Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1287

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1287 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ห้วงอวกาศสุดโกลาหล!

 

“ท่านอาวุโสกวนควานเทียน ท่านอาวุโสฟางเทียน หลังจากนี้ที่เย่หยวนไม่อยู่ ต้องรบกวนฝากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้กับพวกท่านแล้ว!”

เย่หยวนผสานมือคาราวะทั้งสอง

ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง เย่หยวนจำต้องจากลาบ้านเกิดพร้อมกับความรู้สึกมากมายที่ทิ้งทวนอยู่ภายในใจ

สถานที่แห่งนี้เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบ ความอาลัยที่ก่อตัวขึ้นในใจนี้ช่างยากนักที่จะลบเลือน

สำหรับบ้านหลังนี้ของเขา เย่หยวนย่อมเป็นห่วงอย่างยิ่งถึงความปลอดภัยในอนาคต

 

ฟางเทียนกล่าวตอบว่า

“จงไปเถอะ ตราบใดที่ยังมีข้ากับกวนควานเทียนอยู่ จะมีใครหน้าไหนกล้าทำอันตรายต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้? นอกจากนี้ก็ยังมีหลู่หลินเฟยอยู่อีกคน เมื่อไม่กี่วันก่อน มิทราบเช่นกันว่า หลู่หลินเฟยไปกินยาผิดขวดหรือไม่ จู่ๆเขาก็เดินทางมาหาเฉาหยุนจือ พร้อมขอดำรงตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสแห่งหออาญาสิทธิ์”

 

เย่หยวนประหลาดใจอย่างมากเมื่อได้ฟังเช่นนั้นและกล่าวว่า

“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า ตาแก่นั้นจะตัดสินใจเช่นนี้จริงๆ”

จอมราชันย์ต้าเยียนล้วนเคลื่อนไหวเป็นอิสระจากทุกฝักฝ่าย เขาไม่เคยเข้าร่วมหรือช่วยเหลือกลุ่มอำนาจใดมาก่อนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และแน่นอน เขาเป็นคนที่ไม่เคยสนใจสถานการณ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้สักนิดว่าจะดีหรือร้าย

 

เย่หยวนคาดไม่ถึงจริงๆว่า จู่ๆหลู่หลินเฟยจะเดินทางเข้ามาหาและขอเข้าร่วมหออาญาสิทธิ์ของเขาเองเช่นนี้

 

กวนควานเทียนยิ้มและกล่าวเสริมขึ้นว่า

“นี่ก็มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ? คุณบุญย่อมต้องทดแทน นี่คือความกตัญญูที่เจ้าช่วยชีวิตเขา!”

 

เย่หยวนรวนหัวเราะเล็กน้อยและมิกล่าวอันใดตอบ

มีเหล่าเซียนจำนวนมากขนาดนี้อยู่ประจำการ คาดการณ์ได้ว่าคงไม่มีมรสุมใดเกิดขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกสักพักใหญ่ๆ เมื่อทราบเช่นนี้ เย่หยวนก็สามารถจากไปได้อย่างสบายใจ

 

“ท่านอาวุโสหลงเถิง ขอบพระคุณยิ่งสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา!”

เย่หยวนคุกเข่าและก้มกราบต่อแทบเท้าหลงเถิง

หลงเถิงผู้นี้เปรียบเสมือนอาจารย์ของเย่หยวน เขาจะค่อยอยู่เบื้องหลังและสนับสนุนเย่หยวนอยู่เสมอมา

ก่อนหน้านี้ เพื่อถ่วงเวลาให้เยวี่ยเมิ่งลี่พาเย่หยวนหนีตายออกไป หลงเถิงไม่ลังเลที่จะสละชีพหวังสู้ตายกับข่านนั่ว แล้วนี่จะมิให้เย่หยวนรู้สึกซาบซึ้งได้อย่างไร?

 

“ไปเถอะ เจ้าไปได้แล้ว! หลังจากนี้จงดูแลตัวเองให้ดี!”

หลงเถิงกล่าวทั้งน้ำตาที่ไหลริน

 

เย่หยวนลุกขึ้นพร้อมพยักหน้าตอบอย่างเคร่งขรึม และตรงมาหาอิ้งหมัวหู่เป็นลำดับถัดไป

ทั้งสองโผเข้ากอดกันแน่นไม่คลายออก

ระหว่างสายสัมพันธ์พี่น้อง พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้วาจาสื่อสารกันจนเกินไป

 

“พี่ใหญ่ โปรดก้าวเดินต่อไปข้างหน้าก้วยความภาคภูมิ หลังจากนี้ข้าจะหมั่นฝึกฝนอย่างหนัก ยามใดที่ท่านสามารถนำพาศาสตร์แห่งสวรรค์กลับคืนมาได้ ข้าจะเร่งเดินทางไปหาท่านที่มหาพิภพถงเทียนโดยทันที!”

อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

 

เย่หยวคลี่หัวเราะเล็กน้อยและกล่าวว่า

“เจ้าน้องรัก! ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่มหาพิภพถงเทียน!”

 

ข้างๆอิ้งหมัวหู่ ลู่เอ๋อยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน้ำตาแอบชโลมทั่วทั้งใบหน้า

“นายน้อย ลู่เอ๋อ…ลู่เอ๋อไม่อยากให้ท่านไปเลย! ฮึก.. ฮึก…”

 

เย่หยวนดึงลู่เอ่อเข้ามาในอ้อมกอด พลางลูบไรผมอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า

“ลู่เอ๋อ เจ้าจะต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดีเช่นกัน เมื่อเจ้าสามารถก้าวขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ นายน้อยคนนี้จะพาเจ้าขึ้นสู่มหาพิภพถงเทียนด้วยกัน เจ้าว่าดีหรือไม่?”

 

ลู่เอ๋อผลักเย่หยวนจากอ้อมกอดเบาๆและกล่าวทั้งน้ำตาว่า

“นายน้อยต้องรักษาคำพูด!”

 

เย่หยวนคลี่ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า

“แล้วนายน้อยคนนี้เคยโกหกเจ้าหรืออย่างไร?”

 

ลู่เอ๋อปาดน้ำตาเล็กน้อย นางกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า

“ลู่เอ๋อทราบดี นายน้อยเก่งที่สุด! โปรดมั่นใจได้เลย ลู่เอ๋อจะตั้งใจบ่มเพาะฝึกฝนเพื่อสักวันจะได้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าไปหานายน้อย!”

 

ในส่วนของเยวี่ยเมิ่งลี่ สีหน้าของนางยังคงนิ่งสงบคล้ายกับไม่แยแสใดๆ

เย่หยวนที่เห็นแบบนั้นพลันถอนหายใจเล็กน้อย พร้อมกล่าวขึ้นว่า

“ลี่เอ๋อ เจ้าเองก็เหมือนกัน”

 

พอได้ยินดังนั้น สีหน้าการแสดงออกของเยวี่ยเมิ่งลี่ตกลงทันที แต่นางเพียงแค่พยักหน้าตอบและเบี่ยงสายตาไปทางอื่น

เย่หยวนตระหนักทราบดี ภายในใจของนางเต็มไปด้วยพูดหลากอารมณ์มากมาย ทว่าทั้งหมดล้วนถูกกักเก็บอยู่ภายในใจ

หากกล่าวตามสัตย์จริง ในบรรดาคนรอบข้างของเย่หยวนทั้งหมด คนที่ทนไม่ได้กับการจากไปของเย่หยวนที่สุดก็คือ เยวี่ยเมิ่งลี่

ซึ่งเยวี่ยเมิ่งลี่ก็ทราบดี หากนางแสดงอาการออกไป เย่หยวนคงลำบากใจที่จะจากไปไม่น้อย

ดังนั้นนางจึงพยายามข่มกลั้นความรู้สึกเอาไว้

 

เย่หยวนอ้าปากขึ้นคล้ายต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็มิได้กล่าวอะไรออกมา

ในเวลานี้ ทุกคำพูดกลับดูอ่อนแอไปหมด

หลังจากนี้ต่อไป เขาจะอยู่หรือตายกลับยากที่จะคาดเดา

นั้นคือมหาพิภพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาทุกคนเองก็มิอาจคลายใจลงได้เช่นกัน

 

นี่คล้ายกับตอนที่เย่หยวนกำลังจะเดินทางเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้าในตอนนั้น เขาไม่สามารถเอ่ยปากรับประกันอันใดได้เลย

 

“ข้าขอลา!”

เย่หยวนข่มใจแข็ง หมุนตัวกลับไปทันทีพร้อมทะยานขึ้นไปยังประตูผนึกดินแดนโดยตรง

 

ลี่เอ๋อในยามนี้มิอาจข่มกลั้นน้ำตาได้ไหวอีกต่อไป นางแหงนศีรษะขึ้นมองแผ่นหลังของเย่หยวนและตะโกนลั่นสุดเสียงไปว่า

“พี่ใหญ่หยวน! สักวันลี่เอ๋อจะไปหาท่านให้ได้! ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟเพียงใด ข้าจะต้องได้พบหน้าท่านอีก! โปรดดูแลตัวเองให้ดี!”

 

ร่างของเย่หยวนหยุดชะงักฉับพลัน แต่เขาไม่ยอมเหลียวหลังกลับมามองสักนิด ก่อนทะยานหายไปในประตูผนึกดินแดนในท้ายที่สุด

เขากลัวว่า หากเหลียวหลังกลับไปมอง เขาจะไม่สามารถตัดใจจากไปได้

 

ทันทีที่เงาร่างเย่หยวนอันตรธานหายไปจากสายตาของนาง ดั่งแขนขาเยวี่ยเมิ่งลี่ไร้สิ้นเรี่ยวแรง พร้อมทรุดฮวบลงกันพื้นในทันใดอย่างน่าใจหาย

ลู่เอ๋อตื่นตกใจยิ่งเมื่อเห็นแบบนั้น พร้อมรีบเข้าประคองร่างนางและกล่าวทั้งน้ำตาว่า

“พี่ลี่เอ๋อเป็นอะไรหรือไม่! นายน้อย…นายน้อยต้องปลอดภัยแน่นอน!”

 

ยามนี้เยวี่ยเมิ่งลี่ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดเสมือนเขื่อนน้ำตาที่อดกลั่นเอาไว้แตกออก ใบหน้าอันแสนงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่เปียกชุ้มไปด้วยธารน้ำตา

 

“ข้ารู้…ข้ารู้! เขาจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน!”

เยวี่ยเมิ่งลี่สะลักน้ำตาเล็กน้อย

 

จากนั้นสองสาวก็กอดกันร้องไห้อย่างสุดแสนอาลัยอาวรณ์ เมื่อทุกคนที่อยู่โดยรอบเห็นภาพฉากนี้ แต่ละคนก็เริ่มกลั่นน้ำตากันไว้ไม่อยู่ หยาดน้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาโดยมิตั้งใจ

สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงสวดภาวนาขอให้เย่หยวนปลอดภัยจากห้วงอวกาศอันโกลาหลนั้น

 

 

……………………..

 

 

เบื้องหน้าเย่หยวนปรากฏเป็นห้วงมิติสีเทาขุ่น ไร้เส้นทางการเดินใดๆ

มีเพียงมวลพลังงานไร้เสถียรที่พักผ่านระลอกแล้วระลอกเล่าจนเกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรง

ทั้งแรงเสียดทานและความผันผวนที่เกิดขึ้นได้ก่อให้เกิดแรงฉีกกระชากรุนแรงอย่างหาพรรณนาไม่ ประหนึ่งว่านี่คือคลื่นทะเลเดือดแห่งห้วงอวกาศ

แน่นอนว่าพลังงานเหล่านี้มีทั้งแกร่งกร้าวและอ่อนแอผสนเจือปนกันไป

พลังงานที่ไร้ความสมดุล ต่อให้เป็นเซียนอาณาจักรราชันย์พระเจ้า ก็ไม่สามารถรับประกันได้เช่นกันว่าจะรอดออกไป

ผู้อ่อนแอจากเก้าในสิบล้วนต้องพบจุดจบและตายลง มีเพียงผู้แข็งแกร่งแค่หนึ่งเดียวที่สามารถฝ่าฟันออกไปได้

ณ ตอนนี้เย่หยวนเพิ่งก้าวผ่านประตูผนึกดินแดนไป กระแสความปั่นป่วนในห้วงอวกาศจึงยังมิได้รุนแรงเท่าไหร่นัก

ยิ่งฝ่าเข้าไปลึกเพียงใด กระแสพายุไร้เสถียรเหล่านั้นจะยิ่งทวีความดีเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ!

และจะเป็นเช่นนี้ตลอดทาง หากฝ่าไม่ถึงทางออกเสียก่อน ก็ต้องตายลงอย่างน่าเวทนาภายในนี้

 

หากต้องการเดินทางผ่านห้วงอวกาศอย่างปลอดภัย อย่างน้อยที่สุดบุคคลนั้นจะต้องเป็นยอดเซียนอาณาจักรเทพถ่องแท้!

ดังนั้นจึงสาเหตุที่คุนหวูมักกล่าวย้ำกลับเย่หยวนอยู่เสมือนว่า การที่จะเดินทางเข้าไปในห้วงอวกาศนั้นเท่ากับรนหาที่ตาย!

ที่เหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนกล้าเดินทางออกไป ก็เพราะพวกเขาอาศัยจำนวนเข้าสู้คล้ายเป็นหลักประกันชีวิต ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่อย่างน้อยวิธีนี้ก็ช่วยเพิ่มแสงแห่งความหวังแก่พวกเขาได้บ้าง

ตามที่คุนหวูบอกไป ถึงแม้พวกเขาเหล่านั้นจะสามารถฝ่าออกไปได้ แต่ถ้าหากรอดเกินห้าคนนั้นนับว่าปาฏิหาริย์แล้ว

แน่นอนว่าเขามองในแง่ดีสุดๆแล้ว

ท้ายที่สุดนี้ ความเป็นไปได้สูงสุดที่เกิดขึ้นกับพวกเขาคือ…ไม่มีใครรอดออกมาได้แม้แต่คนเดียว!

 

ดังนั้น เย่หยวนที่เพิ่งขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้หมาดๆ แต่กลับหาญกล้ากล่าวว่า ตนต้องการจะฝ่าห้วงอวกาศออกไป นี่ทำให้เขาไม่ต่างอะไรจากคนโง่เลย!

กระแสพายุอันไร้เสถียรในห้วงอวกาศยังมิใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด แต่เป็นเศษซากดินแดนในอวกาศ!

 

เมื่อดินแดนหนึ่งเกิดการล้มสลายตามวัฎจักร มันจะเข้าชนกับดินแดนอื่นๆจนแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และด้วยแรงส่งจากกระแสพายุไร้เสถียรกลางห้วงอวกาศนี้ จะยิ่งทำให้เศษซากเหล่านี้อันตรายมากขึ้นยิ่ง แม้กระทั่งเซียนอาณาจักรนภาสวรรค์ ยังอาจถึงแก่ชีวิตทันทีหากพลาดท่าชนเข้ากับเศษซากดินแดนอวกาศ!

 

เย่หยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆและควบแน่นเขตแดนจักรพรรดิแห่งดาบให้แคบลงเหลือแค่รัศมีสิบฉื่อ ในขณะเดียวกัน เขาก็เร่งโคจรเคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำถึงขีดสุด เข้าปกคลุมร่างกายอีกชั้นหนึ่ง!

หลังจากทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า พลังการป้องกันของเย่หยวนก็ทรงพลังแกร่งกล้าจนเกินขอบเขตความเข้าใจไปโดยสิ้นแล้ว

เขตแดนจักรพรรดิแห่งดาบที่ผนวกรวมกับเคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำ ภายใต้ขุมพลังแห่งอาณาจักรพระเจ้า ความทรงพลังของมันไม่สามารถกล่าวบรรยายได้ในหนึ่งลมหายใจ

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ แม้แต่เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า,จั่วซ่งก็ไม่สามารถทำอะไรกวนควานเทียนได้ และนี่เป็นแค่เคล็ดสมับิตศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า ปราการป้องกันเหล็กกล้าที่ห่อหุ้มเย่หยวนเอาไว้มันทรงประสิทธิภาพเหนือจินตนาการเพียงใด

 

ก้าวย่างเข้าสู่ห้วงอวกาศประดุจทะเลเดือดแสนโกลาหล กระแสพายุอันสุดแสนจะรุนแรงนับไม่ถ้วนเข้าโจมตีหวังฉีกกระชากร่างเย่หยวนจากทั่วสารทิศ

ร่างของเย่หยวนถูกจมลงในกระแสคลื่นพายุทันที

เฉพาะยามนี้เท่านั้น ในที่สุดเย่หยวนก็ตระหนักได้แล้วว่า เหตุใดคุนหวูถึงกล่าวย้ำแล้วย้ำอีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด