ยานแม่ดาราทมิฬค่อยๆหัน ยานรบนับร้อยบินออกมาและก่อตัวเป็นขบวนรบรอบยานแม่ เผชิญหน้ากับกองยานพันธมิตรทหารรับจ้าง

กองยานพันธมิตรส่งข้อความ เรียกร้องให้ดาราทมิฬหยุดจับทหารรับจ้างทันที ไม่งั้นพวกเขาจะใช้กำลังจัดการปัญหา สามกองทัพใหญ่มีท่าทีแข็งกร้างมาก เนื่องจากพวกเขาไม่มีเขตแดนให้ปกป้องเหมือนอารยธรรม พวกเขาจึงไม่กลัวการล้างแค้น

หากแกตอแยกับเรา เราก็จะเอาคืน ไม่ว่าจะเป็นใคร

ซาโรตะหน้าเปลี่ยนสี เขาคิดว่าทหารรับจ้างต้องแบ่งแยกกันมาก และไม่คิดว่าการจับทหารรับจ้างกลุ่มเล็กๆจะดึงดูดทั้งกองยานทหารรับจ้าง

ซาโรตะยอมรับว่าเขาดูถูกทหารรับจ้างไป

กองยานพันธมิตรให้เวลาพวกเขาแค่สิบนาที ร้องขอให้ดาราทมิฬถอนกำลังเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพวกเขาจะเริ่มโจมตี

ความคิดผ่อนคลายของซาโรตะหายไป และใบหน้าเขาก็ดำมืด แน่นอน เขาไม่กลัวกองยานพันธมิตรเพราะยานแม่ดาราทมิฬคือสถานีอวกาศเคลื่อนที่และมีอุปกรณ์พร้อม แต่ทว่า หากเกิดความขัดแย้ง ความเสียหายย่อมเกินการคาดการณ์ของปฏิบัติการนี้

ดาราทมิฬไม่ได้ถูกลากด้วยเกียรติยศหรือชื่อเสียง ดังนั้นต่อให้พวกเขาถอยและถูกมองว่ากลัวทหารรับจ้าง มันก็ไม่ส่งผลต่อพวกเขาเลย สิง่ที่ซาโรตะกำลังพิจารณาคือคำถามอื่น มันคุ้มไหมที่จะสู้กับกองยานเพื่อลูกปัดข้อความ?หรือพวกเขาจะล้มเลิกโอกาสนี้และคอยโจมตีอีกในอนาคต?จะมีโอกาสดีแบบนี้อีกไหม?

หลังใคร่ครวญ ซาโรตะก็ได้ข้อสรุปว่าคงไม่มีโอกาสดีแบบนี้อีกแล้ว

การปล่อยให้ทหารรับจ้างเหล่านี้กลับองค์กรหมายความว่าช่วงการค้นหาจะขยาย หากทหารรับจ้างเหล่านี้แยกตัว มันคงลำบากมาก

และนี่ก็แค่ปัญหาเล็กๆ

การปล่อยให้คนเหล่านี้กลับไปองค์กรตนอาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้เหมือนลูกปัดที่ให้คนอื่นดูแลโดยไม่มีคนคุ้มกัน มันมีความเป็นไปได้มากมาย แต่ตอนนี้ ทหารรับจ้างทั้งหมดที่อาจเก็บลูกปัดได้อาจอยู่ที่นั่น

แน่นอน มันย่อมไม่มีโอกาสใดดีไปกว่านี้แล้ว

ครั้งนี้ ไชเวทประกาศอย่างจริงจังต่อกองยานพันธมิตรและยานแม่ดาราทมิฬ

“ในนามของกองทัพพิทักษ์ชายแดนศิลาเทวะ ผมขอเตือน หากคุณเริ่มการต่อสู้ที่นี่ เราจะถือว่าเป็นการข้ามเส้นเรา เราจะเห็นพวกคุณเป็นศัตรูและแทรกแซงความขัดแย้ง”

การประกาศถูกส่งออกไป และกองยานพันธมิตรก็เปิดฉากยิงใส่ยานแม่ดาราทมิฬทันทีโดยไม่พูดอะไร

แสงหลากสีระเบิดในอวกาศมืดมิด ขบวนยานรบดำเนินการใช้กลยุทธ์ทุกประเภท และเลเซอร์ก็ยิงใส่ไม่หยุด กองยานทหารรับจ้างและกองยานดาราทมิฬเปิดฉากการรบกัน

ใบหน้าของไชเวทดำมืด และเขาก็โกรธ พวกเขาไม่สนใจสิ่งที่เขากล่าวเลย!

“ผู้บัญชาการ เราควรทำยังไงดีครับ เราจะช่วยฝ่ายไหน?”

“ช่วยบ้านแกสิ เราจะดู!”ไชเวทกัดฟัน

ฝั่งหนึ่งชั่วร้าย และเป็นองค์กรก่อการร้ายสุดร้ายกาจ อีกฝั่งเป็นทหารรับจ้างไร้กฏ วุ่นวาย เป็นกลาง การช่วยฝ่ายไหนก็ทำให้เสียกำลังทหาร นอกจากนี้ เขายังไม่กล้าสั่งกองยานเขา หากพวกเขาลงมือ ใครจะรู้ว่าอีกาดำจะมีปฏิกิริยายังไง

พวกเขาอาจดูทหารรับจ้างและดาราทมิฬกัดกัน และคำเตือนก่อนหน้า…ช่างมัน

ด้านนอกสนามรบวุ่นวาย ศิลาเทวะและอีกาดำไม่แทรกแซง แต่ทว่า พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย กองยานพวกเขากระจายไปด้านข้างและสร้างแนวล้อมรอบสนามรบ ป้องกันไม่ให้มันขยายไปอีก

การอนุญาติให้พวกเขาสู้กันภายในเขตแดนตนเป็นสิ่งสำคัญสุด หากดาราทมิฬและทหารรับจ้างล้ำเส้นมา กองยานของสองอารยธรรมก็ยิงโดยไม่ลังเล

…

การต่อสู้เริ่มขึ้นทันใด!
ในแง่ของพลัง ยานแม่ดาราทมิฬย่อมแข็งแกร่งกว่ากองยานชั่วคราว กองยานพันธมิตรไม่ได้วางแผนสู้รบซึ่งๆหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงส่งยานขนาดเล็กออกไป อยากอ้อมสนามรบและบินไปดาวเพื่อรับตัวพวกหานเซี่ยว แต่ทว่า ซาโรตะเห็นและสั่งให้กองยานเข้าสกัดกั้น ดังนั้น พวกเขาจึงอยู่ในทางตัน

ทหารรับจ้างบนดาวคือกุญแจสำคัญในการตัดสินผลลัพธ์การต่อสู้ ไม่ว่าพวกเขาจะรอดหรือถูกจับ ทันทีที่มันเกิดขึ้น การต่อสู้จะจบลงทันที

ในสายตาซาโรตะ แผนทิ้งยานของหานเซี่ยวเหมือนการขุดหลุมฝังศพตัวเองและเป็นการดิ้นรนสูญเปล่า แต่ทว่า สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป และการถ่วงเวลาสูญเปล่าก็กลายเป็นกูญแจสำคัญ  การทิ้งยานช่วยซื้อเวลาให้พวกเขา และทุกวินาทีที่พวกเขาได้รับ ดาราทมิฬก็จะต้องเจอความเสียหายเพิ่ม

รายงานความเสียหายการต่อสู้มาทีละอย่าง และสายตาเย็นชาในดวงตาของซาโรตะก็ยิ่งลึกขึ้น

เดิมที มันเป็นภารกิจง่ายๆที่สามารถจบได้สบายๆ แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นเรื่องลำบาก ผลงานที่ยานวงแหวนนภาเริ่มได้เปลี่ยนทุกอย่าง หากไม่ใช่ว่านักบินผู้สามารถถ่วงเวลาได้นาน เขาคงถูกจับไปนานแล้ว พวกเขาไม่คิดว่าจะเจอกับกองยานพันธมิตร ซาโรตะรู้สึกเสียใจอย่างลึกซึ้ง

กองยานยิงใส่กัน และปฏิกิริยาพลังงานจากการโจมตีก็พุ่งสูง จากไกลออกไป  แสงของการระเบิดสว่างเหมือนดวงดาว

ยานอวกาศที่ผ่านมาสังเกตเห็นความผิดปกติแต่ไกล การต่อสู้ดึงดูดยานอวกาศมากมายเป็นผู้ชม ภาพเหตุการณ์ก็ถูกบันทึก

ในกาแล็กซี่ การเพิ่มระดับการสื่อสารยังทำให้ข่าวเป็นแบบทันที ระยะทางไม่ใช่ปัญหา ไม่นาน การต่อสู้ระหว่างดาราทมิฬและทหารรับจ้างก็กระจายไปทั่วกลุ่มดาว

หลังเฝ้าดูนานกว่าครึ่งวัน ไชเวทก็ได้รับคำขอสื่อสาร

บูส+

หน้าของชาวโกโดร่าเลือดบริสุทธิ์ปรกาฏบนจอและกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง”ฉันคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างชาติของอารยธรรมโกโดร่า  ฉันหวังว่าอารยธรรมศิลาเทวะจะสามารถแทรกแซงการต่อสู้ได้และโจมตีดาราทมิฬ”

ใบหน้าของไชเวทกลับเป็นปกติและกล่าว”นี่คือเรื่องท้องถิ่นของเรา คุณไม่มีสิทธิ์มาแทรกแซง”

“ดาราทมิฬเป็นขุมกำลังชั่วร้ายที่ทำให้คนบริสุทธิ์ตกตายไปมาก พวกมันเป็นศัตรูของอารยธรรม การเฝ้าดูพวกมันกระทำผิดถือเป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ!”ชาวโกโดร่ากล่าว

“ขอโทษด้วย ผมจะรับฟังคำสั่งของจอมพลเท่านั้น”ไชเวทแนวแน่”ผมจะแทรกแซงการต่อสู้หากท่านจอมพลสั่งผมโดยตรง หากคุณมีคำถาม คุณสามารถส่งคำร้องไปยังฝ่ายกระทรวงการต่างชาติได้”

จริงๆแล้ว ในฐานะผู้บัญชาการของขบวนรบสาม ไชเวทสามารถดูแลเรื่องนี้ได้ด้วยตนเอง แต่เขายังเลือกใช้ชื่อของจอมพล เห็นได้ชัดว่ามันเป็นข้อแก้ตัว

เขารู้ดีว่าโกโดร่าคิดอะไร ดาราทมิฬคือศัตรูของโกโดร่า และพวกเขาก็หาตัวยาก ดังนั้นโกโดร่าจึงอยากให้ศิลาเทวะช่วยพวกเขาสู้กับดาราทมิฬ แต่ทว่า ศิลาเทวะและโกโดร่าไม่ใช่พันธมิตรกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องช่วย มันเป็นประเด็นทางการเมืองที่ละเอียดอ่อน ในฐานะหนึ่งในผู้บัญชาการของกองทัพพิทักษ์ชายแดน ไชเวทต้องไม่ทำตามคำขอของอารยธรรมอื่น

ชาวโกโดร่าไม่มีทางเลือกนอกจากติดต่อกับเบื้องบนของศิลาเทวะ แต่ทว่า ราชวงศ์ที่ปกครองอารยธรรมกลับผลักความรับผิดชอบ พวกเขายืนยันว่าจะไม่ออกคำสั่งใด ต่อให้ชาวโกโดร่าแสดงท่าทางว่าหากพวกเขาปล่อยดาราทมิฬไป พวกเขาจะประณามศิลาเทวะสู่สาธารณะ แล้วเรียกขึ้นสภาฑูตวงแหวนดาวกระจาย ศิลาเทวะก็ยังเล่นลิ้น ตำแหน่งพวกเขาชัดเจนมาก พวกเขาไม่ต้องการตอแยดาราทมิฬ

อารยธรรมโกโดร่าก็แค่หนึ่งในขุมกำลังที่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ด้วยความที่ดาราทมิฬไม่ค่อยปรากฏตัว ยิ่งกองกำลังและองค์กรจับตามองมัน การเฝ้าดูศูนย์กลางของพายุจากที่ไกลย่อมดีกว่า

…

หวือ!

ในใต้ดินมืด ถุงมือกระแสไฟฟ้าเฉือนผ่านหน้าอกของนักรบดาราทมิฬเหมือนผ่าเต้าหู้ เอาชีวิตคนไปง่ายๆ

หานเซี่ยวดึงมือเขาออก และนักรบดาราทมิฬก็ล้มลง บนพื้นเป็นศพของทีมค้นหาดาราทมิฬ

“ไปเร็ว กำลังเสริมจะมาถึงในไม่ช้า”เฮอลัสลดเสียง

บอลรถจอดอยู่ข้างๆ หานเซี่ยวกระโดดกลับ ควบคุมมันกลิ้งออกไป เขาเปิดหน้าต่างสถานะ และข้อมูลภารกิจก็เปลี่ยนไป

[หลบหนี]คะแนนภารกิจ:C

การทนให้ได้สองวันจะให้คะแนนภารกิจD ทุกๆสิบสองชั่วโมงจะเพิ่มอีกขั้น พวกเขาอยู่มาแล้วสองวันครึ่ง ภารกิจจึงถือว่าสำเร็จแล้ว ในเวลานี้ ทหารรับจ้างกว่าครึ่งถูกจับไป และน้อยคนมากยังวิ่งอยู่ นี่หมายความว่ากองยานพันธมิตรทหารรับจ้างและดาราทมิฬได้ยิงกันมากว่าหนึ่งวันแล้ว

หากศิลาเทวะและอีกาดำแทรกแซง ดาราทมิฬก็จะถอย และทหารรับจ้างก็จะปลอดภัย แต่ทว่า ทั้งสองอารธยรรมกลับแค่ดู ไม่คิดช่วย ซึ่งทำให้เกิดทางตัน กองยานพันธมิตรไม่อาจรับตัวทหารรับจ้างได้

“การฝากความหวังเราไว้กับทหารรับจ้างเหล่านี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีจริงๆ…”หานเซี่ยวส่ายหัว โชคดี เขาได้ติดต่อกับเอเมสและส่งคำขอความช่วยเหลือไปแล้ว เรื่องของเรื่องคือ เธอเองก็ไม่น่าพึ่งพาเหมือนกัน เขาไม่รู้ว่าเธอจะว่างมาตอนไหน

หากผู้เล่นถูกจับ ภารกิจพวกเขาจะล้มเหลว บางคนหน้าด้านมากและอยากออฟไลน์ไปเพื่อหลบการถูกจับ แต่เมื่อพวกเขากลับมาออนไลน์อีกครั้ง พวกเขาก็ตระหนักว่าภารกิจนั้นล้มเหลวทันที

แต่ทว่า หากผู้เล่นถูกดาราทมิฬจับ มันจะทำให้เกิดปัญหาขึ้น หานเซี่ยวออกภารกิจใหม่ผ่านหน้าต่างสถานะ ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ถูกจับ พวกเขาจะได้รับรางวัลพิเศษ ด้วยวิธีนี้ ต่อให้พวกเขาออฟไลน์และทำภารกิจหลบหนีล้มเหลว พวกเขาก็ยังออฟไลน์ได้หากเกือบถูกจับและอย่างน้อยก็ได้รับรางวัลบ้าง

โชคดี ยังไม่มีผู้เล่นถูกจับ นี่ทำให้ทีมค้นหาของดาราทมิฬโกรธมาก ด้วยความที่เหยื่อหายไปอย่างไร้ร่องรอยตอนเกือบจับได้ ทีมค้นหาดาราทมิฬจึงสับสน

บูม!

เวลานั้นเอง อุโมงค์ด้านหน้าพลันถล่ม บอลรถหยุดชะงัก กลุ่มไล่ล่ากลุ่มใหม่เดินออกจากรูกำแพง และผู้นำก็คือเอ็มเบอร์

“ฉันเจอแกแล้ว ฉันจะไม่ประมาทเหมือนครั้งก่อน”

เอ็มเบอร์ไร้อารมณ์ เขาเพิ่มพลังเอสเปอร์จนถึงขีดสุด ดวงตาเขาจับจ้องหานเซี่ยวอยู่นาน และตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ตามทัน

หานเซี่ยวมีสีหน้าเปลี่ยนไป

“เขาอีกแล้ว นี่ท่าไม่ดีแล้ว…”

ตัวช่างกลหานเองไม่ได้กลัวเอ็มเบอร์ พวกเขาไม่อาจฆ่ากันได้หากสู้กัน แต่ทว่า พลังของเอ็มเบอร์สามารถทำลายเพื่อนเขาได้ง่ายๆ ถือว่าน่ากลัว เฮอลัสถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่หากเขาเผชิญหน้ากับเอ็มเบอร์ เขาจะกลายเป็นฝุ่นผง

พลังเอสเปอร์นั่นน่ากลัวเกินไป

“ชายคนนี้อันตรายมาก ถอย!”

หานเซี่ยวไม่คิดอยู่ เขาดึงคันบังคับ และบอลรถก็กระแทกผ่านกำแพงข้างๆ