบ้าง?มาบ่อยรึปล่าว?”

 

“พวกมันมีแรงที่เยอะมากครับ เราทําได้แค่ไล่มันไปเท่านั้นส่วนความถี่พวกมันมาทีละ2-5ตัว มาทุกราวๆ10-15นาที”

 

“อิ่ม พยายามตั้งเวรยามให้รัดกุมอย่าให้พวกมันเข้ามาได้”

 

“ครับผม!”

 

“เอาหละพวกเราไปดูคลังแสงของกองกําลังสํารองกัน” แล้วผบ.กับสองรองผบ.ก็ไปยังคลังแสง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+