The Great Worm Lich 169

Now you are reading The Great Worm Lich Chapter 169 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้อเสนอที่ใจกว้างของจางลี่เฉินทำให้ดร. ซ่งถึงกับตกตะลึง “พ…พูดอะไรของเธอน่ะพ่อหนุ่ม?”

 

“ลุง ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันคริสต์มาส ฉันหวังว่าลุงจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการสอนให้ฉันได้รู้จักกับหมัดทะลวง ฉันยินดีจ่ายให้ลุง 10,000 ดอลลาร์ต่อวัน” ขณะที่จางลี่เฉินพูดอย่างนั้นเขาก็เซ็นเช็คในมือแล้วยื่นให้ชายชราที่กำลังตะลึงจนพูดไม่ออก

 

จากนั้นเขาก็เดินไปที่หุ่นไม้ของโรงฝึกที่ใช้เพื่อฝึกศิลปะการต่อสู้แบบจีน ทำท่าเตรียมชกอย่างเต็มที่จากนั้นเขาก็กดมือไปที่แท่งไม้เพื่อประทับรอยกำปั้นของเขาลงไปจนมันแตก “ฉันเคยฝึกเรื่องพละกำลังมาก่อน เพราะฉะนั้นฉันไม่ต้องเริ่มตั้งแต่ท่ายืน ฉันอยากให้ลุงสอนเทคนิคมวยจีนให้ฉันเท่านั้น”

 

เมื่อหุ่นไม้ที่ทำจากต้นเอล์มส่งเสียงแตกดัง ‘แคร่ก’ ดร.ซ่งได้เดินไปที่หุ่นไม้ตัวนั้นแล้วสัมผัสรอยแตกที่เกิดขึ้นก่อนจะตะโกนร้องเสียงดังลั่น “พ่อหนุ่ม! เธอมาที่นี่เพื่อดูถูกฉันใช่ไหม?! แรงชกของเธอสร้างรอยแตกบนหุ่นไม้เอล์มได้! นี่คือความสามารถที่ทำได้โดยการใช้ตำราลับมาตั้งแต่เด็กและต้องฝึกฝนกับหุ่นไม้นี่อย่างน้อย 10 ปี! เธอมีความสามารถนั้นแล้วแต่เธอก็ยังต้องการเป็นนักเรียนของฉันอีกงั้นเหรอ?! นี่เธอพยายามจะหลอกอะไรฉันอยู่ใช่ไหม? ไม่! ฉันจะไม่สอนเธอเด็ดขาด!”

 

“ทำไมคุณถึงโง่ได้ขนาดนี้! นี่ไงที่เรียกว่าความหัวสูงของคุณ! ซ่งชี่ซิ้ง! ฉันว่าคุณคงเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหมห้ะ?! อะไรทำให้คุณคิดปฏิเสธนักเรียนที่พร้อมจะจ่าย 10,000 ดอลลาร์ต่อวันแบบนี้!” เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา จางลี่เฉินก็สูญเสียคำพูดในการจะตอบเขากลับแต่แล้วก็มีเสียงผู้หญิงดังก้องมาจากด้านหลัง

 

เป็นคอนนี่ที่ถือกาชาเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ฉันคิดถูกจริง ๆ ที่ยกชาขึ้นมาตอนนี้ ไม่งั้นคงพลาดนักเรียนที่ดีแบบนี้ไป”

 

“โอ้ ที่รัก คุณ… คุณไม่เข้าใจ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสายน้ำและทะเลสาบ…” เมื่อดร.ซ่งเห็นภรรยาตัวเองวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างร้อนรน เขาเหมือนจะตัวหดเหลือเพียง 3 เซนติเมตรก่อนจะตอบกลับด้วยคำพูดติดอ่าง

 

“สายน้ำและทะเลสาบ? สายน้ำและทะเลสาบที่ไหน? คุณเป็นชาวประมงหรือไงกัน?! หรือเป็นกะลาสีลูกเรือ? สายน้ำและทะเลสาบกับผีน่ะสิ! ฉันรู้แค่ว่า…” คอนนี่คว้าเช็คมาจากมือของดร.ซ่งแล้วเหลือบไปมองมันก่อนจะพูดต่อด้วยความประหลาดใจที่น่ายินดี “50,000 ดอลลาร์นี่เทียบเท่ากับกำไรของเราทั้งปี! มันเพียงพอที่จะจ่ายค่าครองชีพให้หลานเราเมื่อเขาได้เรียนมหาวิทยาลัยในอนาคต … ”

 

“แต่ที่รัก หลานเราเพิ่งจะ 5 ขวบเท่านั้นเองนะ ยังเร็วไปที่เขาจะเข้ามหาวิทยาลัย…” ดร.ซ่งตอบกลับด้วยท่าทียิ้มแห้ง ๆ

 

“โอเค หลานเราเพิ่งอายุ 5 ขวบ แต่ลูกเราล่ะ?!” คอนนี่มองสามีอย่างกล่าวโทษก่อนจะหันไปมองจางลี่เฉินด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่ต้องกังวลนะคะ ชายชราคนนี้แม้เขาจะปากร้ายไปบ้างแต่เขาก็ฟังฉันมากที่สุด ฉันรับเงินของคุณมาแล้วเพราะฉะนั้นเขาจะสอนให้คุณอย่างแน่นอน รับประกันได้เลยว่าคุณจะได้เรียนรู้อย่างเต็มที่แน่!”

 

“ป้า ถ้าลุงซ่งสามารถสอนเรื่องการต่อสู้ให้ฉันได้จริง ๆ ฉันจะช่วยให้ลูกชายของป้าได้งานที่ทำแล้วได้ผลตอบแทนสูงง่าย ๆ เอง”  เมื่อจางลี่เฉินเห็นดร.ซ่งและภรรยาของเขาโต้เถียงกันเพราะเขา และเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะสามารถได้ในสิ่งที่ต้องการเขาจึงโยนข้อเสนออื่นเพื่อดึงดูดใจเพิ่มเติม

 

แน่นอนว่ามันยากที่จะเชื่อคำสัญญาปากเปล่าจากชายหนุ่ม แต่หลังจากที่ชายหนุ่มจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าสอน 10,000 ดอลลาร์ต่อวันล่วงหน้า ความน่าเชื่อถือของเขาก็เปลี่ยนไป

 

“จริงเหรอ? โอ้! งั้นคุณก็คือบอสตัวน้อยที่แมดดี้ทำงานให้อยู่สินะ ใช่ไหม?! ฉัน ฉันต้องขอบคุณคุณมากจริง ๆ! ขอบคุณมาก ๆ! ได้ยินไหมซ่งชี่ซิ้ง? เพื่ออนาคตของลูกเรา คุณจะต้อง … เอ่อ คุณชื่ออะไรหรอคะ?”

 

“ป้าไม่ต้องสุภาพกับฉันมากขนาดนั้นก็ได้ ฉันชื่อจางลี่เฉิน”

 

“จางลี่เฉิน จางลี่เฉิน ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะจริงๆ! เป็นชื่อที่กล้าหาญมาก!” คอนนี่ชมเชยเขาอีกครั้งก่อนจะหันไปจ้องมองที่ตาของดร.ซ่ง “เห็นแก่ลูกชายเราเถอะนะ คุณต้องทำให้มิสเตอร์จางพอใจให้ได้ ตาเฒ่า ฉันขอร้อง ลูกชายของเรากำลังจะหย่าเพราะเขาตกงาน ดังนั้นได้โปรด ได้โปรดคิดถึงครอบครัวเราด้วย คุณ … คุณ” ทันใดนั้นผู้หญิงที่แข็งแกร่งคนนี้ก็เหมือนจะร้องไห้ออกมาอย่างกระทันหัน

 

“ที่รัก ๆ โธ่ ที่รัก ได้โปรด อย่าร้องไห้ ฉันให้สัญญา!” ดร. ซ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย

 

เขาเป็นนักศึกษากลุ่มแรกหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนสิ้นสุดในปลายปี 1970 ในเวลานั้นการเรียนมวยจีนถือเป็นขยะจากวัฒนธรรมและยากที่จะสืบทอดต่อ เขาสนใจในหมัดทะลวงมากดังนั้นจึงไปคุกเข่าขอร้องกับแพทย์ตะวันตกที่ชื่อซ่งจิ๋งฟ้า ซึ่งในขณะนั้นกำลังเป็นเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยแพทย์ตะวันตกเฉียงใต้ในฐานะวิทยากรจากนั้นเขาก็ได้เรียนหมัดทะลวงอย่างเต็มรูปแบบของนิกายออร์โธดอกซ์

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องส่งต่อความรู้หมัดทะลวงที่เขามีให้จางลี่เฉินผู้ซึ่งไม่เคยแม้แต่จะคุกเข่า

 

“การจะเรียนหมัดทะลวงให้ได้ภายใน 5 วันนั้นเป็นไปไม่ได้! ฉันจะสอนเทคนิคการใช้พลังและเทคนิคการต่อสู้ให้ได้อย่างมากที่สุดแทน เมื่อได้เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้แล้วมันจะเป็นเพียงโครงสร้างอย่างหนึ่ง ในอนาคต เธอจะต้องสังเกตการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 12 ตัว ซึ่งได้แก่ เสือ ลิง… นกอินทรีและหมี…” หลังจากส่งนักเรียนคนอื่น ๆ ที่ไม่สามารถอดทนต่อการฝึกหนักออกไปแล้ว ดร.ซ่งก็เริ่มบทเรียนที่ชั้นสองของร้านอาหารไก่ทอดในทันที

 

ชายชราเริ่มอธิบายด้วยคำพูดและการกระทำต่าง ๆ ในขณะที่เขาสอนอย่างตั้งใจ อย่างไรก็ตามจางลี่เฉินไม่คิดสนใจคำอธิบายต่าง ๆ เหล่านั้นเช่น “หัวใจที่แท้จริงมีความสำคัญมากกว่ารูปแบบ” หรือ “องค์ประกอบทั้งห้าจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอวัยวะทั้งห้าซึ่งจะรวมองค์ประกอบทั้งห้าเข้าด้วยกัน” และอื่น ๆ เขาพร้อมที่จะเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ ของหมัดทะลวงเพื่อควบคุมกล้ามเนื้อและการออกกำลังกาย

 

ในที่สุดหลังจากผ่านไปสองสามวัน ชายหนุ่มก็เชี่ยวชาญเทคนิคการหายใจของหมัดทะลวงที่เขาจะต้องควบคุมร่างกายของตัวเองและใช้กำลังของเขาเพียง 10% ในขณะที่อีก 90% คือพลังสำรอง ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังได้เรียนรู้โครงสร้างพื้นฐานของการสับ เจาะ บด ขยี้ ระเบิดและไขว้ก่อนจบการฝึกอบรมนี้ไปด้วยความพึงพอใจ

 

วันนี้เป็นวันก่อนคืนคริสต์มาส ขณะที่จางลี่เฉินกำลังเดินออกจากร้านไก่ทอดเขาก็ไดรับโทรศัพท์จากเอ็ดเวิร์ด “ลี่เฉิน ตอนนี้เบเฮเดอร์ฟื้นตัวแล้ว เขาจะออกจากโรงพยาบาลได้อีกประมาณ 3 – 4 เดือน WWE เต็มใจที่จะลงนามข้อตกลงรักษาความลับกับเรา พวกเขาจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไปและหลังจากนั้นก็จะก็ไม่มีฝ่ายใดสามารถพูดถึงเรื่องทั้งหมดนี้ในที่สาธารณะได้อีก”

 

“เหตุผลที่พวกเขาต้องการทำข้อตกลงดังกล่าวต้องเป็นเพราะพวกเขากลัวว่ามันจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์นักมวยปล้ำชาวอเมริกันที่แข็งแกร่ง เอาล่ะเอ็ดเวิร์ด จัดทำสัญญานี้ได้เลย โอ้ใช่! สุขสันต์วันคริสต์มาสล่วงหน้า”

 

“ขอบคุณครับ สุขสันต์วันคริสต์มาสล่วงหน้าเช่นกัน เรื่องข้อตกลงผมจะเป็นคนจัดการให้เอง คุณวางใจได้ แล้วพบกันใหม่!”

 

“แล้วเจอกัน เอ็ดเวิร์ด” จางลี่เฉินวางสายโทรศัพท์แล้วเดินเข้าไปในรถของตัวเองก่อนจะขับไปตามถนนอย่างมีความสุข

 

หลังการเปลี่ยนแปลง ความอ่อนแอในร่างกายของเขาจะถูกกำจัดออกไปทำให้ชีวิตของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก ชายหนุ่มไม่มีแรงกดดันและความสิ้นหวังในการบ่มเพาะพลังเพื่อใช้ความสามารถของเขาในการพัฒนาตัวเองอีกต่อไป แม้ว่าบางครั้งเขาจะเป็นกังวลเกี่ยวกับการรุกรานของพวกอารยธรรมเหนือธรรมชาติแต่ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เมื่อเขาคิดถึงมัน ความกังวลที่เขามีก็ลดลงและอารมณ์ของเขาก็ค่อย ๆ ดีขึ้น

 

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ลิลี่แม่ของเขาที่นั่งอยู่บนโซฟากำลังพูดคุยกับชายผิวขาววัยกลางคนแปลกหน้าที่อยู่ในชุดสูท เขากล่าวทักทายไปเพียงว่า “แม่ ผมกลับมาแล้วว” แค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน

 

อย่างกระทันหัน ชายผิวขาวสูงที่มีหนวดเล็ก ๆ ที่กำลังคุยกับลิลี่อยู่ได้ลุกขึ้นยืนและทักทายเขาด้วยสีหน้าอบอุ่น “คุณคงเป็นจางลี่เฉิน สวัสดีครับ ผมไมรอน เจอร์นาส บรรณาธิการของวารสาร ‘วิทยาศาสตร์’ ”

 

“สวัสดีครับมิสเตอร์ไมรอน ผมจางลี่เฉิน…”

 

ชายหนุ่มทักทายกลับด้วยความสับสน จากนั้นแม่ของเขาก็ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “ลูกรัก วารสารวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งพิมพ์วิชาการอันดับต้น ๆ ของประเทศ ดร.ไมรอนมาที่นี่ก็เพื่อขอทำเอกสารบางอย่างกับลูก เขาบอกว่าด้วงที่ลูกพบที่อเมซอนเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่สำคัญมากที่อาจชดเชยการเชื่อมโยงที่หายไปในประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของแมลงได้ … ”

 

“ใช่ครับมิสเตอร์จาง ผมเห็นโพสต์งานวิจัยของคุณเกี่ยวกับด้วงนิ่มสองตัวบนเว็บไซต์ ‘เกาะทางชีวภาพ’ และยืนยันได้ว่าด้วงที่คุณพบนั้นเป็นสายพันธุ์ใหม่…”

 

“โอ้ ผมก็คิดไว้แล้วว่ามันน่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ อย่างไรก็ตาม มิสเตอร์ไมรอน สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่นั้นพบได้บนโลกและนอกเหนือจากการวิจัยของผมแล้วมันเหนือความคาดหมายมากที่วารสารวิชาการชั้นนำของประเทศจะมาขอบันทึกจากผมแบบนี้”

 

เมื่อได้ยินข้อสงสัยของจางลี่เฉิน ไมรอนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดัง ๆ ออกมา “โอ้ มิสเตอร์จาง ดูเหมือนว่าคุณจะมีความสงสัยอย่างมากซึ่งไม่ตรงกับภาพลักษณ์วัยหนุ่มสาวของคุณเลย คุณพูดถูกครับ! มีสายพันธุ์ทางชีวภาพหลายสิบล้านบนโลก ทุกวันมีสัตว์หลายร้อยชนิดกำลังจะสูญพันธุ์และในเวลาเดียวกันก็มีการค้นพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอีกหลายชนิด อย่างไรก็ตามในบรรดาสปีชีส์เหล่านี้จะมีสปีชีส์น้อยมากที่สามารถชดเชยความเชื่อมโยงที่ขาดหายไปในประวัติศาสตร์ของการวิวัฒนาการ ถ้าเราสามารถหาจุดเชื่อมโยงได้หนึ่งหรือสองสายพันธุ์ในทุก ๆ ปีมันจะเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ต่อทางชีววิทยา ชายหนุ่ม สำหรับการวิจัยของคุณแล้ว คุณเข้าใจนิยามของความคิดริเริ่มหรือไม่?”

 

“ริเริ่ม? เอ่อ มันควรจะหมายถึงสิ่งใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนใช่มั้ย?” จางลี่เฉินไตร่ตรองก่อนจะตอบกลับ

 

“ถูกต้อง อย่างไรก็ตามคำจำกัดความที่แท้จริงของความคิดริเริ่มคือการสร้างและประดิษฐ์ ‘ชิ้นส่วน’ ขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่งานผลิตซ้ำโดยการคัดลอก ปรับเปลี่ยน ถอดความ เลียนแบบ ขโมยผลงาน หรือการสร้างเป็นครั้งที่สอง คำจำกัดความที่สำคัญของความคิดริเริ่มไม่ได้อยู่ที่ ‘ระดับ’ แต่คือคำว่า ‘ใหม่’” ไมรอนพูดอย่างกระตือรือร้นต่ออีกว่า

 

“เลเวินฮุก ที่เกือบจะไม่ได้เรียนหนังสือแต่เนื่องจากเหตุผลที่เขาชอบโม่กระจกในเวลาว่างจากการขายเสื้อผ้าทำให้เขาได้สร้างกล้องจุลทรรศน์ตัวแรกขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์และค้นพบจุลินทรีย์ เป็นผลให้การศึกษาครั้งนี้เป็นการบุกเบิกยุคใหม่ของชีววิทยาและกลายเป็นบิดาของจุลชีววิทยาที่ทันสมัย โทมัสเอดิสันที่เพิ่งไปโรงเรียนได้สามเดือน แต่เขามีมันสมองที่ดีและแปลกประหลาดบวกกับความขยันหมั่นเพียรในการทำข้อสอบและมีฝีมือดังนั้น…”

 

“เอ่อ มิสเตอร์ไมรอน ผมเพิ่งจับแมลงสองชนิดนี้ได้ที่อเมซอนโดยบังเอิญและผมได้ทำการศึกษาต่อเนื่องอยู่หลายครั้งซึ่งก็อยู่แค่ในความสามารถของผม จะเอาผมไปเปรียบเทียบกับเลเวินฮุกและเอดิสันได้อย่างไร…”

 

“มันคือแนวคิดเดียวกันน่ะชายหนุ่ม ในความเป็นจริง ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า ‘โชคดี’ อย่างมาก หากโพสต์การวิจัยบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับแมลงอ่อนสองชนิดที่คุณพบถูกรวบรวมไปไว้ในรายงาน การมีส่วนร่วมทางชีววิทยาของคุณจะมีความสำคัญอย่างมากต่อผลการวิจัยของนักปริญญาเอกที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง นี่คือพลังแห่งการสร้างสรรค์”

 

“โอ้ อย่างนั้นเหรอ?” จางลี่เฉินไม่เคยได้ยินสิ่งที่ไมรอนพูดออกมา อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูแล้วเขาไม่สามารถปฏิเสธมันได้เลย

 

“ผมตั้งใจจะมาเชิญคุณให้เขียนบทความ แน่นอนว่าต้นฉบับจะมีการเจาะลึกและแก้ไขโดยนักชีววิทยาระดับสูงบางคน พวกเขาจะกลายเป็นผู้ร่วมเผยแพร่ผลงานของคุณที่จะปรากฏในนิตยสาร แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องเห็นด้วยตาของตัวเองในสิ่งที่คุณพบก่อน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด